ปมงบประมาณ จัดซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวก หรือแม้แต่อุปกรณ์ตกแต่งให้กับกลุ่ม "ส.ส.-ส.ว.-ข้าราชการระดับสูง" ในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งกรณีจัดซื้อ คอมพิวเตอร์ไอแพดแบบพกพา จำนวน 808 เครื่อง ให้กับบรรดา ส.ส.-ส.ว. ยืมใช้งาน ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า เพื่อให้มีความทันยุคทันสมัย หรือ เป็นการลดการใช้กระดาษ ในการจัดพิมพ์เอกสารในสภาฯ อันนั้น คงไม่มีใครเถียงว่า มันเหมาะสม หรือไม่? ในโลกยุคปัจจุบัน ที่การติดต่อสื่อสาร รวดเร็ว เชื่อมโยงกันไปทั้งโลก

แต่ปมที่น่าสนใจ คือ มีการ "ทุจริตคอรัปชัน" กับ งบการจัดซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้กับบรรดา ส.ส.-ส.ว.-ไปจนถึงข้าราชการในสภาฯ หรือไม่ ต่างหาก  หากเป็นความจริง ถ้าพูดกับแบบภาษาชาวบ้าน กินกันตั้งแต่ "สากกะเบือ ยัน เรือรบ" เพราะ ขนาดงบฯ จัดซื้อไอแพด เพื่อนำมาให้ ส.ส.-ส.ว. ยืมใช้ ค้นหาข้อมูล หรือ แจ้งหมายประชุมสภาฯ เลยไปจนถึงเรื่องซื้อ "นาฬิกาแขวนผนัง ที่เป็นแบบตัวเลขดิจิตอล" เพื่อนำมาให้คณะกรรมาธิการฯ แต่ละคณะที่ประชุม ได้ใช้ดูเวลา ยังปรากฏข่าวสงสัยว่า อาจมีการทุจริต-คอรัปชัน งบประมาณการจัดซื้อได้

"เรื่องจัดซื้อนาฬิกาแขวนผนัง จำนวน 200 เรือน มูลค่ากว่า 15 ล้านบาทนั้น จำรายละเอียด ราคาไม่ได้ แต่ก็เป็นหนึ่งในโครงการ ที่ได้ตั้งขึ้นมา ตั้งแต่ อดีตเลขาธิการสภาฯ ซึ่ึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยืนยันว่า นาฬิกาดังกล่าว เป็นยี่ห้อที่ดีที่สุดของทวีปยุโรป และสาเหตุที่ต้องจัดซื้อจำนวนมาก เพราะต้องนำไปติดตามห้องประชุมคณะกรรมาธิการต่างๆ เพื่อให้ ส.ส.และ ส.ว.ได้ทราบเวลา" นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

ขณะที่ นายพิทูร พุ่มหิรัญ อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่นายสุวิจักขณ์ พยายามพาดพิง ก็ออกมาตอบโต้ว่า โครงการจัดซื้อจัดจ้าง ต่างๆ ตั้งขึ้นในสมัยที่ตน เป็นเลขาธิการสภาฯ ว่า ตนจำไม่ได้ว่า ได้ดำเนินโครงการอะไรไว้บ้าง โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อจัดจ้างนาฬิกาแขวนผนัง ซึ่งให้ไปขอดูหลักฐานจากกองคลัง เพราะต้องมีการเปิดเอกสารต่างๆ อยู่แล้ว ส่วนที่มีการ กล่าวว่า ขั้วอำนาจเก่า ทำลายภาพลักษณ์ของรัฐสภานั้น ไม่ทราบว่า หมายถึงและคงไม่มีเรื่องอำนาจเก่า ซึ่งตนไม่เคยให้ร้ายใคร

แล้วเรื่องนี้ ก็ถูกโยงและขยายความ ให้กลายเป็นเรื่องทางการเมืองไปจนได้ จากกลุ่ม ส.ส.ฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ ที่รวมตัวกัน อย่าง นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. นายเทพไท เสนพงศ์ ฯลฯ ออกมาแสดงเจตจำนง ขอสละสิทธิ์ ยืมเครื่องไอแพด โดยให้เหตุผลว่า ทางสภาฯ ไม่เคยมาสอบถามความสมัครใจ หรือ ให้ ส.ส.แสดงความคิดเห็นเลยว่า ต้องการให้มีการจัดซื้อหรือไม่ ไปจนถึงสมาชิกสภาฯ แต่ละคนมีศักยภาพ มีกำลังทรัพย์เพียงพอ ที่จะมีเครื่องไอแพดอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมายืมเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาแบบที่สภาฯ ตั้งใจจะจัดให้

ทั้งยัง จี้ ให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ไขข้อข้องใจการใช้งบประมาณสภาฯ ที่เชื่อว่า มีการทุจริตในหลายโครงการ นอกจากเรื่องจัดซื้อไอแพด หรือ นาฬิกาแขวนผนัง เลยไปจนถึงเรื่องกล่าวหาว่า ติดเครื่องปรับอากาศในห้องเก็บขยะของสภาฯ

