<<<<บ้านอะเดลยินดีต้อนรับจ้า>>>>
Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
29 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
แฟนฟิค รัตนมณีแห่งดวงดาว VS วีรบุรุษจอมจักรวาล บทที่ 2

2.-

นกน้อยสีส้มเกาะอยู่บนลูกกรง แสงจันทร์จับฟ้าบ่งบอกว่าฝ่าบาทของมันถูกจับมาไว้ในสถานที่ ซึ่งเรียกว่า ’ที่คุมขัง’ วงพักตร์คมมักสะท้อนความตรอมตรมอยู่เป็นนิตย์ หากวลานี้มันยิ่งเด่นชัด ดวงเนตรรัศมีอำพันจับจ้องของสิ่งหนึ่งในอุ้งหัตถ์...

มันไม่ใช่สิ่งวิเศษที่ฝ่าบาทของมันกำลังแสวงหา เพื่อฆ่าชีวิตตัวเอง

เจ้าสิ่งนั้นคือปีกมรกต เป็นสิ่งวิเศษที่ถือกำเนิดภายในถ้ำน้ำแข็งบนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ นกน้อยยังจำได้... ฝ่าบาทของมันเคยตรัสลอยๆว่า ทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์จะไม่ดับสะลาย... ถ้าผู้ครองดวงเนตรสีน้ำเงินเอาปีกมรกตให้นาง ในวันที่ทรงพานางไปเที่ยวยังถ้ำน้ำแข็ง

ปีกมรกตคือของวิเศษที่ใช้สื่อใจสองดวง เป็นสัญญาณเรียกและนำพาอีกฝ่ายมาหาตนได้ ความถวินหาของผู้ให้จะเชื่อมต่อกับผู้รับ ถ้าเพียงผู้รับเผาปีกคู่ในมือ แม้ผู้ให้จะอยู่กันคนละพิภพ คนละแผ่นดิน... ระยะทางไม่ใช่ปัญหา

“เพียงแต่เจ้าเรียก พี่ก็จะมา... มาอยู่กับเจ้า อยู่ข้างกายเจ้า... “ ดวงเนตรคมหลับลงพร้อมหัตถ์ที่กำแน่นนกน้อยกลัวว่าแรงแห่งความเจ็บปวดจะทำให้ของมีค่าชิ้นนั้นแหลกไปกับหัตถ์กำยำ...

ฝ่าบาทของมันคงคิดเสมอว่า ถ้าทรงให้สิ่งนี้กับทูลกระหม่อมน้อย ในวันนั้น... วันที่เจ้าดวงชีวันได้รับความทรมานใต้พื้นน้ำ... พระองค์คงจะได้ยินเสียงเรียก… สายสัมพันธ์ที่มีต่อกัน จะนำพาพระองค์มาช่วยเจ้าของดวงหทัยไว้ได้ทัน.…

ในขณะที่นกน้อยเฝ้ามองฝ่าบาทอยู่นั้น ดวงตากลมโตของอนกป่ากลอกไปเจอเงาทะมึนสีดำ ซึ่งเปิดขึ้นบนฝาผนัง… อิฐแดงถูกความทะมึนบางอย่างแทนที่ มันค่อยๆ ขยายวงกว้างขึ้น ...

“ฝ่าบาท “ นกน้อยส่งเสียงร้องเรียกเจ้าเหนือหัว ให้สังเกตสิ่งผิดปกติ

“เกิดอะไรขึ้นเจ้าข้า…” ยังไม่ทันที่นกน้อยจะได้โผนลงจากลูกกรง และได้รับคำตอบจากฝ่าบาท… ร่างของเรียน่าก็วิ่งออกมาจากเจ้าสิ่งผิดปกตินั้น

ถ้าโดเรียสรู้จักใส่ใจเรื่องพวกนี้บ้าง คงมีความสงสัยในตัวของพี่น้องคู่นี้ไม่มากก็น้อย... เพราะเจ้าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าถูกเรียกว่าประตูมิติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของเมลาเนียล ว่ากันว่าจะใช้สำหรับชนชั้นสูง หรือในกองทัพเท่านั้น … แม้รู้ว่าไม่สมควรนักแต่คำอ้อนวอนปนบังคับของน้องตัวน้อย ทำให้ซาลาร์คจำต้องเปิดประตูมิติ เพื่อช่วยเจสเซอร์ของเรียน่าออกมา

“เจสเซอร์คะ” เสียงเรียกใสเพียงเบาๆ ดูจะกระตุ้นสติของราชันแห่งความความมืดได้ดีกว่าเสียงร้องแหลมบาดหูของนกน้อย

“เรียน่า” ความแปลกใจปนฉงนทำให้หลุดเสียงค่อนข้างดัง นึกได้อีกที… จึงรีบชะโงกตัวขึ้นดูเหล่าทหาร ดีที่คนกลุ่มนั้นไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ

