ช่วงนี้เด็กๆที่บ้านเข้าช่วงปิดเทอมแล้ว น้ำพั้นซ์กับใบโพธิ์เพิ่งจะสอบวันนี้ 13 มีค. 60 เป็นวันแรก ส่วนพี่ภีมสอบเรียบร้อย นอนเล่นอ่านหนังสืออยู่บ้านแล้วค่ะ ผ่านไปในแต่ละชั่วโมงนอกจากอ่านหนังสือก็มีช่วยแม่ทำเค้กบ้าง ทำขนมบ้าง แต่ถ้าว่างๆก็ดูหนังสือ ดูการ์ตูนไป ยังไปไหนไม่ได้เพราะน้องยังสอบไม่เสร็จ
สัปดาห์ก่อน แม่เห็นพี่ภีมว่างเลยคิดหากิจกรรมให้ทำ แต่อยากได้กิจกรรมที่ไม่หนักอะไรมากนัก จะมานั่งทำข้อสอบที่โหลดมาไว้ก็ไม่ไหวนะ เรียนเป็นหลักแต่พักบ้างก็ได้ แม่สังเกตว่าพี่ภีมชอบวนเวียนกับสวนต้นไม้ของคุณยายบ่อยๆ แถมบ่อยครั้งยังแอบมือบอนไปเด็ดต้นไม้ของคุณยายด้วย โดนดุเรื่องนี้บ่อย งั้นหาต้นไม้ให้พี่ภีมปลูกดีกว่า ถ้าอยากจะเด็ดก็จะได้ไปเด็ดต้นไม้ของตัวเอง
ช่วงนี้แม่อยู่ในระหว่างการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ดูแลตัวเองบ้าง (ย้ำว่าบ้างนะ ไม่ได้ทำตลอดเคร่งครัดอะไร) ทานอาหารคลีนซะส่วนใหญ่ พี่ชายจะปลูกผักให้ทานเอง จากตรงนี้นี่ล่ะเลยเป็นจุดที่เริ่มต้นของกิจกรรมนี้ ไหนๆก็ไหนๆปลูกอะไรที่ได้ประโยชน์ดีกว่าเนอะ
"ต้นอ่อนทานตะวัน" แม่เห็นเค้าฮิตกัน ในตู้ขายผักออแกนนิกส์ของห้างใกล้บ้านเราก็มีเยอะเลย แถมใรตู้ที่บ้านเรายังมีเมล็ดทานตะวันสำหรับเพาะเจ้าต้นอ่อนนี่อยู่ด้วย แม่จำได้ว่าลุงชายซื้อมาจากร้านที่เค้าแบ่งขาย ถุงนึงไม่กี่สิบบาท ซื้อมาตั้งแต่ต้นปียังไม่หมดเลย
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ปรึกษากันสองคนแม่ลูก ถามอะไรไป พี่ภีมก็ตอบกลับมาว่า "ดีครับ" กับ "แล้วแต่คุณแม่ครับ...." ยัยแม่เริ่มเพลียแระ นี่ถ้าตอนโตจะมีแฟน พี่จะพูดกับแม่แบบนี้มั้ยลูกกกกกกกกก
ในเมื่ออะไรๆก็ตามใจแม่ แม่เลยตามใจตัวเองซะเลย (แต่ก็ยังถามกันอยู่นะ เดี๋ยวจะหาว่าเผด็จการ) ก่อนจะปลูกก็ต้องเอาเมล็ดมาแช่น้ำให้เปลือกนิ่มและง่ายต่อการที่เมล็ดด้านในจะเจริญเติบโตก่อน แช่ไว้ข้ามคืนกันเลยทีเดียว แอบเห็นว่าเมื่อแช่ไป 6 ชั่วโมงแล้วมีฟองขึ้นมาคล้ายๆจะเสีย แม่ก็แอบใจแป้วไปนิดนึง ...จะรอดมั้ยเนี่ย
โชคดีหน่อย ลุงชายกลับมาเห็นแล้วเปลี่ยนน้ำให้ ผู้ชำนาญการทางด้านต้นไม้มาช่วยวิกฤตไว้พอดี ถ้าเสีย ปลูกไม่ขึ้น ก็นึกถึงใจพี่ภีมเหมือนกันนะ แป๊กตั้งแต่แรก ไม่รู้จะทำหน้ายังไง มีหวังได้กลับไปเด็ดต้นไม้คุณยายเล่นต่อแน่ๆ
อันนี้แช่น้ำ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว แช่ตั้งแต่กลางคืน ตื่นมาก็ยังแช่ต่อ ไม่ใช่อะไรหรอก ไม่ใช่เพิ่มอัตราการงอกด้วย แต่ยัยแม่ติดงาน ลูกก็ไม่กล้ายุ่ง ถามว่าทำไมไม่ปลูก พี่ภีมบอกว่า "รอคุณแม่กลับมาปลูกด้วยกัน" (....โถๆๆๆๆๆคุณลูกชายฉานนนน)
และเป็นเรื่องธรรมดาที่น้องคนเล็กเห็นพี่ชายทำอะไรเป็นไม่ได้ ต้องเข้ามาช่วย (...แน่ใจนะว่าช่วยพี่?!?!?!) ก็เลยต้องจัดกิจกรรมให้ครบทุกคนเลย เผื่อยัยคุณหนูด้วย เดี๋ยวจะมีรายการ "คุณแม่รักหนูไม่เท่ากัน!!!"
