Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
30 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
Aus den Augen, aus dem Sinn

มาเป็นภาษาเยอรมันกันอีกแล้ว คราวนี้ว่าด้วย Sprictwort ที่มันแปลประมาณว่า สำนวน แบบบ้านเรา


วันนี้ขอเสนอสำนวนว่า
 Aus den Augen, aus dem Sinn



 แปลตรง ๆ ก็คงจะหมายความว่า ออกจากสายตา ก็ออกจากใจไปด้วยเลย ที่จริง มันเป็นคำตัดพ้อ คนพูดจะคิดว่า คนเราพอไม่เห็นหน้ากันก็ลืมกันไปเลยนะ เหมือนว่าคนพูดเป็นฝ่ายถูกกระทำยังไงไม่รู้



ขอเข้าเรื่องตัวเองเลย...เวลาที่ฉันใช้ชีวิตผ่านมา เจอคนเข้ามาในชีวิตก็เยอะแยะมากมาย ตั้งแต่อยู่เชียงราย ย้ายไปเรียนเชียงใหม่ ต่อปทุมธานี แล้วมาขายแรงงานอยู่กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร (สมเป็นนครเฟื่องฟ้าราตรี) มีทั้งเพื่อน ทั้งคนรู้จัก เยอะมากเพราะตอนเด็ก ๆ ชอบทำสถิติหาเพื่อนเพราะตะก่อนเป็นคนขี้เหงา  สำเร็จมั่งไม่สำเร็จมั่ง บ้างก็ให้ความร่วมมือดี บ้างก็คบแล้วไม่เวิร์ค แต่ตอนยังเด็กก็ยังทู่ซี้คบให้มันแทงใจเล่น 



ก่อนหน้านั้น ช่วงอายุสิบแปดถึงยี่สิบห้า
           ที่จริงก็ดูคนออกแล้วล่ะว่าใครมาดีมาร้าย แต่ด้วยความขี้เหงาแม้แต่ศัตรูก็ยังคบเป็นเพื่อน แต่ว่าคนในเมืองเนี่ยนะ เค้าเข้ามาในวัฐจักรชีวิตแล้วก็หมุนออกไป ทั้งๆ ตอนที่เจอกันที่ทำงานทุกวันก็ดูเหมือนว่าจะสนิทสนมซี้กันดี พอลาออกจากที่ทำงานไปแล้ว ไม่มีหรอกที่จะเค้าโทรมาหา ตอนนั้นยังโง่อยู่ ยังโทรติดต่อไปเรื่อย ๆ ไม่อยากให้สายสัมพันธ์ขาด แต่พอเราไม่โทรไป เค้าก็ไม่โทรมา ก็เริ่มเรียนรู้ว่า คนเราจะเป็นเพื่อนกัน ให้เราเป็นฝ่ายเติมความรู้สึกดี ๆ ให้แต่ฝ่ายเดียว มันดูจะไม่ถูกต้อง ไม่สมดุล และรู้สึกว่าไม่แฟร์กับตัวเอง แล้วจะรู้สึกแย่กับตัวเองที่ไปคาดหวังให้เค้ามาเป็นเหมือนเรา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว 


พออายุเลยยี่สิบห้าเริ่มฉลาดขึ้นมานิ้ดนึง เริ่มรับมือกับคนแปลก ๆ เป็นแล้ว
           เปลี่ยนที่ทำงานมาสองสามที่ เริ่มเรียนรู้ว่า อย่าไปแคร์อะไร ๆ มากมาย ปล่อย ๆ วาง ๆ บ้าง ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ เริ่มเรียนรู้ที่จะบำบัดความเหงา ด้วยการทำความเข้าใจมัน เผชิญหน้ากับมัน (โดยมีหนังสือธรรมะหลายเล่มเป็นไฟฉายส่องทาง) ในที่สุดฉันก็เป็นดาวที่เปล่งรัศมีด้วยตัวเอง ฮ่า ฮ่า โดยไม่ต้องพึ่งพาความสุขจากการช็อปปิ้งมากมายเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังชอบช็อปอยู่พอประมาณไม่เดือดร้อนใคร  โดยไม่ต้องขวานขวายหาใครสักหลาย ๆ คนมาเป็นเพื่อน โดยไม่ต้องตกเป็นทาสของมือถือและคอมพิวเตอร์ ไม่มีเธอฉันก็อยู่ได้ และ โดยไม่ตกเป็นทาสของความรัก  ผู้ชายนิสัยเห็นแก่ตัว ก็เลิก ๆ ไปไม่กลัวอยู่คนเดียว 


