เพิ่งจะผ่านวันเยาวชนแห่งชาติ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา 'สวัสดีแคมปัส' จึงพาไปรู้จักกับอีกหนึ่งเยาวชนตัวอย่าง สาวเก่งจากคณะไอซีที ม.ศิลปากร นักกีฬาทีมชาติ ซึ่งหลายคนคงยังไม่คุ้นนักกับกีฬาชนิดนี้ 'ยิมนาสตราด้า' กีฬาที่ผสมผสานระหว่างศิลปะความอ้อนช้อย การจัดระเบียบของร่างกาย กับศิลปวัฒนธรรมของชาตินั้นๆ ผ่านชุดการแสดง
'น้องบูม' นางสาวธนภัทร์ สถาปนุกูล นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขานิเทศศาสตร์ เอกวิทยุและโทรทัศน์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาวหน้าใสผู้มีหัวใจรักการออกกำลังกาย และเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก เริ่มด้วยกีฬาขี่ม้า ที่เธอเล่าว่า เริ่มหัดขี่ตั้งแต่อายุ 10 ปี ซึ่งตอนแรกก็ตั้งใจแค่หัดขี่ให้เป็น แต่พอขี่เป็นก็เริ่มไปสอบแข่งขัน ทั้งศิลปะการบังคับม้าและการขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวาง พอเริ่มขี่ได้ไม่กี่ปีคุณแม่ก็ส่งไปเรียนยิมนาสติก แต่ด้วยการเล่นกีฬาทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กัน โครงสร้างทางร่างกายจึงไม่เอื้อต่อการเล่นยิมนาสติกเท่าไรนัก แต่พอได้มารู้จักกับกีฬายิมนาสตราด้า ก็รู้สึกชอบทันที เพราะเป็นกีฬาที่แสดงความอ่อนช้อย และยังได้เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยให้คนอื่นได้เห็นด้วย
นอกจากกีฬายิมนาสตราด้า น้องบูมก็ยังเล่นกีฬาระบำใต้น้ำด้วย แต่ที่เอาจริงเอาจังก็คงจะเป็นยิมนาสตราด้า ถึงขนาดได้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งในเวทีระดับโลกมาแล้วถึง 2 ครั้ง คือที่ประเทศออสเตรียในปี 2550 และที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปีที่แล้ว เธอบอกว่า ที่เลือกเล่นกีฬาชนิดนี้เพราะเป็นกีฬาที่คนอาจจะยังไม่รู้จักมากนัก จึงอยากเป็นคนเผยแพร่กีฬาชนิดนี้ให้คนอื่นได้รู้จัก แต่ก็ยอมรับว่าในเมืองไทยยังเป็นกลุ่มที่แคบอยู่มากๆ จะเห็นความต่างเวลามีการโชว์หรือแข่งในประเทศคนจะมาดูน้อยมาก ผิดกับเวลาไปแข่งขันต่างประเทศจะได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติมาก โดยเฉพาะการแสดงที่สื่อถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย รวมถึงชุดที่ใส่แสดงด้วย
"เวลาไปแข่งต่างประเทศ ประเทศไทยจะได้รับความสนใจจากต่างชาติมาก ตั้งแต่เรื่องชุด ซึ่งเราจะมีชุดไทยไปโชว์ด้วย ผู้เข้าแข่งขันด้วยกันก็มักจะมาขอถ่ายรูป และขอแลกเสื้อวอร์มเป็นที่ระลึก ส่วนสื่อมวลชนต่างชาติก็จะมาขอสัมภาษณ์ทีมเราเป็นประจำ เป็นความภูมิใจที่ได้เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของไทยให้ต่างชาติรู้จักและได้ผลตอบรับที่ดี อีกอย่างคือกีฬาชนิดนี้ไม่จำกัดเพศและวัย และแม้ว่าคุณจะเป็นคนพิการก็สามารถเข้าร่วมเป็นทีมเดียวกับคนปกติได้โดยไม่มีการแบ่งแยก แต่กีฬาชนิดนี้ยังไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร เพราะการเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศแต่ละครั้ง นักกีฬาก็ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง"