รอยยิ้มบางๆ ของราชันย์เกิดจาก ท่าทางซนๆ ใช้นิ้วจุ๊ปากบอกผู้ถูกคุมขังให้เงียบไว้ มือเล็กๆ กำลังบอกโบ้ยไปทางผู้คุม นกน้อยเห็นชัดว่าเด็กตัวจ้อยที่อยู่กับฝ่าบาทของมันเมื่อตอนกลางวัน กำลังทำท่าย่องๆ ระแวดระวัง ก่อนจะเข้ามาฉุดข้อพระกรฝ่าบาทของมัน

ชิบิรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป มันรีบโผนเข้าไปในช่องทางนั้นอย่างนกแสนรู้ เรียน่าทันได้เห็นปีกเล็กๆ กระพือผ่านหน้า เธอยิ้มกว้างนำหน้าเจสเซอร์ที่ยอมเดินตามไปอย่างโดยดี ก่อนประตูมิติจะปิดลงโดยที่ผู้คุมด้านหน้าไม่ได้มีโอกาสรู้เลยว่า นักโทษที่พวกตนจับไว้หนีรอดออกไปแล้ว...

“เรียน่า เจ้าจะพาพี่ไปไหน...”

“ไปที่บ้านพักตากอากาศที่พาร์ริเอลค่ะ พี่ชายรออยู่ที่นั่น...”

“แล้วเจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”

“นี่เรียกว่าประตูมิติค่ะ ประตูนี้จะเชื่อมต่อจุดสองจุดได้อย่างสบายเลยละ” เด็กหญิงตัวน้อยอธิบาย มือเล็กๆ ยังคงจูงอีกฝ่ายให้เดินตาม จนกระทั่งถึงปลายทาง ซึ่งน่าจะเป็นพาร์รอเอลที่ว่า...

คำว่าบ้านพักตากอากาศ นักน้อยสีส้มฟังแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยคุ้นหูนัก ในคาคูด้าใช้คำนี้หรือเปล่านกน้อยไม่แน่ใจ นั่นอาจมีความหมายคล้ายๆ ปราสาทแก้วที่คาคูด้าก็เป็นได้ ที่คาคูด้ามีปราสาทสีทองที่น่าจะใช้เป็นบ้านจริงๆ ส่วนปราสาทแก้วคงมีไว้ให้ตากอากาศกระมัง นกน้อยสีส้มแอบคิดฆ่าเวลา ขณะที่ฝ่าบาทของมันกำลังสำรวจสภาพโดยรอบ

คฤหาสน์หรูท่ามกลางเนินเขา ซึ่งทอดตัวยาวผ่านทุ่งโลง จากสิ่งที่ได้พบเจอมาตลอดเวลาที่อยู่ในแผ่นดินนี้ นกน้อยมองเห็นเพียงตึกสูง นี่เป็นแผ่นดินซึ่งมีเทคโนลียีล้ำสมัย อย่างน้อยก็ล้ำสมัยกว่าคาคูด้า และนารายที่นกน้อยเคยสัมผัส แล้วนั่นอาจรวมถึงดวงดาวสีน้ำเงินของทูลกระหม่อมน้อยของมันด้วย...

แต่นกน้อยสีส้มก็จำได้ว่า ฝ่าบาทบอกมันก่อนหน้านี้ว่า ที่แผ่นดินนี้มีวิวัฒนาการไปคนละทางกับพวกของคาออส... คาออสเคยรุ่งเรืองและฝักใฝ่ในสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้ แต่แล้วทุกอย่างก็ล้มเหลว สิ่งที่หลงเหลือคือคำกล่าวที่ว่า แม้ถึงยุคที่ดวงดาวอยู่แค่เอื้อม แต่มนุษย์ที่ผิดพลาดยังต้องดำเนินชีวิตให้ใกล้เคียงวันที่พระเจ้าได้สร้างพวกตนขึ้น...

“นกน้อยว่าอยู่แบบนี้ สบายกว่าเยอะ หรูกว่าเยอะ เท่ห์กว่าเยอะ และดูดีกว่าเยอะ” เสียงร้องแหลมที่มีแต่ฝ่าบาทของมันเท่านั้นที่รู้ความ...

“ฝ่าบาทเจ้าข้าชิบิว่า สองพี่น้องเนี่ยต้องไม่ใช่คนธรรมดานะ”

“ข้าก็เห็นมีสองขา สองตา เหมือนคนทั่วไป”

“แหม… นกน้อยไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น นกน้อยหมายถึงว่า คนพวกนี้ไม่ใช่สามัญชนทั่วไป อาจจะเป็นคนที่มีสายเลือดของราชันย์อย่างฝ่าบาทก็ได้นะเจ้าข้า”

