Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

ข้าวมันไก่ “นายลิ่มซัง” อร่อยเด็ด ลูกค้ายืนเข้าคิวยา

ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบรับประทานข้าวมันไก่ เพราะรู้สึกว่าเป็นอาหารจานเดียวที่มีผักน้อยนิด รับประทานแล้วไม่สะใจสำหรับพวกที่ชอบผักเป็นชีวิตจิตใจ เลยไม่รู้ว่าข้าวมันไก่ที่ไหนอร่อย และไม่เคยสรรหามารับประทาน แต่พอคนรู้จักนำข้าวมันไก่ของ “ร้านนายลิ่มซัง (ท่าพระ)” ที่อยู่ตรงข้ามปากทางเข้าหมู่บ้านสหกรณ์ครูไทย แถวดอนเมือง มาให้ชิม ทำให้ต้องเปลี่ยนความรู้สึกใหม่ จากที่เคยไม่ชอบข้าวมันไก่ก็กลับมาชอบ (แต่ต้องมาจากร้านนี้เท่านั้น) เนื่องจากข้าวมันไก่เจ้านี้ข้าวไม่เยิ้มไปด้วยน้ำมัน เนื้อไก่ก็สดและนุ่มไม่เหนียว น้ำจิ้มรสชาติเข้มข้น ส่วนน้ำซุปก็หอมหวาน



เรียกว่าข้าวมันไก่ร้านนี้รสชาติสุดยอด ใครได้รับประทานเป็นต้องติดอกติดใจและอยากกลับมารับประทานซ้ำอีก แต่ร้านนี้ก็มีข้อเสียตรงที่ว่าคิวยาวมาก บางวันในบางช่วงเวลาลูกค้าบางคนรอจนอ่อนใจ ต้องโบกมือลาเพราะมีคิวอีกหลายเจ้าและแต่ละเจ้าก็สั่งหลายห่อ หากไม่มีเวลาหรือไม่ชอบรอนานอาจจะไม่ได้รับประทานข้าวมันไก่อร่อยๆ ของร้านนี้…ขอบอก

“คุณปรียาลักษณ์ พงษ์แสงลึก” วัยเฉียด 50 ปี เจ้าของร้านข้าวมันไก่นายลิ่มซัง เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของร้านนี้ว่า ขายตั้งแต่สมัยพ่อเป็นเวลา 40 ปีแล้ว ตอนนี้พ่อแก่แล้วแต่ยังช่วยน้องชายอยู่ที่ร้านเดิมแถวท่าพระ มีพี่น้อง 5 คน ตัวเองเป็นคนที่สอง ทุกคนต่างขายข้าวมันไก่ โดยพี่ชายคนโตอยู่พระราม 2 ร้านน้องสาวใกล้กองบัญชาการทหารสูงสุดที่จะทะลุไปเมืองเอก น้องชายคนเล็กอยู่ตรงซอยวัดกู้ย่านปากเกร็ด ซึ่งเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ส่วนร้านของตัวเองนั้นเปิดอยู่ที่ดอนเมืองมา 8 ปีแล้ว

ร้านของคุณปรียาลักษณ์ เป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นอยู่ด้านหน้าติดถนน มีหมู่บ้านอยู่ข้างใน และเป็นปากทางเข้าหมู่บ้านใหญ่อย่างหมู่บ้านปิ่นเจริญ 1-2 และหมู่บ้านสหกรณ์ครูไทย จะเปิดขายตั้งแต่บ่าย 2 โมงเป็นต้นไป พอ 1-2 ทุ่มก็หมดแล้ว เป็นร้านที่ขายดีมาก และถ้าไปในช่วงที่มีคนเยอะอาจจะต้องยืนรอนั่งรอนานจนเบื่อ บางคนไปถึงหน้าร้านยังไม่ทันได้สั่งเจ้าของร้านบอกหมดแล้ว เหลือเฉพาะที่สั่งจองไว้เท่านั้น



