86 ปีแห่งความทรงจำของทันตแพทย์ สม อิศรภักดี เขียนที่....บ้านผ่อดอยใน....ตำบลโป่งแยง...อ.แม่ริม....จ.เชียงใหม่
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
4 กรกฏาคม 2553

นายสายบัว 2










พี่บัว 2

ครั้งนั้น ผมเข้าใจว่ามีโรงแรม ที่ฝรั่งมาอยู่เพียง 2 แห่งคือ โอเรียนเต็ลและ โทรกะเดโร ซึ่งพี่บัวมักจะไปหาลูกค้าที่ โรงแรม ทั้ง2 แห่งนี้ พี่บัวแนะนำให้เพิ่มเติมคือ นอกเหนือจากวัดพระแก้ว แล้วก็จะพาไปดูวัดโพธิ์ และวัด เบญจมบพิตร ซึ่งเรียกเป็นภาษาฝรั่งว่า วัดหินอ่อน นอกจากนั้นแนะนำอีก รายการหนึ่งคือ ตลาดน้ำ แปลเป็น ภาษาอังกฤษว่า ตลาดลอยน้ำ ซึ่งฟังแล้วน่าเที่ยวกว่า ปัจจุบันรายการต่างๆ เหล่านี้ก็ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว

พี่บัวเป็นคนสติเฟื่อง คิดจะทำอะไรต่อ มิอะไร อยู่เรื่อย พี่บัวให้ภรรยา ชื่อ ละออ ซึ่งผมเรียกว่าพี่ ออ นำของที่ระลึก ใส่โต๊ะเล็กๆ ที่พับได้ ไปดักขายให้นักท่องเที่ยว ตามวันเวลา ที่จะนำทัวร์ ไปที่นั้น พี่บัวทำเป็นไม่รู้จักพี่ออ และนำนักท่องเที่ยวมาดูสินค้าและ อธิบายถึงสินค้าที่ควรจะนำกลับบ้าน นอกจากนี้ ยังอาสาพาฝรั่งไปซื้อของที่ระลึกที่อื่นๆ ซึ่งส่วนมากเขาอยากได้เครื่องประดับที่เป็น เพชรและ พลอย พี่บัวจะพาไปที่ร้าน ที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ว่าจะให้ค่าน้ำ 10-20 เปอร์เซนต์ ธรรมเนียมเรื่อง ค่าน้ำยังปฏิบัติกันจนถึงปัจจุบันนี้

พี่บัวน่าจะหาเงินได้ไม่น้อย แต่พี่ บัวยังแอบไปซื้อหญ้าให้ม้ากิน พี่ออ โกรธมากและ ยื่นคำขาดว่าเรื่องม้าจะเลิกหรือไม่เลิก ถ้าไม่เลิก ฉันจะเลิก พี่บัวยอมให้พี่ ออเป็นคนเก็บเงินไว้ทั้งหมด ฐานะของครอบครัวนี้ จึงดีขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ผมบอกแล้วว่าพี่บัว เป็นคนสติเฟื่อง ดังนั้นเขาจึงทำน้ำส้มคั้นสดส่งที่รถเสบียงของรถไฟ โดยตื่นตีสาม บีบส้มสดแล้วผสมน้ำและน้ำเชื่อม เมื่อชิมจนได้ที่ แล้วนำไปกรอกใส่ขวดแล้วแช่น้ำแข็ง ตอนเช้ามืด นำไปฝากรถเสบียงขาย โดยถ้ารถเสบียงขายได้ สองโหล จะแถมให้1 โหล ส่วนที่แถมนี้ให้ไปแบ่งกันเองในหมู่เจ้าพนักงาน

