"I hope we're all ready to leave the phenomenal world, and enter into the sublime?" - The Secret History
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
I have the right to destroy myself: เรื่องเล่าของชายผู้ชอบทำลายชีวิต



I have the right to destroy myself โดย Young-ha Kim (1996)

เรื่องจากหลังปก

“ผมไม่สนับสนุนการฆาตกรรม ผมไม่สนใจในการที่ใครจะฆ่ากัน ผมแค่อยากจะดึงเอาความปรารถนาดำมืดที่ถูกกักขังอยู่ลึกในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ความปรารถนานี้...เมื่อได้รับการปลดปล่อย มันจะเริ่มเติบโตขึ้น... จินตนาการจะโลดแล่นอย่างอิสระและมันจะค้นพบศักยภาพของตน... มันกำลังรอคอย...รอคอยที่จะได้เจอคนเช่นผม”

ชายไร้นามเฝ้าติดตามเหล่าผู้หลงทางและผู้ที่มีบาดแผลในใจกลางกรุงโซลอันสับสน เขาจะยื่นข้อเสนออันเย้ายวนใจเพื่อให้คนเหล่านั้นได้พบทางออก...เขาคือผู้ช่วยให้คนฆ่าตัวตาย

ในขณะเดียวกันชายผู้ถูกเรียกว่า C และ K เป็นสองพี่น้องที่มีความแตกต่างกันอย่างลิบลับซึ่งใช้ชีวิตล่องลอยไปมาอยู่กลางนครแห่งแสงสีสัน จนวันหนึ่งทั้งคู่ได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกันคือเซยอน เมื่อชีวิตของตัวละครเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวพันกัน แต่ละคนก็จำต้องทำร้ายกันเพื่อที่จะค้นหาความสัมพันธ์ในโลกที่ยุ่งเหยิงเช่นนี้

------------------------------------------------------------

หนังสือเรื่องนี้ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อย่างมากในเกาหลีและผู้เขียนก็ได้รับรางวัลด้านวรรณกรรมมากมาย เช่น Dongin Literary Award, Isan Literary Award และ Hyeondae Literary Award (ไม่รู้จักเลย อยากรู้จังว่าจะเหมือนซีไรท์บ้านเรารึเปล่า)

ฉันพลิกหน้าแรกของหนังสือเล่มนี้ด้วยอาการมึนงงเล็กน้อยและปิดหน้าสุดท้ายลงด้วยอาการไมเกรนลงกระเพาะ สำหรับคนที่ไม่เคยได้สัมผัสวัฒนธรรมเกาหลีมาก่อน นอกจากเคยดูหนังผีเกาหลีบางครั้งและมีเพื่อนเล่าเรื่องซีรี่ยส์เกาหลีกุ๊กกิ๊กหวานแหววให้ฟังบ้าง(แต่ขี้เกียจดูเองเพราะมันยาว) I have the right to destroy myself ก็เปรียบเสมือนก้อนหินก้อนใหญ่ที่ผู้เขียนเขวี้ยงจากเกาหลีมากระแทกใส่หัวผู้อ่านในเมืองไทยจนกระเด็นไปหลายเมตร

สังคมเกาหลีในหนังสือเรื่องนี้ไม่มีผีผู้หญิงใส่เสื้อสีขาวผมยาวปิดหน้าเดินขาเป๋ ไม่มีสาวเปิ่นที่ต้องปลอมตัวเป็นผู้ชาย ไม่มีหนุ่มหล่อรวยหยิ่งแต่แอบใจดี... มีแต่ชายปริศนาที่หลงใหลในความตาย พี่น้องที่คนหนึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นศิลปินด้านวิดีโอกราฟฟิคแล้วมาหลงรักผู้หญิงที่ไม่มีอดีตและไม่สนใจอนาคต และยังมีตัวละครอีกมากที่พร้อมใจกันเผยโฉมออกมาจากซอกหลืบของสังคมที่น้อยคนจะได้เห็น

เรื่องราวดำเนินไปผ่านการบรรยายของชายปริศนา ตัวละครมากมายที่ตอนแรกเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยจนทำให้คนอ่านแอบสับสัน แต่สุดท้ายผู้เขียนก็สามารถขมวดปมให้ทุกอย่างลงตัวกันได้...เรื่องนี้จบอย่าง “ลงตัว” แต่ไม่ “ลงเอย” ทำให้ฉันต้องเก็บไปคิดต่ออีกเป็นวัน

-----------------------------------------------------------------

++Spoiler Alert++!!

