86 ปีแห่งความทรงจำของทันตแพทย์ สม อิศรภักดี เขียนที่....บ้านผ่อดอยใน....ตำบลโป่งแยง...อ.แม่ริม....จ.เชียงใหม่
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
3 มีนาคม 2553

ถกเขมร 3







ถกเขมร 3

ผมยังคงสงสัยตลอดมาว่า ใครเป็นคนสร้าง นครวัด นครธม คนอื่นก็สงสัยเหมือนกันทุกคน รู้แต่ว่า ขอม เป็นคนสร้างและ ขอมคือใคร ตอนนี้ ขอมไปไหนหมด ผมไปนครวัด
นครธม อีกครั้งหนึ่ง เพราะยังให้ความสนใจอยู่ ความจริงผมคิดอยู่แล้วว่า น่าจะเป็นใคร แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้

ผมให้ข้อสังเกตว่า นครวัด นครธม มาพร้อมกับศาสนาพรามห์และ ศาสนาพุทธพร้อมทั้งรากภาษาภาษาบาลีสันสฤต บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ที่เราเรียกว่าอาเซียนปัจจุบันนั้น ยังไม่ได้เป็นประเทศต่างๆเหมือนปัจจุบัน คงมีพลเมืองไม่มากนักและอยู่แยกกันเป็นอาณาจักรเล็กๆ บางทีก็รบกันเองบางทีก็เป็นพวกเดียวกัน นับถือผี เจ้าป่า เจ้าเขาเหมือนกับคนทั่วๆไปในโลกนี้ ก่อนที่จะมีศาสนามาถึง

สงสัยมานานแล้วว่าพวกที่มาสร้างนครวัด นครธม น่าจะเป็นคนที่มาจากประเทศอินเดียเพราะตอนนั้นประเทศอินเดียเจริญ ในทุกๆด้านมาก ผมไม่อาจกล่าวได้เต็มปากเต็มคำเพราะไม่รู้จะพิสูจน์ยังไง

บังเอิญผมได้ดูสารคดีที่ผลิตโดยคนไทย เรื่องตามรอยพระพุทธเจ้า ผมแนะนำให้ทุกคนซื้อไว้ประจำบ้านเอาไว้ให้ลูกหลานดูอาจจะซื้อได้ที่ อสมท.( ช่อง9 ) ในสารคดีนั้นมีบางตอนได้กล่าวถึงวัดถ้ำ โดยเขาเจาะหน้าผาเข้าไปเป็นโพรงขนาดใหญ่ เป็นที่อยู่ของพระสงฆ์บ้าง เป็นโบสถ์มีขนาดใหญ่บ้าง ไว้ทำกิจกรรมของสงฆ์ ผนังของโบสถ์มีรูปแกะสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติ ถ้ำที่เจาะเข้าไปแบบเดียวกันนี้ มีของศาสนาพรามห์ ศาสนาพุทธ ฝ่ายมหาญานย์ ฝ่ายเถรวาทย์และ ศาสนา เชน วัดถ้ำเหล่านี้มีเป็นร้อยแห่ง มีอยู่ 2 แห่งที่จะกล่าวถึง คือ วัดถ้ำอะชันตาและ อีกแห่งคือวัดถ้ำออโรร่า วัดถ้ำของฮินดูที่ออโรร่า ถือว่าสวยที่สุดและ ใกล้เคียงกับการแกะสลักที่นครวัด เป็นรูปเทพเจ้าของ ศาสนาพรามห์และ มีรูปแกะสลักของนางอัปสร การแกะสลักในอินเดียเจริญ ถึงขั้นสุดยอดในสมัยคุปตะ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 10

