นิรโทษจะไปถึงสุดซอยหรือไม่? (รายงานพิเศษ)
นิรโทษจะไปถึงสุดซอยหรือไม่?
รายงานพิเศษ
ซ้าย - พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย
กลาง -อัษฎางค์ ปาณิกบุตร
ขวา -พนัส ทัศนียานนท์
| พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ร่างกฎหมายร้อนที่นำมาสู่เสียงคัดค้านและการชุมนุมต่อต้านที่ขยายวงมากขึ้น
รัฐบาลจะผลักดันไปได้ถึง"สุดซอย"หรือไม่ เป็นเรื่องที่สังคมต้องจับตา
เพราะยังต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ที่เสียงหนุน เสียงค้าน ไม่ทิ้งห่างกันมากเหมือนสภาล่าง
แล้วยังฝ่ายต้านที่เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความอีก
พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย
รัฐศาสตร์ จุฬาฯ
ในชั้นการพิจารณาของวุฒิสภา น่าลุ้นกว่าการพิจารณาในชั้นสภาผู้แทนราษฎร เพราะลักษณะ ความเป็นเอกภาพการลงมติค่อนข้างหลากหลาย มากกว่า ส.ส. ที่สังกัดพรรคการเมือง ที่ค่อนข้างชัดเจนว่าจะออกมาแนวทางไหน
แต่ส.ว.มีทั้งสายเลือกตั้ง หลายก๊ก หลายเหล่า และสายสรรหาที่มาจากการคัดสรรจากคนกลุ่มหนึ่ง และยังต้องประเมินจากการล็อบบี้เสียงด้วยว่าฝั่งใดจะทำได้มากน้อยขนาดไหน
ประกอบกับกระแสต่อต้านนอกสภา ทั้งม็อบสามเสน คำแถลงการณ์ต่อต้านของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่สำคัญคือปัจจัยจากโลกภายนอก ทั้งญาติของ ฟาบิโอ โปเลงกี ผู้สื่อข่าวชาวอิตาลี ที่ติดตามการไต่สวนชัน สูตรพลิกศพ
หรือรัฐบาลญี่ปุ่นที่ต้องการให้รัฐบาลไทย ดำเนินคดีคนสั่งการจนทำให้ ฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมมาลงโทษให้ได้ ก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกดดันการทำหน้าที่ของส.ว.ได้มากขึ้น
หากส.ว.ยับยั้งได้ตั้งแต่วาระแรก ร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมก็ต้องถูกตีกลับไปยังสภา แต่ต้องอย่างน้อย 6 เดือน ถึงจะปัดฝุ่นนำกลับมาพิจารณาใหม่ และหากเสียงข้างมากของรัฐบาลยังเดินหน้าในแนวทางนี้ก็จะยืนยันตามเดิม แล้วให้นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อนประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
แต่เชื่อว่าระหว่างขั้นตอนดังกล่าว ส.ส. และส.ว. ที่คัดค้านก็ต้องยื่นเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งชัดเจนว่าร่างกฎหมายดังกล่าวขัดหลักการตามที่ชี้แจงไว้ในวาระแรก ตามมาตรา 154 อย่างชัดเจนอยู่แล้ว
จะเห็นได้ว่าในกระบวนการนิติบัญญัติของไทย ได้ให้อำนาจสภาล่างมากกว่าสภาสูง ตัวแปรสำคัญจึงเป็นศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ขาด และหากอิงตามหลักกฎ หมายแล้วกฎหมายดังกล่าวจึงน่าจะประกาศใช้ได้ยาก
หากการพิจารณาผ่านวาระแรกในชั้นวุฒิฯ มาได้ ก็จะเข้าสู่วาระที่ 2 ซึ่งหากส.ว.มีความเห็นต่างต้องการแก้ไขไม่ให้ครอบคลุมแกนนำและผู้สั่งการ เหมือนที่ผ่านสภาผู้แทนฯ มาในวาระแรก ด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน หากทำได้ก็จะดีมาก
แต่เพราะเละเทะมาตั้งแต่ชั้นแปรญัตติของสภาผู้แทนฯ ที่แก้ไขจนขัดหลักการ การที่วุฒิฯ จะรับพิจารณาวาระแรกและแก้ไขในวาระ 2 อาจมีส.ส. หรือส.ว.บางราย เห็นว่าทำไม่ได้
เพราะการแก้ไขก็จะขัดหลักการจากที่สภาเสนอ ส่งผลให้ปัญหามันซับซ้อนขึ้นไปอีก
อัษฎางค์ ปาณิกบุตร
อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง
ที่สถานการณ์เป็นแบบนี้เพราะร่างกฎหมายดังกล่าว มีการแก้ไขมีเนื้อหาไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ต้น ผิดหลักการของร่างกฎหมาย ใช้เสียงข้างมากลากไปโดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ หรือความเที่ยงธรรมของกฎหมาย
แต่รัฐบาลก็ยังดึงดัน แทนที่จะดูความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นที่มีคนที่ไม่เห็นด้วยหลายฝ่ายออกมาเคลื่อนไหว วันนี้รัฐบาลต้องฟังว่าเขาคิดอย่างไร ต้องสงสัยแล้วว่าสิ่งที่ทำมันผิด
ยังไม่สายที่รัฐบาลจะส่งสัญญาณให้มีการถอนร่าง แต่สิ่งที่ปรากฏเรากลับไม่เห็นสัญญาณใดๆ เลย ในทางกลับกันรัฐบาลยังคงสู้ สุดซอย
มองว่ารัฐบาลวางยุทธศาสตร์มาแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะหาทางแก้ไขด้วยการพิจารณากันวันต่อวัน รัฐบาลมีความมั่นใจมากว่าหากใช้เสียงข้างมากถึงอย่างไรเขาก็คุมได้
ในชั้นของวุฒิสภาก็เช่นกัน เพราะลำพังการโหวตเฉพาะของกลุ่ม 40 ส.ว.คงไม่มีทางชนะ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลอยากเห็นบ้านเมืองสงบ ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่ต้องมาเดือด ร้อนด้วย รัฐบาลก็ควรส่งสัญญาณไปที่วุฒิสภาให้ตีตก
และแม้ว่ารัฐบาลจะมั่นใจว่าหากใช้เสียงข้างมากตามกระบวนการจะทำให้ร่างกฎหมายนี้ผ่านได้ แต่ก็ควรต้องพิจารณาสถานการณ์นอกสภาควบคู่กันไป ถ้ารุนแรงมากถึงขั้นตีกัน ประเทศเดือดร้อน ประชาชนเดือดร้อนก็ควรยุติ
การที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นเรื่องต่อ ศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญในจุดนี้ แต่ยังให้ความสำคัญในการเดินหน้าร่างกฎหมายนิรโทษ กรรมให้สุด โดยเดินตามทางของตัวเองในแต่ละวัน พร้อมกับประเมินสถาน การณ์ไปด้วย
หากถึงจังหวะที่เขาคิดว่าไปไม่ได้แล้วจริงๆ เขาจะหยุดเมื่อไรก็ได้ แต่ วันนี้รัฐบาลยังตั้งใจดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมให้สุด ยังไม่ถอย เชื่อว่าเขามีที่ปรึกษาที่พิจารณาเรื่องนี้อยู่
หากดันไปไม่ได้จริงๆ ก็ยุบสภา ร่างกฎหมายดังกล่าวก็ค้างอยู่ในสภา พอเลือกตั้งแล้วกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ก็หยิบยกมาพิจารณาใหม่
พนัส ทัศนียานนท์
อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ.
จะเป็นการนิรโทษได้สุดซอยหรือไม่ ขึ้นอยู่ กับสถานการณ์ม็อบภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะจุดติดหรือไม่ ถ้าจุดติดม็อบใหญ่ มีมวลชนหลักแสน แรงกดดันต่อร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็จะยิ่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบไปยังการพิจารณาของสภาสูง
แต่ก็ยังต้องประเมินอีกด้วยว่าม็อบยืนระยะได้นานแค่ไหน ถ้าอยู่ได้เป็นเดือนแบบพันธมิตรฯ โอกาสที่จะล้มร่างกฎหมายฉบับนี้ก็จะยิ่งมีความเป็นไปได้มาก
และก็ต้องดูว่าฝ่ายรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อ หากยังเดินหน้าต่อแล้วสามารถผ่านชั้นวุฒิสภาได้ ก็ต้องกลับมาดูม็อบอีกครั้งว่ายังจุดติด และยืนระยะอยู่ได้หรือไม่
การพิจารณาในชั้นวุฒิสภาเป็นสิ่งที่ต้องจับตา ดูว่า ส.ว.ฝ่ายรัฐบาลจะถอดใจหรือไม่ เพราะกระแสคัดค้านจากม็อบสามเสน ม็อบอุรุพงษ์ ม็อบสวน ลุมพินี ถือว่ามีอยู่พอสมควร
อีกทั้งคะแนนเสียงที่ก้ำกึ่ง ส.ว.สรรหา 74 ส.ว.เลือกตั้ง 76 ประเมินพบว่ามี 74 เสียงที่ไม่เอาอยู่แล้ว ส่วนใน 76 เสียง ก็มี น.ส.รสนา ส.ว.กทม. และนางสาวสุมล ส.ว.เพชรบุรี 2 เสียงที่ไม่เอาด้วยอยู่แล้ว
ยังไม่นับรวมถึงส.ว.ปักษ์ใต้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ล็อบบี้ได้ ถึงแม้พรรคเพื่อไทยจะสามารถล็อบบี้ ส.ว.ได้เช่นกัน แต่ก็คงยากกับ ส.ว.สรรหา และส.ว.รายอื่นๆ ที่ต้องการรักษาภาพพจน์ของตนเอง
จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่ร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรม จะถูกหยุดได้ในชั้นการพิจารณาของสภาสูง และต้องถูกตีกลับไปยังสภาล่างซึ่งต้องรออีกอย่างน้อย 6 เดือน ถึงจะนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้
แต่หากยังผ่านชั้นนี้ไปได้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะหลายฝ่ายประกาศเอาไว้ชัดเจนแล้ว ถ้าดูเงื่อนไขที่ผ่านมา จะเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่เอาด้วยมาโดยตลอด และครั้งนี้ง่ายมากที่จะตัดสินว่าร่างดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ
อย่างเช่นกรณีที่ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติราษฎร์ แถลงว่าเป็นร่างกฎหมายที่แก้ไขเกินหลักการจากวาระแรกไปมาก ซึ่งขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภา ที่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ ศาลก็คงจะตีความว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
เป็นเรื่องยากที่ร่างฉบับนี้จะผ่านจนกระทั่งนำไปประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ ยกเว้นแต่พรรคเพื่อไทยจะมีกำลังภายในที่สุดยอดจริงๆ
อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยคงไม่มีทางชะลอร่างดังกล่าวแต่ยังเดินหน้าต่อไปเพราะคิดว่าหากทำได้จะได้อะไรตอบแทน และเขาไม่สนใจใครทั้งสิ้น
-----
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2556 |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2556 2:30:57 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1099 Pageviews. |
|
|
|
|
|