ในระหว่างสงครามนั้น พี่บัวพยามทำลิปสติกและ กระดาษก๊อปปี้ แต่ทดลองยังไม่สำเร็จ สงครามก็เลิกเสียก่อน หลังสงครามพี่บัว กลับไปประกอบอาชีพ มัคคุเทศก์ อย่างเดิม พี่บัวเพิ่มรายการไปเที่ยวป่า ที่เมืองกาญจนบุรี โดยให้ลูกทัวร์ นั่งช้าง เข้าไปเที่ยวในป่าลึกและไป ตั้งแคมป์ หรือ พักที่บ้านกระเหรี่ยง (โฮมสเตย์ ในปัจจุบัน)
ฝรั่งตื่นเต้นมากที่ได้นั่งช้างและ เข้าไปในป่า บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นป่าร้อนชื้น สามารถนำไปคุยได้ว่า เขาได้ทำในสิ่งที่น้อยคนที่จะมีโอกาสได้ทำ ในการนี้พี่บัวต้องเตรียมอาหารที่ฝรั่งกิน เช่น ไส้กรอก หมูแฮม เบคอนและ อาหารกระป๋องอื่นๆ อาหารส่วนมาก ผลิตจากต่างประเทศ บางครั้งอาหารใช้ไม่หมด ก็เอามาให้ผม

พี่บัว เข้าป่าอยู่หลายปี สุดท้ายก็เป็นไข้มาเลเลีย ขึ้น สมองและ ไปตายที่เมืองกาญจนบุรี เรื่องราวของเขาเป็นเรื่องของคนที่ บุกเบิก อาชีพ มัคคุเทศก์ ซึ่งปัจจุบันนี้คนนับหมื่นนับแสน ดำเนินตามรอย ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไม่พี่บัว ไม่ตั้งเป็นสำนักงาน ท่องเที่ยวและมีคนอื่นมาทำงานด้วย เพื่อแบ่งเบาภาระ ถ้าพี่บัว คิดอย่างที่ผมคิด ป่านนี้คงจะมีบริษัท ท่องเที่ยว ที่ใหญ่และ มีพี่บัวเป็นเจ้าของและ ผู้จัดการ

เรื่องที่ผมเล่าว่า การท่องเที่ยวของเมืองไทยนั้น แบ่ง ได้เป็น 3 ตอน ตอนแรกคือ ตอนที่อยู่ในเวลาของพี่บัว ซึ่งผมได้เล่าไว้ให้ฟังแล้ว ส่วนอันดับ 3 คือ ปัจจุบัน ก็ไม่จำเป็นต้องเล่า เพราะรู้กันแล้ว ดังนั้นผมจะเล่า ตอนสมัยที่ 2 ภายหลังสงครามพักหนึ่ง ก็มี สายการบิน นับ10 สายการบิน มาลงที่ กรุงเทพฯ และมีสายการบินจาก ประเทศไทย บินไปต่างประเทศด้วย ทุกบริษัท จะมีสำนักงาน ขายตั๋ว ซึ่งถ้าคนไทยต้องการไป ต่างประเทศ จะไปซื้อตั๋วที่เขา พร้อมทั้ง จองโรงแรม ตามที่ต่างๆ ที่เราจะไป ซึ่งเราจะต้องไปตามโปรมแกรมจนกลับบ้าน

