86 ปีแห่งความทรงจำของทันตแพทย์ สม อิศรภักดี เขียนที่....บ้านผ่อดอยใน....ตำบลโป่งแยง...อ.แม่ริม....จ.เชียงใหม่
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
7 กันยายน 2552

86 ปีแห่งความทรงจำ ทันตแพทย์ สม อิศรภักดี (4)




86 ปีแห่งความทรงจำฉบับทำมือ






ทางเข้าบ้านผ่อดอยใน




ระเบียงบ้าน




มองวิวจากระเบียงบ้าน




----------------------------------



86 ปี แห่งความทรงจำของทันตแพทย์สม อิศรภักดี (4)



หลังสงคราม ได้มีบุคคลท่านหนึ่งได้จุดประกายเรื่องกล้วยไม้ขึ้นมา ท่านผู้นั้นคืออาจารย์ระพี สาคริก ท่านพูดทางวิทยุทุกๆ เช้าถึงกล้วยไม้โดยทั่วไปและวิธีเลี้ยง รวมทั้งเปิดการอบรมให้แก่ผู้ที่สนใจจะเลี้ยงนับ 10 รุ่น ก่อให้เกิดกล้วยไม้ฟีเวอร์ขึ้น คนที่ไม่เคยเลี้ยงกล้วยไม้ก็เริ่มสนใจ

ผู้ที่จะเลี้ยงกล้วยไม้ได้สมัยก่อนสงครามต้องเป็นผู้มีอันจะกิน เช่น เจ้านายหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพราะมีราคาแพง ต้องสั่งมาจากต่างประเทศ ตอนนั้นคนไทยเรายังไม่รู้ว่าเมืองไทยมีกล้วยไม้อยู่มากมาย คนยุโรปได้มาเก็บเอาไปเลี้ยงจากบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ ทำแคทตาล็อกสำหรับขายปลีก

คนไทยดูแคทตาล็อกแล้วก็สั่งซื้อมาเลี้ยง เป็นอย่างนี้อยู่นานจนกว่าจะรู้ว่า แวนด้า เซอร์รูเรีย ที่สั่งมาจากอังกฤษนั้นแท้จริงก็คือฟ้ามุ่ย ของเรานี่เอง แล้วก็มีอยู่ที่เชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงมากมายก่ายกอง ตอนนั้นจะว่ากันก็ไม่ได้ เพราะการคมนาคมไม่สะดวกและ นักเล่นกล้วยไม้มีจำนวนจำกัด ไม่มีใครคิดจะเดินเข้าป่าเพื่อเก็บกล้วยไม้และ พันธุ์พืชอื่นๆ อย่างพวกยุโรป

อาจารย์ระพี ชี้ให้เห็นว่ากล้วยไม้ในป่าของเรามีอยู่มากมาย ท่านสอนวิธีผสมพันธุ์ทั้ง ในพวกเดียวกันและ ข้ามพวก อีกทั้งสอนวิธีเพาะเมล็ดกล้วยไม้ลงในขวดที่มีวุ้นสูตรเฉพาะ ทำให้เราได้ลูกผสมที่แตกต่างไปจากต้นเดิม

ขณะนั้นมีคนต้องการเลี้ยงกล้วยไม้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นยุคทองของคนที่เลี้ยงกล้วยไม้อยู่ก่อนแล้ว เพราะนักเลี้ยงกล้วยไม้หน้าใหม่จะไปขอซื้อลูกผสมหรือ กล้วยไม้ต้นดีๆ ทำให้กล้วยไม้บางต้นมีราคาเท่ากับรถยนต์ในสมัยนั้นหนึ่งคัน

ครั้งนั้นมีวารสารเกี่ยวกับกล้วยไม้ออกมาหลายเล่ม ชมรมหรือสมาคมก็ออกวารสารฉบับเล็กๆแจก การอบรมก็มีมากยิ่งขึ้น ในที่สุดกล้วยไม้ก็ล้นตลาดโดยไม่มีใครรู้ตัว