           แต่กว่าจะมีวันนี้ ไม่ได้ใช้เวลาวันเดียว ฉันต้องใช้เวลาบ่มเพาะกำลังใจให้ตัวเอง พลังงานที่นอกจากจะใช้ไปในการทำงานแล้ว ยังใช้กับการค้นหาความหมายของชีวิต นี่ ว่าไปโน่น และที่สำคัญ ฉันพบว่าโยคะช่วยให้ฉันนิ่งขึ้น ใช้เวลากับตัวเองตรึกตรองสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต ในปีที่แล้ว เดือนที่แล้ว อาทิตย์ที่แล้ว และในที่สุด เมื่อจบวันฉันก็เรียนรู้ที่จะคิดประมวลผลลัพธ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ไม่หลับหูหลับตาใช้ชีวิตอีกต่อไป



วันนี้ อายุสามสิบสี่ปีแล้ว
           ย้ายมาอยู่เยอรมัน ยิ่งแล้วใหญ่ คนไทยที่นี่ก็ใช่ว่าจะมีพื้นฐานเหมือนเรา มาจากร้อยพ่อพันแม่ แต่จับพลัดจับผลูมาอยู่ต่างประเทศก็ใช่ว่าจะเจริญตามประเทศที่อยู่ มีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตัวฉันเอง มีบทเรียนมาแล้วจากเมืองไทย ใครที่จูนแล้วไม่ตรง ฉันก็เลือกที่จะอยู่ห่าง ๆ ทีนี้ฉันก็เข้าใจด้วยว่า แต่ละคนให้น้ำหนักความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนต่างกัน บางคนไม่เจอหน้าก็ถือว่าแล้วกันไป บางคนก็เข้าใจรักษาสมดุล ติดต่อกันไปมาสม่ำเสมอ โดยวางขอบเขตไม่ให้ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวมากไป ซึ่งคนที่คิดแบบนี้ได้ถือว่ามีไม่เยอะ (แต่ฉันโชคดีที่เจอหลายคนแล้ว ดีจัง)  การจะไปคาดหวังให้คนอื่นมาเหมือนตัวเองนั้น ก็ดูจะเห็นแก่ตัวมากไป เพื่อนกันขอให้รู้ว่าอยู่ไกลแค่ไหน ความเป็นเพื่อนก็ยังอยู่ การใช้เวลาที่ดีร่วมกัน มันก็เป็นมิตรภาพที่มีความหมายแล้ว 


          ซึ่งการใช้ชีวิตในแต่ละวันนั้น มันสนุกตรงที่หาสมดุลชีวิตเจอเนี่ยแหละ โดยให้โอกาสและเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงของตัวเอง อยู่กับคนที่ฉันรักและแคร์ คนที่ไม่แคร์ฉันนั้นหรือ บางทีฉันก็แอบแคร์นิดหน่อย ก็ฉันยังเป็นคนอยู่นี่นะ Smiley พอจบวันคิดตกแล้ว (ขอยืมสำนวนป้าเดซี่มา) ตัดสินใจได้ว่า "ขอสะบัดบ็อบเดินจากไปเลยค่ะ"


          สำนวนที่ยกมานั้น อยากจะให้มองในอีกแง่นึงว่า คนพูดสำนวนนี้แต่มีทางเลือกที่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอดไป หรือเลือกที่จะเข้าใจมันแล้วเอ็นจอยชีวิตในแต่ละวัน



  แล้วคุณล่ะ........  คุณเลือกรึยังคะ


 


หนังสือแนะนำ: ชุดมองด้านใน ของ ท่านพุทธทาสภิกขุ และ เข็มทิศชีวิต ของ ฐิตินาถ ณ พัทลุง




 






Free TextEditor


Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 20:33:35 น. 14 comments
Counter : 1030 Pageviews.

