ช่วงนี้นับว่าเป็นฤดูร้อนของที่นี่ แต่อากาศเมืองโคโลญจ์ก็อย่างว่า วันอากาศดี ฟ้าใส แดดร้อน มันช่างหาได้ยากยิ่ง แถมวันดีคืนดีมีหนาวมาอีกต่างหาก วันไหนได้ใส่อะไรบางเบาแบบที่เมืองไทย วันนั้นนับเป็นวันดีอย่างยิ่งสำหรับปุ่น ด้วยความอารมณ์ดีปุ่นดันไปแปะในเอ็ม ว่า Summer Dress สาวไคลี่ที่ฮ่องกง เข้ามาหัวเราะ (เยาะ) เรื่องนี้โดยเฉพาะ ยังมีหน้ามาถามด้วยนะว่าทำไมต้องเป็นซัมเมอร์เดรส โถ คุณไขลี่ คงไม่เข้าใจว่าความหนาวเหน็บอันนานแสนนานมันทำให้เรารอคอยฤดูร้อนที่สวยงามอย่างทรมานขนาดไหน ไขลี่ไม่เข้าใจปุ่นไม่ว่า ทำไมต้องเข้ามาหัวเราะเยาะกันโดยเฉพาะก็ไม่รู้
ฤดูร้อนนี้ วันไหนวันแดดดี ชาวเยอรมันจะออกมาปิ้งมาย่างกันเต็มสวนสาธารณะเต็มไปหมด ออกไปข้างนอกก็จะได้กลิ่นเนื้อปิ้ง ไหม้บ้าง เพราะบางคนไม่รับผิดชอบ เอาไปทิ้งถังขยะทั้ง ๆ ที่ยังไม่ดับไฟ ใครว่าฝรั่งมีวัฒนธรรม เห็นจะไม่ใช่ทุกคน แถมตอนเช้าพอไปเดินเล่นที่สวนเดิม ขยะเกลื่อน ขวดเบียร์แตกมีให้เห็นกันทั่วไป บวกด้วยบอลโลก วันไหนทีมเยอรมันเตะ คนที่นี่จะเอาธงออกมาโบก บ้างก็เอาเป็นถุงผ้ายืดมาสวมกระจกรถบ้าง ผับเต็มไปด้วยแฟนบอล แล้วดีจังเลย ที่ไม่ต้องนอนดึกรอดูบอลเหมือนตอนอยู่เมืองไทย
หน้าร้อนเนี่ยแหละ มันจะได้กลิ่นโน่นกลิ่นนี่ลอยตามลม แต่กลิ่นที่ปุ่นคิดถึงที่สุด คือ
กลิ่นดินหลังฝน บ้านเราฝนตกแรง ถนนดินแห้ง ๆ เวลาโดนฝนใหม่ ๆ มันช่างหอมชื่นใจ
กลิ่นพริกแห้งอังไฟ ที่บ้านเชียงราย จะมีอาหารหลาย ๆ อย่างที่ต้องใช้พริกแห้งอังไฟ ที่บ้านเรียก พริกแอน เอาพริกมาแอนไฟ แล้วจะได้กลิ่นหอม ๆ วันก่อนปุ่นเกิดอยากกินต๋ำบ่าม่วง ตำมะม่วงแบบทางเหนือ เลยต้องใช้พริกแห้งอังไฟ หอม ๆ กับปลากระดี่กรอบปิ้งไฟแกะก้างออก ตำรวมกับพริกแห้ง หอม กระเทียม เกลือ ปุ่นแอบใส่ข่าคั่วลงไปนิดนึง หอมชื่นใจ ตำกับมะม่วงสับหอมแดง แซ่บลืมโลกไปเลย
กลิ่นมะเขือเผา เอ่อ อย่าคิดลึกนะคะ มะเขือเผานี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารเหนือชนิดหนึ่ง ชื่อต๋ำบ่าเขือ วันก่อนเห็นอ้อม Cerulean Blue เล่าให้ฟังว่า ต๋ำบ่าเขือ ปุ่นก็คิดถึงกลิ่นนี้เลย มะเขือยาวเขียว ๆ เผาเตาถ่าน พริกหนุ่ม หอม กระเทียมเผาทำน้ำพริกหนุ่มแล้วเอามะเขือยาวลอกเปลือก ตำลงไป กินกับไข่ต้ม ข้าวเหนียวร้อน ๆ ถึงไหนถึงกัน
