|
เล่าเรื่องเทวดา
บ่อยครั้งที่ผมแวะเวียนไปอ่านตามเว็บบอร์ดธรรมะ ไปเจอคำถามถึงเรื่องวิธีการทำบุญเพื่อไปสวรรค์ พบว่ามีคนหลายประเภทที่เข้ามาตอบ ตอบตรงบ้างไม่ตรงบ้าง คำว่าตรงนี่หมายถึงตรงตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎกนะครับ เพราะผมไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องเหนือโลกก็จำเป็นต้องอ้างอิงพระไตรปิฎกและอรรถกถาพระไตรปิฎกเป็นธรรมดา ความเห็นไหนไม่ถูกไม่ตรงก็ช่วยตอบให้ถูกให้ตรง ความเห็นไหนตรงแล้วแต่ยังไม่ครบก็ช่วยเสริมให้ครบ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไป
แต่มีคนประเภทหนึ่งเข้ามาแสดงความเห็นทำนองว่าสวรรค์ไม่มี นรกไม่มี คนเราตายแล้วสูญ ไปเชื่ออะไรลมๆ แล้งๆ แบบนั้น บางคนก็ว่าสวรรค์ก็อยู่ในอกนรกก็อยู่ในใจเรานี่แหละ เจอทำนองนี้ผมก็ถอยห่างครับ บุคคลประเภทนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิประเภทหนึ่งที่หากถึงขั้นดิ่งลึกนี่ห้ามนรกห้ามสวรรค์กันเลยทีเดียว คือขึ้นสวรรค์ก็ไม่ได้ ลงนรกก็ไม่ได้ ต้องไปเป็นเปรตห้อยโหนอยู่นอกขอบเขาจักรวาล ซึ่งที่นั่นอนุโลมจัดเป็นนรกประเภทหนึ่ง เป็นนรกขุมพิเศษ เรียกว่า โลกันตนรก ผมถอยห่างเพราะยังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะโน้มน้าวใจคนเหล่านี้ ปัญญาของผมยังไม่ได้เศษเสี้ยวของพระกุมารกัสสปะเถระที่ถอนทิฏฐิทำนองนี้ของพระเจ้าปายาสิจนสิ้น
กับคนอีกประเภทหนึ่งไม่ช่วยตอบ แต่เข้ามาถามทำนองเย้ยหยันดูแคลนว่า สนใจแค่ไปสวรรค์เท่านั้นเองหรือ ทำไมมักน้อยจัง มัวแต่หลงสวรรค์ทำให้เสียเวลาได้มรรคผลนิพพาน ทำไมไม่เร่งการปฏิบัติเพื่อให้ถึงนิพพาน ผมพบความเห็นประเภทนี้เข้าก็ถอยหลังเหมือนกัน เพราะนี่เป็นความเห็นแบบที่เรียกว่าสุดโต่งไปข้างหนึ่ง ทำให้การแสดงความคิดเห็นกลายเป็นยกตนข่มท่าน ตอบในเชิงดูถูกคนอื่น ปกติแม้ผมจะชอบให้ข้อมูลธรรมะเป็นธรรมทานเท่าที่ตัวเองพอมีอยู่บ้างแก่คำถามทั่วๆ และคนทั่วๆ ไป แต่คนประเภทนี้ผมจะไม่สนทนาวิสาสะด้วย ด้วยคิดว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า ท่านอาจเก่งจริง แน่จริง หรืออาจจะเป็นเพียงโมฆบุรุษก็เป็นได้ ผมได้ฟังเทศนาตอนหนึ่งของ หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก แห่งวัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น ท่านเทศน์ถึงเรื่องนี้ได้ถูกออกถูกใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านตอกหน้าว่า