ชื่อร้านข้าวมันไก่นายลิ่มซัง ก็บอกชัดเจนแล้วว่าเป็นคนจีน คุณปรียาลักษณ์ เล่าถึงครอบครัวว่า ที่บ้านเป็นจีนแคะ เดิมเป็นคนเบตง พอตอน 2 ขวบพ่อก็พาย้ายมาอยู่ในกรุงเทพฯ ตอนแรกขายบะหมี่แบบรถซาเล้ง ต่อมาเลยซื้อห้องแถวย่านท่าพระติดถนนแล้วทำลูกชิ้นเนื้อขาย พร้อมกับขายข้าวมันไก่ไปด้วย พอกำลังเรียนชั้น ป.7 พ่อก็ให้ 3 คนพี่น้องออกมาช่วยที่ร้าน ซึ่งช่วงเป็นนักเรียนนั้นไปโรงเรียนสายประจำ ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน แต่หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อการศึกษาผู้ใหญ่จนจบชั้นมัธยมต้น

การช่วยพ่อแม่ทำและขายข้าวมันไก่มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอและพี่น้องได้รู้สูตรและกระบวนการต่างๆ ที่จะทำให้ข้าวมันไก่อร่อย เรียกว่าทำทุกวันจนชำนาญถึงขั้นหลับตาก็ทำได้ว่างั้นเถอะ

เคล็ดลับการทำข้าวมันไก่ให้อร่อยนั้นจะว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่าย แต่พอฟัง “คุณปรียาลักษณ์” อธิบายจะรับรู้ได้ว่าต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ที่สำคัญ ต้องใส่ความตั้งใจเข้าไปเต็มที่

“เคล็ดลับนี่อยู่ที่ทุกอย่างค่ะ ลูกค้าที่มาทานที่นี่ส่วนใหญ่ก็ติดใจน้ำจิ้ม เด็กเล็กๆ บางคนแม่ไปซื้อเจ้าอื่นจะไม่กินเลย จุดเด่นของเราคือใส่ใจทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นข้าว น้ำจิ้ม ทุกอย่างต้องใส่ใจ ต้องทำเอง แต่ไก่สดเขามาส่งให้มาจากซีพีบ้าง สหฟาร์มบ้าง แล้วแต่คนส่ง โดยไก่จะมาส่งตั้งแต่ตี 5 พี่น้องที่ขายก็ใช้ไก่เจ้าเดียวกันหมด ซื้อกันมา 20 กว่าปีแล้ว เขามาจากพุทธมณฑล สาย 4 ไปตลาดเราก็จะไปซื้อผักอย่างเดียว แต่ต่างคนต่างซื้อ
วันหนึ่งที่ร้านขายประมาณ 10 กว่าตัว เริ่มขายตั้งแต่บ่าย 2 โมง เลิก 2 ทุ่ม สาเหตุที่ขายช่วงเวลานี้เพราะลูกค้าจะมีแค่ช่วงเย็น ตอนเช้าจะไปทำงาน พอเราเริ่มขายตอนบ่าย 2 ก็ขายได้เรื่อยๆ เลย 2 ทุ่มไปก็จะหมดแล้ว ถ้าวันไหนมีตลาดนัดก็อยู่ค่ำนิดหนึ่งแต่เราจะเปิดร้านเร็วขึ้น”

ที่ร้านของเธอนั้นมีโต๊ะไว้สำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานที่ร้านด้วย ซึ่งในช่วงเทศกาลและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะมีลูกค้านั่งรับประทานในร้านเต็มไปหมด บางโต๊ะยกกันมาทั้งครอบครัว เพราะเด็กๆ แม้จะไม่สามารถรับประทานน้ำจิ้มรสแซ่บของที่ร้านได้ แต่ก็มีน้ำจิ้มซีอิ๊วหวานให้เด็กๆ จิ้มกับไก่ด้วย เป็นที่ถูกปากของหนูๆ เด็กบางคนก็รับประทานข้าวมันไก่โดยไม่ต้องใส่น้ำจิ้มใดๆ เนื่องจากรสชาติที่ลงตัวอยู่แล้ว