ถ้าจะเรียกว่าฟองสบู่มันแตกก็คงไม่ผิด คนเลี้ยงกล้วยไม้เอาแต่เก็งกำไร ทำให้กล้วยไม้ราคาสูงขึ้น แล้วมันก็มาถึงจุดหนึ่งที่มีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ จึงต้องพากันขาดทุน ทำให้มีการปรับตัวโดยธรรมชาติคือ นักเลี้ยงกล้วยไม้ส่วนหนึ่งต้องเลิกไป โดยเฉพาะพวกที่มีทุนหนาและเลี้ยงกล้วยไม้เพื่อให้ได้กำไรง่ายๆ ถ้าผมจำไม่ผิด นักเลี้ยงกล้วยไม้หายไปจากวงการถึง 90 %

ก่อนที่ฟองสบู่จะแตกนิดหน่อย ผมเริ่มเข้าไปซื้อกล้วยไม้ไม่มากนัก ถ้าฟองสบู่ไม่แตก ผมคงต้องเสียเงินอีกเยอะ เป็นอันว่าผมซื้อกล้วยไม้ได้ในราคาพอสมควร หลังจากการปรับตัวในครั้งนั้น ทำให้เรารู้ว่า เลี้ยงอะไรอยู่ได้ เลี้ยงอะไรอยู่ไม่ได้ ตอนนั้นคนที่เลี้ยงหวายกลับได้กำไร เพราะมีการส่งออกหวายไปต่างประเทศ จึงมีการกว้านซื้อหวายเอาไปชำ

ยุทธศาสตร์การเลี้ยงกล้วยไม้จึงเปลี่ยนไปเป็นการเลี้ยงหวายตัดดอก กล้วยไม้แขนงนี้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการผสมพันธุ์ทำให้ดอกสวยขึ้น ออกดอกง่ายขึ้นและทนทานต่อโรคดีขึ้น การเลี้ยงหวายตัดดอกขายได้กลายเป็นอาชีพที่มั่นคงของสวนกล้วยไม้ในประเทศไทย บางคนเลี้ยงอยู่เจ้าเดียวตั้ง 100 ไร่ บางคนเลี้ยง 50 ไร่ และ บางคนเลี้ยง 20 ไร่บ้าง นับว่าเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรที่นำเงินเข้าประเทศได้มากทีเดียว

ตัวผมเองไม่ได้คิดจะเอาดีทางด้านกล้วยไม้ เพียงแต่จะเลี้ยงเป็นงานอดิเรก เพราะหลังจากที่ผมเลิกทำฟันแล้ว ก็ต้องการมีอะไรทำเบาๆ โดยไม่หวังผลกำไร ที่ผมเรียกว่าเป็นงานอดิเรกนั้น เพราะว่ายังมีคนเลี้ยงกล้วยไม้อีกพวกหนึ่งที่เลี้ยงไว้คนละไม่มากนัก แต่เลี้ยงต้นดีๆ ที่ออกดอกสวยงามเอาไว้ประกวดกัน

กล้วยไม้ที่เอาประกวดกันไม่ใช่พวกหวาย จึงเป็นพวกแวนด้า เป็นต้น (สังเกตได้จากการปลูกในกระถางไม้และ มีลวดแขวนไว้กับราว) คนเหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นชมรมหรือสมาคมอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ในปีหนึ่งเขาจะมีการประกวดกัน 1-2 ครั้ง ผมเองก็ตามไปร่วมประกวดกับเขาเกือบทุกงาน ดังนั้น ปีหนึ่งๆ ผมจึงประกวดเกิน 10 ครั้ง

การเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อเข้าร่วมประกวดนั้น เจ้าภาพเขาดีใจมากที่เรามาจากที่ไกลๆและเขารู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณเรา ฉะนั้น เมื่อมีการประกวดกล้วยไม้ที่เชียงใหม่ เขาจะเอากล้วยไม้ขึ้นมาประกวดด้วยเพื่อเป็นการตอบแทน

ผมรู้สึกสนุกกับการได้คบหาสมาคมกับเพื่อนๆต่างจังหวัดและได้เห็นกล้วยไม้สวยๆของเพื่อน ตอนนั้นอาจจะมีการซื้อขายกัน ถ้าราคาน่าพอใจ ผมก็จะซื้อมาเพิ่มไว้ในรังของผมเหมือนกัน คนที่เลี้ยงเพื่อประกวดประขัน มักจะผสมพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ทำไม้ขวดเอาไว้ขาย คือเราผสมเอาไว้เลี้ยงเองไม่มากนัก

เมื่อเลี้ยงจนโตแล้ว เราได้เห็นดอกหรือผลงานของเราเองออกมาดีเราก็มีความสุข ถ้าออกมาไม่ดีเราก็ไม่ทุกข์ เพราะมันควรจะเป็นอย่างนั้น.