ลูกมากก็งี้ล่ะนะ ทุกอย่างต้องเหมือนๆรึคล้ายๆกัน (....พี่ชายกล่าวเบาๆ)
ใบโพธิ์ก็ต้องมีกิจกรรมนะ....
แต่เราก็ไม่ได้ปลูกอยู่ดี เพราะลุงชายบอกเด็กๆว่า "เปลือกเมล็ดแข็งและหนามาก ควรจะเปลี่ยนน้ำแล้วแช่ให้นานกว่านี้ "
แม่เลยเลยจัดการเอาน้ำออกจากกล่องที่แช่ เหลือเพียงน้ำนิดหน่อย เอาผ้าหมาดๆคลุมเอาไว้ก่อน รดน้ำแค่พอแฉะๆเพื่อรอให้เมล็ดภายในแตกรากออกมาบ้าง จะได้ปลูกง่ายหน่อย เด็กๆก็ได้แต่นั่งมอง
เปลี่ยนเอาเมล็ดมาใส่กะลาดีกว่า ที่บ้านเราทำขนมมีของเหลือใช้แบบนี้อยู่ เอามาใช้แทนกระถางจะได้ไม่ต้องซื้อให้เปลืองเงิน ใส่กะลาดีตรงที่เป็นวัสดุที่เก็บความชื้นได้ดีแล้วที่ก้นกะลายังมีรอยกระเทาะบ้างทำให้น้ำซึมออกได้ เมล็ดไม่แฉะเกินไปจากน้ำขังค่ะ แม่ลูกผลัดกันรดน้ำพอชุ่มเช้าเย็นแล้วเอาผ้าคลุมปิดไว้ ทำแบบนี้ 2 วันเมล็ดทานตะวันของเราก็งอกอย่างที่เห็นเลย
กว่าจะปลูกได้ .... รากงอกยาว มีใบอ่อนออกมาแล้วและเพราะแม่ไม่ว่างด้วย
ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ใบโพธิ์จัดการเอาดินใส่กะลา แม่หากะลาให้เด็กๆ 3 ใบ ของแม่อีกใบเป็น 4 ใบ พี่ภีมใส่เมล็ดทานตะวันที่งอกออกมาบ้างแล้ว ส่วนน้องพั้นซ์ทำป้ายชื่อปักว่ากะลาใบไหนเป็นของใคร ส่วนในตะกร้าสีฟ้านั่นของที่ลุงชายเพาะเอาไว้เล่นๆ เอามาให้เด็กๆดูเป็นตัวอย่าง จะได้มีกำลังใจ
แป๊บเดียว เสร็จแล้ว
ได้ผลงานที่รอเก็บเกี่ยวมาคนละกะลา
จากนี้ไปเด็กๆก็จะต้องรดน้ำ ดูแล เขียนบันทึกการเจริญเติบโตจนถึงวันที่เก็บเกี่ยวค่ะ แล้วตอนหน้าเราจะมาอัพเดทกันว่าต้นอ่อนทานตะวันของเด็กๆจะเป็นยังไง แล้วเด็กๆจะเอาไปทำอะไรทานกันบ้างนะคะ
แค่เห็นขึ้นต้นอ่อน บุ๊งก็กรี๊ดมากแล้วค่ะ
ถ้าขึ้นเป็นต้น คงจะดีใจมาก ๆ
ชวนลูกทำกิจกรรมแบบนี้ สนุก ได้ความรู้ ฝึกความอดทนด้วยค่ะ