บางครอบครัวใช้วิธีสั่งข้าวมาเป็นจานๆ ตามจำนวนคน แล้วสั่งไก่มาเป็นจานต่างหาก ขณะที่บางคนสั่งไก่ที่ไม่ติดหนัง บ้างก็สั่งเอาเครื่องในเอาไข่ด้วย ซึ่งไก่แต่ละจานนั้นคุณปรียาลักษณ์เป็นคนหั่นเป็นคนสับเองทั้งนั้น และเท่าที่สังเกตดูลูกค้าผู้ชายมักจะสั่งเครื่องในไก่ด้วย ส่วนคนที่รักษาสุขภาพไม่ชอบรับประทานอะไรมันๆ ก็จะสั่งเนื้อไก่อย่างเดียวไม่เอาหนัง


ข้าวที่ร้านนายลิ่มซังนำมาหุงนั้น เป็นข้าวหอมมะลิ และวัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาใส่ก็ล้วนใช้แต่ของที่มีคุณภาพ อย่างที่คุณปรียาลักษณ์บอก “ข้าวที่นำมาหุงเราใช้ข้าวหอมมะลิอย่างดีตรากิเลน หุงแล้วจะนุ่ม ตอนนี้แพงมากถุงหนึ่ง 49 กิโล ตก 2,000 กว่าแล้ว ถ้าใช้ยี่ห้ออื่นข้าวจะแข็งกระด้าง น้ำจิ้มก็สำคัญ ต้องใช้ของดีทุกอย่าง น้ำส้มเราใช้ของ อสร. ไม่ใช่ของที่ขายในตลาดทั่วไป พริก ขิง ก็เลือกสดๆ ทำวันต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่หอม ขิงที่ใช้ต้องเป็นขิงแก่นำมาหั่นแล้วบดให้ละเอียด รสชาติต้องไม่หวานนำไม่เปรี้ยวนำ และในข้าวกับน้ำจิ้มนั้นไม่ได้ใส่ผงชูรสเลย แต่น้ำซุปก็มีนิดหน่อย เพราะเน้นการใส่กระดูกไก่เยอะพร้อมกับเคี่ยวประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็จะทำให้น้ำซุปหวาน
เราต้องใส่ใจทุกอย่างลูกค้ามาทานทุกวันต้องอร่อยทุกวัน ต้องหอม เราไม่หวงเครื่อง กระเทียมเราใส่เวลาหุงข้าว และสาเหตุที่ข้าวไม่มันเพราะไม่ใส่น้ำมันเยอะ เราทำทุกวันจะกะถูกว่าควรจะใส่เท่าไร ขายจานละ 25 บาท ลูกค้าถามว่าทำไมไม่ขึ้นราคาน่าจะขึ้นได้แล้ว เราก็บอกว่าแค่นี้พออยู่ได้ แถวนี้คนไม่ค่อยมีเงิน ราคาขนาดนี้ขายง่ายกว่า สาขาอื่นของพี่น้องก็ขายราคาเท่ากัน และทุกสาขารสชาติอร่อยเท่ากันหมด แต่อาจจะอยู่ที่รสมือบ้างนิดหน่อย อย่างร้านน้องชายที่สี่แยกท่าพระมีผู้จัดการห้างโลตัสมากินแล้วอยากจะให้ไปขายที่โลตัส ท่าพระ ก็กำลังคิดกันอยู่ว่าจะไปหรือไม่”

ลูกค้าหลายคนที่ไปรับประทานร้านข้าวมันไก่ของคุณปรียาลักษณ์ต่างชอบใจที่ทางร้านใส่น้ำจิ้มไว้ในโหลใหญ่ของแต่ละโต๊ะ ใครชอบน้ำจิ้มมากก็ใส่มาก ไม่ต้องขอเติมเหมือนบางร้าน และที่ชอบกันมากก็คือน้ำซุปร้อนๆ ที่มีรสชาติหวานแบบน้ำต้มกระดูก ยิ่งเหยาะพริกไทยเข้าไปหน่อย อร่อยจริงๆ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่หวิดน้ำกันเกลี้ยง