ในตอนเริ่มต้น ชายปริศนาลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่าจะ “ช่วยแก้ปัญหาสำหรับคนไร้ทางออก” ในคืนวันเดียวกันนั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเด็กนักเรียนหญิงที่ถูกพ่อของตัวเองข่มขืน เขาฟังเธอรำพันถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไร เมื่อเธอพูดจบ เขาก็ถามเพียงสั้นๆว่า “ถ้าพ่อเป็นคนเลวขนาดนั้น ทำไมไม่ฆ่าเขาเสียล่ะ”... เขาบรรยายให้ผู้อ่านทราบเพียงว่า ถ้าเด็กคนนั้นตกใจเขาก็จะบอกเธอว่าเขาพูดเล่น แต่ถ้าเธอเงียบเหมือนกำลังคิด เขาก็รู้ว่าเธอสนใจวิธีของเขา... เขาบอกแต่แรกแล้วว่าเขาไม่สนเรื่องการฆ่าใคร

ตัวละครหนึ่งที่ฉันคิดว่าน่าสนใจที่สุดคือหญิงสาวชาวฮ่องกงที่ชายปริศนาพบระหว่างการเดินทางและเขาได้ฟังเรื่องราวชีวิตของเธอ หญิงสาวคนนี้ทำงานเป็น “หุ่นตุ๊กตา” ในบาร์ หน้าที่ของเธอคือนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ บนเรือนร่างไม่มีอะไรปกปิดยกเว้นแต่แผ่นกระดาษจำนวนมากที่มีตัวเลขเขียนไว้ เมื่อบรรดาลูกค้าชายที่เข้ามาดื่มเริ่มเมา พวกเขาก็จะจ่ายเงินตามจำนวนบนกระดาษแผ่นที่ต้องการและดึงกระดาษแผ่นนั้นออกจากร่างเธอ หญิงสาวแค่นั่งอยู่เฉยๆเป็นหุ่นโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเลย เธอบอกกับชายปริศนาว่าผู้ชายเหล่านั้นมักชวนเธอคุยด้วยสายตาหื่นกระหาย แต่เธอก็ไม่รู้สึกอะไรเลย เมื่อบาร์ปิดและเธอพบว่ายังมีกระดาษบางแผ่นหลงเหลืออยู่บนตัว หญิงสาวจะรู้สึกเศร้าเหมือนว่าเป็นหุ่นไร้ราคา มีเพียงกระดาษที่ไม่อาจเปลี่ยนเป็นเงินได้

ฉันอดรู้สึกเศร้าไปกับความว่างเปล่าในชีวิตเธอไม่ได้

ในตอนจบของเรื่องชายปริศนาได้จัดแจงช่วยให้หญิงสาวอีกคนกรีดข้อมือตัวเองขณะนอนแช่ในอ่างอาบน้ำ ทั้งคู่มองดูเลือดสีแดงอ่อนไหลออกจากร่างราวกับชีวิตที่ค่อยๆหลุดลอยไป... ชีวิตมันเจือจางบางเบาขนาดนี้เลยหรือเนี่ย เฮ้อ...

------------------------------------------------------------------

สิ่งเดียวที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับหนังสือเรื่องนี้คือรู้สึกว่ามันแนวเกินไป! (หรือว่าเราแก่แล้ว...) คนเขียนจะต้องบรรยายถึงภาพวาดศิลปินฝรั่งเศส ตัวละครก็เป็นศิลปินที่สุดแสนจะแนวหลุดโลก เมื่อเห็นผู้หญิงคนนึงจะบอกว่าสวยเฉยๆก็ไม่ได้ ต้องบรรยายว่าสวยเหมือนภาพวาดวีนัสโผล่จากทะเล มีแทรกบทกลอนไปทั่วเรื่องตั้งแต่เชคสเปียร์ยัน Sylvia Plath... แต่โดยรวมแล้วก็เป็นเรื่องที่ทำให้เรางงดี แนะนำให้อ่านเวลาครึ้มๆแต่ไม่อยากกินเหล้าค่ะ


Create Date : 28 สิงหาคม 2551
Last Update : 28 สิงหาคม 2551 20:46:53 น. 40 comments
Counter : 744 Pageviews.

