รัฐตั้งเป้าเพิ่มยอดขายโอทอป1แสนล้านภายในปี 58

วันนี้ (12 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ SMEsและ OTOP สู่เวทีโลก ระยะที่ 2 โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เข้าร่วมงานด้วย

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อเศรษฐกิจ พื้นฐานสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจคือการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 10 ปีที่ผ่านมา  ผู้ประกอบการมีรายได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งเป้าเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้า OTOP ให้ได้ 1 แสนล้านบาทในปี 2558

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการ OTOP ที่มีความเข้มแข็งปานกลาง มีความสำคัญมากเป็นหัวใจต่อเชื่อมกับกลุ่มผู้ประกอบการที่มีความเข้มแข็งน้อยที่เพิ่งเริ่มกิจการซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแหล่งวัตถุดิบจำนวนมาก โดยการนำแหล่งวัตถุดิบมาแปรรูปเป็นสินค้า และเป็นกลุ่มที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนมากที่สุด เพราะเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์นำมาแปรรูปเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้สินค้า เพื่อส่งต่อไปยังกลุ่มผู้ประกอบการที่มีความเข้มแข็งมากที่มีศักยภาพพร้อมที่จะส่งออก แต่ที่ผ่านมายังขาดการเชื่อมต่อในส่วนนี้ การผลิตสินค้า การแปรรูปสินค้ายังไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้สินค้าขายได้ในราคาที่ไม่ดีพอ เพราะฉะนั้นกลุ่มผู้ประกอบการที่มีความเข้มแข็งปานกลาง จะเป็นส่วนเติมเต็มในการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งให้กับสินค้า OTOP ในอนาคต

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดสัมมนาในครั้งนี้มีความสำคัญ นอกเหนือจากความร่วมมือของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 6 สถาบันของรัฐบาล ในการให้โอกาสผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน องค์ความรู้ในการจัดนิทรรศการเป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญทำให้ผู้ประกอบการได้เห็นทิศทาง ร่วมกันพัฒนาสร้างความแข็งแรงในการบริหารจัดการธุรกิจในอนาคต เพื่อทำให้มีรายได้ และมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ซึ่งจะมีผลการต่อการเติบโตต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจในประเทศ รัฐบาลต้องการเห็นการเติบโตของผู้ประกอบการมีความแข็งแรง สามารถพึ่งตัวเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป