คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ทุกวันนี้ ส่วนใหญ่มักจะอดประหลาดใจกับความสามารถของเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานไม่ได้ ในความสามารถใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างพวกโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต เครื่องเล่นเกม และคอมพิวเตอร์ได้อย่างคล่องแคล่ว ตั้งแต่อ้อนแต่ออก
ร้านสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งของอเมริกา ได้เคยสำรวจเมื่อเร็วนี้ๆ พบความจริงว่าพวกพ่อแม่ในปัจจุบันต้องพึ่งลูกในปัญหาเรื่องเทคโนโลยีต่างๆมากถึงร้อยละ 71 จนอาจกล่าวได้ว่า ในขณะที่พ่อแม่ยังคงมัวยุ่งกับการจัดเตรียมอาหาร ปล่อยให้ลูกได้กลายเป็นราชาในเรื่องเทคโนโลยีของบ้านไปเลย
แต่ทำไมมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ และพ่อแม่บางรายถึงกับยอมแพ้ ทั้งๆที่หน้าจอของอุปกรณ์ต่างๆ อย่างน้อยในทางทฤษฎีถูกออกแบบมาให้ใช้ง่าย เพื่อให้ทุกคนต่างก็ใช้กันเป็นหมด
ผู้อำนวยการของบริษัท ซิมพลิ ซิตี้ คอมพิวเตอร์ ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปเอง ที่เชื่อว่าเด็กๆสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เอง ที่เป็นจริงมากกว่าก็คือ พวกเด็กไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวที่จะมองดูไปรอบๆ แล้วค่อยๆทำสิ่งต่างๆออกมา ผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่งก็มีความเห็นทำนองเดียวกันว่า เมื่อเด็กได้อุปกรณ์มาก็มักจะคุยกับเพื่อนๆก่อน เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แต่เมื่อคนมีอายุมาเห็นรุ่นลูกรุ่นหลานเล่นกันอย่างแคล่วคล่องกลับทำให้เกิดรู้สึกกลัวขึ้น บอกตัวเองว่า โอ พระเจ้าฉันคงทำอย่างนี้ไม่ได้ ฉันมันโง่แล้ว
แต่ ดร.มาร์ค บรอสแมน อาจารย์อาวุโสวิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยบาธของอังกฤษ กลับเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เคยมีใครนึกมาก่อนเลยว่า ผู้ที่มีความสุขในการท่องเน็ตมากที่สุดในยุคนี้ คือผู้ที่วัยเกิน 65 ปีไปแล้ว เป็นคนเกษียณแล้ว เป็นผู้มีความเชื่อมั่น มีความสุข และไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจอันใด มีเวลาเหลือเฟือ ไร้ความกดดัน ไม่ต้องเกรงว่าจะมีใครมาคอยแอบดู.