 
ผมเองก็เป็นพวกหมกหมุนับการฆ่าตัวตายเหมือนกัน
(เวลาคิดถึงมันแล้วรู้สึกว่าปัญหาทั้งมวลมันหดเล็กลงเท่าเม็ดทรายถูกรถสิบล้อบี้ยังไงยังงั้น) 555+

แต่หลังจากใช้มันหนีปัญหา(ไม่ชั่วคราว)แล้ว ผมกลับรู้สึกว่าการทำแบบนี้นั้นค่อนข้างเห็นแก่ตัว
ที่ทิ้งภาระและความโศกเศร้าไว้ให้กับคนที่อยู่เบื้องหลัง

ไม่รู้ว่าพระเอกวายร้ายของเรื่องจะเคยคิดในแง่นี้ไหมนะ
(ผมไมได้อ่านตรงที่ขึ้นว่า สปอย นะ เผื่อวันใดจะหยิบ(ไปจ่ายเงิน)มาอ่าน)

“สังคมเกาหลีในหนังสือเรื่องนี้ไม่มีผีผู้หญิงใส่เสื้อสีขาวผมยาวปิดหน้าเดินขาเป๋”
ชอบย่อหน้านี้ทั้งย่อหน้าเลย 555+ ลบภาพนิยายเกาหลีซะสะอาดเลย
ตอนนี้มัวแต่เขียนอะไรไร้สาระมานานแล้ว
เด๋วต้องไปหาหนังสือมาอ่านแล้วรีวิวให้สมกับเป็นบล็อกหนังสือหน่อยแล้ว
ขอทดเล่มนี้ไว้ก่อน เผื่อจะออกไปหาดูว่านิยายที่ลงตัวแต่ไม่ลงเอยเป็นยังไง ^^


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 28 สิงหาคม 2551 เวลา:21:19:53 น.  

 
.... อ่านดูแล้วเห็นด้วยค่ะ

ว่าเรื่องนี้ "แนว" จริง ๆ



ตอนอ่านจบ
คงเครียดพิลึก


โดย: โสดในซอย วันที่: 28 สิงหาคม 2551 เวลา:21:44:22 น.  

 
I have the right to destroy myself เป็นชื่อหนังสือที่โดดเด่นมากๆครับ มันเหมือนการประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่คุณจะได้รับจากหนังสือเล่มนี้มันจะไม่ใช่เรื่องลัลล้าแน่นอน

"เขาคือผู้ช่วยให้คนฆ่าตัวตาย" อืมม ก็ยิ่งตอกย้ำครับถึงความโดดเด่นในความที่ไม่เหมือนใคร คิดๆดูแบบยังไม่ได้อ่านน่ะ เราว่าคนที่ทำหน้าที่นี้ได้ ต้องใช้หลักจิตวิทยาได้อย่างช่ำชองแน่ๆเลย

กระโดดข้ามสปอยล์มาอ่านบทสรุป อืมม มันแนวเกินไปเหรอครับ สงสัยเราคงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วสิเนี่ย (แน่นอน ที่ต้องอ่านเล่มเก่าให้จบก่อน ซึ่งก็คงอีกเป็นเดือน แหะๆๆ อายจัง)


โดย: BloodyMonday วันที่: 28 สิงหาคม 2551 เวลา:21:45:05 น.  

 
อยากอ่านง่ะ คิดว่าเหมาะกับดาร์กๆ แบบเรา


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 28 สิงหาคม 2551 เวลา:21:49:01 น.  

 
แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนใจแล้วคะ

ไว้จะลองหามาอ่านมั่ง


โดย: IndyMania วันที่: 28 สิงหาคม 2551 เวลา:21:59:49 น.  

 
อ่านแทนกินเหล้าเลยเหรอ หุ หุ


โดย: ST.Exsodus วันที่: 29 สิงหาคม 2551 เวลา:9:50:48 น.  

 
ท่าทางจะเครียดและหดหู่นะคะ -_-"


โดย: แก้วกังไส IP: 125.24.220.74 วันที่: 30 สิงหาคม 2551 เวลา:2:51:27 น.  

 
อือม์...น่าสนใจ ๆ
ตอนนี้กำลังช่วยเพื่อนทำโครงการ hospice อยู่พอดี ไปหามาเป็นข้อมูลดีกว่า


โดย: แม่ไก่ วันที่: 30 สิงหาคม 2551 เวลา:9:03:26 น.  

