Lumia 920 อีกสักครั้ง

ผมเขียนถึงสมาร์ทโฟนตระกูล Windows Phone ของไมโครซอฟท์ไปแล้วหลายครั้ง และเคยเขียนถึงสมาร์ทโฟนตัวล่าสุดของโนเกียคือ Lumia 920 ไปแล้วเช่นกัน

แต่สัปดาห์นี้ก็ขอเขียนถึงอีกสักรอบครับ เพราะ Lumia 920 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย (สักที) และยอดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีนัยสำคัญต่ออนาคตของโนเกียมาก

เพราะถ้า Lumia 920 ยังไปไม่รอด โนเกียก็คงต้องกลับบ้านเก่าไปขายไม้และยางที่ฟินแลนด์ เหมือนกับช่วงตั้งบริษัทใหม่ๆ ยังไม่ได้หันมาผลิตมือถือขายแล้วล่ะครับ

ย้อนความเล็กน้อยว่าไมโครซอฟท์ที่เคยครองตลาดพีดีเอและสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ด้วยระบบปฏิบัติการ Windows Mobile ไม่สามารถต่อสู้กับระบบปฏิบัติการใหม่ๆ อย่าง iOS และ Android ได้ ไมโครซอฟท์จึงกลับไปสร้างระบบปฏิบัติการตัวใหม่คือ Windows Phone ขึ้นมาแข่ง

Windows Phone รุ่นแรกคือ Windows Phone 7 วางตลาดครั้งแรกปลายปี 2010 พร้อมกับแนวคิดใหม่ๆ ด้านการออกแบบซอฟต์แวร์บนมือถือหลายอย่าง แต่กลับยังไม่ประสบความสำเร็จในตลาดมากนัก เพราะฟีเจอร์น้อย แอพน้อย ข้อจำกัดมาก และคู่แข่งทั้ง iOS/Android ร้อนแรงเหลือเกิน ส่วนแบ่งตลาดของ Windows Phone เลยมีแค่เลขหลักเดียว (3-5%) เท่านั้น

สองปีผ่านมา ไมโครซอฟท์กลับมาอีกครั้งกลับ Windows Phone 8 ที่วางขายไล่เลี่ยกับ Windows 8 อย่างจงใจ ไมโครซอฟท์กลับไปทำการบ้านในแง่ฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการมาใหม่ ความสามารถเพิ่มขึ้นหลายจุด (แต่ก็ยังเป็นรองคู่แข่ง) จำนวนแอพเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา (แต่แน่นอนว่ายังน้อยกว่าคู่แข่งมาก) ใช้งานภาษาไทยได้เต็มรูปแบบ แก้ปัญหาเดิมๆ ของ Windows Phone 7 ในเรื่องนี้ไปหมดสิ้น

ตัวเครื่องมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 มีทั้งหมด 5 รุ่นจาก 3 บริษัท ได้แก่

Nokia Lumia 920 รุ่นท็อป และ Lumia 820 รุ่นกลาง
HTC 8X รุ่นท็อป และ 8S รุ่นกลาง
Samsung ATIV S รุ่นท็อป

มือถือ 4 รุ่นแรกที่ขายโดยโนเกียและเอชทีซี วางขายในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ส่วนมือถือของซัมซุงก็ได้ข่าวมาจากซัมซุงประเทศไทยว่าจะตามมาในเร็วๆ นี้

ในแง่ตัวสินค้าคงไม่ต้องเขียนถึงกันเยอะ คุณผู้อ่านคงติดตามอ่านข้อมูลและรีวิวจากอินเทอร์เน็ตกันได้ไม่ยาก ผมอยากเขียนถึงประเด็นเรื่องการแข่งขันมากกว่า

ต้องไม่ลืมว่าใน 3 บริษัทที่ทำ Windows Phone 8 ฝั่งของเอชทีซีกับซัมซุง ไม่ได้ขายแค่ Windows Phone นะครับ สองบริษัทนี้ยังทำสมาร์ทโฟน Android ขายกันถล่มทลาย โดยเฉพาะซัมซุงที่กลายเป็นเบอร์หนึ่งของโลกด้วย Android ไปเสียแล้ว ยอดขายของ Windows Phone เป็นแค่น้ำจิ้มสำหรับสองรายนี้ ยอดขายเยอะก็เป็นเรื่องดี แต่ขายได้น้อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย

แต่สำหรับโนเกีย มันเป็นหนังคนละม้วน

โนเกียที่ขยับตัวช้าในตลาดสมาร์ทโฟน พลาดกระแส Android และหันมาแทงข้าง Windows Phone เต็มตัว (จนหลายคนเรียกโนเกียว่าเป็น “เมืองขึ้นของไมโครซอฟท์” ไปแล้ว) สมาร์ทโฟนทุกตัวของโนเกียตอนนี้เป็น Windows Phone ทั้งหมด ไม่มีระบบปฏิบัติการอื่นๆ มาแจมเลย