 
วันนี้มาอ่านเเบบทุกตัวบรรทัด ก็ได้เเง่คิดไปอีกเเบบ ว่าเเล้วกลับเมืองไทยคราวนี้จะไปหาหนังสือเล่ม หนึ่ง ถึง หก เหมือนของปุ่นมาอ่านบ้าง ส่วนเล่มบนสุดท้าย ของคุณ ฐิตินาถ มีเเล้วสองเล่ม ตอนนี้ทะยอยอ่านไปเรื่อยๆ หลังๆมาพี่ก็เริ่มอ่านหนังสือเเนวนี้มากขึ้น อ่านเเล้วได้เเง่คิด มุมมองในการใช้ชีวิต

เพื่อนที่เมืองไทยตอนนี้ที่คบกันมาเป็นสิบๆปี ก็เหลือเพียงเเค่สองคน ถึงจะน้อยเเต่ถ้าเพื่อนมีคุณภาพดี ก็อยากจะคบไว้นานๆ เเบบว่าตอนนี้เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
/emo/emo21.gif>

จำไม่ได้ว่าเคยถามปุ่นไปหรือยังว่า ปุ่นเล่นโยคะโดยการเข้าสตูดิโอใช่ไหม พี่หาคอร์สถูกๆใกล้บ้านไม่มีเลย ก็เลยฝึกเอง ได้นิดๆหน่อย ช่วงนี้ก็ยังพยายามลดน้ำหนักอยู่เหมือนเดิม เเต่ไม่ได้ชั่งเเล้่วละว่าหนักเท่าไหร่ เอาเเบบว่าให้รู้สึกฟิตก็พอ อาทิตย์งดกินเนื้อสัตว์ งดได้สองวันเเล้ว พยายามซื้อเต้าหู้มาทำอาหารเเทน เพราะปกติเป็นคนเนื้อสัตว์ค่อนข้างมากที่เดียว อยากจะพยายามลดลง เพราะรู้สึก การย่อยเริ่มไม่ค่อยดีเท่าไหร่เเล้ว

ปุ่นสบายดีนะ วันนี้เเถวย้านพี่อากาศดีมากๆ มีเเดดออก เเต่ก็ยังหนาวอยู่ เเฟนพี่ไม่อยู่ มีการโทรมาสั่ง ห้ามขับรถไปไหนไกลๆ เพราะเค้ากลัวเรื่องนักโทษเเหกคุก ไม่รู้ตำรวจจับได้ยัง พี่ไม่ได้ตามข่าวเลย

ดูเเลสุขภาพด้วยจ๊ะ

ปล ขอโทษทีนะ เมนท์ยาวไปหน่อย


ตอนนี้พี่ตกเป็นทาศของคอมพิวเตอร์อ๊ะปุ่น เเต่โทรศัพท์นี่ไม่เท่าไหร่ ไม่มีก็อยู่ได้ เดือนๆนึงเเทบไม่ได้ใช้เลย บางทีเเบตหมด ลืมไว้ตรงไหนก็ยังหาไม่เจอ เเต่ตอนอยู่เมืองไทย บิลโทรศัพท์สูงสุดที่เคยทำสถิติ ก็ปาไปเกือบสองหมื่น ช่วงที่เเฟนพี่ย้ายกลับมาเยอรมันนี เเบบว่าคิดถึงเค้ามาก โทรวันละหลายรอบ สุดท้าย คนรับโทรศัพท์ต้องเป็นคนโอนเงินมาจ่ายบิลซะเอง


โดย: สาวเซาะกราว วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:42:18 น.  

 
อ้าว ปุ่น โทษที ไหงพิมพ์เเล้ว ย่อหน้าที่พิมพ์มันสลับกันหว่า งง โทษทีเน้อ


โดย: สาวเซาะกราว วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:43:24 น.  

 
นุชก่จะตามหลังคุณปุ่นไปม่กี่วันนี้เจ้า

เพื่อนคบดีก่ดีไปเนาะเจ้า

ส่วนเพื่อนที่จูนกั๋นม่ติดบางครั้งต่างจิตต่างใจ๋กั๋น
ก่อถือว่าเป็นความหลังไปเตอะ

อิอิ นุชทำอย่างนั้นเจ้า
ม่แคร์ต่างคนต่างอยู่เป๋นดีที่สุด
ฉันอยู่ของฉันได้


โดย: แม่เฮือน วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:1:38:43 น.  

