เหล่าสาวกสมาร์ทโฟนชาวไทย มีอัตราการใช้งานโทรศัพท์ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จนได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่สูงสุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผลการวิเคราะห์ล่าสุดของ Ericsson ConsumerLab หรือองค์กรศึกษาคุณค่าและพฤติกรรมของผู้คน รวมถึงวิธีดำเนินการและคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการด้าน ICT พบว่า การเข้าถึงสมาร์ทโฟนในประเทศไทยของผู้บริโภคที่อาศัยบริเวณตัวเมือง เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 17% ในปี 2012 ขึ้นมาเป็น 36 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013 หรือเท่ากับ 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
และการเข้าถึงแท็บเล็ตของผู้บริโภคในตัวเมืองมีอัตราเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าตัวจาก 2% ในปี 2012 ขึ้นมาเป็น 7% ในปีนี้ ส่วนการใช้งานแอพพลิเคชั่นเพิ่มขึ้นจาก 40 % เมื่อปีที่แล้วขึ้นมาเป็น 57% ในปี 2013
ท่ามกลางกลุ่มคนที่มีการใช้งานสมาร์ทโฟนจะพบว่ามีอัตราการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต โซเชียลเน็ตเวิร์ก การแชตออนไลน์ และการใช้วิดีโอสตรีมมิ่ง
นายอัฟรีซาล อับดุล ราฮิม หัวหน้าวิจัย Ericsson Consumer Lab ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียเนีย เปิดเผยว่า ถ้าหากเรามองดูที่การใช้งานสมาร์ทโฟน เราสามารถพูดได้ว่าคนไทยนั้นมีการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานดาต้าเซอร์วิสที่หลากหลาย โดยพวกเขานั้นใช้สมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานแอพพลิเคชั่น เพื่อการรับส่งแชตออนไลน์ ดูวิดีโอคลิป ติดต่อกับเพื่อนในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งนี้ 3 เหตุผลที่จะทำให้คนไทยดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น ก็เพื่อต้องการแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจต่าง ๆ จากใน App Store, การติดต่อกับผู้คนต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และรวมทั้งความต้องการในการลองสิ่งใหม่ ๆ
นายบัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า เราคาดการณ์ได้ว่าจำนวนผู้จดทะเบียนใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้น 4.5 พันล้านคน ในปี 2018 โดยเมื่อปลายปี 2012 อีริคสันประมาณการณ์ไว้ว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั้งหมดอยู่ที่ 1.2 พันล้านคน โดยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของโทรศัพท์มือถือซึ่งถูกขายในไตรมาสที่ 1 ในปี 2013 เป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เปรียบเทียบกับอัตราที่ผ่านมาคือโทรศัพท์สมาร์ทโฟนราว 40 เปอร์เซ็นต์ที่เคยถูกขายมาตลอดทั้งปีในปี 2012 นั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงอัตราการซื้อสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับโครงข่ายโทรศัพท์มือถือยังจะคงมีอัตราเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งมีเป็นผลมาจากการใช้สมาร์ทโฟน และแอพพลิเคชั่นที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน และแน่นอนว่าสิ่งนี้จะเป็นผลกระทบต่อผู้ให้บริการเครือข่ายต่าง ๆ ทั่วโลกที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมของเครือข่ายและจัดสรรปริมาณคลื่นความถี่อย่างเหมาะสมอีกด้วย.