สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป
จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 41
29 มกราคม 2551 / ปรับปรุงแก้ไข :
41-1
โต้วอิงพร้อมกำลังทหารเดินทางไปยังตำหนักของผิงหยางกงจู่ บ่าวรับใช้ในตำหนักรีบออกมายืนขวางทางไว้ที่หน้าประตู “ใต้เท้าโต้ว กงจู่ไม่อยู่ ท่านจะเข้าไปข้างในไม่ได้นะ” “พระบัญชาของหวงไท่โห้ว เจ้าของบ้านไม่จำเป็นจะต้องอยู่ ใครกล้าขัดขวางให้จับตัวไว้” จากนั้นโต้วอิงก็สั่งนายทหารให้เข้าไปค้นในตำหนัก
41-2
ไท่จื่อแอบดูเหตุการณ์ข้างนอกจากภายในห้อง แล้วเอ่ยถามเว่ยจื่อฟู “พวกเค้าคงจะเข้ามาค้นหาเรา ยังมีที่อื่นให้เราหลบซ่อนตัวอีกไหม” “มีห้องนี้ที่เป็นห้องลับ บางทีพวกเค้าอาจจะไม่สังเกตก็ได้นะ เพคะ”
41-3
เมื่อค้นมาจนถึงหน้าห้องที่ไท่จื่อได้ใช้หลบซ่อนตัว โต้วอิงได้เอ่ยถาม “แล้วห้องนี้ล่ะ มีคนพักอยู่หรือเปล่า” บ่าวรับใช้ในตำหนักสองนายที่ยืนขวางหน้าห้องเอาไว้ตอบกลับไปว่า “ใต้เท้า ห้องนี้ไม่ใช่ห้องสำหรับให้คนมาพัก” “แล้วจะให้ข้าเชื่อพวกเจ้าได้อย่างไร มีทางเดียวก็คือต้องให้ข้าเข้าไปดู” ยังไม่ทันที่โต้วอิงจะก้าวเท้าเข้าไปข้างในห้องก็บังเอิญมีเสียงจากด้านหลังห้ามไว้เสียก่อน “เดี๋ยวก่อน” โต้วอิงชะงักเท้าแล้วหันไปทางต้นเสียง “โต้วอิงขอคารวะกงจู่” “ตามสบาย” “โต้วอิงได้รับพระบัญชาจากหวงไท่โห้วให้มาตรวจค้น เป็นพระบัญชาด่วน เลยไม่ได้รอให้เสด็จกลับตำหนักมาก่อน ต้องขอประทานอภัย พระเจ้าค่ะ” “อย่างนั้นหรือ หวงไท่โห้วส่งท่านมาตรวจค้น มาค้นหาคนร้าย(人犯)หรือว่ามาค้นหาของที่ถูกขโมย(赃物) หรือว่าทั้งสองอย่างกันล่ะ” “พระองค์ตรัสเกินไปแล้ว พิธีฝังพระศพของอดีตหวงตี้ก็ใกล้จะเริ่มแล้ว หวงไท่โห้วทรงกลัวว่าจะมีพวกหัวขโมย(宵小)ปะปนเข้ามาในเมืองหลวง แล้วฉวยโอกาส(乘机)ก่อความไม่สงบ สร้างความตื่นตระหนกให้กับเหล่าเชื้อพระวงศ์และกงจู่ ก็เลยส่งหม่อมฉันมาเฝ้าระวัง พระเจ้าค่ะ” “ในเมื่อท่านเองก็มีความตั้งใจที่ดีที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ยังจะต้องกลัวว่าจะมีคนใช้สถานะการณ์นี้เพื่อมาก่อเรื่อง(趁火打劫)อีกด้วยหรือ” “แค่กลัวว่าจะไม่เป็นผลดีต่อกงจู่เท่านั้นเอง” “เราได้พูดไว้ชัดเจนแล้ว อีกอย่างเราทำความผิดหนักหนาหรืออย่างไร ถึงได้ต้องการมาค้นบ้านของเรา” “หม่อมฉันไม่บังอาจ” “เรื่องมาถึงตอนนี้แล้วยังมีอะไรที่คิดว่าบังอาจหรือไม่บังอาจอีกด้วยหรือ เสด็จพ่อของเราก็สวรรคตแล้ว ไม่มีคนคอยหนุนหลัง(撑腰)เราแล้วนี่ ทั้งแมวทั้งหมาก็เลยมาอึมาเยี่ยว(拉屎撒尿)รดที่บ้านของเรากันใหญ่ อุ๊ย ใต้เท้าโต้ว เราไม่ได้หมายถึงท่านหรอกนะ” “แม้จะทรงหมายถึงหม่อมฉันก็ไม่สลักสำคัญเท่าใดนักหรอก ขอแค่กงจู่ปลอดภัยก็พอแล้ว” “ห้องพวกนี้ท่านค้นดูหมดแล้วหรือยังล่ะ” ผิงหยางกงจู่ชี้ไปที่ห้องอื่นๆ “ทูลกงจู่ ค้นดูหมดแล้ว” บ่าวรับใช้ทูลตอบแทน “ถ้างั้นก็ส่งแขกสิ” “กงจู่ แต่ว่าห้องนี้หม่อมฉันยังไม่ได้ค้นดูเลยนะพระเจ้าค่ะ” “ห้องนี้ข้างในไว้ใช้เก็บของจุกจิกไม่เป็นระเบียบเท่าไร ไม่มีอะไรให้น่าค้นดูนักหรอก” โต้วอิงไม่เชื่อ “ไท่โห้วทรงมีพระบัญชาสั่งให้ค้นก็ต้องค้นดูให้ทั่วทุกซอกทุกมุม พระเจ้าค่ะ” “ใต้เท้าโต้ว ได้โปรดอย่าเอาคำก็หวงไท่โห้วสองคำก็หวงไท่โห้วมาอ้างไปหน่อยเลย เรารู้ว่าพวกท่านทั้งสองแซ่โต้ว แต่อย่าลืมสิว่า เสด็จย่าเมื่อหลายสิบกว่าปีก่อนได้ทรงอภิเษกเข้าตระกูลหลิวแล้ว” โต้วอิงไม่สนใจคำพูดของผิงหยางกงจู่ “กงจู่ หม่อมฉันได้ล่วงเกินพระองค์ไปแล้ว จะทรงตบตีหรือว่าลงโทษหม่อมฉันยังไงก็ได้ แต่ว่าโต้วอิงจะตายก็ขอตายอย่างรู้แน่ชัด ขอประทานอภัย พระเจ้าค่ะ” “ใครกล้าบังอาจ” ผิงหยางกงจู่รีบตวาดห้าม
41-4
“เราต้องออกไป แม้จะตายก็ต้องตายเยี่ยงไท่จื่อ” “ไม่ได้นะ เพคะ กงจู่ทรงมอบพระองค์ให้กับหม่อมฉันแล้ว พระองค์ทรงเป็นของหม่อมฉันแล้ว” เว่ยจือฟูดึงตัวไท่จื่อเอาไว้ แต่ไท่จื่อขัดขืนจนเสียหลักทำให้ม้วนเสื่อที่พิงกำแพงไว้ล้มลง
41-5
“กงจู่ ทรงได้ยินเสียงอะไรไหม พระเจ้าคะ พระองค์คงไม่คิดที่จะบอกกับหม่อมฉันว่าข้างในเป็นเสียงของแมวกับหนูวิ่งไล่จับกันหรอกนะ พระเจ้าคะ” ผิงหยางกงจู่หน้าเสียทันทีกลัวว่าโต้วอิงจะจับได้ “ท่านราชบุตรเขยโต้ว ท่านอาเล็ก ไว้หน้าผิงหยางด้วยเถอะนะ” “กงจู่ หม่อมฉันคงต้องเสียมารยาทแล้ว พระเจ้าค่ะ” โต้วอิงผลักบ่าวรับใช้สองนายที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูออกไป แล้วใช้เท้าถีบประตู เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็รู้สึกตกใจที่เห็นแผ่นหลังอันเปลือยเปล่าของหญิงสาวนางหนึ่งกำลังแช่ตัวอยู่ในถังสำหรับอาบน้ำ หญิงสาวรีบหันหน้าไปส่งเสียงไล่ “ออกไปนะ” โต้วอิงรู้สึกเสียมารยาทรีบระล่ำระลักเอ่ยคำขอโทษแล้วรีบเผ่นออกจากห้องไปทันที
41-6