ไม่ต้องรอให้นกน้อยบอกฝ่าบาทของมันก็คงพอคิดเองได้ แต่นั่นก็ใช่จะใส่ใจนัก… สำหรับโดเรียสแล้ว จะเป็นใครก็ไม่สำคัญนักหรอก แต่สิ่งสำคัญคือเวลานี้ทรงติดใจเด็กเรียน่าเข้าให้แล้ว และมันดูเหมือนจะฉุดพระองค์ไว้ ผู้ครองดวงเนตรสีน้ำเงินไม่ต้องการเดินทางไปไหนไกลๆ อยากอยู่ตรงนี้ ในที่ซึ่งทำให้ทรงมองเห็นเงาของคนที่เฝ้าถวิลหา

***********************

เมื่ออยู่บนระเบียงของคฤหาสน์บนภูเขา ไม่แปลกเลยที่โดเรียสจะต้องใจกับทุ่งดอกไม้ที่ทอดตัวไปถามสันเขาจนสุดสายตา มันเหมือนเป็นสัญญาณการมีชีวิต ทุกครั้งที่เห็นความสวยงามของมวลมาลัย สิ่งที่ผุดขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดในใจคือภาพเจ้าน้องน้อยที่ยืนอยู่ท่ามกลางดงแห่งสีสันและความหอมละไม

นกน้อยที่ส่งเสียงประสานใส ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นั่นอาจเป็นมวลเทพแห่งฤดูใบไม้ผลิ ที่กำลังเสกมนต์ขลัง โปรยมวลมาลัยนานาพันธุ์ไปตามสันเขาที่ทอดตัวสลับกันไปสูงต่ำ ราวจะสร้างมิติแห่งความงดงาม…

นกน้อยสีส้มยังคงชื่นชมความงามอย่างเลื่อนลอย มารู้ตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงน้ำ ซึ่งหยดลงจากหัตถ์เจ้าเหนือหัว ที่กวักขึ้นแตะวงพักตร์ราวกับจะไล่ภวังค์แสนเศร้าออกจากใจ… ดวงตาของนกป่าสีส้มกวาดสำรวจสภาพรอบตัว นี่คงเป็นทุ่งดอกไม้ที่เห็นตอนอยู่บนคฤหาสน์บนเขาของสองพี่น้องเรียน่า และซาลาร์ค

เสียงที่ได้ยินเวลานี้มีเพียงเสียงหวีดหวิวของสายลม เสียงร้องใสของสัตว์เล็กๆ ที่แผ่วเบาจนแทบจะทำให้รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของกลีบดอกไม้ซึ่งเบ่งบานอยูรอบตัว… นกน้อยโผนออกจากไหล่เจ้าเหนือหัวเมื่อพระองค์เหยียดองค์ขึ้น ก่อนจะก้าวลงไปบนผืนน้ำที่กระเพื่อมไหวอ่อนๆ ตามแรงลม… นกสีส้มเกาะอยู่บนกิ่งเล็กๆ ของไม้ริมธาร… มันมองตามเจ้าเหนือหัวที่เวลานี้ยืนอยู่เหนือผิวน้ำ…

ปีกมรกตถูกเรียกมาอีกครั้ง… และนกน้อยก็รู้ว่าฝ่าบาทของมันทรงคิดอะไรอยู่ แต่มันไม่แน่ใจนักว่าเด็กตัวจ้อยที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากมันจะรับรู้ได้ถึงความสับสนของราชันย์แห่งความมืด… ที่เวลานี้ทรงทรุดองค์ลงนั่ง ราวกับเหนื่อยอ่อน เนตรคมหลับลงอย่างตรอมตรม… นกน้อยรู้ว่าถ้าฝ่าบาทของมันอยู่ในอาการนี้ พระองค์จะไม่รับรู้การมาเยือนของใคร… จึงไม่แปลกที่จะไม่ทรงรู้ว่าเรียน่าตัวน้อยตามพระองค์มาด้วย

“ชิบิ…เจสเซอร์กำลังคิดถึงกาเซียร์อยู่ใช่ไหมจ้ะ?”

นกป่าสีส้มอยากบอกสิ่งที่มันรู้กับเรียน่า แต่มันก็ไม่แน่ใจนักว่าเธอจะเข้าใจที่มันพูดหรือเปล่า มันจึงทำได้แต่เพียงส่งเสียงร้อง หวังว่าเด็กตัวน้อยจะเข้าใจ มันไม่ได้หวังให้เรียน่ามาแทนที่ทูลกระหม่อมน้อยของมัน แต่อย่างน้อยก็ขอให้เรียน่าทำให้ฝ่าบาทของมันคลายความเจ็บปวดที่ต้องทนแบกรับลงบ้าง… อยากให้ที่นี่เป็นที่พักใจของฝ่าบาทของมัน…

“เรียน่าไม่สบายใจเลยที่เห็นเจสเซอร์เป็นแบบนี้ ชิบิก็เหมือนกันใช่ไหม…”

นกน้อยสีส้มร้องรับราวกับจะบอกว่ามันเข้าใจที่เรียน่าบอกกับมัน

“งั้นเรามาช่วยกันนะ ทำให้เจสเซอร์สดใสขึ้นดีไหม…”

