จากฮัมบูร์ก ถึงโคโลญจ์
กลับมาจากฮัมบูร์กได้สองสามวันแล้ว มาถึงก็งานเข้าเลย แต่โชคดีที่มีเวลาเตรียมตัวนิดนึง มีข่าวร้ายเล็กน้อยคือ อาจารย์ที่สอนภาษาเยอรมันที่พูดถึงไปเมื่อครั้งที่แล้วป่วย อาทิตย์นี้ ที่เป็นอาทิตย์สุดท้ายแล้วก็เลยอาจจะต้องงดไป อาจารย์เป็นไรมากป่าวก็ไม่รู้ ช่วงนี้ก็มีนัดเรื่อย ๆ ทุกอาทิตย์ ทำโน่น ทำนี่ไป เข้ากลางวีคอีกแล้ว ฮือ ฮือ รู้สึกเหมือนอะไร ๆ ยังไม่เสร็จไงไม่รู้ วันนี้ตั้งใจเปิดคอมพ์ทำงาน แต่ไหงมาอัพบล็อกก่อนก็ไม่รู้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เอารูปมาลงกันเลยดีกว่า ทริปนี้สามีไปดูละคร (สามีทำงานเป็นบก. นิตยสารละครเยอรมันค่า ละครก็เลยเป็นงานที่เธอต้องไปดูแล้วเขียนคอลัมน์) เลยบวกงานกับพาภรรยาสุดที่รักมาเที่ยวฮัมบูร์กด้วย ครั้งนี้เรามาพักบ้านสเตฟาน เพื่อนสุดหล่อของสามี เธอเป็นนักแสดงค่ะ หล่อจริง จริ้ง เลย ปุ่นคุยกับเธอแรก ๆ ยังสะเทิ้น พูดผิดพูดถูก หลัง ๆ อ้าวไอ้นี่ บ้า(เหมือนตรู)นี่หว่า เลยคุยกันถูกคอขึ้น สเตฟานยกห้องให้เราพัก ส่วนตัวเองไปแปะอยู่กับแฟนสาวที่เป็นนักแสดง น่าร้ากทั้งคู่เลย วันแรกที่ไปถึง กินข้าวกินปลาเสร็จแล้วก็พากันไปดูละครเรื่องแรก หนุกมาก เป็นเรื่องที่แสดงด้วย คอรัส คือพูดพร้อมกันเจ็ดแปดคน ไม่รู้ทำได้ไง เนื้อเรื่องเสียดสีระบบการเรียนละครเยอรมัน และระบบการศึกษาไปในตัว ออกมาจากโรงละคร พายุหิมะค่ะท่านผู้ชม อุแม่เจ้า ทั้งลม ทั้งหิมะ หนาวซะ ที่โคโลญจ์อากาศดีแล้ว แต่ทางเหนือยังเป็นหน้าหนาวอยู่ อีกวันนึงสเตฟานพาเราไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำเอลเบอร์ แม่น้ำค่อนข้างใหญ่ มีหาดทรายเลียบฝั่งแม่น้ำ สวยงามมากมาย สเตฟานบอกว่าหน้าร้อนที่นี่ไม่มีที่นั่งกันเลยทีเดียว รู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นหิมะกับหาดทรายอยู่ด้วยกัน แต่ก็สวยและสงบดี ที่นี่มีทั้งแม่น้ำ ทะเล อีกทั้งเป็นเมืองท่าที่เรือจากหลาย ๆ ประเทศผ่านเข้าออก มีท่าแห่งนึงซึ่งเจ้าหน้าที่คอยเปิดเทปเพลงชาติ ตามสัญชาติของเรือ กับชักธงลง เพื่ออำลาเรือที่ออกจากปากน้ำนี้ เป็นที่ที่เราสามารถไปนั่งกินกาแฟ กินอาหาร ชมเรือไปด้วย พอมีเรือผ่านออกไป เราก็จะได้ยินเจ้าหน้าที่ ดีเจแก่ ๆ คอยบอกระวางเรือ พร้อมทั้งกล่าวคำอำลาและเปิดเทป อันนี้สำคัญ ตอนเช้าของอีกวันเราสองคนตั้งใจกันว่าจะตื่นแต่เช้าไปดูตลาดปลากัน แต่ว่ามาถึงแล้วก็ออกจะผิดหวังนิดหน่อย ที่เป็นตลาดแบบเอารถเปิดได้มาจอด ไม่ได้เป็นตลาดในร่มแบบที่คิดไว้ มีทั้งปลาแห้งปลาสด มีตระกร้าผลไม้ขายรวมผลไม้ สิบยูโร เห็นคนที่ซื้อแบกกันอ้วกเลย บางคนก็ได้สตรอเบอรี่มาทั้งกะบะในราคาหนึ่งยูโร ในรูปคนขายปลากำลังปาดเนื้อปลาไหลรมควันให้ท่านผู้ชมชิม อีกร้านนึงขายแบบเหมา ตะโกนเรียกลูกค้าอย่างไม่กลัวคอแห้ง สิบยูโรพี่แกจับปลาแห้งฟาดลงไปบนกระดาษห่อจนเป็นกองสูง เรียกความสนใจจากคนดูได้เหมือนกัน ของกินขึ้นชื่อที่นี่ ปลาแฮริ่ง กับ ปลามัทเยส (เปิดดิคดู เขาว่ามันเป็นปลาแฮริ่งหนุ่มอ่ะ) เมืองฮัมบูร์กนี้ เป็นเมืองที่ออกจะมีเอกลักษณ์ เพราะเป็นเมืองท่าเรือ รู้สึกว่าจะ International กว่าโคโลญจ์ ได้ยินคนพูดภาษาอังกฤษกันทั่ว ๆ ไป เมนูอาหารของแทบทุกร้านจะมีภาษาอังกฤษด้วย ทีนี้มาถึงฮัมบูร์กแล้วจะไม่กินอาหารทะเลก็ใช่ที่ หลังจากที่กินแบบขอไปทีในวันแรกแล้ว เราก็ตั้งใจไปกินอาหารทะลที่ร้านโปรตุเกส จานที่สั่งเป็นปลาหมึกกับกุ้ง ใส่ซอสกับข้าว อร่อย ๆ ชอบปลาหมึกสด ๆ กรอบนุ่ม ไม่เหนียว แต่กิน ๆ ไปรู้สึกว่ามันเค็มขึ้นเรื่อย ๆ เดทเลฟกินปลาอบซอสพริกไทยอ่อน รูปแอบไม่ชัด เรื่องกินเรื่องใหญ่จบไปแล้ว พากันมาหาอาหารสมองซะบ้าง ตอนนี้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกำลังมีงานแสดงศิลปะแบบป๊อบอาร์ต เป็นศิลปะแนวใหม่ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ยุคเซเว่นตี้ส์เป็นยุคเริ่ม ๆ งานที่ดัง ๆ ก็เป็นของแอนดี้ วาร์ฮอร์ เจฟ คูน ชองมิเชล บาสเกียร์ต มีกราฟฟิตี้ด้วยอ่ะ มีอยู่ห้องนึง แสดงรูปเปลือยของศิลปิน ซึ่งดูแล้วเหมือนหนังสือโป๊มากกว่า อีกห้องนึงยิ่งร้ายใหญ่ ตัวคุณศิลปินสาวอีกคนนึงเอาตัวเองออกประมูลในราคาสูงเพื่อให้คนประมูลได้มีเซ็กซ์กับเธอ แล้วถ่ายวิดีโอมาออกแสดงโดยทั่ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเป็นที่ยอมรับ ขนาดในพิพิธภัณฑ์มีชื่อแบบนี้ ยังเอางานของเธอมาแสดงเลย ปุ่นเลยให้สงสัยว่าอะไร ๆ เดี๋ยวนี้มันเรียกว่าศิลปะกันได้ขนาดนั้นเชียวหรือ แอบปิดท้ายด้วยรูปถ่ายคู่กับสเตฟานสุดหล่อ สามีแอบตกกระป๋องไปอยู่รูปล่าง แฮ่ ๆ บวกกับแรงงานพม่าที่ถูกต.ม.ฮัมบูร์ก ตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย
Free TextEditor
Create Date : 10 มีนาคม 2553 |
Last Update : 10 มีนาคม 2553 18:31:16 น. |
|
13 comments
|
Counter : 1450 Pageviews. |
|
|
ชอบภาพท้องฟ้าของพิพิธภัณฑ์มากเลยค่ะคุณปุ่น อลังการมากๆ คุณปุ่นสวยน่ารักจัง ใสกิ๊งอ่ะ สามีก็น่ารัก แอบกรี๊ดอ่ะที่ฮีเป็นบก. เริ่ดๆๆ
เรื่องเดินทางคุณปุ่นพุดถูกค่ะมันเพลียได้ใจและหลายวันด้วยนะคะ รู้สึกว่านอนไม่อิ่มค่ะ แอบเห็นปลาอบซอสพริกไทยอ่อน แล้วน้ำลายไหลลลลล