มหัศจรรย์ทุ่งดอกกระเจียว สู่วังน้ำเขียว 20-22 สิงหาคม 2553 (ตอนที่ 2)
ความเดิมต่อจากบล็อกที่แล้ว
เสาร์ 21 สิงหาคม 2553
อรุณสวัสดิ์ลูกหลานย่าโม
เสียงแม่ปลุกให้เราตื่นตอนตี 4 เพราะมองนาฬิกาผิดว่าตี 5 สโลเสลกลับไปนอนต่อ แต่ก็หลับๆ ตื่นๆ นอนไม่เต็มตาเสียแล้ว
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ 6 โมงเช้าออกมาห้องพักลงมาเดินเล่น พนักงานโรงแรมบอกว่าห้องอาหารเปิดให้บริการแล้ว ส่วนของห้องอาหาร ห้องสัมมนาจัดเลี้ยงแยกไปอยู่อีกอาคารต่างหาก
อากาศแบบนี้หวั่นใจเหลือเกินว่าทริปนี้ไม่แคล้วเจอฝนเต็มๆ แน่
ความที่มากับคนหมู่มาก เวลาก็เลยคลาดเคลื่อนจากกำหนดแผนการเดินทาง นู๋เมี่ยงฆ่าเวลาด้วยการเดินถ่ายภาพไปเรื่อยเปื่อย ความจริงน่าจะหาหนังสือดีๆ ติดไม้ติดมือมานะ
8.20 น. ออกเดินทางสู่อนุสรณ์สถานเทวลัยไทรทองเทพนิมิต อำเภอโชคชัย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 - 40 นาที
ถึงฟ้าจะไม่สวย แต่นู๋เมี่ยงว่ายังโชคดีที่ฝนฟ้าไม่ตก ไม่กระทบการเดินทางเช้านี้นัก ถึงแล้วเข้าไปสักการะพระบรมรูปบุรพกษัตริย์ของไทยในหอนักรบไทยกันก่อนค่ะ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (องค์กลาง) สมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา (องค์ซ้าย) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขวา)
- สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงหลั่งน้ำประกาศอิสรภาพ -
- สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
- รัชกาลที่ 5
- รักที่สุด ในหลวงของเรา -
ออกจากตัวอาคารอนุสรณ์สถานแล้ว ก็ไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานในอาคารซึ่งตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันค่ะ
จะเห็นองค์พระพุทธชินราชประดิษฐานอยู่ภายในพระมณฑปอย่างเด่นชัด ส่วนพระบรมสารีริกธาตุส่วนต่างๆ บรรจุใส่อยู่ในโถแก้วประดิษฐานอยู่ด้านข้าง
และก่อนจะขึ้นรถโค้ชนู๋เมี่ยงก็ไม่ลืมทำความเคารพศาลเจ้าแม่ไทรทอง ขอให้การเดินทางครั้งนี้ราบรื่น แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง
- ศาลเจ้าแม่ไทรทอง -
10 โมงเรียกรวมพล จนพร้อมแล้วจึงเริ่มออกเดินทางสู่แหล่งเครื่องปั้นดินเผา ด่านเกวียน ตั้งอยู่ไม่ห่างจากอนุสรณ์สถานฯ เพียง 10 นาทีก็มาถึง บ้านด่านเกวียน อำเภอโชคชัย ก่อนที่ทุกคนจะกระจายตัวไปชอปปิ้งกระจายรายได้กับอย่างสนุกสนาน ทางผู้จัดฯ ได้พาพวกเราเข้าไปฟังการบรรยายเกี่ยวกับความเป็นมาของเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน
เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน บ้านด่านเกวียน อำเภอโชคชัย ในสมัยโบราณตำบลนี้เป็นที่พักกองเกวียนที่ค้าขายระหว่างโคราช-เขมร มีแม่น้ำมูลไหลผ่าน ชาวบ้านใช้ดินริมฝั่งแม่น้ำมาปั้นภาชนะใช้สอย และได้ทำสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน เป็นผลิตภัณฑ์แบบเผาแกร่ง มีความทนทาน เก็บน้ำได้ดี เนื้อดินเป็นดินเหนียวเนื้อละเอียดคุณภาพดีมีสีแดงหรือน้ำตาลดำ มีแร่เหล็กผสมอยู่มาก เมื่อเผาด้วยความร้อนสูงแร่เหล็กและแร่ธาตุอื่นๆ ที่เป็นส่วนผสมจะหลอมละลายเคลือบผิวภาชนะไปในตัว มีสีดำมันหรือสีน้ำตาลแดงหรือสีเลือดปลาไหลซึ่งเป็นสีที่ได้รับความนิยมว่าสวยที่สุด
ชนิดของไม้ที่ใช้เผาจะให้สีของเครื่องปั้นที่แตกต่างกันออกไป เช่นขี้เถ้าไม้จากธรรมชาติจะเคลือบให้ผิวภาชนะมีสีดำ ไม้รกฟ้าทำให้มีสีเขียวอมฟ้า ไม้ไผ่สดมีสีฟ้าหัวเป็น ไม้ไผ่แห้งออกสีเหลืองโอ๊คหรือเหลืองทอง ไม้รวกจะทำให้ชิ้นงานมีสีน้ำตาลส้ม สีต่างๆ ที่ได้จะมีสีดำแซมเช่นเดียวกันหมด ส่วนใหญ่การเผาจะเน้นสีดำเข้มหรือสีหมากสุกเท่านั้น ในปัจจุบันนิยมการเผาแดงกันมากเพราะผู้สร้างสรรค์ผลงานสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์และแต่งแต้มสีสันด้วยเทคนิคต่างๆ ให้เครื่องปั้นดินเผาได้หลากหลายยิ่งขึ้น
นู๋เมี่ยงไม่ถนัดถ่ายภาพแนว life เลย (พูดให้ถูกคือแนวไหนก็ไม่ถนัด หะหะ) ในเมื่อตั้งค่าถ่ายรูปออกมายังไม่ได้ตามตั้งใจ เลยออกมาเดินดูสินค้าผลิตภัณฑ์ของชาวด่านเกวียนแทนมั่ง แล้วก็เลยขอประกบถ่ายรูปคู่กับอาจารย์ธวัชซะเลย (ขออนุญาตอุ๊บอิ๊บอาจารย์ธวัชเป็นครูของนู๋เมี่ยงเลยนะคะ)
นู๋เมี่ยงเดินถ่ายภาพขณะที่แม่ก็เดินช้อปเลือกเดินซื้อสินค้าตามสบาย เจออีกที โอ๊ะโอ... ใส่กล่องหิ้วจนไหล่เอียงเลยเรา
ช้อปปิ้งกันจนเงินสะพัดด่านเกวียนเกือบ 2 ชั่วโมง เที่ยงตรงได้เวลาผละจากบ้านด่านเกวียนสู่วังน้ำเขียว ตามเส้นทางเขาแผงม้า ทางขึ้นเขาบางช่วงถนนโค้งซ้ายโค้งขวา บ่ายโมงเศษพวกเราก็วิ่งเข้าหาฝน ฝนตกหนักมาก ทัศนวิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่
บังเอิ๊ญ นู๋เมี่ยงสังเกตว่าป้ายถนนข้างทางชี้บอกว่ามุ่งหน้าสู่ปราจีนบุรี เอ๊ะ หรือว่าเขาแผงม้ามันเป็นรอยต่อกับจังหวัดปราจีน (นู๋เมี่ยงไม่ถนัดเรื่องทิศทาง ภูมิศาสตร์ ... เพิ่งนึกได้ความจริงก็ไม่ถนัดอะไรสักอย่างนี่หว่า เหะๆ) อ้าว... วิ่งมาผิดทางจริงๆ ซะด้วย เลยต้องหาจุดกลับรถ แต่ทางขึ้นเขานี่นะ ถนน 2 เลนโค้งไป-มา ต้องหาจุดปลอดภัยพอที่จะกลับรถได้ ... ฮือๆ ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ประสานงานคุยผ่านวอกับรถทีมงานคันอื่นๆ ได้ความว่าตอนนี้ถึงร้านอาหารแล้ว