"จะยื่นเรื่องให้ประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการสภาว่าเห็นการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลทั้ง 2 มีพฤติกรรมส่อว่าน่าจะไม่สุจริตและประพฤติมิชอบ 4 ประการ" นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว…

ประเด็นที่น่าสนใจ และตกเป็นข่าวซึ่งสาธารณชน รับทราบมาหลายวันแล้ว ก็คือ  ปมราคา การจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา แบบหน้าจอสัมผัส (ไอแพด) ซึ่งทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้ตรวจสอบและ สอบถามจากดีลเลอร์รายใหญ่ในตลาดรายหนึ่ง เพื่อเปรียบเทียบราคาพบว่า สิ่งที่น่าสงสัย คือ ราคาของอุปกรณ์ประกอบไอแพดในแต่ละชิ้น ยังไม่ค่อยมีความชัดเจน ยังสับสนอยู่บ้าง

ขณะเดีียวกัน จากการที่ได้ลองตรวจสอบจะพบว่า แม้ราคาที่ รองเลขาธิการสภาฯ แถลงข่าวในครั้งหลัง จะมีความใกล้เคียงกับ ราคาท้องตลาดทั่วไปมากขึ้นก็ตาม (เทียบราคาแบบเครื่องต่อเครื่อง) แต่ต้องไม่ลืมว่า การจัดซื้อเครื่องไอแพดนี้ สภาฯ จัดซื้อเป็นลอตใหญ่ ถึงจำนวน 808 เครื่อง ใช้งบประมาณมากกว่า 55 ล้านบาท

นายนุกูล สัญฐิติเสรี รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะกำกับดูแลสำนักสารสนเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า  ได้รับงบประมาณจำนวน 55,656,200 ล้านบาท จัดซื้อทั้งหมด 808 เครื่อง  จัดซื้อเครื่องละ 26,500 บาท เท่ากับราคาท้องตลาด รวมทั้งมีการจัดอุปกรณ์เพิ่มเติม อาทิ ปกหุ้มอุปกรณ์แบบหน้า-หลัง ราคา 1,020 บาท (ราคาท้องตลาด 2,000 บาท) สายหูฟัง ราคา 955 บาท (ราคาท้องตลาด 1,090 บาท) ปากการาคา 430 บาท (ราคาท้องตลาด 600 บาท) แผ่นฟิล์มแบบด้านเพื่อติดบนหน้าจอ ราคา 835 บาท (ราคาท้องตลาด 900 บาท) และรับประกันเครื่อง 3 ปี ราคาเครื่องละ 3,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ มีการจัดให้บริการอินเทอร์เน็ต แบบ 3จี รายเดือน ราคาเดือนละ 855 บาท ระยะเวลา 1 ปี

ทั้งนี้ หากราคารวมต่อเครื่อง"ถูก-แพง"ต่างกันเพียงแค่ เครื่องละ 500-1,000 บาท แล้วคูณด้วยจำนวนเครื่องที่จัดซื้อ 808 เครื่อง ก็จะเห็นว่า มีความเป็นไปได้ ที่จะมีเงินส่วนต่างซึ่งเป็นงบประมาณของประเทศ อาจไปตกแบ่งเข้ากระเป๋าใครจำนวนนับล้านบาทแล้ว   คำถามง่ายๆ ของประชาชนที่ทำมาหากิน แบบหาเช้ากินค่ำ คือ  อยากให้สภาฯ ออกมายืนยันตัวเลขราคาที่จัดซื้อ คือ ตัวเลขสุทธิแบบเน็ตๆ ไม่สามารถที่จะไปต่อรองกับผู้ประกอบการ ให้ลดราคาลงได้อีกแล้ว จริงหรือไม่

เพราะต้องไม่ลืมว่า สำหรับชาวบ้านทั่วๆ ไปใครๆ ก็ทราบว่า ธรรมดาหากซื้อสินค้าอะไรก็ตามเพียงครั้งละ 1-2 ชิ้น ก็จะเป็นราคาหนึ่ง แต่ถ้าหากซื้อสินค้าในจำนวนที่มาก หรือที่ชาวบ้านชอบเรียกกันว่า "รายนี้เป็นลูกค้ารายใหญ่" จะมีส่วนลดพิเศษให้ ก็จะเป็นอีกราคาหนึ่ง แต่เท่าที่ดูการแถลงข้อเท็จจริง ของทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ไม่รู้คิดไปเองว่า ส่วนลดตรงนี้มันน่าจะน้อยเกินไปหรือไม่?  โดยเฉพาะราคาเฉพาะตัวเครื่องไอแพด ที่ตกเครื่องละ 26,500 บาท เท่ากันเป๊ะ กับราคาท้องตลาด ทั้งที่สภาฯ สั่งซื้อถึง 808 เครื่อง นี่ยังไม่นับรวมอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ นะ....