ความพยายามครั้งก่อนของโนเกียคือ Lumia 900 ที่ยังไปได้ไม่ดีนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7 ยังด้อยกว่าคู่แข่งมาก

ดังนั้นถ้า Windows Phone 8 ยังไปไม่รอดอีก โนเกียก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว คงต้องกลับไปขายมือถือราคาถูกแบบเดิมๆ ที่ยังขายดีอยู่ แต่ก็กำไรต่อเครื่องต่ำมาก และกำลังโดนมือถือจีนกินตลาดมาเรื่อยๆ

Lumia 920 คือ “ความหวัง” รอบล่าสุดของโนเกีย ตัวซอฟต์แวร์ถูกแก้ไขปัญหาเดิมๆ ไปมาก และโนเกียเองก็พยายามสร้างมูลค่าทางฮาร์ดแวร์เพิ่มเข้ามา ผ่านเทคโนโลยีกล้อง PureView ที่ถ่ายภาพได้คมชัดในที่มืด และถ่ายวิดีโอออกมาดูรู้เรื่องแม้มือจะสั่น

คลิปประกอบ


จากที่ผมได้ลองทดสอบจับของจริง เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพของโนเกียใน Lumia 920 นี่ยอดเยี่ยมมากครับ แต่คำถามคือมันเพียงพอต่อการจูงใจให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้ Lumia หรือเปล่า อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ เพราะการถ่ายภาพในสภาพแสงปกติ Lumia 920 ก็ไม่ได้ต่างจากสมาร์ทโฟนระดับท็อปของค่ายคู่แข่งเท่าใดนัก และคนเราก็ไม่ได้ถ่ายภาพในที่มืดหรือถ่ายวิดีโอกันมากอยู่แล้ว

ฝั่งซอฟต์แวร์ ตัวระบบปฏิบัติการของ Lumia 920 ใช้ Windows Phone 8 รุ่นใหม่ล่าสุด แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าคู่แข่งทั้งเอชทีซีและซัมซุงเอง ก็ใช้ Windows Phone 8 ก็อบปี้เดียวกัน ไม่มีอะไรต่างกันเลย

โนเกียมีแอพเฉพาะกิจของตัวเองเพิ่มมาบ้างเล็กน้อย เช่น แอพแผนที่หรือแอพแสดงพิกัดร้านค้าที่น่าสนใจ ซึ่งใช้ข้อมูลของ Nokia Maps ที่ทำข้อมูลแผนที่ในประเทศไทยได้ค่อนข้างดี (หลายคนบอกว่าดีกว่า Google Maps ด้วยซ้ำ) แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดขายหลักอยู่ดี เป็นแค่ส่วนเสริมที่เพิ่มเข้ามาสร้างมูลค่าเท่านั้น

ในสหรัฐอเมริกา โนเกียลงทุนเปิดบริการเพลงออนไลน์ ฟังฟรีสำหรับผู้ใช้ Lumia เพื่อจูงใจกันแบบสุดๆ แต่บริการนี้ก็ไม่มีในประเทศอื่น รวมถึงประเทศไทยด้วย

ผมรู้จักแฟนๆ ของ Windows Phone และแฟนเหนียวแน่นต่อแบรนด์โนเกียเป็นจำนวนไม่น้อย คนกลุ่มนี้จะกลายเป็นลูกค้าของโนเกียแน่นอน

แต่สำหรับลูกค้าทั่วไปที่มีจำนวนเยอะกว่ากันมาก คนกลุ่มนี้จะมีเหตุผลอันใดในการเปลี่ยนมาใช้ Lumia อันนี้เป็นคำถามสุดโหดที่โนเกียต้องตอบคำถามให้ได้ เพราะมีอนาคตของบริษัทเป็นสิ่งเดิมพันอยู่

ที่สำคัญเวลาของโนเกียเหลือน้อยลงเรื่อยๆ และอาจไม่มีโอกาสครั้งหน้าอีกแล้ว!

หมายเหตุ: สำหรับผู้ที่สนใจ Lumia และ Windows Phone รุ่นอื่นๆ ผมแนะนำให้ลองไปจับของจริงตามร้านค้าหรือศูนย์ของบริษัทนั้นๆ เพราะแนวคิดของมันต่างไปจาก iOS/Android มากพอสมควร ถ้าไม่เคยจับสินค้าตัวเป็นๆ จะไม่เห็นภาพครับ.