ปู้โธ่.. ถ้านิพพานมันไปได้ง่ายๆ น่ะ ป่านนี้ไอ้คนพูดก็คงไปนิพพานแล้ว คงไม่เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้หรอก ก็เพราะนิพพานมันไม่ใช่จะไปกันง่ายๆ ในเมื่อมันไปไม่ง่าย พวกเราก็ควรที่จะตั้งจิตตั้งใจไว้ว่าตราบใดที่ยังไปไม่ถึงนิพพาน พวกเราก็ขอไปสวรรค์กันก่อน ขอไปพักในที่อันสบายเสียก่อน แล้วค่อยมาสะสมบุญเพื่อไปนิพพานกันต่อไป ผมมีความเห็นสอดคล้องกับหลวงปู่บุญเพ็งเป็นที่สุด และผมสนับสนุนทุกคนให้ตั้งใจไปสวรรค์กัน ผมมักเปรียบเทียบว่าเหมือนคนเราเกิดมาตัวเปล่า ไม่มีทรัพย์สินอะไร เมื่อเริ่มทำงานยังต้องเช่าบ้านเขาอยู่ ก็พยายามเก็บหอมรอมริบเพื่อจะซื้อคอนโดสักห้องหนึ่ง หรือบ้านหลังเล็กๆ สักหลังหนึ่ง แต่ไอ้เพื่อนคนหนึ่งกลับดูถูก บอกว่า โถ.. ทำไมมักน้อยจัง ต้องอย่างเขาสิ เขาน่ะจะซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่เนื้อที่สัก ๑๐ ไร่ เลยทีเดียว ทำไมเพื่อนไม่ตั้งใจอย่างเขาบ้างล่ะ เจ้าเพื่อนนั่นโอ่อวดความหวังของตัวเอง ทั้งที่ยังเช่าบ้านอยู่เหมือนกัน ยังเป็นพนักงานลูกจ้างเขาอยู่เหมือนกัน พิจารณาดูให้ดีสิครับว่าตกลง ใครโง่ ใครฉลาด แต่ผมว่าคนแรกน่ะเขาประมาณตนถูกแล้ว อีกไม่นานเขาก็คงสำเร็จความปรารถนามีบ้านที่อบอุ่นเป็นของตัวเองแน่ และในอนาคตก็คงสามารถขยับขยายบ้านช่องให้ใหญ่โตขึ้นเป็นลำดับไป ส่วนคนที่สองนั้นไม่รู้จักประมาณตน หากไม่ฟลุ้คจริงๆ ผมว่าเขาก็คงอยู่บ้านเช่าไปตลอดชีวิตนั่นแหละ บ้านที่ผมเปรียบเทียบถึงนั่นก็เหมือนสวรรค์ ส่วนคฤหาสน์นั่นก็เหมือนนิพพานแหละครับ
นี่เป็นเหตุผลแรกที่ผมจะนำเรื่องสวรรค์มาเล่าสู่กันฟัง
เมื่อไม่นานมานี้ หลานชายผมซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.๑ โรงเรียนดังระดับต้นในกรุงเทพมหานคร เล่าว่าอาจารย์วิชาภาษาไทยของเขาบอกว่า นักเรียนคงรู้กันนะว่าสวรรค์มี ๗ ชั้น เด็กนักเรียนในห้องไม่มีใครรู้เลยว่าอาจารย์สอนผิด มีหลานชายผมคนเดียวที่เถียงว่าไม่ใช่ สวรรค์มีแค่ ๖ ชั้น อาจารย์บอกว่าไม่ใช่ เธอรู้มาผิดแล้ว สวรรค์จริงๆ ต้องมี ๗ ชั้น สุดท้ายอาจารย์ก็โมโห ส่วนหลานชายก็มึน แต่ผมว่าอาจารย์คงจะมึนมากกว่านี้ถ้ารู้ว่าหลานชายบวชเณรช่วงปิดเทอมมาแล้ว ๓ รอบ เรื่องพวกนี้ที่วัดเขามีสอน ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์อาจจะอายไปเลยถ้ารู้ว่าลูกศิษย์คนที่อาจารย์โมโหโกรธานั้นเขาสามารถเห็นสวรรค์ได้ด้วยตัวของเขาเองโดยไม่ต้องพึ่งตำรา