เปิดกิจการมาได้ครึ่งปีแล้ว เจอลูกค้ามาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบราย ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ดีจะเป็นชาวเยอรมันซะเป็นส่วนมาก แม้ว่า ตอนแรก ๆ จะไม่ค่อยเข้าใจคอนเซ็บป์อาหารไทยเท่าไหร่ อาจจะด้วยความเคยชินที่ไปกินแต่ที่อิมบิส (imbiss หมายถึง ร้านอาหารจานด่วนที่ขายอาหารราคาตั้งแต่ 3 ถึง 8 ยูโร ร้านแบบนี้มักจะต้องบริการตัวเอง ไปหยิบเครื่องดื่มเอง รับอาหารจากเคาน์เตอร์เอง กินเสร็จอาจจะต้องยกจานไปเก็บที่เคาน์เตอร์เอง) เลยมองว่ากิจการของปุ่นออกจะราคาสูงไปนิด
อย่างที่เพื่อน ๆ คงเคยเข้าไปคลิกในเว็บไซด์ปุ่น อาหารที่ปุ่นนำเสนอ เป็นอาหารที่มีขั้นตอน มีรายละเอียดในการเตรียม การทำ เครื่องปรุง วัตถุดิบสดใหม่ ไม่ใช้อาหารปรุงสำเร็จแช่แข็งแบบปอเปี๊ยะที่ห่อมาแล้ว (แต่วัตถุดิบบางอย่างต้องใช้แช่แข็ง เช่นเส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นสด แป้งเกี๊ยว แป้งปอเปี๊ยะ) ไม่ใช้ผงชูรส ร้านอาหารเอเชียที่นี่ส่วนใหญ่ลองไปกินดูได้เลย เหมือนกันแทบทุกร้าน ปอเปี๊ยะแช่แข็งมาทอดให้ น้ำมันทอดสามวันเติมที เดือนนึงเปลี่ยนที ก๋วยเตี๋ยวก็ใช้รสดีต้มน้ำมาให้กิน
อีกทั้งไอเดีย ความคิด การนำเสนอ การจัดวาง เรียกได้ว่า งานราษฎร์ งานหลวง แขกไปใครมา เห็นเป็นต้องชมทุกราย ว่าอาหารหน้าตาดี สด หอม น่ากิน และสุดท้ายอร่อยและบริการดี คอยดูแล เติมไม่ให้ขาด อุ่นอาหารจานหลักให้ร้อนเสมอ ทำความสะอาดไลน์บุฟเฟต์เล็ก ๆ ของเราให้ดูน่ากิน คอยเก็บจานให้ดูเรียบร้อย ไม่ได้แค่ไปส่งแล้วกลับ และส่วนใหญ่ลูกค้าของปุ่นจะเป็นลักษณะบอกต่อกันปากต่อปาก (อี๋ ชมตัวเองซะไม่มียัยคนนี้ อนุญาตให้ หมั่นไส้ได้เลยค่ะ)
ตอนแรกลูกค้าจะมองว่าราคาแพงจังเลย บอกได้เลยว่า ถ้าเทียบกับร้านอิมบิส หรือบริการแบบอื่น ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น อาจจะถือได้ว่าแพง แต่ถ้าคุณลูกค้าลองคิดเป็นชั่วโมงการทำงาน งานบริการ ความคิดสร้างสรรค์ ที่ดัดแปลงอาหารไทยจานหลักที่กินยากมาเป็นของกินเล่นแล้วอิ่มด้วย สวยด้วย วัตถุดิบสด ๆ ที่มาจากแหล่งที่มาต่างกัน แบบปลา หรืออาหารทะเล ก็มาจากร้านขายอาหารทะเลเฉพาะ ที่มีของทะเลมาส่งจากฝรั่งเศสและฮอลแลนด์ทุกวันอังคารและพฤหัส เรียกว่าซื้อกันมาปรุงวันต่อวันกันเลยทีเดียวไม่มีของค้าง คิดแบบคุณแม่คุณโน้ส อุดม ที่เคยตำส้มตำขาย เธอบอกว่า ทำกินอย่างไร ทำขายอย่างนั้น