ในระยะแรก ก่อนที่เราจะมีพันธุ์กล้วยไม้สำหรับเลี้ยงเพียงพอ เราได้สั่งกล้วยไม้ลูกผสมมาจากฮาวายเป็นส่วนใหญ่ ในครั้งหนึ่ง ในกระถางเล็กๆประมาณ 20 กว่าต้น เมื่อมาถึงเมืองไทยแล้ว ก็แบ่งขายกันไปคนละหลายต้น

ในจำนวนนี้ มีอยู่ 3 ต้นที่ออกดอกมาแล้วมีความสวยและมีความเหมาะสมที่จะเลี้ยง คือมีสีแดงเลือดหมูสด ก้านช่อยาว ดอกดกและทนทานต่อโรค จึงมีการแยกหน่อเพื่อขยายให้จำนวนมากขึ้น ทุกคนที่เลี้ยงกล้วยไม้มักจะมีต้นนี้ หวายลูกผสมนี้ ผู้ผสมพันธุ์เขาตั้งชื่อว่าหวายปอมปาดัว แต่คนไทยชอบเรียกว่ามาดามปอมปาดัว ภายหลังเรียกว่ามาดามเฉยๆ อาจจะเป็นเพราะว่า พวกเลี้ยงกล้วยไม้สมัยนั้นมีความรู้ทางประวัติศาสตร์ก็ได้

มาดามปอมปาดัว เป็นสนมเอกของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และมีอิทธิพลสูง มีนักธุรกิจคนหนึ่งชื่อ มิสเตอร์ ลี ได้มาเห็นความสวยงามของหวายมาดาม จึงคิดว่าน่าจะส่งไปขายต่างประเทศ มิสเตอร์ ลี เป็นนักธุรกิจ ย่อมจะมองเห็นโอกาสในสิ่งต่างๆเป็นอย่างดี จึงได้นำมาดามส่งไปให้ผู้ค้าดอกไม้ในต่างประเทศดูอยู่หลายช่อ ทางต่างประเทศพอใจมาก เพราะเขาไม่เคยมีช่อหวายไว้ปักแจกัน จึงขอซื้อทั้งหมดที่เรามีอยู่

มิสเตอร์ ลี ให้ราคาสูง ช่อหนึ่ง นับตามจำนวนดอกได้ช่อละ 10 กว่าบาท คนไทยจึงให้ความสนใจกับการเลี้ยง หวายปอมปาดัว มีการกว้านซื้อแล้วนำมาแบ่งขยาย (ตอนนั้นยังไม่มีการปั่นตาหรือ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ) จึงมีฟาร์ม หรือสวนที่เลี้ยงหวายล้วนๆ ฟาร์มละนับหมื่นต้น การขายช่อหวายเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งออกหวายตัดดอกซึ่งได้เจริญขึ้นและทำให้มีหวายชนิดอื่นๆตามมา

เมื่อคนซื้อช่อหวายไปนานๆอาจจะรู้สึกเบื่อ จึงมีการผสมพันธุ์ขึ้นมาใหม่ๆและได้สีร้อยแปด ตั้งแต่ขาว เหลือง แดง ชมพูและม่วง เราผสมหวายจนมีให้เลือกมากมาย การผสมพันธุ์หวายของเมืองไทยนั้นถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง นักผสมพันธุ์หวายเมื่อเลี้ยงแล้วได้ต้นสวย ดอกดก ก้านช่อยาว ทนต่อโรคและ เลี้ยงง่าย ก็จะนำไปเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (ปั่นตา) ซึ่งจะได้ต้นอ่อนเป็นหมื่นๆต้น จากนั้นก็จะนำไปขายให้แก่ฟาร์มกล้วยไม้ที่เลี้ยงเพื่อตัดดอก

