นายกรัฐมนตรี อ้อน นายแบงก์หนุน พรบ.กู้เงิน2ล้านล้าน แจง มีจำเป็นเพื่อความต่อเนื่องในการลงทุนพัฒนาประเทศ ตามแผนรัฐบาลในระยะเวลา 7 ปี...
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 ณ บางกอกคลับ อาคารสาทรซิตี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมหารือกับตัวแทนของสมาคมธนาคารไทย ซึ่งประกอบไปด้วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารระดับสูงของธนาคารทุกแห่งในประเทศไทย เกี่ยวกับมุมมองด้านนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชื่นชมการจัดงานครั้งนี้ เพราะเป็นโอกาสแรกที่นายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับผู้บริหารระดับสูงของทุกธนาคาร เพื่อจะได้รับฟังปัญหาและทำให้การแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการทำธุรกิจทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความจำเป็นในการออกพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ.... หรือ พรบ.2 ล้านล้านบาทว่าเป็นการวางรากฐานสำคัญให้กับเศรษฐกิจไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขัน ลดต้นทุน สร้างโอกาสใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการที่ต้องออกเป็นพระราชบัญญัติเพื่อลงทุนแยกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น เป็นเพราะต้องการความต่อเนื่องของการลงทุนในระยะเวลา 7 ปี เนื่องจากเกรงว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล การดำเนินโครงการต่างๆ อาจจะไม่ต่อเนื่อง ซึ่งถ้าเอกชนได้เห็นว่าการเดินหน้าลงทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับแผนการต่างๆ ของภาครัฐ โดยนายกรัฐมนตรีได้เปรียบเทียบด้วยว่า การลงทุนครั้งใหญ่นี้เหมือนการตัดสินใจเดินไปกู้ธนาคารเพื่อสร้างบ้านใหม่ทั้งหลัง เพราะถ้าการลงทุนอยุ่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีคงจะเป็นเพียงแค่การต่อเติมซ่อมแซม ไม่มีความต่อเนื่อง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า การลงทุนครั้งใหญ่นี้จะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ระหว่างการลงทุนในระยะเวลา 7 ปี จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยให้โตได้มากกว่าปกติอย่างน้อยปีละ 1% และถ้าโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจกับนักธุรกิจว่าการใช้เงินในโครงการต่างๆ จะมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะแต่ละโครงการก่อนที่จะมีการดำเนินการ ต้องผ่านเกณฑ์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้้อง กลั่นกรองโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และส่งเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะอนุมัติโครงการ ภายใต้การกำหนดราคากลางที่เป็นธรรมตามกฎหมายของคณะกรรมการป้องกัันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. รวมถึงร่วมกับภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นให้มีส่วนเข้ามาช่วยตรวจสอบด้วย
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวสนับสนุนโครงการลงทุนครั้งนี้ของรัฐบาล เพราะจะเป็นการยกระดับและพัฒนาศักยภาพของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนางกรรณิกาเห็นว่าไทยไม่ควรเสียโอกาสที่จะเป็นจุดเชื่อมโยงอาเซียนให้กับประเทศอื่น ขณะเดียวกันเรียกร้องให้ภาครัฐสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการให้มากขึ้น เพราะสามารถทำรายได้ให้กับประเทศสูงมาก
นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยกล่าวสนับสนุนการลงทุนครั้งนี้เช่นกัน เพราะเชื่อมั่นว่าจะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันได้ตั้งคำถามไปยังรองนายกรัฐมนตรีถึงเม็ดเงินที่จะเริ่มลงทุนว่าเริ่มเข้าสู่ระบบได้เมื่อไหร่ นายกิตติรัตน์คาดว่าถ้ากฎหมายผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาแล้ว เม็ดเงินอย่างน้อย 350,000 ล้านบาทจะเข้าสู่ระบบได้ภายในปี 2557 ซึ่งคิดเป็น 2% ของจีดีพีไทย
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทยได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้เร่งผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ทำให้ไทยหลุดจากบัญชีดำของ FATF รวมถึงความพยายามของรัฐบาลในการผลักดันร่างกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีได้เป็นอย่างมาก เพราะจะสามารถขยายหลักทรัพย์ค้ำประกันของเอสเอ็มอี นอกเหนือจากที่ดิน เป็นคลังสินค้า สินค้าคงคลัง ฯลฯ