|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
3 มีนาคม 2553
|
|
|
|
ถกเขมร 3
ถกเขมร 3
ผมยังคงสงสัยตลอดมาว่า ใครเป็นคนสร้าง นครวัด นครธม คนอื่นก็สงสัยเหมือนกันทุกคน รู้แต่ว่า ขอม เป็นคนสร้างและ ขอมคือใคร ตอนนี้ ขอมไปไหนหมด ผมไปนครวัด นครธม อีกครั้งหนึ่ง เพราะยังให้ความสนใจอยู่ ความจริงผมคิดอยู่แล้วว่า น่าจะเป็นใคร แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้
ผมให้ข้อสังเกตว่า นครวัด นครธม มาพร้อมกับศาสนาพรามห์และ ศาสนาพุทธพร้อมทั้งรากภาษาภาษาบาลีสันสฤต บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ที่เราเรียกว่าอาเซียนปัจจุบันนั้น ยังไม่ได้เป็นประเทศต่างๆเหมือนปัจจุบัน คงมีพลเมืองไม่มากนักและอยู่แยกกันเป็นอาณาจักรเล็กๆ บางทีก็รบกันเองบางทีก็เป็นพวกเดียวกัน นับถือผี เจ้าป่า เจ้าเขาเหมือนกับคนทั่วๆไปในโลกนี้ ก่อนที่จะมีศาสนามาถึง
สงสัยมานานแล้วว่าพวกที่มาสร้างนครวัด นครธม น่าจะเป็นคนที่มาจากประเทศอินเดียเพราะตอนนั้นประเทศอินเดียเจริญ ในทุกๆด้านมาก ผมไม่อาจกล่าวได้เต็มปากเต็มคำเพราะไม่รู้จะพิสูจน์ยังไง
บังเอิญผมได้ดูสารคดีที่ผลิตโดยคนไทย เรื่องตามรอยพระพุทธเจ้า ผมแนะนำให้ทุกคนซื้อไว้ประจำบ้านเอาไว้ให้ลูกหลานดูอาจจะซื้อได้ที่ อสมท.( ช่อง9 ) ในสารคดีนั้นมีบางตอนได้กล่าวถึงวัดถ้ำ โดยเขาเจาะหน้าผาเข้าไปเป็นโพรงขนาดใหญ่ เป็นที่อยู่ของพระสงฆ์บ้าง เป็นโบสถ์มีขนาดใหญ่บ้าง ไว้ทำกิจกรรมของสงฆ์ ผนังของโบสถ์มีรูปแกะสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติ ถ้ำที่เจาะเข้าไปแบบเดียวกันนี้ มีของศาสนาพรามห์ ศาสนาพุทธ ฝ่ายมหาญานย์ ฝ่ายเถรวาทย์และ ศาสนา เชน วัดถ้ำเหล่านี้มีเป็นร้อยแห่ง มีอยู่ 2 แห่งที่จะกล่าวถึง คือ วัดถ้ำอะชันตาและ อีกแห่งคือวัดถ้ำออโรร่า วัดถ้ำของฮินดูที่ออโรร่า ถือว่าสวยที่สุดและ ใกล้เคียงกับการแกะสลักที่นครวัด เป็นรูปเทพเจ้าของ ศาสนาพรามห์และ มีรูปแกะสลักของนางอัปสร การแกะสลักในอินเดียเจริญ ถึงขั้นสุดยอดในสมัยคุปตะ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 10
ผมได้กล่าวถึงศาสนา เชน ซึ่งไม่คุ้นหูผมกับคนไทยรวมทั้งตัวผมเองก็เพิ่งรู้จากการดูสารคดีนี้( ตามรอยพระพุทธเจ้า ) ศาสนาเชน เกิดขึ้นมานานใกล้เคียงกับศาสนาพุทธและมีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน คือ เห็นว่าทรัพย์สมบัติต่างๆนั้นเป็นกิเลส ถ้าจะตัดกิเลสออกก็ไม่ควรมีทรัพย์สมบัติอะไรเลย พระเชนไม่สวมเสื้อผ้าจึงเดินเปลือยกาย ภาชนะที่จะใส่อาหารก็ไม่มี เมื่อใครจะถวายอาหาร ก็ต้องหยิบอาหาร มาใส่ที่มือของพระ แล้วพระจึงฉันท์ ผมที่ศรีษะและหนวดเคราต้องเอาออกเหมือนกัน แบบเดียวกับพระสงฆ์ ในศาสนาพุทธแต่ให้ใช้มือดึงผมและหนวดเคราออกจนหมด ผมฟังแล้วสยองเสียวสันหลังไปถึงก้นกบ นักบวชในศาสนาเชนไม่มีมาก ท่านจะสั่งสอนไม่ให้ยึดถือวัตถุ โดยมีความประสงค์ที่จะให้หมดกิเลสแบบเดียวกับศาสนาพุทธ แต่วิธีการที่มันสยองเกินไป จึงมีนักบวชไม่มากนัก ผมยังสงสัยว่าท่านจะนอนที่ไหน เวลาอากาศหนาวเย็นท่านจะทำอย่างไร
