ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เผยนายกรัฐมนตรีสั่งผลักดันให้ "กระทรวงวัฒนธรรม" เป็นกระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ หารายได้เข้าสู่ประเทศ...
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 56 นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวในการประชุมรับฟังความคิดเห็น เรื่องการปรับบทบาทของกระทรวงวัฒนธรรมสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ ว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายในการผลักดันให้ วธ.ดำเนินการไปสู่บทบาทการเป็นกระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ โดยเข้าไปมีส่วนในการเพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพราะเราสามารถใช้วัฒนธรรมเครื่องมือให้เกิดแรงจูงใจให้นานาประเทศยอมรับและ สามารถพัฒนาให้เกิดการแข่งขันในระดับประเทศได้เป็นอย่างดี ดังนั้น วธ.จะต้องมีการปรับบทบาทจากการเป็นหน่วยงานด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมไปสู่การนำวัฒนธรรมมาพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยนำทรัพยากรทางด้านวัฒนธรรมหรือทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ในประเทศออกมาใช้ให้มากที่สุด
ปลัด วธ. กล่าวอีกว่า บทบาทหน้าที่ของ วธ.ในอนาคต จะต้องขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรมควบคู่ไปกับยุทธศาสตร์ประเทศ ทั้งหมด 3 ยุทธศาสตร์ได้แก่ 1. ยุทธศาสตร์การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โดยเข้าไปส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวซึ่ง วธ.ถือเป็นหน่วยงานต้นน้ำ โดยได้เร่งดำเนินการพัฒนาเมืองวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และเมืองบริวาร และเวียงกุมกามเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว เพิ่มเวลาในการพักผ่อนให้ยาวขึ้นและพัฒนาสินค้าทางวัฒนธรรมและบริการที่เป็น เอกลักษณ์โดยบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งจะต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงและบริหารพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2. ยุทธศาสตร์การปรับสมดุลระบบการบริหารและการจัดการภาครัฐ โดยเน้นการส่งเสริมการสร้างความรู้ความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนและแกนนำประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีทัศนคติที่ดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐท่ามกลางความแตกต่าง หลากหลายของวิถีชีวิตและวัฒนธรรม เปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในมิติวัฒนธรรมมากขึ้น
และ 3. ยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสและความเสมอภาคเท่าเทียมกันทางสังคมโดยเน้นการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในด้านสังคมวัฒนธรรม ซึ่งจะเน้นการเชื่อมโยงกันระหว่างประชาชนสู่ประชาชน ผ่านมิติทางวัฒนธรรม และผสมผสานความแตกต่างของประเทศไทยเข้าเป็นหนึ่งของอาเซียนทั้งในเรื่อง ชาติพันธุ์ พิธีกรรม ประเพณี ศาสนารวมถึงจะต้องมีค่านิยมร่วมกันในกลุ่มอาเซียนโดยยึดหลักสากลทั้งการ เคารพสิทธิมนุษยชนสิทธิของชุมชนในการรักษาวัฒนธรรมที่เป็นบรรทัดฐาน การส่งเสริมวัฒนธรรมที่คำนึงถึงการอยู่ร่วมกันของสันติสุขตลอดจนการสร้าง ชุมชนวัฒนธรรมมีทั้งพื้นที่ทางกายภาพหรือเป็นชุมชนที่มีความสนใจร่วมกัน มีความเชื่อทางศาสนาร่วมกันมีชาติพันธุ์ร่วมกัน เป็นต้น นางปริศนา กล่าว.