อย่างที่เกริ่นไปแต่แรก ใครต่อใครที่ได้ลิ้มรสข้าวมันไก่ร้านนี้ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจกับการที่มีผู้คนมากมายมาขอซื้อแฟรนไชส์ แต่ไม่ว่าจะซื้อไปขายที่ไหนในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้มาแย่งลูกค้ากับ 5 สาขาที่เปิดอยู่เลย ร้านข้าวมันไก่นายลิ่มซัง ล้วนปฏิเสธอย่างไรก็ไม่ขายแฟรนไชส์ เพราะอะไรนั้น ลองไปฟังคำตอบของเธอ

“ตอนนี้พ่อช่วยน้องชายขายอยู่ที่ท่าพระ ขายกลางคืน ออกบ่าย 3 โมงเลิกตี 2 ตี 3 พ่ออยู่ที่นั่นนานแล้ว มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์เยอะ ถ้าเราขายป่านนี้ก็เต็มดอนเมืองแล้ว บางคนก็มาขอซื้อบอกว่าจะเอาไปขายที่ลำปางบ้าง ที่เชียงใหม่บ้าง เราก็ชี้แจงว่าขายไม่ได้หรอกเพราะเป็นสมบัติของพี่น้อง”

ร้านของคุณปรียาลักษณ์นั้นขายดีทุกวัน และลูกค้าจะคอยสังเกตว่าวันไหนเธอจะขึ้นป้ายหยุดขาย โดยในปีหนึ่งๆ จะหยุดไม่กี่วัน ลูกค้าของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นขาประจำมากกว่าขาจร ซึ่งจะรู้ว่าถ้าจะมาซื้อข้าวมันไก่ร้านนี้จะต้องมาเวลาไหน จึงมักจะสั่งไว้ก่อนจากนั้นไปทำธุระแล้วจึงกลับมารับจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอเป็นนานสองนาน

ในช่วงบ่ายของแต่ละวันจะเห็นสาวใหญ่ยืนสับไก่หั่นไก่ใส่จานนับไม่ถ้วน แต่แม้จะเหนื่อยแค่ไหน เธอก็ต้องอดทนทำเพราะต้องเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งพอลูกสาวเห็นแม่ขายเหนื่อยแบบนี้ ลูกสาวก็ไม่อยากจะดำเนินรอยตามแม่

ใช่แต่ร้านของคุณปรียาลักษณ์จะขายดีร้านเดียว ไม่ว่าจะเป็นร้านของน้องชายที่ท่าพระ หรือร้านของน้องสาวที่อยู่ในย่านดอนเมืองใกล้กับเธอนั้นก็ขายดีเช่นกัน และส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำทั้งสิ้น

ความที่ร้านของเธอขายดี และมีพนักงานช่วยไม่กี่คน เธอจึงไม่รับไปจัดนอกสถานที่เพราะคนไม่พอ แต่ถ้าลูกค้าท่านใดสนใจสั่งซื้อครั้งละ 50-100 ห่อ เธอก็สามารถทำให้ได้ แต่ต้องติดต่อเนิ่นๆ ที่โทรศัพท์ (02) 929-7296
ใครที่ชอบรับประทานข้าวมันไก่ เชื่อว่าถ้าได้มารับประทานที่ร้านนายลิ่มซัง ที่มีหลายสาขานั้น ย่อมจะติดใจในรสชาติอร่อยเป็นแน่แท้ เนื่องจากแต่ละร้านใช้สูตรเดียวกันหมด อันเป็นสูตรลับเฉพาะในครอบครัวที่จะไม่ขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ใดเด็ดขาด




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2554
1 comments
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2554 12:08:30 น.
Counter : 2472 Pageviews.

 

สามารถเข้าไปแชร์ Tips เนื้อหาแนะนำเกี่ยวกับร้านอาหารผ่าน //www.hotskoop.com อีกทางนึงได้นะค่ะ เป็นอีกช่องทางในการประชาสัมพันธ์ให้คนอื่นๆได้อ่านรีวิวร้านอาหารของคุณได้ค่ะ ^^

 

โดย: looklipair 23 พฤศจิกายน 2554 15:37:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


byjai
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add byjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.