ผมได้กล่าวถึงศาสนา เชน ซึ่งไม่คุ้นหูผมกับคนไทยรวมทั้งตัวผมเองก็เพิ่งรู้จากการดูสารคดีนี้( ตามรอยพระพุทธเจ้า ) ศาสนาเชน เกิดขึ้นมานานใกล้เคียงกับศาสนาพุทธและมีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน คือ เห็นว่าทรัพย์สมบัติต่างๆนั้นเป็นกิเลส ถ้าจะตัดกิเลสออกก็ไม่ควรมีทรัพย์สมบัติอะไรเลย พระเชนไม่สวมเสื้อผ้าจึงเดินเปลือยกาย ภาชนะที่จะใส่อาหารก็ไม่มี เมื่อใครจะถวายอาหาร ก็ต้องหยิบอาหาร มาใส่ที่มือของพระ แล้วพระจึงฉันท์ ผมที่ศรีษะและหนวดเคราต้องเอาออกเหมือนกัน แบบเดียวกับพระสงฆ์ ในศาสนาพุทธแต่ให้ใช้มือดึงผมและหนวดเคราออกจนหมด ผมฟังแล้วสยองเสียวสันหลังไปถึงก้นกบ นักบวชในศาสนาเชนไม่มีมาก ท่านจะสั่งสอนไม่ให้ยึดถือวัตถุ โดยมีความประสงค์ที่จะให้หมดกิเลสแบบเดียวกับศาสนาพุทธ แต่วิธีการที่มันสยองเกินไป จึงมีนักบวชไม่มากนัก ผมยังสงสัยว่าท่านจะนอนที่ไหน เวลาอากาศหนาวเย็นท่านจะทำอย่างไร

เรือสินค้าที่เดินทางมาจากอินเดีย เพื่อไปค้าขายกับเมืองจีนจำเป็นต้องผ่าน ช่องแคบมะละกา มิฉะนั้นจะต้องอ้อมเกาะสุมาตราในสมัยนั้นก็ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แม้ในปัจจุบันเรือสินค้าก็ยังผ่านยังช่องแคบนี้เพื่อลดต้นทุน บริเวณตะวันออกเฉียงใต้นี้มีป่าร้อนชื้น เพราะอยู่ในเขตมรสุมจึงเหมาะแก่การเพราะปลูกและมีความหลากหลายของพืชและสัตว์ พืชหลายอย่างเป็นยา เป็นเครื่องเทศ สุดท้ายชาวอินเดียก็แผ่อำนาจเข้ายึดครองบริเวณนี้ทั้งหมดและนำภาษา วัฒนธรรม ศาสนา เข้ามาด้วย จึงไม่น่าสงสัยว่าช่างที่สร้าง นครวัด นครธม จึงจะไม่ใช่ช่างจากอินเดีย

บริเวณที่เป็นประเทศอินโดนิเซีย และที่แหลมมลายู เราอาจจะไม่ได้เห็นความชัดเจนของศาสนาพรามห์และภาษารากฐานจากอินเดีย ทั้งนี้เนื่องจากอีกหลายร้อยปีต่อมา ชาวมุสลิมก็เดินทางซ้ำรอยเดิมกับที่ชาวอินเดียเคยมา และเข้ายึดครองบริเวณที่กล่าวมาแล้วทำให้หลักฐานต่างๆ ของศาสนาพรามห์และพุทธเกือบหายไปหมด ยังเหลือที่ ปุโลพุทธโธและที่เกาะบาหลี ส่วนที่เป็นบริเวณประเทศไทยและเขมร ไม่ได้รับการรบกวนจึงยังเหลือร่องรอยให้เห็นอยู่มาก

ผมตั้งข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งเมื่อประเทศทางยุโรป เดินเรือมาติดต่อกับประเทศอินเดียและจีนก็ได้ผ่านทางเดิม คือ ช่องแคบมะละกา สุดท้าย ชาวดัช ( เนเธอแลนด์ ) ได้ยึดครองบริเวณที่เป็นประเทศอินโดนิเซีย ชาวฝรั่งเศสไปยึดครองบริเวณที่ เป็นญวน เขมร และลาว อังกฤษยึดอินเดียพม่าและแหลมมลายู โปตุเกสยึดบางส่วนของอินเดีย ที่เรียกว่า แคว้นกัว ซึ่งมีขนาดใหญ่ประมาณ 1 ใน 6 หรือ 7 ของอินเดีย