เมื่อทำเช่นนี้เรื่อยๆ เราจึงมีหวายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้นมาตลอด ส่วนพันธุ์เก่าที่ไม่ค่อยได้ใช้ เขาจะนำมาขายภายในประเทศโดยส่งไปที่ปากคลองตลาด ส่วนทั้งต้นและ ดอกก็จะนำไปขายให้แก่ ร้านขายกล้วยไม้ปลีกในราคาไม่แพง ซึ่งผู้ซื้ออาจจะนำไปประดับตามร้านอาหารหรือนำไปเกาะต้นไม้ตามแต่ต้องการ หวายที่อายุมากและดอกไม่ค่อยดีแล้ว เขาจะเอาไปทิ้งหรือยกให้คนอื่นไป

การเลี้ยงกล้วยไม้ก็เป็นธุรกิจเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ มีขึ้นมีลง ถ้าเศรษฐกิจมีปัญหา สิ่งแรกที่เขาไม่ซื้อคงจะเป็นกล้วยไม้ ดังนั้น ปี 2540 และ 2551 พวกเลี้ยงกล้วยไม้เป็นธุรกิจ คงจะลำบาก มันเป็นวัฎจักรเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ

นอกจากนั้นในปีที่ปกติ ราคาดอกหวายก็ไม่เท่ากัน ขณะฤดูหนาวในต่างประเทศเขามีหิมะตกและ ไม่สามารปลูกดอกไม้นอกบ้านได้ เขาจะสั่งซื้อดอกหวายจากเรามาก ทำให้ราคาสูง พอเข้าฤดูใบไม้ผลิ เขาสามารถปลูกดอกไม้ได้เอง เช่น ทิวลิป ตามสวนสาธารณะหรือสวนหลังบ้าน ความต้องการหวายจากเราก็จะลดน้อยลง ทำให้ราคาถูกอย่างไม่นาเชื่อ บางที่ช่อหนึ่งขายออกจากหน้าฟาร์มได้บาทกว่าเท่านั้น


ถ้าผู้ใดคิดจะทำธุรกิจเกี่ยวกับกล้วยไม้ ไม่ว่าจะขายเป็นช่อดอกหรือขายทั้งต้น ผมขอแนะนำว่า ควรจะศึกษาให้ดีและลองทำแต่น้อยๆ ก่อน

(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)





ไตเติ้ล ภาพยนตร์เรื่องเรือนแพ




เพลงเงาไม้ โดย สวลี ผกาพันธ์




Create Date : 07 กันยายน 2552
Last Update : 7 กันยายน 2552 17:52:44 น. 21 comments
Counter : 2101 Pageviews.  

 
กราบคุณลุงด้วยความเคารพอย่างสูง

ขอบคูณมากครับสำหรับหนังสือที่ส่งมาให้
ต้องขอโทษที่ผมทำบล็อกล่าช้า
เพราะว่าต้นฉบับที่เซฟมาวันก่อนไม่รู้ว่าเอาเก็บไว้ตรงไหน
เพิ่งได้รับต้นฉบับเมื่อวันสองวันนี้ก็ลงมือทำทันที
บล็อกนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ ผมแบ่งตอนให้สั้นลงนิดหนึ่ง
เพราะเกรงว่าจะยาวเกินไป
แล้วจะทยอยมาทำให้จนจบเรื่อง
ผมว่าสัปดาห์ละครั้งจะดีไหมครับ ?

หรือต้องการแก้ไขอย่างไรก็บอกผมมา
ผมยินดีและเต็มใจทำให้ครับ


โดย: โดม (บ้านผ่อดอยใน ) วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:18:03:05 น.  

 
ขอบคุณค่ะ คุณโดม ที่เสียสละเวลาทำบล็อกใหม่ให้คุณลุง เพลงก็เพราะนะะค่ะ ย้อนยุค ดีจัง


โดย: ติ๋มค่ะ IP: 112.142.125.31 วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:18:42:26 น.  

