เมื่อวันก่อน มีชายแปลกหน้ามากดกริ่งบ้าน เปิดประตูมา อา คุณไปรษณีย์ ช่วงนี้มีธุระกับชายแปลกหน้าเยอะแต่คุณไปรษณีย์มาบ้านนี้ก็ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ เพราะมีเพื่อนหลายคนอยากส่งของมาให้ แล้วมีสั่งของอีเบย์ด้วย แต่ไม่รู้ของใครจะมาถึงก่อน เปิดกล่องดู ปรากฎว่า แอ่น แอ๊น
เป็นของฝากจากเมืองไทย ชายหนุ่มส่งมาให้ กรี๊ด อ้าว พี นั่นเอง เคยถามพีไปเรื่องคู่มือตั้งชื่อลูก เพราะยังงง ๆ อยู่เหมือนกันว่าจะตั้งภาษาอะไรดี อยากได้ไกด์ไลน์คร่าว ๆ ขอไปเล่มนึง บอกพีว่า ช่วยส่งนิตยสารการเมืองรายสัปดาห์มาให้เล่มนึงด้วย เพราะที่นี่สั่งซื้อค่อนข้างแพง
เปิดกล่องออกมา อุแม่เจ้า ของเด็กเล็กที่บริษัทเก่าทำแจกลูกค้า (ผลิตภัณฑ์นมมีชื่อเสียงยี่ห้อนึง) เป็นพวกโบรชัวร์ คู่มือเลี้ยงลูกต่าง ๆ ชื่นใจจังที่ได้อ่านเป็นภาษาไทย ตอนปุ่นทำจัดซื้อก็มีโอกาสติดต่อซัพพลายเออร์ติดต่อซื้อของพวกนี้ ไม่นึกเลยว่าวันนึงจะมีโอกาสได้ใช้ มีท้งซีดีเพลง คู่มือตั้งชื่อ คู่มือเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ไดอารี่คุณลูก และอื่น ๆ อีกมากมาย แถมท้ายด้วยการ์ตูนปังปอนด์ โห ไม่ได้อ่านนานแล้ว เดทเลฟชอบใหญ่เลย ขานั้นกำลังหัดอ่านภาษาไทย เธอกลัวว่าจะฟังแม่คุยกับลูกไม่รู้เรื่อง
ส่วนของแม่มัน ได้มติชนรายสัปดาห์มาสองเล่ม เนชั่นอีกเล่มนึง ชอบอ่านมติชนเพราะรู้สึกว่าเขาให้โอกาสแหล่งข่าวของทั้งสองสีได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่เอียง (ปุ่นว่านะ) คอลัมนิสต์บางคนก็แดง บางคนก็เหลือง เขาก็ให้โอกาสเข้ามาใช้พื้นที่เท่ากัน คนอ่านก็ใช้พิจารณาเอา แล้วจะได้เข้าใจอีกฝ่ายนึงด้วยไม่ใช่เอาแต่เกลียดกันท่าเดียว ที่ชอบรายงานข่าวเขา เจาะลึกดี สรุปก็นักการเมือง ต่อให้ทะเลาะกันยังไง ใช้คนไปตายซักเท่าไหร่ ด้วยความอยากได้อำนาจ ก็เห็นมีข่าวมาปรองดอง ถึงขั้นว่าจะลืมเรื่องเก่า ๆ เพื่อที่จะมีโอกาสกลับมารับเลือกตั้ง เนี่ยน้า อย่าไปหลงคารมนักการเมืองมาทะเลาะกันเองเป็นดีที่สุด (อันนี้ปุ่นก็ว่าของปุ่นเองง่ะ) ส่วนเรื่องบันเทิงก็ชอบ เรื่องสั้น เรื่องยาว รีวิวหนัง อินดี้มั่ง ฮอลลีวู๊ดมั่ง นึกถึงโรงหนังสยาม ลิโด้ ตะก่อนไปดูบ่อย แต่พี่กับพี่ตู่ไปดูด้วยครั้งเดียว บอกว่าปวดหลัง ฮ่ะฮ่า เมื่อก่อนตอนปุ่นอยู่เมืองไทย นักเขียนโปรดปุ่น รงษ์ วงศ์สวรรค์ก็เคยเขียนคอลัมน์ไว้ด้วย เสียดายย้ายบ้านตัดใจทิ้งหมดเลย (ทำไมไม่ตัดเก็บไว้วะ โมโหตัวเอง)