ผมนึกขำว่าสงสัยอาจารย์คนนี้คงจะได้ดูและเกิดติดอกติดใจหนังของ ทรนง ศรีเชื่อ เมื่อหลายสิบปีก่อนมั้ง ชื่อเรื่อง สวรรค์ชั้นเจ็ด ก็เลยจำเอาว่าสวรรค์มี ๗ ชั้น อย่างนี้อาจารย์ก็คงเชื่อว่ากอล์ฟมี ๑๙ หลุมเหมือนกันสิครับ ประเด็นนี้ผมพาลนึกเลยไปไกลว่า จริงๆ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว ทำไมยังมีคนอีกจำนวนมากนะที่ไม่รู้ บางคนถึงกับพาลไปว่านี่ไม่ใช่ศาสนาพุทธเสียอีก เมื่อไม่รู้จักสวรรค์ ก็คงไม่เชื่อว่าสวรรค์มีจริง บาปบุญมีจริง แล้วก็คงไม่สนใจทำบุญ ไม่เกรงกลัวบาป น่าเป็นห่วงเหลือเกินว่าเมื่อมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เขายังเอาตัวรอดได้จากบุญเก่า แต่พ้นจากโลกนี้ไปแล้วจะไปไหนต่อ โอ... รู้กันไหมหนอว่าทุกข์ภัยในสังสารวัฏฏ์นี่น่ากลัวที่สุด
นี่เป็นเหตุผลที่สองที่ผมจะนำเรื่องสวรรค์มาเล่าสู่กันฟัง
หลายปีก่อนขณะที่ผมกำลังจะสร้างพระประธานถวายวัดที่ จ.หนองบัวลำภู (ลองดูเมนูข้างๆ นี่แหละครับ ผมเล่าเอาไว้แล้ว) ขณะที่รับประทานอาหารกลางวันกับน้องๆ ในโรงอาหาร น้องสาวคนหนึ่งควักแบ้งค์ ๕๐๐ ขึ้นมาจบแล้วส่งมาให้ผมขอร่วมทำบุญสร้างพระด้วย ผมถามน้องสาวคนนั้นว่า จบเมื่อกี้อธิษฐานอะไร น้องสาวตอบว่า อธิษฐานขอให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ ผมถามว่าสวรรค์ชั้นไหนล่ะ น้องสาวนั่งตาโตถามว่าต้องเลือกด้วยเหรอ ผมก็ว่าใช่สิ เวลาไปซื้อบ้านน่ะตั้งใจเลือกหรือเปล่าว่าจะเอาบ้านแบบไหน โซนไหน ถ้าไม่ตั้งใจไว้ก่อนจะซื้อบ้านถูกหรือ สวรรค์ก็เหมือนกัน ใครอยากไปสวรรค์ก็ควรต้องรู้เรื่องสวรรค์ รู้ว่าทำบุญอย่างไรจึงจะไปสวรรค์ได้ และรู้ว่าความเป็นอยู่บนสวรรค์นั้นเป็นอย่างไร จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน ผมบอกว่าทำงานให้บริษัท ทุกปีเราต้องทำ Action Plan ว่าปีนี้มีเป้าหมายอะไร และมีแผนดำเนินการอย่างไร ส่วนการจะไปสวรรค์นี่เป็นเป้าหมายของเราเอง ทำไมไม่มีแผนงานรองรับด้วยล่ะ เขาฟังแล้วยิ่งงงหนักหนักเข้าไปอีกถามว่าสวรรค์มีกี่ชั้น
นี่เป็นเหตุผลที่สามที่ผมจะนำเรื่องสวรรค์มาเล่าสู่กันฟัง
ผมมักจะไปทำบุญที่วัดบ่อยๆ วัดที่ไปเป็นประจำ คือ วัดป่ามณีกาญจน์ ช่วงหนึ่งสมัยที่วัดยังไม่เจริญมากเหมือนทุกวันนี้ผมเคยช่วยทำงานให้วัดจนแทบจะกินนอนอยู่ที่วัดเลยทีเดียว อยู่วัดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสี่ทุ่มเกือบทุกวัน ผมพยายามชักชวนเพื่อนๆ เข้าวัดทำบุญกันบ้าง ปรากฏว่ามีคนฝากเงินทำบุญตามโอกาสตามวาระเยอะพอสมควร