ส่วนงานสอนทำอาหารนั้นลูกค้าชาวเยอรมันส่วนใหญ่ที่มาเรียน มักจะมีความสนใจในวัฒนธรรมไทยและการกินอาหารนานาชาติอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ราคาที่เสนอไปไม่เคยมีใครบ่นว่าแพงเลย มีแต่เรียนแล้วแนะนำให้เพื่อน ๆ มาเรียนกันอีก ทำกินกันเป็นกลุ่ม ๆ ทั้งสนุกทั้งอร่อยและเป็นส่วนตัว
ลูกค้าในฝันร้ายนั้น คุณ ๆ ลองทายกันดูสิคะว่ามาจากประเทศอะไร
แอ่น แอ๊น
++
ประเทศไทยค่ะ
++++
ย้ำ
คนไทยด้วยกันนี่แหละค่ะ ที่ปุ่นเจอมาแล้วสองสามราย(จำนวนคนไทยนับเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ในจำนวนลูกค้าในฝันร้ายทั้งหมด) ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมคนไทยด้วยกัน พูดภาษาเดียวกัน ทำไมทำเรื่องให้คนทำมาหากินเขาเดือดร้อนกันก็ไม่รู้ ที่เจอก็คือ นัดแล้วไม่มา สั่งของไว้แล้วหายไป
ปุ่นไม่ได้ดูถูกคนไทยด้วยกันหรือจะถือตัวไม่คบคนไทยด้วยกันนะคะ เพื่อนคนไทยปุ่นก็มีสองสามคน แต่มันเจอมาแบบนี้จริง ๆ ที่จริงปุ่นก็เข้าใจว่าคนไทยที่มาอยู่ต่างประเทศนั้นบางทีก็มาจากหลาย ๆ ที่ พื้นฐานหลายอย่างก็ไม่เหมือนกัน บางทีแฝงตัวมาเป็นเพื่อนแต่แอบคิดอิจฉาก็มี บางคนก็ยังคิดว่าตัวเองอยู่เมืองไทย ใช้จ่ายอะไรเป็นต้องคูณกลับเป็นเงินบาท ปุ่นก็เป็นตอนแรก ๆ ค่ะ แต่ว่า ถ้าจะใช้จ่ายอะไรที่มันจำเป็นแล้ว ก็ใช้ไปเถอะค่ะ ถ้ามัวแต่คิดมากก็ไม่ต้องซื้อไม่ต้องได้ใช้กันพอดี อย่างค่าเรียนบางคนมาคิดเรียนเป็นคอร์สสามอย่าง เจ็ดสิบห้ายูโร ถ้าเรียนอย่างเดียวขอหารสามได้ไหม ไอเดียแบบนี้คนไทยคิดได้นะคะ เก่งค่ะแต่ไม่ได้เรื่อง แล้วปุ่นว่าการรักษาคำพูดนั้นมันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของคนมีสามัญสำนึกนะคะ คุณพูดแล้วคุณทำไม่ได้ สามีคุณ ลูกค้าคุณหรือเจ้านายคุณจะเชื่อถือคุณได้ยังไง
การเรียนทำอาหารนั้น ก็ต้องใช้หัว ออกแบบคอร์ส ทดลองสูตร จนแน่ใจ ซื้อของมาเตรียมให้คุณลูกค้าเรียน ก็ต้องสด ๆ วันต่อวัน แล้วปุ่นก็ต้องจ่ายภาษีจ่ายประกันชีวิต ค่าแรงต่อชั่วโมงนั้นก็คิดออกมาสำเร็จเป็นแพคเก็จนั่นแหละ