โต้วอิงรีบปิดประตูแล้วหันมาทูลถาม “กงจู่ นางเป็นใครกัน พระเจ้าค่ะ” ผิงหยางกงจู่รู้สึกโล่งพระทัย “ท่านก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าสาวใช้กำลังอาบน้ำอยู่ข้างใน เราบอกท่านไม่ให้ดู ท่านก็จะดูเสียให้ได้ ครั้งนี้นางโดนท่านเห็นหมดแล้ว ต่อไปจะสู้หน้าใครเค้าได้ เราว่า หากไม่มีใครมาสู่ขอนางล่ะก็ ก็คงจะเป็นเพราะท่านนี่แหละ” “แต่..แต่ว่าหม่อมฉันไม่เห็นอะไรเลยนะ พระเจ้าค่ะ พวกเจ้าก็ไม่เห็นอะไรเลยใช่ไหม” โต้วอิงรีบหันไปทางทหารเพื่อหาพวก จากนั้นก็สั่ง “กลับได้แล้ว รีบกลับเร็วเข้า”
41-7
ไท่จื่อซึ่งซ่อนตัวโดยเอาหน้าแนบไปกับอกของเว่ยจื่อฟู ค่อยๆโผล่หน้าขึ้นมาดู เมื่อไม่เห็นใครแล้วก็รีบบอกนาง “ไปกันหมดแล้ว เจ้ารีบใส่เสื้อเถอะ ไม่งั้นเจ้าจะเป็นหวัด(着凉)ขึ้นมาได้” เว่ยจื่อฟูเห็นไท่จื่อมองก็รีบเอาผ้ามาปิดที่หน้าอก “ทรงปิดพระเนตรสิเพคะ” ไท่จื่อรู้สึกเขินรีบหลับตา “เราไม่เห็น เราไม่เห็นแม้แต่นิดเดียว” เว่ยจื่อฟูรีบใส่เสื้อ “เมื่อตะกี้ที่หลับเนตรก็ไม่เห็นใช่ไหม เพคะ” “เราสาบานให้ก็ได้ ว่าเราปิดตาตลอด” ไท่จื่อชูสามนิ้วสาบาน “ทรงโกหกหม่อมฉันล่ะสิไม่ว่า” ไท่จื่อลืมตา “จื่อฟู เจ้าวางใจเถอะ ถ้าหากวันหน้าไม่มีใครมาขอเจ้าแต่งงานล่ะก็ เราสัญญาว่าจะเป็นภาระจัดหาลูกชายของเหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ในวังมาให้เจ้าเลือกได้ตามใจชอบให้ได้” “ทรงลืมเนตรอีกแล้วนะเพคะ” ไท่จื่อรีบหลับตาลงทันที
41-8
ที่หน้าประตูเมืองฉางอัน “เฮ้อ ถึงฉางอันซะที” กัวเส่อเหรินเอ่ยอย่างดีใจ “รีบไปกันเถอะ ยังไม่ถึงบ้านอันแสนจะอบอุ่นของเจ้าเลย” ก้วนฟูเร่ง “อย่าเพิ่งเข้าไปเลยนะ ก้วนฟู แม้แต่ก้าวเดียวข้าก็จะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว เอางี้นะ เจ้าช่วยหารถให้ข้าทีสิ” กัวเส่อเหรินอ้อนก้วนฟู แต่ก้วนฟูยืนเฉย “ข้าขอร้องเจ้าไม่ได้หรือไง ก็ได้ ข้าไม่ง้อเจ้าแล้ว ข้าไปขอร้องหลี่หลิงก็ได้” กัวเส่อเหรินหันไปทางหลี่หลิง หลี่หลิงนั่งหมดแรงอยู่กับพื้น “ข้าของข้าไร้ความรู้สึกไปแล้วล่ะ ขอพักสักหน่อยเถอะ” “ข้าก็ยังอยากจะพักอีกสักหน่อย” กัวเส่อเหรินเดินไปล้มตัวนอนแผ่หลาอยู่ข้างๆหลี่หลิง “งั้นพักแป๊บนึงก็ได้ จะได้รีบไปกันต่อ” ก้วนฟูเดินเข้ามานั่งร่วมวง “พื้นดินของฉางอันของพวกเราเป็นอะไรที่ช่างสุขสบายเหลือเกิน ข้ารู้สึกว่านอนสบายกว่าที่บ้านเสียอีก” กัวเส่อเหรินเอ่ยอย่างสบายใจที่ได้นอนพัก หลี่หลิงเอนตัวลงนอนบ้าง “คนใกล้ชิดใดไหนเลยจะใกล้ชิดเท่ากับคนที่บ้านเกิด คนงามใดไหนเลยจะงามเท่ากับคนที่บ้านเกิด” “เป็นอย่างไรล่ะ ข้าพูดผิดซะที่ไหนกัน ดูท่าจะลืมสาวน้อยที่ซันตง(山东)หมดแล้วล่ะสินะ” ก้วนฟูแซวหลี่หลิง “ห้ามท่านเอ่ยถึงนางนะ” หลี่หลิงไม่สบอารมณ์ “นางเรียกว่าชิวอะไรน๊า..