แต่หาคนตามผมไปวัดได้น้อยมาก ชวนไปถวายจังหันตอนเช้าก็ไม่ไป ชวนไปทำวัตรเย็นก็ไม่ไป ชวนไปร่วมงานบุญตามโอกาสก็ไม่ไป ชวนไปฟังธรรมพระเถระที่มาจากภาคอีสานก็ไม่ไป ทั้งๆ ที่บางคนอยู่ใกล้วัดมากกว่าผมเสียอีก แต่เขาก็ไม่ไป ชักชวนมา ๓-๔ ปีก็ยังไม่ไป จึงต้องเปลี่ยนวิธีว่าในเมื่อพวกเขาไม่เข้าวัดก็ไม่เป็นไร ผมจะเอาวัดออกมาเสิร์ฟให้ก็แล้วกัน แล้วผมก็เริ่มต้นเล่าเรื่องในวัดให้ฟัง เล่าว่าในวัดเขาทำอะไรกันบ้าง การไปทำบุญที่วัดทำอย่างไรจึงจะถูกจึงจะควร การเรียกครูบาอาจารย์เขาเรียกกันอย่างไร เขาสวดมนต์ทำวัตรกันอย่างไร เขาไปภาวนากันอย่างไร แต่ก็ยังไม่ค่อยมีใครสนใจกันเท่าไหร่ จึงต้องหาวิธีใหม่ คราวนี้ใช้วิธีคว้าเรื่องราวสนุกๆ จากพระไตรปิฎกมาเล่าสู่กันฟัง สอดแทรกธรรมะเข้าไปด้วย กลายเป็นว่าถ้าเล่าแบบนี้มีคนสนใจ ซึ่งในเรื่องที่เล่าเหล่านั้นก็มีเรื่องเกี่ยวกับนรกสวรรค์รวมอยู่ด้วย ผมคิดว่าคนอื่นๆ นอกเหนือจากเพื่อนๆ เหล่านั้นของผมก็คงชอบฟังเรื่องแบบนี้เหมือนกัน
นี่เป็นเหตุผลที่สี่ที่ผมจะนำเรื่องสวรรค์มาเล่าสู่กันฟัง
ก่อนจะเริ่มเล่ากันต่อไปก็ขอบอกเป็นพื้นฐานก่อนว่า นรก เปรต อสุรกาย สวรรค์ และพรหมโลก เรื่องเหล่านี้มีในพระไตรปิฎกนะครับ พระพุทธเจ้าตรัสถึงเรื่องราวเหล่านี้ไว้มาก และทรงสอนวิธีปฏิบัติเพื่อให้ไปถึงสวรรค์ไว้ด้วย (อ่านได้จากหัวข้อหนทางสู่สวรรค์ครับ) สำหรับสาวกบางคนที่มีปัญญาแก่กล้า เป็นพวกบัวพ้นน้ำ พระพุทธองค์ก็มักจะทรงแสดงธรรมตรงไปที่ไตรลักษณ์กันเลยทีเดียว ว่ากันตรงนั้นสอนกันตรงนั้นว่าธรรมทั้งปวงเป็นไตรลักษณะ คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตนอะไรของเรา เมื่อรู้เท่าทันไตรลักษณ์แล้วก็จะมีญาณทัศนะสว่างไสว เรียกว่า มีดวงตาเห็นธรรม สำเร็จเป็นพระโสดาบันเป็นขั้นต่ำ แต่สำหรับสัตว์หมู่อื่น (รวมทั้งพวกเราด้วย) พระพุทธองค์มักจะทรงแสดงเรื่องของทาน เรื่องของศีล เรื่องของสวรรค์ เรื่องโทษของกาม และปิดท้ายด้วยเรื่องอานิสงส์ของการออกบวช รวมเรียกว่า อนุปุพพิกถา โดยเรื่องของสวรรค์ในอนุปุพพิกถานั้นมีชื่อเรียกเฉพาะว่า สัคคกถา นอกจากพระพุทธองค์จะทรงตรัสถึงสวรรค์แล้ว พระเถระหลายองค์ที่มีฤทธิ์มาก เช่น พระโมคคัลลานะ หรือพระอนุรุทธ ท่านก็ได้ไปแดนสวรรค์บ่อยๆ เมื่อพบเทวดาก็สอบถามว่าทำบุญอะไรไว้จึงได้มาเกิดเป็นเทวดามีสมบัติเช่นนี้ เมื่อฟังแล้วท่านก็นำกลับมาเล่าให้พุทธบริษัทฟัง