 
บล็อกนี้เขียนดีมากอ่ะปุ่น

มีเปิดหัว มีลูกเล่นในการเปิดเรื่อง เริ่ดค่ะ ถูกใจให้กิฟท์

เฮ้ย ชอบมากกกกก จริง ๆ นะ เขียนอะไรทำนองนี้บ่อย ๆ ดิ ป้าหาอะไรแบบนี้ในบล็อกแก็งค์อ่านมานานแล้ว ไม่ค่อยเจอเล้ย

งานเข้า...อ่านไปรอบนึงแล้วหละ เดี๋ยวกลับมาอ่าน มาตั้งใจเม้นท์อีกรอบตอนพักเที่ยงนะ

ฝากคำถามไว้ก่อนกันลืม กลับเมืองไทยเมื่อไหร่นะ ?? ป้านี่เพิ่งได้คุยกับเพื่อนบล็อกที่สนิทกันเมื่อวาน เลยอยากจัดมีตติ้งไปเจอกันอีก

ไปหยอดไว้นิดนึงนะ

เดี๋ยวมา...





โดย: Oops! a daisy วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:10:39:35 น.  

 
ว่าจะทักตั้งแต่ตะกี้ ว่า 34 แล้วเหรอ ?? บล็อกก่อนนู้น เห็นพลว่ารุ่นเดียวกัน ยังงงว่าพลแอ๊บแบ๊วป่าวหว่า กร๊ากกกส์

อ่านเรื่องของปุ่นไปสองรอบ เหมือนกับเดจาวูอ่ะปุ่น ป้าก็เป็นอย่างปุ่นเปี๊ยบเลย เพื่อนเยอะทั้งเพื่อนประถม เพื่อนมัธยม เพื่อนมหาลัย เพื่อนที่ทำงานอีกห้าหกที่ แต่....ดูเหมือนเค้าจะโตก่อนวัยกันไปหมด คือเค้าเป็นเหมือนกับป้าตอนนี้อ่ะ

คือเข้าใจในสัจธรรมที่ว่า 'ชีวิตใครก็ชีวิตมันเนอะ'

ตอนนี้เพื่อน ๆ (ส่วนมากจะเด็กกว่าทั้งนั้นเลย คุยกับคนรุ่นเดียวกันไม่รู้เรื่อง-จริง ๆ) ที่ยังคุย ๆ กันอยู่นับคนด้วยมือข้างเดียวได้ แถมที่ยังตัดกันไม่ขาด ก็เนื่องจากโลกนี้มี Yahoo Messenger มิฉะนั้นป่านนี้เหรอ ??

ชอบตรงที่ปุ่นบอกว่า ....

ก็เริ่มเรียนรู้ว่า คนเราจะเป็นเพื่อนกัน ให้เราเป็นฝ่ายเติมความรู้สึกดี ๆ ให้แต่ฝ่ายเดียว มันดูจะไม่ถูกต้อง ไม่สมดุล และรู้สึกว่าไม่แฟร์กับตัวเอง แล้วจะรู้สึกแย่กับตัวเองที่ไปคาดหวังให้เค้ามาเป็นเหมือนเรา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

คือพอเราเป็นผู้ใหญ่ที่คิดได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว มาเจอคนวัยเดียวกันหรือแก่กว่าที่ตอนนี้มันยังคิดไม่ได้เนี่ย ก็เลยเกิดอาการเหวี่ยงกันหน่อย ก็ที่เห็นป้าเหวี่ยงบ่อย ๆ ในบล็อกน่ะแหละ

แชทกันสามสี่เดือน กินข้าวกันหนึ่งครั้ง จะมาคาดหวังให้ชั้นเป็นเพื่อนตายไปกับเธอเลยเนี่ย เอ...มันจะยังไง ๆ อยู่นา กร๊ากกกกส์

อยากมีเพื่อนที่เข้าใจ ป้าไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ ไม่ต้องการแก้วกาแฟสตาร์บัคส์ หรืออะไร กร๊ากกก

เมื่อตะกี้ ก็แชทกับน้องคนนึง ซึ่งก็ออนเห็นกันบ้าง ไม่เห็นกันบ้าง ทักกันบ้าง ไม่ทักกันบ้าง คือเราเป็นมนุษย์ประเภทเดียวกันอ่ะ เมิงอยากทักก็ทักมา กรูอยากทักก็ทักไป ไม่ต้องมาแอบ ไม่ต้องมา invisible กัน

เนื่องจากป้าจะไปกรุงเทพฯ แล้วอยากเจอมัน ก็ชวนกัน นัดแนะกันเสร็จ น้องมันบอกว่า

'ขอบคุณนะคะที่ชวน'

ป้าก็บอก

'แหม..ชั้นรักเธอนะ ชั้นแค่ไม่ยึดติดกับใครเท่านั้น'

มันก็ว่า

'หนูก็รักป้าเหมือนเดิม แล้วก็สบายใจด้วยถ้าป้าจะเข้ามา หรือเว้นระยะตามใจชอบ'

อยากได้เพื่อนแบบนี้ซักคนมั้ยปุ่น ??