เรียน่านัดแนะเตรียมการบางอย่างกับเจ้านกแสนรู้ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานตามที่ตกลงกันไว้…



“ฝ่าบาท…” เสียงร้องแหลมกระตุ้นให้เจ้าของร่างกำยำขยับเพียงนิดหน่อย ท่าทางที่แสดงออกมาดูค่อนไปทางรำคาญ เสียมากกว่าจะเป็นอาการรับรู้เสียงร้องเรียก…

“ลมอ่อนๆ พวกนี้ จะหอบกลีบดอกไม้ไปไกลถึงไหนกันนะเจ้าคะ” นกน้อยสีส้มพยายามชวนคุยเข้าเรื่อง เพราะรู้อะไรบางอย่างมาจากเรียน่าตัวน้อย แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับการเตรียมการบางอย่างเพื่อทำให้ฝ่าบาทของมันสดใสขึ้น

“ฝ่าบาททรงได้ยินเสียงเพลงไหมเจ้าคะ….นกน้อยว่าเราลองตามเสียงเพลงนี้ไป… เข้าไปในเมือง น่าจะดีกว่ามานั่งจมอยู่กับอดีตตรงนี้นะเจ้าคะ ชิบิรู้ว่า…”

“กาเซียร์คงชอบที่นี่…” ดูเหมือนสิ่งที่นกน้อยสีส้มบอกจะส่งไปไม่ถึงฝ่าบาทของมัน “เจ้ารู้ไหมว่าเวลานี้ข้าเห็นอะไรอยู่…”

“มันจะมีประโยชน์อะไรกันเจ้าข้า…ในเมื่อสิ่งที่ฝ่าบาทเห็น นกน้อยไม่เห็นด้วย นั่นแสดงว่ามันเป็นเพียงความฝัน เป็นมายา ไม่มีความจริงอยู่ในนั้น” นกน้อยร้องบอกราวกับมันรู้ว่าสิ่งที่ฝ่าบาทมันบอกคืออะไร หรือนั่นอาจเป็นเหตุการณ์เดิมๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในยามที่ต้องอยู่ท่ามกลางความวิจิตรที่ธรรมชาติแต่งแต้มให้ กลิ่นหอมของยอดหญ้า ยังรับรู้ได้ท่ามกลางความสดใสของหยาดน้ำค้างราตรีที่ระเหยเป็นไอ เมื่อต้องประกายทองประกายเงินของแสงอรุณรุ่ง…

“แต่ข้าไม่ต้องการไปไหนทั้งนั้น อยากจะจมอยู่กับตรงนี้ ถูกความฝันกลืนไปเลยก็ยิ่งดี…”

นกน้อยรู้ว่าแม้เห็นภาพที่ฝ่าบาทมันเห็น แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะให้นกน้อยรู้ว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่บนดวงเนตรรัศมีอำพัน…คงเป็นภาพของทูลกระหม่อมน้อยที่ประทับนั่งอยู่บนแพร่หญ้าเขียวขจี ดอกกระเปาะเล็กๆสีสวยสดคงตัดกันดีกับชุดผ้าลูกไม้สีอ่อน มวลมาลัยมากมายถูกทักทอเป็นมงกุฎดอกไม้ และมันรู้ว่าราชันย์แห่งความมืดก็พร้อมจะสวมมันให้น้องน้อย… เหล่าผีเสื้อสีสวยคงพร้อมจะแปลขบวน โผผินอยู่ข้างกายในยามที่ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่คู่กัน…

“แต่ความจริง ฝ่าบาทก็ไม่ได้อยู่ในฝันนั้นตลอดไป…ออกไปหาความจริงกันเถอะเจ้าค่ะ”

“เจ้าจะพูดอะไร”

“ไปในที่ๆ มีผู้คนเยอะๆ ดีกว่าไหมเจ้าค่ะ อย่างน้อยหนึ่งในนั้นอาจจะมีสิ่งที่ฝ่าบาทตามหาอยู่ก็ได้”

“ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น”

“แม้แต่ไปหาเรียน่ารึเจ้าค่ะ” นกน้อยถามจริงจัง

“เรียน่า… เจ้าอยากให้ข้าไปยุ่งกับนางหรือไงชิบิ พี่ของนางคงไม่ชอบใจนัก ที่จะให้น้องสาวมายุ่งเกี่ยวกับข้า”

“ทรงสนพระทัยด้วยหรือเจ้าค่ะ ชิบิไม่เห็นว่าตลอดมาพระองค์จะสนพระทัยสักนิด…” นกน้อยว่าประชด“เอาน่า… เราอยู่ที่นี่นานไม่ได้นะเจ้าข้า เรายังมีที่ต้องไป เจ้าแห่งนพรัตน์คงไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนี้… ฝ่าบาทจะอยู่ที่นี่ได้นานสักเท่าไหร่กันเชียว…ทรงรู้ไหมเมื่อตะกี้… เรียน่าให้นกน้อยมาชวนฝ่าบาทลงไปที่หมู่บ้านข้างล่างล่ะ”

