วันก่อนนู้น มีเรื่องเซ็ง ๆ มาให้คิด แถมยังเอามาลงบล็อกอีก ขอบคุณเพื่อนบล็อกแก้งค์ทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจค่ะ จริง ๆ ทำใจได้ตั้งแต่อ่านหนังสือเล่มนั้นอีกรอบนึง(อ่านเฉพาะตอนที่ตรงกับปัญหาตัวเอง) แล้วทำใจให้อภัย กลางคืนนอนหลับ ตื่นเช้ามาก็ลืมแล้ว ตอนนี้มามองย้อนกลับไป เรื่องทั้งหลายก็เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไป แต่ว่าเคยเห็นคนที่ไม่ยอมปล่อยวาง เรื่องราวปัญหา ไม่ว่าเล็กใหญ่แค่ไหน มาแบกมันไว้ สะสมเข้าไป แล้วทุกวันเราก็เจอปัญหาใหม่เข้ามา กลายเป็นว่าเราไม่พร้อมทีจะแก้ปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะมัวแต่แบกมันไว้อยู่ อย่ากระนั้นเลย วางลงซะเถอะ ว่าแล้วก็วางงานทั้งหมดมาอัพบล็อก (อ้าว เป็นงั้นไป)
รอบสัปดาห์ที่ผ่านไป ได้ทำงานคืบหน้าไปบ้าง งานที่ว่านั้นก็คือ เตรียมเปิดกิจการ Catering เล็ก ๆ กะไว้ว่าปีหน้าหลังจากกลับมาจากออสเตรเลียเดือนกุมภาพันธ์ ก็จะเริ่มลงโฆษณา รับงาน แล้วระหว่างนั้นก็จะเรียนเตรียมสอนทำอาหารไทยด้วย ช่วงนี้เลยต้องเตรียมหลาย ๆ อย่างให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซด์ จดทะเบียนธุรกิจ เครื่องมือเครื่องไม้ ฟิตภาษา พร้อมทั้งหาคอนเนคชั่นไปด้วย วันนี้ไปเข้าอบรมหลักสูตรของกรมอนามัยเยอรมัน ที่นี่ทุกคนที่ต้องทำงานสัมผัสอาหารก็ต้องเข้าหลักสูตรนี้ ก็ไม่ยากมาก เนื้อหาก็ว่าด้วยเรื่องสุขอนามัย วิธีการรับมือเมื่อป่วยไข้แล้วต้องทำงานเกี่ยวกับอาหาร จริง ๆ เนื้อหาอันนี้ที่เมืองไทยก็ได้เรียนมาแล้ว ทั้งหลักสูตรทำอาหารของสวนดุสิต หลักสูตรความปลอดภัยในโรงงานของบริษัทเก่า แต่ที่นี่ก็ต้องอบรมอีกรอบ เพียงแค่คุณเข้าฟัง เวลาสี่สิบห้านาทีก็รับไปเลยค่ะ ใบประกาศนียบัตร เสร็จเรื่องนี้แล้วอาทิตย์หน้าส่งเรื่องไปขอจดทะเบียนประกอบกิจการก็น่าจะเสร็จแล้ว
ช่วงสัปดาห์นี้ทดลองทำอาหาร ปรับสูตรให้ถูกปาก ถ่ายรูป แอบมีรูปบางรูปมาให้ดูกันด้วย มันคืออะไร มาดูกันเลย
เนื่องจากว่าช่วงนี้ปิดเทอม เลยไม่ได้ลองลับฝีปากกับใคร ช่วงนี้ก็คุยแต่กับสามี แล้วก็เริ่มอ่านหนังสือแล้ว เย้ อ่านแล้วเข้าใจด้วย แม้ว่าศัพท์แสงจะยากไปนิด แต่ก็ข้าม ๆ มันไป ไม่ต้องเข้าใจทุกตัว ตอนนี้อ่านหนังสือเล่มนี้ที่เป็นหนังสือแปลจากภาษาอังกฤษ เป็นกึ่งเกร็ดความรู้กึ่งนิยาย เกี่ยวกับนักวิจารณ์อาหาร(ชีเขียนคอลัมน์ลงหนังสือพิมพ์ New York Times พร้อมให้ดาว ร้านอาหารที่ไปกินด้วย) ที่ย้ายจากลอสแองเจอลิสไปนิวยอร์ค ในเครื่องบิน ผู้โดยสารหญิงข้าง ๆ ดันจำชีได้ แถมยังบอกอีกว่าร้านอาหารทุกร้านใน LA เอารูปชีติดผนังไว้อีก เวลาชีไปกินจะได้ต้อนรับชีดี ๆ เอาล่ะสิ ชีมานิวยอร์ค ก็เลยต้องมีปลอมตัวกันนิดนึง บางทีก็แต่งตัวซิ้ม ๆ ไปกินร้านหรู โดนต้อนรับแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ชีก็ให้โอกาสโดยไปกินอีกรอบแบบธรรมดา ปรากฎว่าการบริการต่างกันเลย สรุปก็อ่านไปแล้วครึ่งเล่ม เริ่มสนุกค่ะ
ตอนนี้เวลาสามีนั่งเครื่องบินที่ไหน ก็จะหยิบนิตยสารผู้หญิงมาฝาก ให้ฝึกอ่านกันไปจนตาแฉะไปข้าง แต่ก็เข้าทาง เพราะนิตยสารก็อ่านง่าย ๆ สาระเบา ๆ พร้อมเรียนคำไปด้วย เสียอย่างเดียวไม่ค่อยได้เอาสิ่งที่เรียนไปเม้าท์กับใคร อีกเล่มนึงก็เป็นตำราโยคะฝรั่ง (ที่ไม่ได้เอารูปมาลง) เอามาอ่านฝึกภาษา เวลาไปเข้าคลาสก็จะไม่งง แต่ว่าชื่อท่าอะไรต่าง ๆ ก็ยังคงไว้เป็นภาษาสันสกฤตเหมือนเดิม วันหลังถ้ามีเวลาจะเขียนถึงสตูดิโอโยคะที่ไปฝึกประจำอีกทีค่า
วันนี้ขอลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ
เห็นเเล้วก้ออยากกินอีก ตัวเองทำอาหารอร่อยนะ
รับรองลูกค้้าเยอะเเน่เเ่น่ ขอให้ฝันที่คาดไว้เป็นจริง
สมความต้องการนะ พยายามฝึกฝีมือไปเรื่อยเรื่อย
คนมีความสามารถทำอะไรก็สำเร็จเเก
คิดถึง ช่วงนี้รักษาสุขภาพนะ