ผมขอเล่า เรื่องตั๋วเครื่องบินโดยสาร ในสมัย นั้นถือว่าราคาแพงมาก เพราะเป็นราคาเดียวกับที่เราจ่ายในราคาปัจจุบันแต่ ค่าของเงิน ตามราคาปัจจุบัน ในสมัยนั้นต้องถือว่าแพงมาก เครื่องบินทุกสายการบินจะคิดค่าโดยสารเท่ากันหมด และ เราซื้อตั๋วจากสายการบินหนึ่ง แล้วสามารถเปลี่ยนไปนั่ง สายการบินอื่นได้โดยสะดวก ทั้งนี้โดยสมาคมสายการบินโลกเป็นผู้ควบคุม เช่นถ้าเราเดินทาง 10,000 ไมล์ เราจะได้การเดินทางแถมอีก 200 ไมล์ เพื่อให้เราสามารถเดินทางไปที่อื่นได้ แต่ต้องอยู่ในเส้นทาง ผมขอยกตัวอย่าง ถ้าเราซื้อตั๋วจาก กรุงเทพฯ ไปลอนดอน และกลับ เราอาจหยุดที่ใดที่หนึ่ง ก่อนถึง ลอนดอน หรือถึงอังกฤษ แล้วแยกไปเที่ยวประเทศอื่นได้หลายประเทศแต่ต้องไม่เกินจำนวนไมล์ที่เขาแถม ผู้โดยสารสมัยนั้น จะแต่งตัวดี ส่วนมากจะสวมสูท ส่วนด้านบริการก็จะดีมาก โดยเฉพาะ เครื่องดื่ม เหล้าหรือเบียร์ โดยไม่จำกัด
ที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือ เราซื้อตั๋วสายการบินหนึ่ง แต่ตอนกลับเราสามารถเปลี่ยนสายการบินอื่นได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ทำไม่ได้แล้ว เหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะมีการขายตั๋วต่ำกว่าราคาหน้าตั๋ว เช่น เราซื้อตั๋วราคา 20,000 บาท เขาอาจคิดเราแค่ 17,000 หรือ 18,000 ตามแต่จะตกลงกัน แต่ต้องเขียนราคา 20,000 บาทเพราะสมาคมเขาบังคับไว้ว่า ต้องขายตั๋วราคาเท่ากัน สุดท้าย ทุก บริษัทก็ทำเหมือนกันหมด ดังนั้นจึงเปลี่ยนสายการบินไม่ได้

ต่อมามีสายการบินต้นทุนต่ำ ทำให้สายการบินปกติต้องลดราคา จึงมีกฎเกณฑ์เพิ่มขึ้น เช่นซื้อตั๋วแล้วคืนไม่ได้ เปลี่ยนผู้โดยสารแทนก็ไม่ได้ ไม่ใช้ตั๋วตามกำหนดตั๋วนั้นก็เสียไป สมัยนั้น ยังไม่มีเงินพลาสติก ชนิด รูดบืด รูดบืด จึงต้องนำเช็คเดินทางติดตัวไป รัฐบาลยอมให้แลกเช็คเดินทางได้ไม่เกิน 3,500 ดอลล่า ต่อหนึ่งคน ซึ่งขณะนั้น หนึ่ง ดอลล่าเท่ากับ 20บาท คนที่เดินทางไปต่างประเทศนั้น มักจะพยายามหาคนที่รู้จักที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือ แต่ถ้าไม่มีก็ไปหาทัวร์ในท้องถิ่นนั้นเอาเอง

ครั้งหนึ่ง ผมไปประเทศอังกฤษ ผมมีญาติฝ่ายภรรยา ซึ่งเป็นหมอที่ไปเรียนเพิ่มที่ลอนดอน หมอผู้นี้ชื่อ กัปนาท พลางกูร เป็นผู้นำเที่ยวให้ผมตลอด ชื่อเล่นว่าหมอใหญ่ แต่ความจริงตัวแกเล็กนิดเดียว หมอตัวเล็กแต่ชื่อใหญ่คนนี้ แกออกจะเป็นนักวิชาการสักหน่อย แกจึงพาผมไปดูแต่สิ่งที่เป็นสาระ แล้วผมจะเล่าให้ฟังต่อไป




Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 4 กรกฎาคม 2553 20:53:42 น. 3 comments
Counter : 1199 Pageviews.  

 
กราบขอบพระคุณคุณลุงหมอมากนะคะ ที่กรุณาเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ทราบ
ชีวิตของคุณลุงบัว เป็นชีวิตที่น่าเลื่อมใสในการทำงานอย่างหนึ่ง
เมื่อคนเราไม่ท้อ ย่อมสามารถที่จะมีอาชีพที่มั่นคงได้ แม้จะไม่ได้เปิดเป็นบริษัทก็ตาม
คิดว่าคุณลุงบัวคงไม่อยากให้เป็นภาระมากมาย
และคงคิดว่าทำแค่นี้ก็พอเพียงแล้วนะคะ



โดย: addsiripun วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:35:29 น.  

 


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:19:07 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:52:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บ้านผ่อดอยใน
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add บ้านผ่อดอยใน's blog to your web]