 
แปลกดีค่ะ แอบน่าสนใจดี
แต่อ่านแล้วคงเมาแน่ๆ


โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 30 สิงหาคม 2551 เวลา:13:57:23 น.  

 
แง้ววว อาหารช่างน่าตกใจ กล้วยลูกนึงกับไข่ต้ม


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 30 สิงหาคม 2551 เวลา:21:13:27 น.  

 
"Every woman will have her day", your kind of movie, right? haha...

Yeah, I think so. I think most of the critic are men. So they might have some problems with these kind of films (I may be a hetorosexual man, but with slightly female touch na krub hihi...).

Ps. Let me tell you, I'm BEYOND corny haha+. But I'm also pround to be one, ya know? I like corny things. I think they are the best feature in human's behaviour. Well, that just my opinion. ^^


โดย: BdMd IP: 58.137.81.98 วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:10:08:59 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจแฮะ หุๆ

งานเกาหลีแนวนี้ยังไม่เคยอ่านน่ะ น่าสนๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:16:55:50 น.  

 
น่าสนใจจังค่ะ ปกติแนวๆ นี้น่าจะเป็นของญี่ปุ่นมากกว่า ส่วนเกาหลีก็จะออกแนวหวานแหวว หรือไม่ก็รักที่ไม่สมหวัง แต่แนวๆ เครียดๆ ที่แพรชอบนะคะ สงสัยต้องไปหามาอ่านบ้างแล้ว


โดย: แพร (bookofpear ) วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:2:07:40 น.  

 
ก็จริงนะคะ อะไรขึ้นชื่อว่าเกาหลี ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องน่ารักกุ๊กกิ๊กเสมอไป
มีอะไรที่เป็นสองด้านเสมอ ๆ ทำให้เราได้เห็นอย่างนี้ก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน

อ่านแล้วชวนให้หดหู่ใจอย่างไรบอกไม่ถูก
ท่าทางว่าอ่านตลอดทั้งเรื่อง จะมีแต่เรื่องชวนให้เศร้า
ชีวิตจริงก็เศร้าและเครียดจะแย่อยู่แล้วนะคะ
เลยขอแอบอ่านสปอยไปเลย เพราะคิดว่าไม่กล้าหยิบมาอ่านแน่ ๆ
แล้วก็คิดถูกที่อ่านสปอยไป เพราะมันหดหู่จริง ๆ ด้วย 55
หรือเป็นคนชอบหนีความจริงก็ไม่รู้


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ IP: 78.89.44.34 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:8:14:18 น.  

 
น่าอ่านๆๆๆ ขอทบทวนชื่อเรื่องอีกครั้ง เดี๋ยวจะไปซื้อค่ะ มีเวอร์ชันภาษาอังกฤษขายไหมคะ


โดย: The Field Where I Died วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:22:02:48 น.  

 
ผ่านมาทักทายครับ


โดย: BloodyMonday วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:18:07:14 น.  

 
แง้ววววว


ภาพแมวขาหักใส่เฝือก น่ารักเป็นที่สุดเลย


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:23:06:58 น.  

 
Yeah, that's what I thought. Since "My Girl", there a bunch of films (some good, some crap) tried to follow its success. Like "Friendship" (the one with Mario), I think they don't have to sell it as nostalgic piece or anything. IMO, it's just so redundant by now.

I think what made Son of Rambow worked is they don't oversell it, ya know? It's touching without pushing you too hard. And by that, I think when you feel down or anything, this film will certainly make up your day. ^^

Urg, those films. ONE time is just really enough for me, ya know? haha+


โดย: BdMd IP: 124.120.66.134 วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:23:24:03 น.  

 
สวัสดีอีกรอบค่ะ

มาตอบที่ไปคุยที่บล็อกเน้อ

สามดาวแหละค่ะ แต่สามดาว ถ้าหาดีๆ ก็มีดีๆ เยอะเหมือนกันค่ะ

เราก็ชอบแบบตู้แยกนะ แต่โรงแรมส่วนใหญ่มักทำแบบฝักบัวอยู่ในอ่างอะค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:11:32:36 น.  

 
นอนอยู่เฉยๆ นี่หิวง่ายจริง ๆ เลยอะ แง T^T กิน อ่าน นอน กิน อ่าน นอน ชีวิตหมี


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:16:17:17 น.  

