โพลชี้ "ร้านเหล้า" ยังเกลื่อนรอบมหาลัย อึ้ง 1 ใน 3 แหกกฎหมายขายใต้หอพัก จี้เร่งออกกฎคุมร้านเหล้าห่างจากมหาวิทยาลัย 300 เมตร ห้ามทุนน้ำเมาใช้ศิลปินดารา นักกีฬา เป็นพรีเซ็นเตอร์ น่าห่วงส่วนใหญ่ไม่ทราบผลกระทบน้ำเมาทำลายสมอง...
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 56 ที่โรงแรมฮิปโฮเทล เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีเสวนา เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ หัวข้อ ร้านเหล้ารอบมหาลัย ภัยคุกคามเยาวชน...ปัญหาที่ไม่ถูกแก้ ทั้งนี้ ภายในงานมีการโต้วาที ปัญหาอยู่ที่ตัวนักศึกษาร้านเหล้าผับบาร์ไม่เกี่ยว...จริงหรือ โดยมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ กว่า 60 คน เข้าร่วม
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เปิดเผยผลสำรวจร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา 12 พื้นที่ ได้แก่ ม.รามคำแหง มรภ.จันทรเกษม ม.หอการค้าไทย ม.เกษตรศาสตร์ ม.ธุรกิจบัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มรภ.สวนสุนันทา ม.เทคนิคกรุงเทพ ม.สยาม ม.ศรีนครินทรวิโรฒ มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา และวิทยาลัยราชพฤกษ์ ระหว่างวันที่ 310 ก.ย. 2556 ในรัศมี 300 เมตร พบว่า มีร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น 340 ร้าน เฉลี่ย 28 ร้านต่อ 1 มหาวิทยาลัย และที่น่าตกใจคือ กว่า 105 ร้าน หรือ 1 ใน 3 ที่ขายเหล้าบริเวณหอพัก ซึ่งเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างชัดเจน
นายธีรภัทร์ กล่าวว่า เครือข่ายเยาวชนฯ ยังได้สำรวจความคิดเห็นของนักศึกษามหาวิทยาลัย 16 แห่งใน กทม.และปริมณฑล จำนวน 1,608 ตัวอย่าง แบ่งเป็นชาย 46.71 % หญิง 53.29 % โดย กลุ่มตัวอย่าง 74.75 % ระบุว่า หากมีร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษาจะเป็นแรงจูงใจให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังระบุถึงปัญหาที่พบในร้านเหล้ารอบสถานศึกษา อันดับแรก คือ ทะเลาะวิวาท 39.73% เสียการเรียน 20.28% เสียงดังรบกวน 12.87%อุบัติเหตุ 11.69% คุกคามทางเพศ 7.24% ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างเกินครึ่ง หรือ 64.98% เห็นด้วยอย่างยิ่ง หากมีกฎหมายมาควบคุมให้ร้านเหล่านี้อยู่ห่างจากสถานศึกษา อย่างน้อย 300 เมตร ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุขเสนอมานานแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการพิจารณาคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งรัฐบาลควรตระหนักว่าจะช่วยลดผลกระทบ ปัญหาต่าง ๆ รวมถึงลดการเกิดนักดื่มหน้าใหม่
นายธีรภัทร์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วงคือกลุ่มตัวอย่าง 71.08% เคยพบเห็นการใช้ศิลปินดารา นักกีฬา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง มาโฆษณาผ่านสื่อและกิจกรรมต่าง ๆ ของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดย 48.89 % มองว่าจะเป็นการสร้างแรงจูงใจ ให้เยาวชนอยากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่าง 51.32% เห็น ด้วย หากมีมาตรการห้ามธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใช้ ศิลปิน ดารา นักกีฬาโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงห้ามใช้เป็นภาพปรากฏบนกระป๋อง ขวด หรือหีบห่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ นักศึกษา 58.16% ยังเห็นด้วยหากมีมาตรการห้ามโฆษณาสินค้าของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผ่านทางสื่อโฆษณาทุกรูปแบบด้วย
ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ถือเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน โดยไม่มีแนวโน้มลดลง อีกทั้งยังไม่ได้รับการแก้ไขจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกชินชากับการทำผิดกฎหมายของร้านเหล้า อย่างไรก็ตาม วันเยาวชนแห่งชาติปีนี้ จึงอยากขอยาแรงจากรัฐบาลออกมาตรการควบคุมร้านเหล้าให้อยู่ห่างจาก มหาวิทยาลัย 300 เมตร รวมถึงมีมาตรการห้ามศิลปินดารา นักกีฬาโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์สินค้าของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกรูปแบบ เนื่องจากเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ดื่ม และในเร็ว ๆ นี้ทางเครือข่ายเยาวชนจะนำข้อมูลเข้าร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายธีรภัทร์ กล่าว
ด้าน นางสาวเบญจพร บัวสำลี อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยงานวิจัยล่าสุด ปี 2555 กรณีสถานการณ์ร้านเหล้ารอบรั้วมหาวิทยาลัย และผลกระทบต่อนักศึกษา พบว่า นักศึกษาสูงถึง 80.1% เห็นว่าร้านเหล้าเป็นแหล่งพบปะเพื่อนฝูง 57.0 % มองว่าเป็นแหล่งผ่อนคลาย และ39.8% ช่วย สร้างรายได้ให้กับชุมชนรอบข้าง ซึ่งทัศนคติดังกล่าวมีผลต่อพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งที่น่าห่วง คือ สถิติการเข้าใช้บริการร้านเหล้า พบมากถึง 84.4% มีการดื่ม 60.2% และที่สำคัญไม่ทราบถึงผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 29.2% เช่น ทำลายระบบสมองหรือประสาท อุบัติเหตุ เจ็บป่วยง่าย
นางสาวเบญจพร กล่าวว่า สภาพปัญหาที่เห็นได้ชัด คือ การปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุมดูแลธุรกิจร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย ทำให้มีผลต่อทัศนคติและเกิดพฤติกรรมตอบสนองของนักศึกษา เห็นได้จากปริมาณนักศึกษาที่เข้าใช้บริการ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น แนวทางแก้ไข มหาวิทยาลัยต้อง สอดส่องดูแลร้านเหล้าที่ผิดกฎหมาย และแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการเอาผิด นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยต้องสนับสนุนการจัดอบรม หรือกิจกรรม ปฏิเสธเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งควรออกกฎระเบียบบทลงโทษ ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อพบนักศึกษาอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ รวมถึงสร้างความร่วมมือกับชุมชน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาธุรกิจร้านเหล้ารอบสถานศึกษาและเผยแพร่ผลกระทบให้ชุมชนได้ทราบ
ขอฝากไปยังภาครัฐให้ควรควบคุมสื่อโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด เช่น โทรทัศน์ นิตยสาร วิทยุ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ เพราะการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถพบเห็นได้ทั่วไป อีกทั้งกลยุทธ์ในการทำธุรกิจนี้ยังขยายออกไปในทางเชิง CSR หรือ ในเชิงธุรกิจสร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นความรู้สึกกลุ่มลูกค้าให้เกิดมุมมองที่ดี และกลายเป็นเรื่องชินตาที่เกิดขึ้นเป็นปกติในสังคม นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เข้มงวดกำกับ ติดตาม สอดส่อง ดูแล และเอาผิดลงโทษต่อผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย นางสาวเบญจพร กล่าว.