“หมู่บ้าน…”

“ที่ๆ ดอกไม้พวกนี้ถูกลมหอบไป…”

ชิบิหมายถึงกลีบดอกไม้เล็กๆ ที่ปลิวไปตามสายลมเมื่อมันร่วงจากต้น…

“ เรียน่าบอกชิบิว่า…ที่หมู่บ้านจะมีเทศกาลอาบฝนบุปผา…ผู้คนจะขับขานดนตรีเหมือนจะขับกล่อมสายลม ที่ช่วยหอบเอากลีบดอกไม้มากมาย ไปโปรยลงในหมู่บ้าน… เหล่าหนุ่มสาวจะออกไปเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางดอกไม้ที่โปรยปราย….”

“เพื่ออะไร….ข้าไม่ต้องการเห็นภาพพวกนั้น”

“แต่เรียน่าอยากให้ฝ่าบาทได้เห็น…เรียน่าเล่าให้นกน้อยฟัง…ถึงความเชื่อของคนที่นี่ คนที่นี่เชื่อว่าการอาบฝนบุปผา จะได้รับความเป็นสวัสดิมงคล หากมีเรื่องไม่สบาย ก็จะได้รับการชะล้างออกไป...”

“ดอกไม้พวกนี้หรือที่จะมีอำนาจขนาดชะล้างสิ่งที่อยู่ในใจข้าได้” โดเรียสตรัสเปรยๆ คล้ายประชด

“คนที่มีบาปก็จะได้รับการชำระบาป” นกน้อยยังคงบอกสิ่งที่รู้มาจากเรียน่า ทั้งที่ฝ่าบาทมันทำท่าราวกับทรงต่อต้านความเชื่อพวกนั้น “คนที่เคยโกรธแค้นกัน ก็จะได้รับการอโหสิกรรม คนที่มีใจต่อกันก็จะได้รับความรักจากกันและกัน คนที่มีความทุกข์เมื่อมาที่นี่ ก็จะสบายใจขึ้น”

“ข้าไม่เชื่อ” นั่นคือบทสรุปที่อยู่ในใจฝ่าบาทของนกน้อย

“แต่เรียน่าเชื่อ…นางเชื่อจึงอยากให้ฝ่าบาทไปที่นั่น… นกน้อยรู้ว่าไม่ทรงเชื่อ…แต่นั่นสำคัญนักหรือเจ้าข้า นกน้อยว่าสิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่เรียน่าคิด และอยากทำเพื่อฝ่าบาท นางเชื่อว่าการอาบฝนบุปผาจะช่วยชะล้างความไม่สบายใจให้ฝ่าบาท ช่วยชำระบาปที่ทำให้ทรงเศร้าอยู่ในตอนนี้ สิ่งพวกนี้ที่เรียน่าอยากทำให้ฝ่าบาทต่างหากที่สำคัญ”

:- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :-

นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ออกมายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย เสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อมสายลมที่หอบเอากลีบดอกไม้บางเบามาจากทิวเขาสูง ความเย็นจากกลีบบางส่วนที่ร่วงลงสัมผัสผิวทำให้แยกแยะออกได้ว่านั่นไม่ใช่ละอองหิมะที่หนาวจัด กลีบเล็กๆ ที่มือหยิบจับได้เป็นความงามของมวลมาลัยที่โปรยมาจากฟากฟ้า…

ผู้คนจับคู่เต้นรำตรงลานกว้างกลางหมู่บ้าน เมืองทั้งเมืองถูกตกแต่งเข้ากับเทศกาลที่เรียกกันว่า อาบฝนบุปผา โต๊ะไม้ถูกนำมาเรียงรายให้จับจอง สำหรับคนที่ชอบมาชื่นชม มากกว่าจะออกไปร้องรำ หรือนั่นอาจจะรวมถึงพวกที่อยากพักเหนื่อย แต่ก็พร้อมจะปรบมือไปตามเสียงดนตรี หลายต่อหลายคนขยับกาย โยกตัว บ้างเคาะมือกระดกเท้าไปตามจังหวะที่ระรัว ช้าบ้างเร็วบ้าง…

“เจสเซอร์…ทางนี้ค่ะ… มาเร็ว… มาเต้นรำกับเรียน่านะ”

แทบจะไม่ทันตั้งตัว เพราะมือเล็กๆเข้ามาฉุดเอาเจ้าของชื่อให้ถลาเข้าสู่วงเต้นรำ…

ผู้คนมากมายขยับตัวไปตามเสียงดนตรี… ไม่เพียงแต่การแต่งกายซึ่งแตกต่างเท่านั้นที่กระตุกสายตารอบข้างให้มาจับจ้องที่คู่เต้นรำต่างวัย… วงพักตร์คมที่โดดเด่น กับใบหน้ายิ้มแย้มสดใสของเรียน่าตัวน้อยทำให้ลานกว้างถูกยกให้กับคนทั้งสอง…