โดย: Oops! a daisy วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:12:19:18 น.  

 
เอ่อ ปุ่น ต่อไปนี้เราคงต้องเรียกชื่อกันเฉยๆแล้วล่ะ เพราะอายุไล่เลี่ยกัย เห็นปุ่นเรียกเรามาตลอดว่าพี่ๆ แถมหน้าปุ่นก็ละอ่อนซะขนาดนั้น เลยเหมาเรียกตัวเองว่าพี่อยู่ตั้งนาน

เรื่องเพื่อนนี่พูดยากนะปุ่น คนเรากว่าจะสนิทกันได้มีสิ่งแวดล้อมหลายอย่างพาไป บางทีจูนกันติด แต่เวลาไม่ตรงกัน บางคนเจอกันคุยกันสนิทกัน ไปๆมาๆกลายเป็นอื่นไปซะงั้น

เราเนี่ยเป็นคนนึงเลยล่ะที่ไม่ค่อยจะโทรหาใครก่อน นอกจากจะมีธุระจริงๆ เป็นคนคุยเล่นๆโทรศัพท์ไม่เป็น เสียเพื่อนไปก็มาก เพราะนิสัยแบบนี้แหละ แต่เวลามีเพื่อนโทรมาหานี่ปลื๊มปลื้ม บางทีเพื่อนปุ่นที่หายๆไปเขาอาจจะเป็นแบบเราหรือเปล่า

เราเป็นคนอ่านหนังสือธรรมะไม่เป้นอ่ะ อ่านแล้วจะง่วง ที่บ้านมีหลายเล่ม พ่อให้มา แต่ไม่ได้อ่านเลย สงสัยจะเป็นบัวจมโคลน แต่เราก็ยึดหลักง่ายๆอ่ะนะ แค่รู้สึกว่ามีความสุข ก็พอแล้ว ถึงจะทุกข์บ้างเราก็ต้องเปรียบเทียบนะว่าจริงๆแล้วชีวิตเรามันมีสุขมากกว่าทุกข์ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดๆมันทิ้งไปบ้าง บางทีกลุ้มๆเบื่อๆก็มาเขียนระบายในบล็อก แป๊บๆก็หาย

อย่างที่ปุ่นว่าแหละคนเราต้องหาสมดุลย์ให้เจอ คนมีทางออกต่างกันไป เพราะฉะนั้นเราว่า ดีที่สุดที่เราทำได้คือหาตัวเองให้เจอ แล้วไม่ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น คือจบ

ต๊าย เม้นนี้ของเราสาระเยอะจัง


โดย: LittleBlueTwingo วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:20:12:33 น.  

 
ได้รับหลังไมค์แล้วจ้า แต้งกิ้ว

ส่วนหน้าไมค์เนี่ย ก็อ่ะนะ เดี๋ยวว่าให้ฟังก่อนว่า ที่ป้าซื้อตั๋วให้ตัวเองไปเนี่ยนะ บิน 22 ดึก ถึงเมืองไทยหลังเที่ยงคืนวันที่ 23 กลับ 26 บ่าย ๆ

คือปรกติจองตั๋ว จะจองให้ตัวเอง ซื้อเองไม่เผื่อแผ่คนที่บ้าน เพราะเค้าได้หยุด 2 อาทิตย์กว่า เค้าซื้อตั๋วได้ถูกกว่าเราอยู่แล้ว เพราะวันบินเค้ายืดหยุ่นได้ ก็ให้เค้าจองกันเอง

ทีนี้ มันไม่เป็นดังคาดอ่ะ ป้าซื้อตั๋วไปแล้ว พยายามจะหาตั๋วให้สองหนุ่มที่บ้านแบบราคาเจ๋ง ๆ เหมือนของป้า ก็ไม่ได้ซักที

แถมป้ายังอาจจะหยุดเพิ่มด้วย อาจจะเปลี่ยนวันเดินทาง แล้วจ่ายค่ารีบุ๊คกิ้งเอา หรือไง เดี๋ยวคงต้องดูว่าจะซื้อตั๋วให้สองหนุ่มลงตัวได้วันที่เท่าไหร่ แล้วเปลี่ยนตั๋วของตัวเองอีกที

วันที่น่าจะ (น่าจะนะ) เจอกันได้คือวันที่ 21 วันเดียวอ่ะจ๊ะ เพราะคงไปได้หลังวันที่ 18

มีตติ้งเนี่ย ก็กะว่าจะมีสองงาน งานเด็ก กะงานผู้ใหญ่ ก็กะว่า 23 กับ 24 อ่ะจ้ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าอิชั้นจะได้บินวันไหน ถ้าได้บินไปก่อนวันที่ 21 เดี๋ยวเปลี่ยนวันมีตติ้งก็ได้ ว่าแต่อยากจะไปมีตติ้งกะเค้ารึป่าวล่ะ

แล้วยังไงป้าจะมาอัพเดทเรื่อย ๆ เด้อค้าเด้อ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:13:55:33 น.  

 
ฟังเหมือนเจอคนไม่ดีในสังคมมาเยอะนะคะ แต่ก็นั่นแหละค่ะคนไม่ดีเราก็ต้องตัด ๆ ออกไปจากชีวิตบ้าง อย่าไปอะไรนักหนากับคนพวกนี้เลยค่ะ มีธรรมะเป็นเพื่อนน่ะสุขกว่าเยอะเลยค่ะ jujastar โชคดีที่ตามแม่เข้าวัดตั้งแต่ 7 ขวบ ก็เลยค่อนข้างแกร่งค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรมากระทบง่าย ๆ ทุกวันมีแต่เสียงหัวเราะสนุกสนานกับการทำงาน และกิจกรรม 108 ของตัวเอง เลยไม่ค่อยเครียดค่ะ อิ อิ


โดย: Jujastar วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:16:40:43 น.  

 
บล็อกนี้ดีมากเลยจ้ะ ปุ่น แบบว่าตรงใจมากๆ แต่แบบว่าเหงาอ้ะ หาเพื่อนยากจริงๆ ไม่รู้คนประเทศนี้เค้าอยู่กันได้ยังไง ตัวใครตัวมันไม่มีเพื่อน เฮ้อ...เจอคนชาติเดียวกันก็ดีใจ แต่ร้อยพ่อพันแม่มาก จนจูนไม่ติดแทบทั้งนั้น ที่จูนกันติดก็ไกลกันเหลือเกิน เฮ้อ ชีวิตน้อชีวิต คิดแล้วก็เหมือนว่า เรามีกรรม ต้องจากบ้านจากเมืองมาเนี่ย คิดถึงอาหารไทยจังเลย


โดย: gadeja วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:21:25:26 น.  

 
สัสดีค่ะคุณปุ่นขา ชอบจังเลยเนื้อหาของบล็อกนี้ดีมากค่ะให้แง่คิดอะไรตั้งมากมาย ขอบคุณมากเช่นกันนะคะที่แวะทักทายที่บล็อกบ่อยๆ เดี๋ยวถึงบานจะมาแอดคุณปุ่นไว้เป็นเพื่อนค่ะเพราะคอมพ์เครื่องนี้แอดไม่ได้แขกบล็อก อิๆ

อ้อเรื่องหินนำโชคที่คุณปุ่นว่าตุ๊กตาก็ชอบมากเลยค่ะ คุณปุ่นลองหาคริสตัลใสมาวางบนทิศตะวันออกเฉียงเหนือในห้องอ่านหนังสือหรือห้องนั่งเล่นดูซิคะจะกระตุ้นพลังเรื่องสมาธิและการเขียนไดมากเลยค่ะเพราะมุมนั้นคือมุมการศึกษา แต่มีห้องน้ำหรือห้องครวในมุมนั้นก็เอาไปวางบนห้องำงานก็ได้ค่ะ


โดย: Thairabian วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:19:46:13 น.  

 
วันหลังคุณปุ่นลองถ่ายรูปสร้อยมาให้ดูซิคะเผื่อจะรู้ว่าเค้าคือหินอะไร แต่หินมีหลายชนิดมากค่ะแต่ดีใจที่คุณปุ่นชอบนะคะ ถ้าซื้อคริสตัลมาแล้วเนี่ยเอาเค้าไปปล่อยให้น้ำก็อกไหลผ่านสักประมาณสิบถิงยี่สิบนาทีหรือครึ่งชั่วโมงนะคะป็นการล้างเค้าและจากนั้นให้สำผัสเค้าจะจำเจ้าของได้ เป็นจิตวิทยาค่ะเค้าเชื่อว่าหินมีชีวิต ไม่งั้นก็ให้เอาไปผึ่งแดดช่วหกโมงเช้าถึงเก้าโมงเช้าไม่เกินนั้นเพื่อให้เค้ารับพลังค่ะและล้างสิ่งไม่ดีออกไป ตากแดดไม่ต้องนานมากนะคะไม่เกินครึ่งถึงหนึ่ชั่วโมงถ้าอเมทิสต์ก็แค่สิบหรือสิบห้านาทีก็พอเพราะสีจะซีดค่ะ และอย่าไปวางในห้องน้ำหรือห้องครัวเป็นอันขาดค่ะ


โดย: Thairabian วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:2:41:52 น.  

 
อายจังเลยค่ะคุณปุ่นที่คุณปุ่นมาเห็นมุมบ้าๆ (ทีจริงก็บ้ามานานแระ อิๆ) แต่ชีวิตคู่ยิ่งอยู่นานถ้าไม่หวานก็ต้องสร้างสีสันให้ไม่เบื่อกันค่ะ สุขบ้าง สนุกบ้าง บ้าๆ บวมๆ บ้าง อิๆ คุณปุ่นสบายดีนะคะ สุขภาพเป็นไงบ้าง อย่าลืมที่บอกนะคะแล้วบอกผลด้วย อิๆ จุ๊บๆ


โดย: Thairabian วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:1:11:53 น.  

 
แวบมาบอกปุ่นว่า เราเป็นน้องปุ่นสามปีล่ะ แห่ะ แ่ต่เรียกเกดเฉยๆ ก"ด้นะ ว่าแต่จะให้เราเรียกพี่หรือว่าปุ่นเฉยๆ ดีล่ะ


โดย: gadeja วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:2:50:44 น.  

 
หวัดดีจ้าปุ่น

จะบินแล้วดิ เก็บของเสร็จรึยัง

ตกลงหมายกำหนดการเดิมของปุ่นเปลี่ยนรึป่าวอ่ะ ที่ว่า 21 ว่างอ่ะ ป้าทำจองไว้ก่อนได้มั้ย แล้วใกล้วันจะโทรฯคอนเฟิร์มอีกที อิอิ

คืองี้ ทำจองให้ที่บ้านไว้แล้ว ซื้อตั๋วแล้ว บิน 19 กลับ 26 ของป้าเลยจะเปลี่ยนไปวันเดียวกัน ตอนนี้เป็น waitlisted อยู่ แต่ป้าว่าป้าได้คอนเฟิร์มแน่นอน เพียงแต่ว่าเค้ายังกั๊กไว้เผื่อขายให้คนอื่นได้อะไรเงี้ย

มาบอกไว้ก่อนเผื่อปุ่นกลับเมืองไทยแล้ว อาจจะไม่ได้เข้าบล็อก

โอรึป่าว ปุ่นไปบอกป้าไว้หน่อยนะ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:16:41:25 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bananarumba
Location :
โคโลญจ์ Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




จากเชียงราย ผ่านเชียงใหม่ ไปกรุงเทพ ปัจจุบันลงตัวอยู่ที่โคโลญจ์ มีความสุขดีเหมือนเป็นบ้านที่สอง
ผ่านชีวิตมาเกือบครึ่งคนแล้ว เขียนบล้อกมาหลายปี จากตอนแรกที่อยากเขียนเพราะต้องการแบ่งปันและอยากมีเพื่อน ตอนนี้จุดหมายในการเขียนเปลี่ยนไปเป็น เขียนเพราะใจอยากเขียน รู้สึกรักภาษาไทยเหมือนเป็นนางงามมิตรภาพ
กิจการปิ่นโตดำเนินไปด้วยดีค่ะ ขอขอบคุณที่สนใจคลิกเข้าไปดูเว็บไซด์นะคะ
Friends' blogs
[Add Bananarumba's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.