ข้านึกเท่าไรก็นึกไม่ออก” ก้วนฟูยังคงแซวต่อ “ชิวฉานไง” หลี่หลิงลุกขึ้นมานั่งด้วยความเขิน “ใช่ ชิวฉาน ยังจำได้ดีอยู่นี่นา” ก้วนฟูไม่เลิกแซว “มาชิวฉานชิวเฉินอะไรกันอีก พวกเจ้าสองคนยังไม่จบไม่สิ้นสักที พิธีราชาภิเษกของจิ่วเกอของพวกเราก็จะไปไม่ทันอยู่แล้ว ยังจะชิวฉานอยู่ได้” กัวเส่อเหรินบ่น “ที่พวกเราก็เร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืน(日夜兼程)จนทำให้ม้าวิ่งเกือบขาดใจตายอยู่แล้วนั้น ก็เพื่อจะกลับมาให้ทันร่วมพิธีราชาภิเษกไม่ใช่เหรอ” หลี่หลิงสงสัย “เจ้าไม่รู้อะไร ข้าจะบอกให้ก็ได้ เจ้าเด็กน้อย ประเทศชาติขาดกษัตริย์ไม่ได้ฉันท์ใด แผ่นดินก็ขาดผู้นำไม่ได้ฉันท์นั้น ถึงแม้จิ่วเกอจะไม่ร้อนใจ แต่จะให้คนอื่นๆเหล่านั้นไม่ร้อนใจไปกับจิ่วเกอของพวกเราได้เหรอ เจ้าว่าจริงหรือเปล่าล่ะ” กัวเส่อเหรินอธิบายให้ฟัง “หมายความว่าเค้าจะไม่รอพวกเรางั้นสิ” หลี่หลิงสงสัยต่อ “เป็นไปไม่ได้ เรื่องสำคัญขนาดนี้ ชั่วชีวิตมีแค่ครั้งเดียวจะขาดพวกเราพี่น้องไปได้อย่างไร” ก้วนฟูเอ่ย “ก้วนฟู เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่า ทำไมจิ่วเกอของพวกเราถึงได้ใจร้อนดั่งไฟลน(心急如火)รีบเดินทางกลับฉางอันขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพื่อที่จะให้มาถึงก่อนอ๋องเหลียง ข้ารู้สึกว่าเรื่องสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำทันทีที่เค้ากลับมาถึงฉางอันก็คือการรับตราหยกประจำพระองค์(玉玺)เพื่อขึ้นครองราชย์ เจ้าเชื่อข้าไหมล่ะ ไม่อย่างนั้นก็จะสายไป จะเหลือก็แค่ให้อ๋องเหลียงก้มหัวรับตำแหน่งขุนนางก็เท่านั้น” กัวเส่อเหรินบ่นอย่างน้อยใจ “ไม่หรอกน่า ยังไงจิ่วเกอก็จะต้องชดเชยให้พวกเรา” ก้วนฟูปลอบ “พิธีใหญ่ขนาดนั้นจะมาชดเชยให้ได้ยังไง ข้ารู้สึกว่าอาจจะแค่ชดเชยโดยการจัดงานเลี้ยงที่ตำหนักเว่ยหยาง(未央宫)แล้วก็มีอาหารอันโอชะ(山珍海味)อร่อยๆให้กินกันก็ได้” หลี่หลิงยังคงสงสัยอยู่ “ฟังจากที่พวกท่านพูด ถ้าหากจิ่วเกอเกิดมาถึงช้าแล้วอ๋องเหลียงได้ขึ้นครองราชย์ไปก่อนล่ะ งั้น...” “เจ้าหุบปากไปเลย ปากเสียจริงๆ” ก้วนฟูว่าหลี่หลิง “ข้าเห็นว่าพวกเรายังเด็กๆอยู่ เลยพูดจาอะไรไม่ระวัง อย่าไปคิดเป็นจริงเป็นจัง คิดเสียว่าผายลม(放屁)ก็แล้วกัน” กัวเส่อเหรินเห็นด้วย “ยังไงก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เจ้าเด็กน้อย จิ่วเกอของพวกเราขี่ม้าพันลี้ อ๋องเหลียงไม่มีทางตามได้ทันหรอก” หลี่หลิงยังคงสงสัยไม่เลิก “พวกท่านว่า แม่น้ำหวงเหอจะ...” “ยังจะพูดอีก” ก้วนฟูชี้หน้าหลี่หลิง “หากไม่เชื่ออีกที วันนี้ข้าจะอัดเจ้าให้น่วมจนไม่ได้ไปพบกับแม่นางชิวอะไรนั่นเลย” ทันใดนั้นก็มีกลุ่มทหารเข้ามายืนล้อมกรอบทั้งสามคนเอาไว้ กัวเส่อเหรินเอ่ยถาม “นี่ พวกเจ้ามาล้อมไว้ทำไม พี่น้องเค้าจะทะเลาะกัน ไม่มีอะไร ไม่ต้องมาล้อมหรอก แยกๆ” โต้วอิงเดินเข้ามา “ข้ามารอพวกเจ้าอยู่ตั้งนานแล้วล่ะ” จากนั้นก็สั่งให้ทหารจับตัวทั้งสามคนเอาไว้
41-9
“หลี่หลิง นี่มันบ้านของลุงเจ้าไม่ใช่เหรอ ถึงบ้านแล้วนี่” ก้วนฟูเอ่ยระหว่างเดิน “ใช่ ถึงบ้านเจ้าแล้วนี่ มหันตภัยมาเยือนคนอยู่บ้านเดียวกัน(大水冲了龙王庙)แบบนี้แล้ว ข้าก็อยากจะรู้นักเชียวว่า ลุงของเจ้าจะสอบสวนเจ้ายังไง” กัวเส่อเหรินเอ่ย “จริงด้วย” หลี่หลิงตะโกนท้าทายอย่างไม่กลัวเกรง “พวกเจ้าตั้งศาลสิ รีบตั้งศาลเลยสิ”
41-10
“เบิกตัวนักโทษ” เสียงของโต้วอิงดังขึ้นกลางศาล สามหนุ่มได้ถูกพาตัวมายืนต่อหน้าโต้วอิงซึ่งทำหน้าที่เป็นศาลพิพากษาคดี “คนที่อยู่ต่อหน้าศาล บอกชื่อของตนเองมาซิ” โต้วอิงถาม “แล้วนายพลหลีก่านลุงของข้าล่ะ” หลี่หลิงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “หลี่ก่านถูกจับติดคุก ส่วนตัวข้าเองได้รับพระบัญชาจากหวงไท่โห้วให้มาบัญชาการกองทหารรักษาวังหลวง” “แล้วเค้าทำผิดอะไร ไท่จื่อทรงทราบเรื่องหรือไม่” หลี่หลิงเอ่ยถาม “ข้าต้องถามพวกเจ้าต่างหากว่าไท่จื่อหลิวเช่ออยู่ที่ไหนกันแน่” “ว่าไงนะ ท่าน..ท่านพูดอีกครั้งสิ” กัวเส่อเหรินรีบถาม “พวกเจ้าตามเสด็จไท่จื่อออกนอกวังไปพร้อมกันไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้พวกเจ้าถึงได้กลับกันมาแค่สามคน ถ้าข้าไม่ถามพวกเจ้า แล้วจะให้ข้าไปถามใคร บอกมา ไท่จื่อหลิวเช่อตอนนี้อยู่ที่ไหน” “ไท่จื่อยังไม่กลับถึงฉางอันเหรอ” ก้วนฟูสงสัย กัวเส่อเหรินรีบถาม “แล้วตอนนี้ใครเป็นหวงตี้กันล่ะ” “ใครจะเป็นหวงตี้ได้ล่ะ ขนาดท้องฟ้ายังไม่มีตะวันสองดวง(天无二日) ประเทศก็ย่อมไม่มีหวงตี้สองพระองค์(国无二君)อยู่แล้ว หวงตี้ในตอนนี้ก็คืออดีตหวงตี้องค์ก่อนสิ พวกเจ้าเป็นผู้คุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ไท่จื่อ ไท่จื่ออยู่ที่ไหนมีหรือที่พวกเจ้าจะไม่รู้” “ใต้เท้าโต้ว ได้โปรดบอกข้าทีว่า ท่านไม่ได้พบกับไท่จื่อจริงๆหรือ” หลี่หลิงถาม “ไม่ต้องมาถามข้า สารภาพมาซะ” “ใต้เท้าโต้ว ข้าขอถามประโยคสุดท้าย อ๋องเหลียงตอนนี้กลับมาถึงแล้วหรือยัง” “เจ้าถามถึงอ๋องเหลียงทำไม” “อ๋องเหลียงนำราชองค์รักษ์ไปมากมายติดตามไล่ล่าเพื่อจะปลงพระชนม์ไท่จื่อ ถ้าหากตอนนี้ไท่จื่อทรงเป็นอะไรไปความผิดของอ๋องเหลียงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้” “อันนี้แน่นอน แน่นอนอยู่แล้ว ข้าก็อยู่ในอารมณ์เดียวกันกับพวกเจ้านั่นแหละ ไม่ว่าจะยังไง พวกเจ้าจะต้องหาไท่จื่อให้พบ” “จะหาไท่จื่อ ทำไมไม่ไปถามอ๋องเหลียงล่ะ มาถามพวกเราทำไม” ก้วนฟูย้อนถาม “ก็อ๋องเหลียงไม่ได้กลับมาด้วยกันพร้อมกับพวกเจ้านี่ ถ้าไม่ถามพวกเจ้าจะให้ไปถามอ๋องเหลียงที่ไหนล่ะ” กัวเส่อเหรินหัวเราะ “ใต้เท้าโต้ว ที่ท่านถามถึงไท่จื่อก็เพื่อจะรอให้ไท่จื่อขึ้นครองราชย์ใช่หรือไม่” “แน่นอน หวงไท่โห้วทรงกรรแสงทุกวัน ทรงร้อนพระทัยแทบแย่ หากพวกเจ้าบอกมาว่าไท่จื่ออยู่ที่ไหน พวกเจ้าก็จะเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบต่อบ้านเมือง เข้าใจไหม รีบบอกมาเร็วๆเข้า” “ไท่จื่อเค้า...” หลี่หลิงเปลี่ยนใจ “ใต้เท้าโต้ว ทำแบบนี้เค้าเรียกว่าเป็นการปรึกษาหารือกันเหรอ” “ทำอย่างกับพวกเราเป็นนักโทษยังไงยังงั้นเลย” ก้วนฟูต่อ กัวเส่อเหรินเสริม “นั่นนะสิ ใต้เท้าโต้ว คนตั้งมากมายขนาดนี้ พวกเราจะหารือกันได้อย่างไรล่ะ นี่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศเชียวนะ ไม่งั้นท่านก็ให้พวกเค้าออกไปกันให้หมดก่อน ดีหรือไม่” “พวกเจ้าออกไปก่อน ออกไปก่อนไป๊” โต้วอิงสั่งเหล่าทหารและทหารศาล “เอาล่ะ ข้าไล่พวกเค้าออกไปหมดแล้ว คราวนี้คงจะบอกข้าได้แล้วกระมัง” ก้วนฟูต่อรอง “ใต้เท้าโต้ว จะสนทนากัน ท่านก็ต้องทำให้พวกเรารู้สึกถึงความจริงใจของท่านสักหน่อยก่อน พวกเราไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว น้องของข้าหลี่หลิงก็หิวจะแย่อยู่แล้ว” “ใช่ สองวันมานี้ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ท่านว่า...” หลี่หลิงเออออไปกับก้วนฟู กัวเส่อเหรินรีบสนับสนุน “นั่นนะสิ ท้องของข้าก็ร้องหิวหิวหิวอยู่เรื่อยเลย ข้ามีข้อเสนอที่ดี พวกเรากินไปคุยกันไปดีไหม”
|