นิตยสารรายสัปดาห์เล่มโปรด มาสามเล่ม ค่อย ๆ อ่าน คงอ่านได้เป็นเดือน
แอบเล่าเรื่องบ้านใหม่นิดนึง เมื่อวันเสาร์เราสองคนไปทาสีห้องลูก ปุ่นเองก็แบกพุงไปช่วยสามี เอาเก้าอี้มานั่งทาแต่ช่วงต่ำ ๆ ก้มมากก็ไม่ได้ ค้ำพุง ยืดมากก็ไม่ได้ปวดหลัง แต่สามีก็บอกว่าช่วยได้เยอะ สีที่ทา ดีมาก แทบไม่มีกลิ่นเลย ใส่หน้ากาก เปิดหน้าต่าง ก็โอแล้ว สีที่เลือกก็เป็นเทอร์คว๊อยซ์เข้มด้านล่าง ด้านบนถึงเพดานเป็นขาวโทนฟ้า ทาออกมาแล้วถูกใจ ที่เลือกสีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพศลูกแต่อย่างใด จริง ๆ ยังไม่รู้ว่าจะได้ชายหรือหญิงง่ะ เลยเลือกสีที่คิดว่ากลาง ๆ ไว้ก่อน สีเด็ก สดใส ชายหรือหญิงก็น่าจะโอ อีกอย่างเบบี๋คงยังไม่มีปากเสียงเรื่องสีห้องไปจนโต ป่านนั้นคงถึงเวลาทาสีใหม่แล้ววว
อยากเห็นล่ะซี้ ถ่ายรูปมาให้ดูกันด้วยจ้า
ด้านซ้ายทางเดินผนังเพดานม่วงของคนเก่า คงจะเปลี่ยนเป็นสีอ่อนกว่านี้ ด้านขวา ห้องนอนตู้ปลาของเบบี๋ ขอบขยุกขยุยนี่คือยังไม่เสร็จดี ลอกเทปออกแล้วจะเรียบเนียนกว่านี้
งานที่ต้องทำเองที่เหลือคือเลือกสีห้องอื่น ๆ ขัดพื้นห้อง แล้วลงมือทาสี ส่วนช่างอื่น ๆ ก็ยังเข้ามาทำงานต่อไป ตอนนี้ที่ตกลงแล้วเป็นช่างไฟ เดินสายไฟฟ้าใหม่ เปลี่ยนปลั๊ก หลอดไฟ และ ตู้สวิทช์ไฟ ช่างประปา ช่างผนังครัว ขาดแต่งานใหญ่ คือ ทุบผนังครัวที่จะเข้ามาพรุ่งนี้ แล้วช่างครัวก็จะเข้ามาวัดขนาดเพื่อสั่งที่โรงงานทำตู้ครัวกันซะที
ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณ พี มาก มาก มาก มากถึงมากที่สุด ที่ส่งหนังสือมาให้ ช่วยได้อ่านตัวหนังสือภาษาไทยที่คิดถึง ค่าส่งแพงมากแถมพีก็ไม่ยอมรับค่าส่ง เดี๋ยวพาลูกไปเมืองไทยจะให้หอมแก้มน้าพีหนึ่งที หรือถ้าพีมาเยอรมันจะพาเที่ยวนะจ๊ะ
เห็นหน้าต่างแล้ว นึกออกเลยว่าทำไมถึงเรียกห้องนอนแบบนั้น