Bloggang.com : เบบูญ่า : Our 2nd Anniversary Trip to Kyoto and Osaka ตอนที่ 3

Our 2nd Anniversary Trip to Kyoto and Osaka ตอนที่ 3

วันรุ่งขึ้นออกเดินทางไปวัดโทจิ เลือกไปที่นี่วันนี้เพราะตอนหาข้อมูลเค้าบอกว่าจะมีตลาดนัดรอบๆ วัดทุกวันที่ 21 ของเดือน ไหนๆ ก็มาแล้วเดินตลาดนัดญี่ปุ่นหน่อยจะได้ไม่เสียเที่ยว

วันนั้นคนเยอะมากๆ และของก็เยอะมากๆ เหมือนกัน เราสองคนไม่ค่อยได้ซื้ออะไร ได้หมวกมาใบนึงกับช็อกโกแล็ตอัลมอนด์ถุงนึง อร่อยดี

ตั้งตลาดนัดรอบวัดแบบนี้ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

อากาศร้อนมากและคนเยอะมาก แถมตารางเที่ยววันนั้นก็มีแต่เดินๆๆๆๆ เราสองคนเลยอยู่ที่นั่นแป๊บเดียวแล้วก็นั่งแท็กซี่ไปศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว

อยากไปที่นี่มานานแล้วเพราะเคยเห็นแต่ในรูป มีการสร้าง Torii ขึ้นเขาเป็นแนวไปตลอดทางเลย ถ้าจะเดินจริงๆ ใช้เวลาสองชั่วโมง แต่เราสองคนออมแรงเอาไว้เพราะวันนั้นต้องเดินอีกเยอะเลย

อยากได้รูปมุมนี้กับหมวกใบใหม่สักใบ แต่ดูเหมือนถ่ายกี่ทีๆ ก็เบลอ

สมแล้วที่ชื่อว่าศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว เพราะอะไรๆ ก็เป็นรูปสุนัขจิ้งจอกไปหมด ว่ากันว่าคนญี่ปุ่นเชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ส่งสารของเทพอินาริในวัดแห่งนี้

ขนาดป้ายของสถานีรถไฟสถานีนี้ยังเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกเลย คนญี่ปุ่นนี่เค้าใส่ใจกับรายละเอียดดีจริงๆ นี่แหละเป็นเสน่ห์อย่างนึง

จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปยังวัดน้ำใส ระหว่างทางเข้าวัดเป็นเนินขึ้นเขาเหนื่อยพอสมควร แถมคุณสามีเกิดอยากทำอารมณ์ศิลปิน ไม่อยากเดินถนนที่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน เราสองคนเลยเลือกเดินอีกทาง ผลปรากฏว่าตลอดถนนสายนั้นมันเป็นสุสานอ่ะ

ตอนนั้นเดินมาไกลแล้วด้วย จะเดินต่อก็กลัวเสียเที่ยว โชคดีว่าเจอคุณป้าคนนึงเลยถามทางเอา เค้าบอกว่าทางนี้ก็ไปถึงวัดเหมือนกัน แต่ก็คงงงๆ แหละว่าทำไมไอ้ไกจิ้นสองคนนี้มันเดินทางนี้ฟะ ทางนักท่องเที่ยวมีไม่ยอมเดิน สงสัยอยากจะสัมผัสกับสัจธรรมของชีวิต เฮ้อ

พอถึงที่หมายแล้วหันมองกลับไป โอ้แม่เจ้า นี่เราเดินผ่านทั้งหมดนั่นมาจริงๆ หรือเนี่ย เป็นไงล่ะพ่อคนอารมณ์ศิลปิน นี่ถ้าเป็นตอนกลางคืนคงได้วิ่งตัวใครตัวมันไปแล้ว

วัด Kiyomizudera แห่งนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงติดอันดับของญี่ปุ่นเลยทีเดียว จุดเด่นของมันคือระเบียงไม้ที่สูงถึง 13 เมตร สร้างโดยการเอาท่อนซุงมาวางซ้อนๆ กันโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว

ระหว่างทางเข้าเจอเต่าสองตัวนี้ ท่าทางรักกันจังไม่ยอมห่างกันเลย

ก่อนจะถึงตัววัดเจอสิ่งล่อตาล่อใจเยอะมาก แทบไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลยเรา ไม่ใช่อะไรหรอก อยากใส่บ้าง ฮ่าๆๆๆ

แอบถ่ายสาวๆ ไปมาก็เดินมาถึงระเบียงไม้ที่ว่า สวยขลังมากๆ เห็นครั้งแรกตะลึงไปเลย เห็นสามีตื่นเต้นก็แอบตื่นเต้นไปด้วย เพราะส่วนใหญ่เวลาไปไหนด้วยกัน เค้ามักจะเคยไปมาแล้วทั้งนั้น (แก่แล้วก็เงี้ย) มีไม่กี่ที่ที่เค้าไม่เคยไปมาก่อน วัดน้ำใสก็เป็นอีกที่นึง

แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คนที่นี่ใช้ดื่มกิน มีทั้งหมดสามสาย คนญี่ปุ่นเชื่อว่าแต่ละสายให้โชคต่างกัน คือโชคเรื่องการเรียน อายุยืน และความรัก ใครอยากมีโชคทางด้านไหนก็เลือกได้ตามสบาย หรือถ้าโลภอยากจะมีโชคทั้งสามอย่างก็ไม่ว่ากัน คนต่อคิวกันยาวเหยียดเลย

ระหว่างนั่งพักแก้เมื่อยเจอสองสาวนี้อีกแล้ว popular มากๆ เลยมีแต่คนมอง

เริ่มออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางเดินจากที่นี่ไป Yasaka Shrine เป็นเส้นทางที่น่าเดินมากๆ สองข้างทางเป็นบ้านเรือนเก่าๆ มีร้านรวงมากมาย ทางเดินเป็นบันไดลงเนินไปเรื่อยๆ ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นมีความสุขมาก

โชคดีที่ระหว่างทางได้เจอไมโกะด้วย ตัวจริงเสียงจริงหรือนักท่องเที่ยวก็ไม่รู้อ่ะ แต่ขอถ่ายไว้ก่อน

ทางเข้า Yasaka Shrine ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในย่านกิออน ใช้จัดเทศกาลอย่าง Gion Matsuri ด้วย

กิอองเป็นย่านที่เหมาะแก่การช็อปปิ้งมาก ส่วนถนนที่หวังจะได้เจอเกอิชา วันนั้นแห้วสนิทอ่ะ สงสัยจะมาเช้าไป เจอแต่รถกับนักท่องเที่ยว ถ่ายรูปลำบากมากๆ

แม่น้ำ Kamo เป็นแม่น้ำที่คนเกียวโตชอบมานั่งเล่นกัน ร่มรื่นมากๆ

แล้วค่ำนั้นก็ฝากท้องที่กิออน กว่าจะหาร้านที่ถูกใจได้ ท้องร้องจ๊อกๆ ทีเดียวเชียว จากนั้นก็กลับที่พักนอนเอาแรง เตรียมตัวไปเที่ยวโอซาก้าต่อในวันรุ่งขึ้น

คืนนั้นหลับเป็นตายเลยค่ะ เพราะเดินจนปวดขาปวดเอวไปหมด