 
ตามมาให้กำลังใจพี่โดม และสวัสดีลุงสมค่ะ


ความยาวกำลังดีค่ะพี่โดม...

อ่านเรื่องธุรกิจกล้วยไม้ มีประโยชน์มากค่ะ

นักล่าฯชอบกล้วยไม้มากๆ เห็นเค้าขายมีดอกงามๆ ก็มักซื้อมาเลี้ยงบ่อยๆ(แต่ส่วนใหญ่ไปไม่รอด)

ชอบที่จะเห็นกล้วยไม้เลี้ยง มีการซื้อขายกันเยอะๆ

ส่วนกล้วยไม้ป่า...ขอให้อยู่ในป่านะคะ เห็นเขาซื้อขายกันเมื่อไหร่

มันปรี๊ดแตกค่ะ...

ป.ล.จะได้เป็นเฟรนด์บล็อกคนที่สองถัดจากพี่โดมมั้ยนะ ?



โดย: นักล่าน้ำตก IP: 111.84.105.58 วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:18:55:08 น.  

 
หนูขอมาเป็นมิตรคุณลุงสมด้วยคนนะคะ หนูชอบคำว่า
ไร่กูละเบื่อ จัง แล้วหนูจะแวะมาอ่านอีกนะคะ
แวะ สวัสดีพี่นักล่าน้ำตกผ่านบล็อคคุณลุงสมเลยแล้วกัน


โดย: ปรายฟ้า IP: 118.172.178.10 วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:7:49:00 น.  

 
นักล่าน้ำตก ปรายฟ้า แวะมาให้กำลังใจคุณลุงอีกนะค่ะ
ถ้ามีคนอ่าน หรือสนใจ คุณลุงบอกว่า จะเขียน อีกเรื่อย ๆ
และ ขอขอบคุณ คุณโดม อีกครั้งนะค่ะ

คุณลุง หัวเราะชอบใจ ที่ มีเพลง ให้ ฟัง ด้วย และยังบอกด้วยว่า เออ . เดี๋ยวนี้มีงี้ด้วยเหรอ


โดย: p tim IP: 112.142.119.74 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:11:48:36 น.  

 
คุณปรายฟ้า จะขออนุญาต คุณลุงนะค่ะ ว่า จะเล่าเรื่อง ป้าย ไร่กูละเบื่อ ได้หรือไม่ ถ้าอนุญาต ก็จะเล่าให้นะค่ะ


โดย: p tim IP: 112.142.114.56 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:14:30:30 น.  

 
หนูอยากให้คุณลุงสมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับป้าย
ไร่กูละเบื่อ จัง หนูจะรออ่านจากคุณลุงสมนะคะ
หนูชอบฟังเรื่องราวต่างๆในอดีต ทำให้รู้ว่าเพราะเหตุใด
จึงเป็นเช่นนั้น เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีไปไกลกว่าที่คิด
หนูก็ตามไม่ค่อยจะทัน เพลงเรือนแพหนูฟังมาตั้งแต่เด็ก
หนูชอบมาก หนูรู้สึกว่านักร้องสมัยก่อนร้องเพลงเพราะกว่าสมัยนี้ สมัยนี้มีตัวช่วยอัดเสียงให้เพราะได้

หนูขอให้คุณลุงสมมีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ หนูจะติดตามอ่านงานเขียนของคุณลุงสมค่ะ ขอบคุณพี่ติ๋ม
ด้วยนะคะขออนุญาติคุณลุงให้ได้นะคะ หนูเอาใจช่วย


โดย: ปรายฟ้า IP: 118.172.174.112 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:16:33:35 น.  