“เต้นสิเจ้าข้า เต้นเหมือนชิบิ…” ไม่ได้ร้องบอกเปล่าๆ เวลานี้ชิบิโผนออกจากไหล่ฝ่าบาทของมัน ไปเกาะตรงรูปหล่อกลางลานน้ำพุ… มันกระดกขาตามจังหวะดนตรี ก่อนจะขยับปีกขึ้นลง หมุนตัวติ้วๆๆ มันไม่ได้เต้นเพียงคนเดียว แต่มันกำลังทำตามเด็กน้อยเรียน่า…

เรียน่าตัวน้อยกำลังเต้นรำอย่างสนุกสนาน ผู้คนให้ความสนใจ ต่างปรบมือให้จังหวะ บ้างโยกตัวตามเรียน่าตัวน้อยที่เวลานี้ เต้นนำเด็กคนอื่นๆ ที่ออกมาแปลขบวน โอบเอาโดเรียสซึ่งยืนขาตายอยู่ตรงกลาง…

ผู้ครองดวงเนตรสีน้ำเงินคงทำอะไรให้ดีไปกว่ามองตามเรียน่าที่ยังยิ้มสดใส แต่จะว่าไปรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กๆ อาจเป็นอาการขำท่าทางเก้งๆ กังๆ ของราชันย์แห่งความมืดที่หลงเข้ามาในวงเต้นรำกระมัง…

“ฝ่าบาทเจ้าข้า เต้นสิเจ้าข้า… ว้า…ไม่ใช่ให้ยกมือลูบท้ายทอยนะเจ้าข้า เต้นอย่างชิบิ…เอ้า…โยกหัว..เอ้ายกขา… ไม่ต้องเด็ดดอกไม้ให้ชิบิก็ได้เจ้าข้า…ชิบิรู้ว่าเต้นเก่ง”

นกน้อยชิบิเห็นฝ่าบาทของมันรวบเอาช่อดอกไม้ข้างตัวมากำไว้แน่น…. และดึงเอาดอกหนึ่งให้เรียน่าทันทีที่เธอเต้นรำวนมาอยู่ตรงหน้า…และที่เหลือก็จะยกให้ชิบิ….

“ให้ชิบิหรือเจ้าข้า…” ชิบิรู้ว่าฝ่าบาทของมันกำลังมองมา… แต่รอยยิ้มหน่อยๆที่ปรากฏบนวงพักตร์ทำให้มันนึกได้…. “อย่า…..”

ดอกไม้นั่นเหมาะที่จะให้สาวตัวน้อยคนอื่นๆ แต่ไม่เหมาะกับชิบิเป็นแน่ เพราะทันทีฝ่าบาทของมันส่งมาให้… ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าโยนมาให้ดูจะเหมาะกว่า… นกน้อยสีส้มทันเห็นมันปลิวมาอย่างแรง และกระแทกร่างน้อยๆ ของมัน…ก่อนร่างเล็กๆจะหงายหลัง… หล่นลงไปในบ่อน้ำพุ…

นกน้อยจมดิ่งอยู่ใต้น้ำ…แต่ทันได้ยินเสียงหัวเราะเกรียวกราวของคนหลายคน…

มันโมโหที่ถูกแกล้ง… คิดจะโวยซะหน่อย แต่ทันทีที่มันโผล่พ้นผิวน้ำ…

สิ่งที่มันเห็นสลายความไม่พอใจไปเสียหมด…

ฝ่าบาทของมันถูกห้อมล้อมด้วยเด็กมากมาย… ที่ต่างร้องเรียกยื่นมือเข้าหาร่างกำยำ…

ราชันย์แห่งความมืดกำลังทำหน้าที่เป็นนักมายากล… ดอกไม้มากมายถูกเรียกมาด้วยอำนาจขององค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้า… เพื่อมอบให้แก่สาวน้อยใหญ่ที่ออกมารอรับ และพร้อมจะดูเวทย์มนต์ของราชันย์ ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในคาออส…. คนพวกนี้จะรู้หรือไม่ว่า… ก่อนหน้านี้คนตรงหน้าเคยร้ายอย่างไรบ้าง…



หากเวลานี้นกน้อยเชื่อแล้วว่า ฝนบุปผา มีอำนาจชะล้างสิ่งอัปมงคลได้จริง!

ชิบิอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้…

:- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :-

ดอกไม้สดมากมายถูกเด็ดออกมาจากต้น กองอยู่บนแพหญ้าเขียวขจี… ไม้แปลกตามีกิ่งก้านยาวและนิ้ม มันเหมาะนักที่จะถูกนำมารวมช่อเป็นมงกุฎและกำไลข้อมือข้อเท้า… คนหามารู้ดีว่าไม้ไหนใช้ได้ ไม้ตัวไหนไม่เหมาะจะมาพันเกี่ยวถักทอ…

ไม้พวกนี้จะสวยเมื่ออยู่บนต้น แต่ถ้าถูกเด็ดแล้วถูกทิ้งไว้อย่างที่เห็น อีกไม่นานมันคงเหี่ยวแห้งไปกับดิน เหมือนๆ กับที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้… นกน้อยสีส้มเห็นภาพเหล่านี้จนเป็นเรื่องปกติ… ฝ่าบาทมักหอบเอาไม้ดอกมากมายมากองไว้ตรงหน้า…

ก่อนจะทิ้งองค์ลงนอนอยู่ตรงนั้น หลับเนตรราวกับกำลังทบทวนอดีต… เมื่อครั้งที่ยังมีทูลกระหม่อมน้อย… ฝ่าบาทของมันมักจะหนุนตักของน้องน้อยที่กำลังบรรจงถักทอดอกไม้ ที่เจสเซอร์หามาให้เป็นมาลัย เป็นมงกุฎ … แต่ตอนนี้ ดอกไม้ไม่มีเจ้าของ… มีแค่คนหามา… แล้วทันทีที่เนตรอำพันลืมขึ้น มันก็คงถูกทิ้งไว้อย่างที่เคยทำก่อนหน้านี้…

แต่ทว่า… สิ่งที่นกน้อยคิดไว้กลับผิดคาด ฝ่าบาทของมันลุกขึ้นมา…พร้อมกับพยายามทำอย่างที่น้องน้อยเคยทำ… ดอกไม้มากมายถูกเรียงหน้าสวยเมื่อมองแต่ไกล… แต่มีอีกส่วนหนึ่งที่ถูกโยนทิ้ง เพราะมันถูกทำให้ซ้ำเสียรูปทรง…ด้วยไม่เคยทำ จึงไม่รู้จักผ่อนแรง… นั่นเพราะก่อนหน้านี้มีคนที่ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว เจ้าตัวคงทำได้ แค่หาความงามนี้มาให้คนๆ นั้นถักถอ…

“โธ่โว้ย…” เสียงสบถลั่นทำเอานกน้อยสะดุ้ง… มันเห็นดอกไม้ที่ฝ่าบาทของมันอุตส่าห์พยายามร้อยอย่างยากลำบากดูกำไว้แน่น จนบี้ไปหมด

“เจสเซอร์ เก็บดอกไม้มากมายมาทำอะไรคะ…” เรียน่าหาฝ่าบาทของนกน้อยเจออีกจนได้ เธอคงเห็นสิ่งที่ฝ่าบาทของนกป่าทำก่อนหน้านี้

“อยากได้มงกุฎดอกไม้เหรอคะ… เรียน่าทำให้ได้นะคะ”

ไม่ได้บอกแค่คำพูด… เด็กตัวจ้อยทำโดเรียสไม่แน่ใจนักว่า เธอจะทำได้ดีไปกว่าพระองค์ เพราะมันไม่ง่ายนักหรอก… แต่ในที่สุดความพยายามของเด็กตัวจ้อยก็สัมฤทธิ์ผล นกน้อยป่าเห็นชัดว่า บ่อยครั้งที่ฝ่าบาทของมันพยายามเลือกดอกไม้สีสดส่งให้เด็กตัวจ้อย…ด้วยความตั้งใจและคาดหวัง



ผลงานของคนตัวโตกับเด็กเรียน่าตัวน้อยสำเร็จในที่สุด…ก็จัดว่าสวยใช้ได้ สำหรับมือใหม่ทั้งคู่…

“วงนี้ให้เรียน่า…” เด็กตัวจ้อยวางมงกุฎช่อเล็กไว้ที่หัว พร้อมรอยยิ้มสดใส…

“ส่วนอันนี้ให้เจสเซอร์นะคะ แต่ต้องเอาผ้าโพกผมออกก่อนนะ…” เด็กตัวจ้อยบอกพร้อมกับเอื้อมมือดึงผ้าโพกของคนตัวโตออก… แต่เธอถึงกับผงะออกเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำเงิน…

“เรียน่ากลัวเหรอ…” เสียงทุ้มต่ำที่ถามเศร้า จนเด็กตัวจ้อยสัมผัสได้

“เปล่าค่ะ แต่ตกใจ…ไม่คิดว่าที่เจสเซอร์โพกผม เพราะต้องการปกปิดรัดเกล้า…” เด็กตัวจ้อยบอกความจริง “มีมงกุฎอยู่ แล้วอย่างนี้จะทำยังไงล่ะคะ…”

“เรียน่าเก็บไว้เถอะค่ะ ดอกไม้พวกนี้ไม่เหมาะกับพี่หรอก” โดเรียสบอกพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ถึงเรียน่าจะไม่คิดอย่างนั้น แต่นกน้อยคิดว่ามันดูอบอุ่น ไม่ใช่รอยยิ้มที่เจือความเศร้าอย่างก่อนหน้านี้