 
ไปถอยมาแล้ว แต่ว่าหาเรื่อง The Road ไม่เจอ คิโนะบอกว่า ประมาณเดือนหน้า น่าจะมาใหม่

ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลยค่ะ ซื้อมาพร้อมกับ ร้านของชำสำหรับคนอยากตาย อ่านจบไปแล้วทันที


โดย: The Field Where I Died IP: 124.120.180.221 วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:23:47:08 น.  

 
ชื่อว่า Evolution ครับ เป็นหนังที่นักสืบ โมลเดอร์ ของเราเพิ่งเสร็จภารกิจจาก The X-File มาหมาดๆเลย

ส่วนนาย จอห์น ซี เราชอบเขาในแทบทุกเรื่องเลยน่ะ เราว่าเขาเป็นนักแสดงสบทบที่มีผลงานโดเด่นคนหนึ่งเลยทีเดียว ในขณะที่ก็ยังมีศักยภาพพอที่จะแสดงนำอีกด้วย (เช่น Walk Hard: The Dewey Cox Story เป็นหนังที่ขำจริงๆน่ะ )


โดย: BloodyMonday วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:10:16:02 น.  

 

ยังไม่ได้อ่านแอน ไรซ์ - -" หาซื้อเล่ม 1-3 ไม่มีเลยอ่ะ

ใช่ พอเป็นหนังสือเยาวชน "อะไรๆ" ก็ครึ่งๆ กลางๆ ทำให้เราอึดอัดรำคาญ โฮะๆๆ ไอ้ที่เศร้าก็พร่ำเพ้อพรรณาแทบเป็นแทบตาย แต่บทจะตายก็ตายเร็ว แต่ก็เถอะ สิ่งที่ทำให้อ่านต่อจบทั้งสี่เล่มน่ะ ไม่ใช่พระเอกนางเอกทั้งหมดหรอก ชอบตัว werewolf *ขวยเขิน บิดตัวไปมาๆ* น่ารักจัง..

Lestat ในหนังไม่ถูกใจเท่าไหร่ ไม่ชอบทอม ครูซ แต่ชอบเด็กแวมไพร์ ใน Breaking dawn เอาเรื่องเด็กแวมไพร์มาเป็นพล็อตด้วยนะ ยิ่งพูดยิ่งอยากอ่านไรซ์ + +"


โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.114.130 วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:9:07:55 น.  

 
Haha...I have to agree on that one. I think that was the best role for Wino to date, hands down (probably Christian too...wait, I also liked his "True Romance"'s performance). About Cigarettes, I used to pretend to smoke (never inhale), but that's all. What is so special about it anyway?

I think Simon Baker has such a potential to be leading man in rom-com movies. I like him in "Something New" and "Land of the Dead" too. For this movie, he was also few bright spot in acting department (poor Wino, trying to find a way out from purgatory).

Yeah, you should check it out, to see it for yourself. Anyway, I bought it from Fortune, so that's going to be easy to track down, right? =)

Thanks for your wish (yeah, Friday!), I hope you will have the best weekend too. ^^


โดย: It's just me... IP: 58.137.81.98 วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:10:16:39 น.  

 

หลังไมค์คร้าบ


โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.121.133 วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:8:59:13 น.  

 
I've yet to see John Cusack's Better of Dead... I heard good things about it (and those lines are pretty hilarious, aren't they? haha+).

Ravenous คุ้นๆเหมือนว่าเคยเช่ามาดูสมัยก่อนโน้นเลยครับ แต่จำอะไรไม่ค่อยได้ นอกจากตอนสุดท้ายที่พระเอกกับผู้ร้ายสู้กันนานมากก อ้อ แล้วพระเอกนี้คือ Guy Pearce รึเปล่าครับ (เรื่องเดียวกันรึเปล่าหว่า แฮ่ะๆๆ)

หายยุ่งเร็วๆนะครับ จะรออ่าน ^^


โดย: BdMd IP: 58.137.81.98 วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:12:35:10 น.  

 
แต่เราสนับสนุนการฆ่านะ ทั้งการฆ่าตัวเอง และฆ่าผู้อื่น
ใจเย็น.... เราหมายถึงเฉพาะในโลกของหนังสือเท่านั้น
คือ...พูดง่ายๆ ชอบอ่านแนวฆาตกรรมเลือดสาดน่ะค่ะ อิอิ

กลับมาแล้วค่ะ คุณแอปเปิ้ลอบเชย
ช่วงนี้เรามีงานบางอย่างน่ะค่ะ เลยงดอัพบล็อก และพักการอ่านหนังสือไปสักระยะ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเยียนนะคะ


โดย: Jevanni IP: 118.174.161.71 วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:21:19:15 น.  