 
สวัสดีคุณลุงสมและพี่ติ๋มค่ะ
หนูลืมบอกไปว่าหนูไม่เคยฟังเพลง เงาไม้ แต่เคย
ฟังเพลง เรือนแพ ฟังแล้วอยากมีบ้านริมน้ำขึ้นมาทันที
แต่มีอีกเพลงหนึ่งที่หนูชอบมาก คือเพลง หยาดเพชร
หยาดหัวใจ ยังเคยคิดเล่นๆว่า ถ้ามีผู้ชายคนไหนร้องให้
หนูฟังหนูคงรักตายเลย
เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง
หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
หยาดเพ็ชรเกล็ดแก้วแววฟ้า
ร่วงมาจากฟ้าหรือไร

หยาดมาแล้วอย่าช้ำโศก
พลอยคนทั้งโลกร้องไห้
หยาดเพชรเกล็ดแก้วผ่องใส
นั้นอยู่ไกลเกินผูกพันธ์

แม้ยามเพชรหยาดจากฟ้า
ร่วงหล่นมาฟ้าคงไหวหวั่น
ดวงดาวก็พลอยเฝ้าโศกศัลย์
มิอาจกลั้นน้ำตาอาลัย

เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว
เผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่
หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส
แม้อยู่ในความมืดมน


โดย: ปรายฟ้า IP: 118.172.180.19 วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:8:27:16 น.  

 
สวัสดีครับคุณลุงที่เคารพอย่้างสูง


ขออนุญาตเอาเพลง "หยาดเพชร" มาฝากหนูปรายฟ้าที่นี่นะครับ






โดย: โดมใ (พ่อพเยีย ) วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:11:50:35 น.  

 
ผมขอบใจ ปรายฟ้า ที่คุณสนใจเรื่องป้าย ไร่กูละเบื่อ(เรื่องยาวหน่อยนะ)

พระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการและหม่อมอุบล ยุคล ได้มาเที่ยวหาผมที่บ้าน ที่โป่งแยง พระองค์เจ้า ชอบแถวนี้มาก บอกให้ผมหาที่ให้ ผมหาที่ได้ตรงปากซอย เป็นที่ ที่สวยกว่าที่ผมอยู่ เป็นภูเขาลูกเล็กๆ เหมาะที่จะปลูกบ้าน บนยอดเขา เมื่อได้ที่แล้ว ท่านจึงจ้างสถาปนิกคนหนึ่ง ซึ่งเรียนจบปริญญาโท จากอเมริกา สถาปนิกผู้นี้ มีบุคลิกลักษณะดีมาก สามารถเข้ากับท่านและหม่อม ได้ดี ท่านจึงตกลงจ้าง คนนี้เขียนแบบและก่อสร้างด้วย เริ่มต้นกันที่ 3 เดือนแล้วเสร็จ แต่3 เดือนก็ปลูกไปได้นิดเดียว ต่อเวลาไปอีก3 เดิอน ไปเสร็จเอา 3 ปี

ท่านหรือองค์ชายเล็กและหม่อยอุบล ได้สร้างหนังไว้หลายเรื่อง จึงรู้จักกับพวกดาราภาพยนต์ไทยทุกคน เมื่อตอนที่ท่านจะเชิญ ดารามาฉลองปีใหม่ที่นี่ ท่านเกรงว่าจะหาไม่บ้านไม่ถูก จึงตั้งชื่อบ้านว่า ไร่กูละเบื่อ ไว้ที่หน้าปากซอย
เหตุผล ของการตั้งชื่อนี้ มันอธิบายในตัวแล้ว


โดย: พี่ติ๋ม (บ้านผ่อดอยใน ) วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:20:13:57 น.  

 
ขอบคุณคุณลุงสมมากนะคะที่เล่าให้หนูฟัง
ความหมายอยู่ในตัวป้ายจริงๆ แล้วหนูจะแวะมาคุย
เป็นเพื่อนคุณลุงอีกนะคะ


โดย: ปรายฟ้า IP: 118.172.174.233 วันที่: 11 กันยายน 2552 เวลา:7:42:48 น.  