“เจสเซอร์คิดถึงกาเซียร์เหรอคะ…”

เรียน่าไม่ได้รับคำตอบ เพราะอีกฝ่ายกำลังให้ความสนใจกับผ้าเช็ดหน้าที่พับเป็นรูปกระต่าย ซึ่งเรียน่าให้ก่อนหน้านี้… นกน้อยสีส้มรู้สึกว่าฝ่าบาทของมันกำลังคิดอะไรบางอย่าง มันไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ทันทีที่ปีกมรกตถูกเรียกออกมา นกน้อยก็รู้สิ่งที่ฝ่าบาทของมันคิด

“เพียงแต่เจ้าเรียก พี่ก็จะมา... มาอยู่กับเจ้า อยู่ข้างกายเจ้า... “ นั่นคำที่นกน้อยสีส้มได้ยินฝ่าบาทของมันเพ้ออยู่เสมอ… แต่ตอนนี้ ‘เจ้า’ ที่ถูกยกมาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ปีกมรกตที่ถูกยื่นให้เด็กตัวจ้อยยืนยันชัดเจน

“ให้เรียน่าหรือคะ”

“…เก็บมันไว้…ถ้าเจ้ามีอันตราย…เผาปีกคู่นี้…มันจะเรียก…พี่มาหาเจ้า…ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน เพียงแค่เจ้าเรียก พี่จะมา”

อาซิคาลอสได้ยินอย่างที่เรียน่าได้ยิน แต่คนแรกรู้มากกว่าที่เรียน่ารู้… เจ้าชายแผ่นดินนี้รู้ดีว่า ปีกมรกตคือสิ่งล้ำค่า… มีอำนาจเกินกว่าจะหยิบยื่นให้คนที่เพิ่งพบเจอ ของสิ่งนี้จะดูไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าคนที่ให้เป็นคนธรรมดา แต่ถ้าเรียน่าได้รู้… รู้ว่าเจสเซอร์คนนี้เป็นถึงองค์จักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ มันจะมีประโยชน์ต่อเธอมากในอนาคต ถ้าเธอมีอันตราย… โดเรียสก็พร้อมจะยืนหัตถ์ให้…

“จะมา…เจสเซอร์จะไปไหนหรือคะ” เด็กตัวจ้อยถามใบหน้าน้อยๆ ตีเศร้า

“เปล่าค่ะ… พี่ไม่ไปไหนหรอก… แค่อยากให้เจ้าเก็บมันไว้ พี่อยากให้อะไรเจ้าบ้าง…เจ้ายังให้ฝ้าเช็ดหน้ากระต่ายกับพี่…”

“ค่ะ…เรียน่าจะเก็บไว้…ถ้าเรียน่าเหงา เรียน่าจะเรียกเจสเซอร์นะคะ”

“ถ้าเจสเซอร์เกิดหายไป…เรียน่าจะเรียกเจสเซอร์มานะคะ…”

“เรียน่า…” โดเรียสยกหัตถ์รั้งร่างเล็กๆ ให้เบือนมาทางพระองค์ “พี่ให้คำสัตย์… พี่จะปกป้องเจ้าให้ได้… มันหรือใครที่ทำร้ายเจ้า…พี่จะตอบแทนมันอย่างสาสม…จะไม่ให้เหตุการณ์เหมือน…”

นกน้อยรู้ดีว่าฝ่าบาทของมันยังคงจดจำคำมั่นที่ให้ไว้กับทูลกระหม่อมน้อย และมันทำให้ทรงเจ็บปวดทุกครั้งที่ทำอะไรไม่ได้เลย นี่อาจเป็นอีกทางที่จะช่วยคล้ายความระทมในพระทัยได้บ้าง

“เรียน่า…” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เด็กตัวจ้อยถึงกับสะดุ้ง

มันก็น่าอยู่หรอก เรียน่ารู้ความผิดที่แอบหนีออกจากคฤหาสน์ โดยไม่ได้บอกพี่ชาย ความจริงแล้วเด็กตัวจ้อยเห็นโดเรียสไม่สบายใจ เลยแอบพาโดเรียสเที่ยว จนลืมไปว่ามีอีกคนกำลังตามหาด้วยความเป็นห่วง แต่นั่นก็ทำให้อาซิคาลอสมีเวลามากพอที่จะสืบรู้ประวัติของคนที่อยู่กับน้องสาว… ยิ่งได้เห็นรัดเกล้ารูปมังกร ที่ไม่ถูกปกปิดด้วยผ้าคาดหัว ยิ่งทำให้มั่นใจ…



<==========================>


จบตอน




Create Date : 29 มกราคม 2550
Last Update : 29 มกราคม 2550 13:19:30 น. 0 comments
Counter : 375 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

adel_ew
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




ความกลัวที่สุดคือ...กลัวที่ต้องอยู่โดยไม่เหลือใคร
Friends' blogs
[Add adel_ew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.