 
ต้องดูหนังของ ผกก.เกาหลี แนวโหดๆดูบ้างค่ะ อย่างคิม คี ดุ๊ก รับรองอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างมีความสุข


โดย: grappa วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:22:22:28 น.  

 
น่าสนใจ แต่คิดว่าไม่ควรอ่านก่อนนอน
ไม่งั้นนอนไม่หลับแน่ๆ

หนังสือแนวนี้ผู้แต่ง คงสบายใจตอนเขียนเสร็จ
เพราะว่าได้ระบายจินตนาการด้านมืดออกมา
คิดว่านะคะ


โดย: BeCoffee วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:22:31:52 น.  

 
Ravenous ตลกเหรอครับ คือเป็นประมาณ unintentional ใช่ไหมครับ (แบบ นิค เคจ กระโดดดร๊อป คิกใส่ ลีลี โซเบียสกี้ ใน The Wicker Man หรือเปล่า แหะๆๆ) ^^


โดย: BdMd IP: 124.122.166.24 วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:21:40:53 น.  

 
เรายังไม่เคยอ่านฮะ

แต่เราว่าพวกเกาหลีหรือญี่ปุ่นจะมีเรื่องความรุนแรงพวกนี้แยะมาก (รวมทั้งอัตราการฆ่าตัวตายที่อยู่ในระดับสูง)

ส่วนหนึ่งเพราะสังคมที่เอาจริงงเอาจังกับมุ่งไปทางวัตถุนิยมด้วยล่ะ(มั้ง)


โดย: mr.cozy วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:10:55:22 น.  

 

แลคโตบาซิลัซแคปซูล สงสัยมันเข้มข้นม๊างแอปเปิลอบเชย ดีขึ้นรึยังน่ะ


โดย: อออ (อั๊งอังอา ) วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:8:17:51 น.  

 
จริงๆจะว่าไป เกาหลีก็เก่งเรื่องบทประพันธ์ด้านมืดเหมือนกันนะคะ อ่านรีวิวแล้วนึกถึงเรื่อง Old Boy แฮะ เพราะมันด้านมืดสุดๆเหมือนกัน


โดย: TaMachAN (narumol_tama ) วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:23:03:35 น.  

 
สวัสดีอีกรอบ

อืมม์..เรายังไม่เห็นพรีวิวเลยไม่แน่ใจแฮะ

แต่คิดว่า ดูหนังก่อนก็ได้กระมังคะ หนังสือน่าจะมีรายละเอียดเยอะกว่าอะค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:8:16:46 น.  

 
แหมถ้าหนีไปเที่ยวได้ก็ดีสิครับ กว่าจะมีเวลาหลบไปซื้อดีวีดี ก็เหลือแค่สามชม.ก่อนขึ้นเครื่องเอง -,.-'

แถมกลับมา งานก็กองรอเราอยู่อย่างไม่ปราณีอีกด้วย อ๊ากกก...

เด๋วจะปัดฝุ่นบล็อคสุดสัปดาห์นี้ มาอัพกันนะครับ ^^


โดย: BdMd IP: 58.137.81.98 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:19:00:41 น.  

 

หนีเที่ยว-ขอให้เที่ยวให้สนุก บอกแกมอิจฉาตาร้อนยิบๆ อยากไปเที่ยวนอกเมืองจัง

เอาหนังสืออะไรไปอ่านล่ะ


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:9:35:20 น.  

 
อ๊างงงงงง

แมวน้อยในกล่อง น่ารักที่สุด กรี๊ดๆๆ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:10:35:09 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:9:29:38 น.  

 
หายไป phase ที่สอง


โดย: BloodyMonday วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:16:42:04 น.  

 
อยากอ่านค่ะ
มีขายในไทยมั้ยคะ
เล่มละกี่บาท
ฝากพี่ซื้อได้มั้ยคะ


โดย: Kamies IP: 117.47.146.62 วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:20:13:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

apple_cinnamon
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




forbidden fruit...




สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539
ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


my love...
PhotobucketPhotobucketPhotobucketPhotobucketPhotobucket


LATEST BLOG
Quarter Share: กะลาสีอวกาศ






is reading:
Photobucket
Friends' blogs
[Add apple_cinnamon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.