 
สวัสดีอีกครั้งค่ะคุณลุง พอคุณลุงพูดถึงภาพยนต์
ไทย ทำให้หนูนึกถึงหนังไทยอยู่เรื่องหนึ่ง หนูจำชื่อ
เรื่องไม่ได้ แต่หนูจำเค้าโคลงของเรื่องได้ เรื่องมีอยู่ว่า
มีชายแก่อยู่คนหนึ่ง เป็นชายแก่ผู้ร่ำรวย ได้เด็ก
สาวคราวลูกมาเป็นเมีย อยู่ไปอยู่มามีหนุ่มวัยเดียวกัน
มารู้จักมักจี่กับเมียสาวของตน จนเมียสาวกับชายหนุ่ม
สนิทสนมกันจนรักกัน ชายหนุ่มจึงไปเอ่ยปากขอเมียสาว
กับชายแก่
ชายแก่อนุญาติ แต่มีข้อแม้อยู่ว่า ต้องมาอยู่ด้วย
กันที่นี่อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน 3 คน ให้อยู่เฉพาะในบ้าน
ห้ามออกไปไหน และชายหนุ่มกับหญิงสาวต้องใส่
กุญแจมือไว้ด้วยกันตลอดเวลา เพื่อแสดงว่าชายหนุ่มรัก
หญิงสาวคนนั้นจริงๆและจะไม่ทอดทิ้งเธอไปไหน
ชายหนุ่มตกลง แล้วทั้งสองก็ใช้ชีวิตกันอย่างมี
ความสุข ร้องรำทำเพลง เล่นเปียโน ผลัดกันร้อง
ผลัดกันเล่น ต่อหน้าชายแก่ทุกวัน
จนวันหนึ่งชายหนุ่มเกิดเบื่อหญิงสาวขึ้นมา ทั้งสอง
ทะเลาะกันอย่างรุนแรง หญิงสาวเฝ้าถามถึงความรักที่
ชายหนุ่มเคยมอบให้ แต่ชายหนุ่มกลับตอบว่า ตอนนี้
เค้าต้องการอิสรภาพ จากนั้นทั้งสองจึงไปหาชายแก่
ชายแก่ตอบเพียงว่าอิสรภาพอยู่ในห้องของเธอทั้งคู่
เปิดลิ้นชักดูก็จะพบกับอิสรภาพ เมื่อทั้งสองเปิดดูก็พบ
ปืน ชายหนุ่มบอกลาหญิงสาวและจะฆ่าตัวตาย หญิง
สาวไม่ยอม ทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่อย่างนั้นหลายวัน
จนวันนึงฝ่ายชายหลับไป หญิงสาวจึงหยิบปืนขึ้นมาแล้ว
ฆ่าตัวตาย ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาพบว่าหญิงสาวตายไปแล้ว
จึงอุ้มร่างเธอเพื่อไปฝัง ชายแก่มอบกุญแจปลดล๊อคให้
ตลอดทางที่เดินชายหนุ่มเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างมารุมด่าที่บ้านชายแก่ แต่ความจริงแล้วพอชายหนุ่มอุ้มร่างของหญิงสาวไป ชายแก่ก็ฆ่าตัวตายตามเธอ...

ปรายไม่รู้ว่าใครรักหญิงสาวคนนี้มากกว่ากัน แต่ปราย
ชอบความรักของชายแก่ ที่พยายามบอกเธอเป็นนัย
ว่า ใช่จะรักกันอย่างเดียวแต่ต้องมีความเข้าใจกันด้วย
และความหมายของการใช้ชีวิตคู่มันต้องมีองค์ประกอบ
อีกหลายอย่าง


โดย: ปรายฟ้า IP: 118.172.182.237 วันที่: 11 กันยายน 2552 เวลา:9:21:04 น.  

 
ขอโทษด้วนนะคะ หนูลืมขยับตัวอักษร
เลยติดกันเป็นพรืด


โดย: ปรายฟ้า IP: 118.172.186.204 วันที่: 11 กันยายน 2552 เวลา:11:36:12 น.  

 
สวัสดีคุณลุงค่ะ
หนูแวะมาแอดบล็อกคุณลุงไว้ค่ะ
พี่ติ๋มแนะนำมา
ไร่คุณลุงสวยจังเลยค่ะ
หนูเคยเห็นทางเข้าเวลาผ่านไปแถวโป่งแยง
เสียดาย...ไม่มีโอกาสได้แวะไปเที่ยว


โดย: สเลเต วันที่: 11 กันยายน 2552 เวลา:11:51:01 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณลุงสม คุณติ๋ม

และขอทักทายหนูปรายฟ้าด้วยนะคะ

ขอเข้ามาอ่านที่มาของชื่อไร่กูละเบื่อด้วยคน ...