การยกเลิกนัดในวินาทีสุดท้ายที่ปุ่นเจอกับคนไทย ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำให้ยกเลิกนัดกัน คุณลูกค้าก็ทำให้ปุ่นเสียหายแล้ว เสียหายในค่าใช้จ่ายที่เตรียมซื้อของไว้ การนัดเรียนอาหารที่ไม่มีในตาราง ปุ่นก็ต้องซื้อของมาทำเทสต์ เพราะอาหารบางอย่างที่ปุ่นทำที่เมืองไทย วัตถุดิบอาจจะไม่เหมือนกัน ข้าวของเครื่องใช้ที่เคยทำเมืองไทยก็อาจจะมีไม่ครบ แล้วที่สำคัญอาหาร สูตรที่คุณได้กลับไป คุณจะมั่นใจได้ว่าทำอาหาร ขนม ชนิดนี้ออกมาดีและอร่อยแบบไม่มีข้อผิดพลาด เพราะข้อผิดพลาดถูกแก้ไขแล้วตอนทำเทสต์ ที่จริง ถ้าจะเอากันตามกฎจริง ๆ ปุ่นก็มีเขียนในเว็บไซด์ว่าถ้ายกเลิกภายในสามวัน ปุ่นมีสิทธิ์ที่จะเก็บเงิน แต่ว่าเพราะว่าเป็นคนไทยด้วยกัน (เบื่อเหตุผลนี้ไหม) จึงไม่อยากจะมีปัญหายืดยาว สู้เอาเวลาไปเตรียมตัวงานอื่น ๆ ดีกว่า เรียกว่า เสียแล้วเสียไป อย่ามาเจอกันใหม่ก็แล้วกัน
การสั่งอาหารนั้นยิ่งแล้วใหญ่ พี่คะหนูอยากสั่งขนมไปให้เพื่อนต่างชาติกินวันเรียนจบค่ะ อยากสั่งสาคูไส้หมูให้คนซักสิบห้าคน หนูเรียนจบสิ้นเดือนนี้ค่ะ วันที่สามสิบเดือนจุดจุดจุด พอใกล้วันมา เตรียมซื้อของ โทรไป ไม่รับ และไม่โทรกลับ ก็เชื่อได้แน่ว่า ออเดอร์นี้คงไม่เป็นจริงแล้ว หรือว่า หนูจัดงานวันเกิดค่ะ อาหารที่หนูทำ สามีแหลกไม่ล่ายเลย มาทำอาหารวันเกิดสามีให้หนูหน่อย วันที่บลา บลา พี่ปุ่นคิดราคาเท่าไหร่คะ บอกราคาลดมากแล้วไป ให้จ่ายแต่ค่าแรง ค่าของออกตามจริง ถูกแสนถูก ถึงเวลามา หายหัวไปอีกตามเคย ทำไมหนอ คนเราสมัยนี้พูดแล้วทำไมไม่ทำอย่างที่พูด เอ จะบอกว่าอยากพูดให้เราดีใจ แต่จริง ๆ แล้วไม่มีเงิน ไม่มีเวลามาสั่ง มาติดต่อ แล้วเขาจะรู้ไหมหนอว่ามันทำให้เราผิดหวังในความเป็นคนไทย และเสียกำลังใจในการทำงาน แล้ววันหน้าปุ่นจะเชื่อใจคนชาติเดียวกันได้ยังไง ชาวต่างประเทศซะอีกที่เขาบอกว่าสั่งก็คือสั่ง อาจจะมีต่อรอง อาจจะมีขอโน่นขอนี่เพิ่ม แต่ก็พูดคำไหนคำนั้น อย่างคนตุรกีที่ถูกคนเยอรมันดูถูกว่ามาอาศัยภาษีเขานั่งกินนอนกิน คนตุรกีที่มาสั่งอาหารปุ่นก็ไม่ได้มาเบี้ยว สัญญาก็เป็นสัญญา