เรื่องสวรรค์เรื่องเทวดาจึงเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง แม้บางคนจะยังเฉไฉไปอีกว่าบางส่วนในพระไตรปิฎกถูกสอดแทรกจากศาสนาอื่น พระไตรปิฎกเชื่อถือได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ก็ปล่อยเขาไปครับ คงเกินกำลังที่ผมจะโน้มน้าวความเชื่อของเขาได้ เรื่องสวรรค์ที่ผมจะเล่าจะนำมาจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาพระไตรปิฎกเท่านั้น แต่ไปอ่านพระไตรปิฎกตรงๆ อาจไม่เจอ เพราะบางเรื่องต้องอ่านจากหลายสูตรหลายส่วนแล้วนำเรื่องมาต่อกัน จะเล่าทำนองไปแอบดูชีวิตท่านมาครับ จะได้อ่านกันง่ายๆ ไม่เคร่งเครียดเหมือนอ่านพระไตรปิฎก
ผมจะทะยอยนำเรื่องของเทวดาบนสวรรค์มาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อๆ ไปครับ
Create Date : 14 ตุลาคม 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 14 ตุลาคม 2552 18:22:20 น. |
Counter : 1213 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: itoursab 16 พฤศจิกายน 2552 13:53:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: TripleXNeo IP: 58.9.183.150 17 ธันวาคม 2552 18:57:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสนน้อยเรือนพัง IP: 124.120.232.220 13 มกราคม 2553 5:04:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: พชรธาดา IP: 182.53.153.252 10 มกราคม 2554 0:04:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณะ IP: 203.185.131.218 29 สิงหาคม 2556 16:56:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปรียานุช IP: 113.53.46.134 11 มิถุนายน 2561 4:29:57 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
บางครั้ง เธอเข้าใจไหม ว่าทำไม จิตใจต้องเพ้อฝัน ฝันมีสุขร่วมกัน ฝันมีส่วนผูกพัน สิ่งเหล่านั้น ฉันเองเข้าใจ ความหมาย คงคลี่คลายโดยง่ายดาย หากได้ระบาย ออกมาให้เธอฟัง ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ก็เพราะเธอนั้นพิเศษ เกินกว่าฉัน จะควบคุมใจ ยามใดเธอมีทุกข์ อยากหยุดโลกกลับไปช่วยเธอ ใจมันคอยเสนอ ไม่เคยคิดห่วงใคร ต่อให้ไกลจะไกลแค่ไหน ก็จะไปยกหัวใจให้ เพียงแต่ตอบรับ หากเธอยอมรับ กับฉัน ว่าเธอนั้น มันก็เป็นเหมือนกัน ส่วนฉันยืนยัน ประกันได้เลยเธอ ไม่ใช่เรื่องหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแค่สามคำ ฉันรักเธอ...
[เพลงจาก http://www.fileden.com]
[ stat since Sep24, 2009 ]
|
|
|
|
|
|
|