กลิ่นข้าวหลาม ตอนฤดูข้าวใหม่ปลายหน้าหนาวหรือไงเนี่ยแหละ พ่อจะเอาข้าวใหม่ กับกระบอกข้าวหลามไม้ไผ่มาให้พวกเราทำข้าวหลามด้วยตัวเอง วิธีทำก็กรอกข้าวเหนียวลงไปในกระบอก ใส่น้ำลงไปแช่ไว้ข้ามคืน ตอนเผาต้องปิดปลายกระบอกด้วยใบตองหรือกาบมะพร้าว ตอนตีสี่ตีห้า พ่อปลุกพวกเราขึ้นมาก่อกองไฟหน้าบ้านเพื่อเผาข้าวหลามกันสุกแล้วเราก็ต้องใช้มีดอีโต้แบบเหนือ ๆ ค่อย ๆ จักเปลือกกระบอกข้าวหลามออก จนเหลือแต่ที่ติดข้าวบาง ๆ ถ้าอยากหรูหราหน่อยก็ใส่กะทิลงไป กลิ่นข้าวเหนียวใหม่ ๆ ที่มันติดไม้ไผ่ มันหอมอย่าบอกใคร
กลิ่นปลาแอบ ป๋าแอ๊บ คือปลาเล็กปลาน้อยเอามาผสมกับเครื่องแกง มีพริก ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม เกลือ ใบมะกรูด ห่อใส่ใบตองปิ้ง จิ้มข้าวเหนียวอีกแล้ว แซ่บ
กลิ่นไส้เพี้ยจี่ แปลกไหม มันคืออะไร ทางเหนือบ้านปุ่นจะกินเนื้อควายกัน ตอนที่ล้มควายนั้น อวัยวะทุกส่วนจะถูกนำมากิน ไส้เพี้ยนั้นคือไส้อ่อน ผู้ชายทางเหนือก็จะลาบกัน เพราะได้เนื้อสด ๆ เลือดสด ๆ มา ฟังดูอาจจะสยดสยองนิดนึงแต่ว่ามันเป็นของที่คนท้องถิ่นเขากินกัน สมัยก่อนจะมีสาม ลอ ลาบ หลู้ เหล้า ลาบก็เป็นเนื้อสดสับกับเลือด ใส่พริกลาบที่มีส่วนผสมหลายอย่าง ที่สำคัญคือมะแขว่น เป็นสมุนไพรที่ได้รับอิทธิพลมาจากทางจีน บ้างก็เรียกพริกหอม ผู้หญิงกับเด็กจะกินแบบลาบคั่ว คือฮาร์ดคอร์น้อยหน่อย เอามาผัดให้สุก อร่อยไม่แพ้กัน ที่สำคัญจะมีเครื่องในต้มมาด้วย จำได้ว่าพ่อปุ่นจะขยักไส้อ่อนไว้นิดนึง เอาไว้ปิ้งกับเตาถ่าน ไส้ปิ้งแล้วหดนิดเดียว แหม อร่อยอย่าบอกใคร ผู้ใหญ่สมัยก่อนมีหวง ไม่ให้เด็กกิน อ้างว่ากินแล้วจะโง่หรืออะไรซักอย่าง หลู้นี่ ปุ่นก็ไม่เคยกิน เค้าจะเอาเลือดสด ๆ มาคั้นกับใบตะไคร้และไข่ไก่ ใส่เครื่องมากมายที่เรียกว่า หมี่ ประกอบด้วย เครื่องในทอดกรอบ หอมเจียว กระเทียมเจียว ตะไคร้เจียว และเครื่องพริกตำ สมัยก่อนต้องเป็นโอกาสพิเศษเท่านั้นถึงจะได้ล้มควายกัน ไม่เหมือนสมัยนี้
กลิ่นต้นกล้วย ตอนเป็นเด็ก ที่บ้านมีต้นกล้วย พอเปลือกต้นกล้วยแห้ง ปุ่นก็มักจะไปลอกออก เห็นเปลือกข้างในเขียว ๆ ขาว ๆ ตอนไหนต้นกล้วยขึ้นเยอะเกิน แม่จะล้มต้นกล้วย เอาหยวกกล้วยมาแกงกิน กลิ่นหยวกสด ๆ นี้แหละ ที่ปุ่นยังจำได้ แต่ไม่ได้กลิ่นมานานแล้ว
และยังมีกลิ่นอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ปุ่นคิดถึง ส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นอาหาร คงเป็นเพราะชีวิตปุ่นผูกพันกับครัวมานานแล้วนี่เอง
สวัสดีค่ะ