เรือสินค้าที่เดินทางมาจากอินเดีย เพื่อไปค้าขายกับเมืองจีนจำเป็นต้องผ่าน ช่องแคบมะละกา มิฉะนั้นจะต้องอ้อมเกาะสุมาตราในสมัยนั้นก็ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แม้ในปัจจุบันเรือสินค้าก็ยังผ่านยังช่องแคบนี้เพื่อลดต้นทุน บริเวณตะวันออกเฉียงใต้นี้มีป่าร้อนชื้น เพราะอยู่ในเขตมรสุมจึงเหมาะแก่การเพราะปลูกและมีความหลากหลายของพืชและสัตว์ พืชหลายอย่างเป็นยา เป็นเครื่องเทศ สุดท้ายชาวอินเดียก็แผ่อำนาจเข้ายึดครองบริเวณนี้ทั้งหมดและนำภาษา วัฒนธรรม ศาสนา เข้ามาด้วย จึงไม่น่าสงสัยว่าช่างที่สร้าง นครวัด นครธม จึงจะไม่ใช่ช่างจากอินเดีย
บริเวณที่เป็นประเทศอินโดนิเซีย และที่แหลมมลายู เราอาจจะไม่ได้เห็นความชัดเจนของศาสนาพรามห์และภาษารากฐานจากอินเดีย ทั้งนี้เนื่องจากอีกหลายร้อยปีต่อมา ชาวมุสลิมก็เดินทางซ้ำรอยเดิมกับที่ชาวอินเดียเคยมา และเข้ายึดครองบริเวณที่กล่าวมาแล้วทำให้หลักฐานต่างๆ ของศาสนาพรามห์และพุทธเกือบหายไปหมด ยังเหลือที่ ปุโลพุทธโธและที่เกาะบาหลี ส่วนที่เป็นบริเวณประเทศไทยและเขมร ไม่ได้รับการรบกวนจึงยังเหลือร่องรอยให้เห็นอยู่มาก
ผมตั้งข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งเมื่อประเทศทางยุโรป เดินเรือมาติดต่อกับประเทศอินเดียและจีนก็ได้ผ่านทางเดิม คือ ช่องแคบมะละกา สุดท้าย ชาวดัช ( เนเธอแลนด์ ) ได้ยึดครองบริเวณที่เป็นประเทศอินโดนิเซีย ชาวฝรั่งเศสไปยึดครองบริเวณที่ เป็นญวน เขมร และลาว อังกฤษยึดอินเดียพม่าและแหลมมลายู โปตุเกสยึดบางส่วนของอินเดีย ที่เรียกว่า แคว้นกัว ซึ่งมีขนาดใหญ่ประมาณ 1 ใน 6 หรือ 7 ของอินเดีย
ประเทศบริเวณนี้ รวมทั้งประเทศไทยด้วยได้รับอิทธิพลมาจากผู้ที่เคยรุกราน ซึ่งไม่แปลกอะไร เพราะประเทศต่างๆส่วนใหญ่ในโลกก็ได้รับอิทธิพล วัฒนธรรมจากประเทศอื่นที่เข้ายึดครอง.
--------------------------------------------
Create Date : 03 มีนาคม 2553 |
Last Update : 3 มีนาคม 2553 9:36:22 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1486 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: พ่อพเยีย วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:13:32:06 น. |
|
|
|
โดย: ฮักน้ำปิง วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:21:14:58 น. |
|
|
|
| |
|
|
บ้านผ่อดอยใน |
|
|
|
|
ดีใจจังที่คุณติ๋มอัพบล็อกเป็นแล้ว
ช่วงนี้ผมยังอยู่ที่ดอยวาวี
กำลังเตรียมตัวกลับบ้านปลายเดือนนี้ครับ
สวัสดีครับคุณติ๋ม
ช่วงนี้ไม่ได้คุยกันเลย
บ้านเสร็จหรือยังครับ ?