ล่าสุดน้องบูมได้เป็นหนึ่งในทีมที่ใช้กีฬายิมนาสตราด้าร่วมเข้าแข่งขันโชว์ความสามารถในรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ และได้เข้าถึงรอบ 36 ทีมสุดท้าย ซึ่งเธอบอกว่า เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีที่ได้มีโอกาสเข้าแข่งขันในรายการ นอกจากช่วยทำให้คนไทยรู้จักกีฬาชนิดนี้มากขึ้น โดยหลังจากได้ออกอากาศก็มีคนมาเรียนเพราะเห็นการแสดงของเรา ยังทำให้เธอได้เรียนรู้ระบบการทำงานในรายการ ซึ่งเป็นด้านที่กำลังเรียนอยู่ด้วย
น้องบูม บอกว่า ความฝันของเธอคือการเป็นพิธีกร โดยเฉพาะพิธีกรรายการท่องเที่ยว เพราะเป็นคนชอบเที่ยวไปตามสถานที่ใหม่ๆ และแนะนำให้คนอื่นได้รู้จักสถานที่นั้นๆ จึงเป็นเหตุผลให้เลือกเรียนทางด้านนี้ หลังจบจากโรงเรียนสายปัญญาในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งยอมรับว่าไม่มีพื้นฐานด้านศิลปะมาก่อน พอเข้าเรียนตอนแรกท้อมากเพราะต้องฝึกวาดรูป คะแนนก็ไม่ค่อยดีนัก แต่กำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนๆ ก็ทำให้ตั้งใจฝึกฝนจนผ่านมาได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเราได้ความอดทน หมั่นฝึกฝนจากการเป็นนักกีฬา ทุกวันนี้ก็พยายามตั้งใจเก็บเกี่ยวประสบการณ์ โดยเฉพาะบทบาทพิธีกร
ส่วนการเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากรนั้น เป็นความตั้งใจเพราะคิดว่าน่าจะช่วยทำให้เรามีจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากบ้านและยิมซ้อมกีฬา ซึ่งน้องบูมต้องไปซ้อมบ่อยๆ เกือบทุกเย็นในช่วงที่ใกล้จะมีการแข่งขัน เธอบอกว่า ในช่วงที่ต้องซ้อมบ่อยๆ จะเป็นช่วงที่เหนื่อยมาก เพราะเราต้องเรียนด้วย แล้วก็ต้องรีบมาซ้อม ส่วนการแข่งขันและการแสดงโชว์ตามที่ต่างๆ นั้น หากเวลาตรงกับเวลาเรียนก็จะพิจารณาจากความสำคัญ อย่างล่าสุดมีงานแสดงโชว์ตรงกับวันที่ต้องมีสอบ ก็เลือกการสอบเพราะมันสำคัญมากกว่า แต่หากเป็นการแข่งขันต่างประเทศรายการใหญ่ ก็จะทำหนังสือขออนุญาตกับทางคณะ
เมื่อถามถึงการเรียนของคณะไอซีทีซึ่งไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยรวมกับคณะอื่นๆ แต่เรียนที่อาคาร กสท.โทรคมนาคมนั้น น้องบูมบอกว่า มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียก็คือเราอาจไม่ได้สัมผัสบรรยากาศในมหาวิทยาลัย แต่ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว มีความอบอุ่น รุ่นพี่รุ่นน้องรู้จักกันเกือบทั้งหมด
นอกจากเรื่องของกีฬาแล้ว สาวนักกีฬายิมนาสตราด้าคนนี้ยังมีความสามารถด้านดนตรี ทั้งเมโลเดี้ยน อิเล็กโทน และกลองชุดซึ่งฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกว่าความสามารถรอบด้าน และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์จริงๆ
ท้ายสุดน้องบูมเชิญชวนให้เยาวชนหันมาเล่นกีฬา เพื่อเป็นการออกกำลังกายและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และหากจริงจังและมีความสามารถก็ควรหาโอกาสลงแข่งขัน บางทีกีฬาก็ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด.