พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 
20 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
การเมืองชุลมุน ระทึกจุดแตกหัก!

การเมืองชุลมุน ระทึกจุดแตกหัก!




การแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตราคืบหน้าไปอีกขั้น

เมื่อที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเสียงข้างมากผ่านวาระ 2 ร่างแก้ไขมาตรา 190 เกี่ยวกับการทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา



จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้บังคับต่อไป เช่นเดียวกับร่างแก้ไขเกี่ยวกับที่มาของส.ว. ซึ่งดำเนินการไปแล้วก่อนหน้า

ต่อจากนี้ต้องจับตาดูให้ดีว่ารัฐบาลจะฉวยโอกาสตีเหล็กตอนกำลังร้อน

ผลักดันร่างแก้ไขมาตรา 68 กับ 237 เข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาวาระ 2 ต่อทันทีหรือไม่

ตามเส้นทางปฏิทินเดิมมีกำหนดจะ"ปิดบัญชี" แก้ไขรัฐธรรมนูญครบทั้ง 3 ร่างก่อนรัฐสภาปิดสมัยประชุมวันที่ 29 พ.ย.

หรือจะแตะเบรกชะลอเกมร้อนไว้ก่อน

เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมทั้งในสภาและนอกสภาขณะนี้ สัญญาณซึ่งถูกส่งออกมาเป็นระยะๆ เตือนว่า

ยังไม่นิ่งถึงขั้นรัฐบาลสามารถเย็นใจได้

ไม่ว่าร่างกฎหมายสำคัญๆ ที่จ่อคิวเข้าสภาในช่วงใกล้ปิดสมัยประชุม หรือบางฉบับถึงจะผ่านวาระ 3 ไปแล้ว

ก็ยังต้องไปติดแหง็กอยู่ตรงด่านวาระ 4 ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ที่ฝ่ายค้านและส.ว.กลุ่มต้านยื่นตีความเหวี่ยงแหไว้นับสิบคำร้อง

หรือไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของ"ม็อบอุรุพงษ์" ที่ฉากหน้าดูเหมือนไม่มีอะไร เพราะมีผู้ร่วมชุมนุมแค่หลักร้อย หรือพีกสุดก็ไม่เกิน 2,000 คน

แต่"ฉากหลัง"ม็อบกลับเต็มไปด้วยนักเคลื่อนไหวมืออาชีพ ประสบการณ์โชกโชนมาตั้งแต่ม็อบสนามม้า ม็อบสนามหลวง และม็อบสวนลุมฯ

กระทั่งม็อบควนหนองหงษ์

ถึงการชุมนุมแต่ละครั้งจะไม่บรรลุเป้าหมายสูงสุด สร้างความผิดหวังให้กับบรรดาแฟนคลับ

แต่ได้มีการวิเคราะห์จากฝ่ายต่อต้านว่าเป็นเพราะสถานการณ์ในตอนนั้น

ยังไม่สุกงอมพอจะนำมาเป็นเงื่อนไขปลิดขั้วอำนาจรัฐบาลชุดนี้ได้

ผิดแผกแตกต่างจากสถานการณ์ปัจจุบันโดยสิ้นเชิง

หลายคนที่เกาะติดสถานการณ์การเมืองช่วงนี้

วิเคราะห์จากกรณีมีส.ส.บางพรรคสลับหน้าแวะเวียนเข้าให้กำลังใจม็อบอุรุพงษ์ไม่ขาดสาย

ขณะเดียวกันคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ภายใต้สังกัดพรรคดังกล่าวก็ส่งรถสุขา รถน้ำ เครื่องปั่นไฟไปให้บริการถึงหน้าเวที

เหมือนต้องการเลี้ยงกระแสเพาะเชื้อม็อบไว้

สำหรับผสมโรงสถานการณ์บางอย่างในจังหวะก่อนสภาปิดสมัยประชุม ที่เชื่อกันว่าเป็นช่วง"คิลลิ่งโซน"ของรัฐบาล

และเป็นคำตอบว่าทำไมรัฐบาลถึงต้องยืดเวลาการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงออกไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.

อันดับแรกคิวร้อนแทรกขึ้นมากลางลำ กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก แจ้งนัดฟังคำตัดสินวันที่ 11 พ.ย.นี้

ในคดีกัมพูชายื่นเรื่องขอให้ตีความพื้นที่เขตแดนรอบปราสาทพระวิหาร ว่าเป็นของกัมพูชาหรือของไทยกันแน่

เนื่องจากคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 ไม่มีความชัดเจนในส่วนนี้

โดยคำตัดสินไม่ว่าจะออกมาอย่างไรฝ่ายไทยก็มีแต่"เจ๊า"กับ"เจ๊ง"

ถ้าเจ๊าก็แล้วไป แต่ถ้าเจ๊ง ซึ่งหมายถึงศาลโลกตัดสินให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา

เชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามจะหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นปลุกม็อบไล่ถลุงรัฐบาล ให้แสดงความรับผิดชอบต่อผลตัดสินดังกล่าวเพราะทำให้ไทยต้องเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร

โดยไม่สนใจความจริงที่ว่า

จุดเริ่มของการที่เรื่องดังกล่าวถูกผลักให้ขึ้นไปอยู่บนศาลโลก

เป็นเพราะรัฐบาลชุดก่อนเล่นการเมืองกันเองภายในจนเรื่องบานปลายไปนอกประเทศ

มองผู้นำกัมพูชาซึ่งมีความสนิทสนมส่วนตัวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ของไทย ด้วยสายตาความเป็นศัตรูไม่อาจอยู่ร่วมโลก

แทนที่จะมองในฐานะเพื่อนบ้านที่ต้องผูกมิตรถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไว้

สุดท้ายยังกลับมายัดเยียดความรับผิดชอบให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์

ทั้งกระบวนการต่อสู้คดีและผลตัดสินที่ตามมา

ส่วนคิวหนักๆ ในสภาช่วงใกล้ปิดสมัยประชุม

ตามที่ฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเซ็ตโปรแกรมไว้แล้ว

คือ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่คณะกรรมาธิการเพิ่งพิจารณาแล้วเสร็จทั้ง 7 มาตราสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

หัวใจสำคัญของร่าง คือ การนิรโทษกรรมม็อบทุกสี รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาดำเนินคดีโดย คตส.และองค์กรที่ตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549

เตรียมผลักดันเข้าที่ประชุมสภา ผู้แทนฯ วาระ 2 ทันที

ส่วนจะเป็นช่วงเวลาใด วันใดในเดือนพ.ย. ก่อนหรือหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 กับ 237

ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

แต่ไม่ว่าก่อนหรือหลัง พรรคประชา ธิปัตย์ก็ต้องต่อต้านสุดลิ่มทิ่มประตู

ตามที่แกนนำพรรคเคยประกาศไว้แล้วว่า จะขัดขวางร่างกฎหมายดังกล่าวทุกวิถีทางทั้งในสภา รวมถึงเป่านกหวีดระดมพลม็อบต้านนอกสภา

ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไปว่าม็อบ อุรุพงษ์จะลากยาวรอเวลาจุดติดในช่วงเวลานั้นหรือไม่

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งถือเป็นคิวสุดท้ายสั่งลาสมัยประชุม

และที่ต้องจับตาไม่แพ้กัน ได้แก่เกมการวางตัวคณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ หรือที่เรียกกันว่า 5 เสือกกต.

ที่ล่าสุดได้ชื่อบุคคลครบแล้วทั้งจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือก 2 คน และคัดเลือกโดยคณะกรรมการสรรหาอีกจำนวน 3 คน รวมเป็น 5 คน

ใน 5 คนนี้สรุปว่าเป็นผู้พิพากษา 3 คน มาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คนซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

แต่ที่ออกจะไม่ปกติ อยู่ตรงการที่คณะกรรมการสรรหายังได้คัดเลือกผู้พิพากษาเข้ามาเสริมทัพเป็น กกต.อีก 1 คน

นั่นเท่ากับว่าในอนาคต 5 เสือกกต.ชุดใหม่ จะมีผู้พิพากษาเป็นเสียงส่วนใหญ่ในการชี้เป็นชี้ตายผลเลือกตั้ง แจกใบแดง-ใบเหลือง รวมถึงการชงคดียุบพรรค

นอกจากประเด็นผู้พิพากษาทั้ง 3

ชัดเจนยิ่งกว่าคือกรณีคณะกรรมการสรรหา ยังได้ลงคะแนนเลือกนักวิชาการ "แขกขาประจำ"ช่องทีวีสีฟ้า เข้ามาเป็น 1 ใน 5 เสือ อีกต่างหาก

เลยสะท้อนให้เห็นว่าถึงรัฐบาลจะมีไพ่ตาย"ยุบสภา"อยู่ในมือ

แต่ฝ่ายตรงข้ามก็วางหมากแก้เกมล่วงหน้าไว้แล้วเหมือนกัน



Create Date : 20 ตุลาคม 2556
Last Update : 20 ตุลาคม 2556 0:44:35 น. 0 comments
Counter : 676 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.