เนี่ยค่ะ ชีวิตงานของปุ่นก็เป็นแบบนี้ แต่ที่ทำได้อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะลูกค้าฝันร้ายสองสามรายนั้นมันน้อยกว่าลูกค้าดี ๆ ที่เจอมานัก ลูกค้าดี ๆ ทำให้เรามีกำลังใจทำงานต่อไป แล้วที่สำคัญได้เผยแพร่อาหารไทย ปุ่นว่าทางอ้อมก็ช่วยซื้อของที่ผลิตในประเทศไทย ช่วยซื้อข้าวชาวนาไทย ให้สายตาชาวต่างชาติที่มองคนไทยเต็มไปด้วยความชื่นชมวัฒนธรรมของเรา ให้เขาเห็นว่าเราเองก็มีรากเหง้า มีภูมิปัญญามายาวนาน และอาหารของเรามีคุณค่า ดีต่อสุขภาพ คนกินอร่อยมีสุขภาพดี คนทำก็ชื่นใจไปด้วย
สุดท้ายนี้ (แบบว่าบ่นเสร็จแล้ว) ขอออกตัวนิดนึงว่าคงจะไม่ได้มาอัพบล้อกอีกพักนึง เพราะช่วงนี้ติดเรียนขับรถ ทำเรื่องย้ายบ้านรอรับสมาชิกใหม่ และงานเข้ามาอีกสามสี่ระลอก คงจะไม่ได้เข้ามาอีกนาน ยังไงได้เข้ามาก็ฝากเม้นท์ไว้นะคะ อาจจะไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมบล้อกกันเท่าไหร่ แต่ยังไงถ้าเวลาลงตัวแล้วจะกลับมาทักทายกัน พร้อมเล่าเรื่องต่าง ๆ บวกของกินเหมือนเดิมค่ะ
สวัสดีค่ะ
ตะกี้แวะมาเม้นท์ทีนึงแล้ว ยังเป็นบล็อกเก่าอยู่ แถมเม้นท์สุด เค้าให้ล็อกอินก่อน (ลืมล็อกอินมา) พอกด Back กลับไปอีกที อ้าวเม้นท์ชั้น หายตัวไปซะแล้ว
อ่านแล้วนึกถึงตอนป้าทำเว็บขายเครื่องสำอาง พรีออเดอร์สมัยยังเป็นละอ่อนน้อยเหมือนกัน เป็นคนที่น้อง ๆ จะชอบเรา รักเรา เขียนอีเมล หรือส่งแมสเสจมาหาในเว็บเยอะมาก พอจะกลับเมืองไทยที เริ่มเปิดพรีออเดอร์ เอาล่ะ น้อง ๆ ที่รักทั้งหลาย ก็สั่งกันกระหน่ำมาก
ไอ้เราก็นึกว่าคนอื่นเค้าจะเหมือนตัวเองเนอะ อยากได้ มีเงินซื้อ มีเวลาไปโอนเงิน ถึงจะกล้าสั่งเนอะ
โอย ขาดทุนตลอด แรก ๆ อ่ะ คนมันไม่ใช่แม่ค้า เราไม่ได้ขายของอย่างเดียว เราขายใจกันด้วย
ได้ลองเครื่องสำอางที่ไม่เคยคิดจะซื้อมาใช้ก็บ่อย เพราะสั่งแล้วเบี้ยว ไอ้เครื่องสำอางถูก ๆ ซื้อง่ายขายคล่อง ปรกติไม่ใช้ (กร๊ากกส์) ก็ต้องแจก หรือไม่ก็แถมฟรีให้ลูกค้าที่เค้าจองแล้วจ่ายเงินไป
หลัง ๆ เขี้ยวขึ้น เป็นแม่ค้าขึ้น แต่ทำไป ทำไป มันไม่ใช่ตัวเองไง ตัวเองไม่เป็นแม่ค้าเลยอ่ะ ขายก็ถูก แถมตลอด แถมต้องกลายเป็นคนใจดำ ใจหิน มันไม่มีความสุข เลยเลิกทำไป
ของปุ่นเนี่ย หนักกว่าเยอะ เพราะเป็นอาหาร เป็นของสด เสียแล้วเสียเลย
เสียเวลา เสียอารมณ์ ยังไม่เท่ากับความรู้สึกที่มีต่อลูกค้าคนไทยด้วยกันชิมิส์