นายกรัฐมนตรี วอนขอกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน อย่าชุมนุมบริเวณบ้านชี้ชาวบ้านจะเดือดร้อน ยินดีส่งตัวแทนรับเรื่อง ขอประชาชนรอฟังศาลโลกพิพากษาพระวิหารอย่างสงบ ใช้เวทีเจซีเป็นกลไกความร่วมมือสร้างสันติชายแดนไทย- กัมพูชา...
เมื่อเวลา 16.00น. วันที่ 26 ต.ค.2556 ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดินจะเดินทางไปชุมนุมที่ บริเวณบ้านนายกฯ ซอยโยธินพัฒนา3 เพื่อขอให้รัฐบาลปฏิเสธอำนาจศาลโลก ว่าขอความกรุณาไม่อยากให้รบกวนประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณนั้น จริงๆแล้วรัฐบาลยินดีที่จะส่งตัวแทนไปรับเรื่อง กรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ จะไปพบกับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กัมพูชา ในวันที่ 28 ต.ค.นั้น ได้ให้นโยบายไปว่า กลไกที่มีอยู่กรรมาธิการร่วมไทยกัมพูชา หรือเจซี ถือว่าเป็นกลไกที่มีความพร้อมอยู่แล้ว ควรใช้กลไกนั้นเป็นการพูดคุย ขอเน้นย้ำว่าอยากเห็นกลไกนี้เพื่อวางแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณชายแดน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า อยากให้ทั้งสองประเทศรับฟังผลการตัดสินของศาลโลกด้วยความนิ่งสงบ เพื่อให้บรรยากาศบริเวณชายแดนเป็นบรรยากาศความร่วมมือโดยสันติภาพ และเชื่อว่าความร่วมมือในกลุ่มอาเซียนเป็นเรื่องที่เราต้องผลักดันต่อไป ในส่วนของกองทัพได้ฝากผู้บัญชาการกองทัพบก ลงพื้นที่ให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน และอยากขอความร่วมมือพี่น้องที่อยู่ในแนวชายแดนว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร รัฐบาลต้องขอเวลาในการวิเคราะห์ใช้กลไกในความร่วมมือการอยู่ร่วมกันบริเวณ แนวชายแดนให้เป็นไปอย่างสันติภาพ แต่ในส่วนข้อกฎหมายไทย ยืนยันว่ามีการต่อสู้ในทุกๆประเด็น และรัฐบาลไทยยืนยันว่าจะต่อสู้อย่างเต็มที่ทั้งข้อกฎหมาย และการปกป้องประชาธิปไตยของประเทศ
นส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชนหลังที่ศาบโลกมีคำพิพากษาออกมานั้น เบื้องต้นจะมีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพื่อให้ข้อมูลมากขึ้น ขณะที่หน่วยที่เกี่ยวข้องก็ได้ให้ข้อมูลต่างๆมากขึ้นแล้วใน 4 แนวทางที่ได้พูดมาก่อนหน้านี้แล้ว และในช่วงต้นเดือน พ.ย. ก็จะมีเรื่องการขอความร่วมมือการจัดทำสารคดีต่างๆ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน และเห็นชอบที่จะให้ตั้งคณะกรรมการวิเคราะห์ผลการตัดสินคดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ที่มีตัวแทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายกฎหมายและกลาโหม ที่จะต้องร่วมกันหารือและวิเคราะห์ เพื่อชี้แจงประชาชนได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือประชาชนให้รับฟังการชี้แจงจากภาครัฐต่อไป.