ประเทศบริเวณนี้ รวมทั้งประเทศไทยด้วยได้รับอิทธิพลมาจากผู้ที่เคยรุกราน ซึ่งไม่แปลกอะไร เพราะประเทศต่างๆส่วนใหญ่ในโลกก็ได้รับอิทธิพล วัฒนธรรมจากประเทศอื่นที่เข้ายึดครอง.


--------------------------------------------






Create Date : 03 มีนาคม 2553
Last Update : 3 มีนาคม 2553 9:36:22 น. 3 comments
Counter : 1486 Pageviews.  

 
สวัสดีครับคุณลุง


ดีใจจังที่คุณติ๋มอัพบล็อกเป็นแล้ว
ช่วงนี้ผมยังอยู่ที่ดอยวาวี
กำลังเตรียมตัวกลับบ้านปลายเดือนนี้ครับ


สวัสดีครับคุณติ๋ม

ช่วงนี้ไม่ได้คุยกันเลย
บ้านเสร็จหรือยังครับ ?


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:13:32:06 น.  

 
กราบสวัสดีคุณลุง และสวัสดีเมื่อค่ำค่ะพี่ติ๋ม

นู๋ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมค่ะ
ต้องไปวุ่นวายกะเด็ก ๆ บ้าง ผู้ใหญ่บ้าง
ไปโรงเรียนและชุมชน ทั้งพื้นราบและบนดอย
ถ้าไม่ได้ออกสนาม นู๋ก็อยู่ออฟฟิศล่ะค่ะ

กลางเดือนนี้
ก็จะไปอยู่ค่ายพัฒนาเยาวชน 4 ประเทศ ที่แม่สะเรียง
เกือบ2อาทิตย์ ไม่ไกลจากตัวเมืองแม่สะเรียงเท่าไหร่
เตรียมรับมือกับอากาศร้อนเปรี้ยง ๆ แล้วล่ะค่ะ

อากาศเปลี่ยนจนตามไม่ทัน
เพิ่งค่อยยังชั่วกับการป่วยไข้

เดี๋ยวจะตามไปอ่านตัวหนังสือของคุณลุงต่อ
แวะมาสวัสดีกันก่อนค่ะ


โดย: ฮักน้ำปิง วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:21:14:58 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณโดม ขอบคุณค่ะ ก็เพราะเกรงใจคุณนะแหละถึงพยามยาม เอาจนได้ ยังไงๆ สักวันก็ต้องมีเรื่องรบกวนคุณอีก ยังอยู่ที่วาวีเหรอ คิดว่ากลับกรุงเทพฯ แล้ว ซะอีก

บ้านติ๋มคงเสร็จประมาณ สิ้นเดือนนี้ (ช่างเขาว่า) วันหน้า ถ้าว่างก็เชิญนะค่ะ

สวัสดีจ้ะ ฮักนำปิง ถ้าจะสนุกหนะ วันๆ คงมีเรื่องให้ลุย น่าอิจฉา กับการทำงานเกี่ยวกับการให้และได้สัมผัสกับชีวิตที่เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

อากาศร้อน ใบไม้ร่วงมาก มาก เต็มบ้าน เห็นแล้วเศร้า เพราะขี้เกียจ กวาดนะ ฮิฮิ มันจะร้อนอีกนานไหมเนี้ย
แล้วจะบอกคุณลุงว่า ฮักนำปิง มาอ่านแล้ว


โดย: บ้านผ่อดอยใน วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:15:17:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บ้านผ่อดอยใน
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add บ้านผ่อดอยใน's blog to your web]