ไม่เป็นไร หลังจากนั้นไม่นานรถโค้ชของพวกเราก็มาถึงร้านอาหาร ทะเลวิว รีสอร์ท อย่างปลอดภัย safety first ค่ะ
มื้อนี้เป็นบุฟเฟ่ค่ะ ลุยได้เต็มที่ หลังฝนตกโต๊ะเก้าอี้ที่ตั้งที่โล่งเปียกแฉะไม่หมด มื้อนี้โต๊ะนึงจึงต้องนั่งรวมทานกันหลายคนหน่อย อบอุ่นกันไปอีกแบบค่ะ
อิ่มแล้วก็ออกมานั่งเล่นกังหันตรงลานด้านหน้ารีสอร์ท นู๋เมี่ยงกลัวทั้งความเร็วและความสูง เจอของเล่นแบบนี้... โอย กรี๊ดสลบ
14.50 น. ตามโปรแกรมต่อจากนี้คือเดินทางสู่อุทยานเขาแผงม้า ดูฝูงวัวกระทิง และรอยเท้าสัตว์ชนิดต่างๆ แต่เนื่องจากสภาพฝนตก ถนนหนทางไม่สู้จะปลอดภัย ทีมผู้จัดเลยพาพวกเราไปชมฟาร์มดอกกล้วยไม้แทน พอลงจากรถ นู๋เมี่ยงมองดูจากท้องฟ้าแล้วไม่แคล้วฝนคงได้ตามมาแน่ๆ
บันทึกภาพถ่าย 15.16 น. บรรยากาศยามนี้ครึ้มๆ ปนเศร้า เหมือนฉากหนังเริ่มต้นซีนบทโรแมนติกแบบเหงาๆ เงียบๆ ก่อนที่จะมีเรื่องอะไรตื่นเต้นๆ ตามมา
เพ้อไปแล้วนู๋เมี่ยง กลับมาที่ฟาร์มกล้วยไม้กันต่อ เจ้าหน้าที่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสกำลังคอยต้อนรับพวกเราและตอบคำถามพวกเรา
ตั้งใจหัดถ่ายภาพโหมดดอกไม้ เรียนรู้เกี่ยวกับรูรับแสง (aperture) ถ่ายภาพชัดตื้น ... พยายามทำความเข้าใจในหลักการ สรุปคือยังงงๆ อยู่น่ะ
ถ่ายภาพของสวยๆ งามๆ จิตใจก็พลอยสดใสไปด้วย เก็บภาพดอกไม้แล้ว ก็ควรมีภาพที่ระลึกของตัวเองด้วยสิ ไม่งั้นเดี๋ยวไม่รู้ว่าเคยมาที่นี่แล้ว
กำลังชมกล้วยไม้งามๆ ถ่ายรูปเพลินๆ อยู่ดีๆ พวกเราไปถึงไม่นานเท่าไหร่ พระพิรุณท่านก็ไล่พวกเรากลับขึ้นรถแทบไม่ทัน (ใจร้ายจัง ) งั้นเดินทางกันต่อ เข้า check-in ห้องพักให้เรียบร้อยก่อน
15.45 น. ถึงแล้ว สวนสุชาดา การ์เด้นลอด์จ นู๋เมี่ยงกับแม่พักอยู่ที่ห้อง MV204 ถึงห้องพักนู๋เมี่ยงก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัวใหม่ (ก็แหม วันนี้โดนน้ำโดนฝนแทบทั้งวัน) เสื้อผ้าลำลองสุดๆ ส่วนตั้ว..ส่วนตัวไปเลยนะ
- ตึกที่พักโซน MV -
- ภายในห้องพัก -
นัดรวมพลกันที่ lobby ของทางรีสอร์ทตอน 17.30 น. เพื่อเดินทางไปถ่ายภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่บุหงาส่าหรี รีสอร์ท
ถึง "บุหงาส่าหรี รีสอร์ท" จะให้เก็บภาพมุมไหนดีล่ะ แนว landscape ก็ไม่ใช่เรื่องถนัดเสียด้วย (สรุปเธอถนัดแนวไหนยะ) อาจารย์นิวัตร อาจารย์ธวัชเดินกระจัดกระจายไปไหนก็ไม่รู้ (จะได้ขอ copy ถ่ายมุมเดียวกะอาจารย์มั่ง) เอาวะ... ถ่ายเล่น แนวตามใจฉันชอบ นี่แหละดีที่สุด
- ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ แต่หน้าเก่าจากทริปก่อนหน้า -
หมุนไปหมุนมาคุณทรงเกียรติจากนิตยสารโฟโต้เทคเลยเข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำหัดให้รู้จักใช้โหมด M (นู๋เมี่ยงอยากเรียกโหมดนี้ว่า เร่งสีเร่งวุ้น จัง) รู้จักปรับค่ารูรับแสง และความเร็วสปีตชัตเตอร์ แม้จะจำรายละเอียดความรู้ไม่ค่อยได้ นู๋เมี่ยงต้องขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ตะวันลาลับฟ้าแล้ว พวกเราต่างเดินทางกลับที่พักสุชาดา รีสอร์ท เพื่อรับประทานอาหารค่ำ มื้อนี้บุฟเฟ่ ใครใคร่ตัก หยิบ เลือกได้ตามชอบใจ คืนนี้ผู้จัดฯ มีกิจกรรมให้ผู้สนใจเข้าร่วมเลือกภาพที่ตัวเองถ่ายแล้วชอบส่งมาภาพประกวดได้คนละ 1 ภาพ ระหว่างรับประทานอาหารและให้เวลาทีมงานพิมพ์ภาพออกมานั้น คุณเกรียงจิตรได้ขึ้นมาเป็นพิธีกรดำเนินการบนเวที
มีเล่นเกมมอบของรางวัลเรียกน้ำย่อยเล็กๆ น้อยๆ ให้ผู้ถือบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพเป็นการคั่นเวลา
- ดูเสื้อผ้าที่นู๋เมี่ยงใส่ดิ กันเองสุดๆ เลยใช่ม้า (ไม่คิดว่าต้องออกมาขึ้นเวทีน่ะ)-
เริ่มต้นการประกวดภาพถ่าย โดยคณะกรรมการได้คัดเลือกภาพถ่าย 10 ภาพจากทั้งหมด 41 ภาพ จากนั้นก็ให้คะแนนแต่ละภาพ อืมม์... เขาประกาศรายชื่อเจ้าของภาพที่ได้รับการคัดเลือก นู๋เมี่ยงกินไปเพลินๆ สลับกับปรบมือร่วมแสดงความยินดี
คุณพระช่วย เป็นไปได้หรือนี่ .... นู๋เมี่ยงได้รับถ้วยรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง (รางวัลที่ 3) และกล้อง compact canon A490 จากคุณอภิชาต อินทร์พงษ์พันธุ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
แหม... ถ้ารู้ว่าจะได้รับรางวัล นู๋เมี่ยงจะใส่ชุดที่สวยกว่านี้มาขึ้นมาถ่ายภาพรับรางวัล
ถ่ายภาพหมู่ที่ระลึกกับเพื่อนๆ ที่รับรางวัลถ่ายภาพจากทริปนี้ค่ะ
สุดท้ายนี้ รางวัลที่ได้ นู๋เมี่ยงถือเสมือนหนึ่งอานิสงส์จากการที่ได้พาแม่มาเที่ยวครั้งนี้ เพราะอยากให้แม่ออกมานอกบ้านบ้าง สัมผัสบรรยากาศสบายๆ แทนที่จะนั่งจับเจ่าดูทีวี วีดีโอซีรีส์เกาหลี แถมทริปนี้ตัวนู๋เองก็ได้ความรู้กลับมาด้วย และรู้จักเพื่อนใหม่ๆ เท่านี้ก็สนุกแล้วค่ะ (แม้จะหงุดหงิดบ้างจากฝนฟ้าไม่เป็นใจทำให้นู๋เมี่ยงเที่ยวได้จุใจเท่าไหร่ก็เถอะ)
คืนนี้นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์เพื่อนๆ ทุกคนค่ะ
บันทึกจากภาพความทรงจำ 29 สิงหาคม 2553
Create Date : 29 สิงหาคม 2553 |
|
4 comments |
Last Update : 29 สิงหาคม 2553 18:52:45 น. |
Counter : 3898 Pageviews. |
|
|
|