อ่านแล้ว ขำๆ ฮาดีค่ะ...

กะเสร็จ 3 เดือน แต่ ปาไป 3 ปี สมควรเป็นไร่ กูละเบื่อจริงๆ...555


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 58.136.52.22 วันที่: 11 กันยายน 2552 เวลา:18:16:13 น.  

 
นอนหลับฝันดีนะคะ คุณลุงสมและพี่ติ๋ม


โดย: ปรายฟ้า IP: 118.172.172.205 วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:20:05:00 น.  

 
สวัสดีจ้ะ ปรายฟ้า ปานนี้คงหลับไปแล้วมั้ง วันนี้ พี่เหนื่อย ทั้งวันเพราะที่บ้าน ปรับปรุง ระเบียงบ้าน เตรียมรับลมหนาว ที่จะถึง เร็วนี้ ต้องเป็นคุณแจ๋วเองและ ยังคืนนี้นอนดึกอีก ไม่รู้ว่า พรุ้งนี้ จะตื่นกี่โมง

ขอบคุณนะจ้ะ ที่ทำให้ บล็อก คุณลุง ไม่เหงา


โดย: p tim (บ้านผ่อดอยใน ) วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:23:57:56 น.  

 
สวัสดี ค่ะ สเลเต คุณลุง ฝากมาบอกว่า ยินดีต้อนรับจ้ะ ถ้ามีโอกาส ก็แวะมาได้จ้ะ


นักล่าน้ำตก พี่ฟัง แล้ว ก็ขำเหมือนกัน แต่ที่แน่กว่านั้น เขาเล่าว่า บ้านของสถาปณิก สร้างเสร็จก่อน ท่าน เพราะอะไรนั้น ก็ คงเดาออกนะจ้ะ ฮา ๆ(ท่านคงขำไม่ออก เจ้าค่ะ)


โดย: p tim (บ้านผ่อดอยใน ) วันที่: 14 กันยายน 2552 เวลา:0:09:08 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณลุงสม
สวัสดีค่ะพี่ติ๋ม

เมื่อวานพี่ติ๋มคงเหนื่อยนะคะ แต่พอหน้าหนาวมาถึง ระเบียงบ้านที่ปรับปรุงแล้ว คงนำความชื่นใจมาให้อย่างแน่นอนค่ะ
อ่านบล็อกของคุณลุงครบทั้ง 4 บล็อกแล้ว สนุกมากเลยค่ะ
แต่คุณลุงยังไม่ได้เล่าเรื่องทำฟันสมัยก่อน อยากฟังค่ะ ว่าเครื่องมือเหมือนสมัยนี้หรือเปล่า แล้วเสียงหวาดเสียวกว่าสมัยนี้หรือเปล่าน่ะค่ะ
ขอให้คุณลุงมีสุขภาพแข็งแรง และขอให้พี่ติ๋มมีกำลังกายกำลังใจหายเหนื่อยนะคะ


โดย: ม่านฝน IP: 202.149.25.234 วันที่: 14 กันยายน 2552 เวลา:6:33:03 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณลุงสม และคุณพี่ติ๋ม(ขออนุญาตเรียกพี่นะคะ)
บ้านคุณลุงดูร่มเย็นและสงบมากค่ะ
ถ้ามีโอกาสมาโป่งแยง ขออนุญาตมาขอพบคุณบ้างสักครั้งนะคะ
จะติดตามและมาคุยเป็นเพื่อนคุณลุงเสมอๆ ค่ะ



โดย: addsiripun วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:10:00:38 น.  

 
คุณแอ๊ด ยินดีเลยค่ะถ้ามาเชียงใหม่ก็เชิญนะค่ะ ติ๋มก็ชื่นชม บ้านของคุณจังเลย ให้ความรู้เยอะมาก และอ่านบล็อกของคุณมากนานแล้วค่ะ แต่ไม่ได้คอมเมนท์ค่ะ


โดย: p tim IP: 114.128.208.62 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:21:20:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บ้านผ่อดอยใน
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add บ้านผ่อดอยใน's blog to your web]