<<<<บ้านอะเดลยินดีต้อนรับจ้า>>>>
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 

แฟนฟิค รัตนมณีแห่งดวงดาว VS วีรบุรุษจอมจักรวาล บทที่1

เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้วค่ะ... ก่อนหน้านี้พี่จูนช่วยแนะนำด้วย
แต่ตอนหลังคนเขียนคนนี้หายไป... เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกับพี่จูนค่ะ
เลยถือวิสาสะเขียนเอง...อาจทำให้บุคลิคตัวละคนเพี้ยนไปก็ขออภัยด้วยนะคะ

โดยเฉพาะตอน 2 - 3 สามเนี่ย...เขียนเองซะเป็นส่วนใหญ่
ไม่เหมือนกับตอนที่1 ตอนนั้นจำได้ว่านั่งคุยกันไปกับพี่จูนด้วย...เขียนไปด้วย...
ตอนหลังไม่ได้ทำอย่างนั้น...แต่อาศัยเขียนจากข้อมูลที่พี่จูนเคยให้มา
และการได้อ่านวีรบุรุษจอมจักรวาล...ค่ะ


+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-


1.-

กลิ่นดอกหญ้าหอมอบอวล เสียงลมหวีดหวิวเหนือผิวน้ำ

ไอเย็นจากธารน้ำโชยขึ้นไล้เลียแผ่วผิว ช่วยดับความระอุร้อนยามบ่ายจัดๆ หากความสงบยังคงครอบคลุมไปทั่วบริเวณไม่ต่างจากเวลาก่อนหน้านี้… ด้วยบรรยากาศพาสงบ เจ้าของร่างกำยำจึงไม่ทันสังเกต หรือว่านั่นเป็นหนึ่งในความเฉยชา ไม่คิดจะลืมตาขึ้นมองสิ่งผิดปกติข้างตัว แม้จะมีเงาเล็กๆ พุ่งผ่านหน้า ห่างไปอีกไม่กี่สิบก้าวเดิน หรือเพราะนั่น ไม่ใช่สิ่งที่จะนำอันตรายมาสู่ตน หรือทะนงนักว่า ไม่สิ่งใดอีกแล้วที่จะฆ่าชีวิตผู้ครอบครองเนตรสีน้ำเงินนี้ได้....

“ฝ่าบาท....” เสียงร้องใสของนกน้อยสีส้มดังอยู่ไม่ไกล “หลบก่อนสิเจ้าข้ามีคนมา.....”

แม้ได้ยินเสียงร้องหากฝ่าบาทของมันยังคงเฉย
ประกอบกับนกน้อยเห็นสิ่งหนึ่ง มันจึงเงียบไป..
เสียงเรียกใสแว่วตามสายลม
เป็นชื่อที่มันไม่ได้ยินมานานเท่าไหร่แล้ว...
นานจนแทบจะลืมเลือน...

แสงแดดยามแก่จัดจับเจ้าของร่างเล็กๆ ลำแสงสีส้มแสดต้องใบหน้าน้อยๆ รอยยิ้มกว้างบริสุทธิ์ไร้จริตมารยา ความสดใสที่สามารถสะกดได้แม้แมกไม้รอบตัว....

กระโปรงสั้นเหนือเข่าต้องลมและถลกขึ้นสูง เมื่อเจ้าตัวพยายามสับข้อเท้าภายใต้รองเท้าหนังสีครีมที่หุ้มสูงถึงหัวเข่าให้เร็วขึ้น... ดูท่าว่าเจ้าตัวคงพยายามวิ่งตามอะไรสักอย่าง ซึ่งกระโดดไปมาไม่ยอมอยู่นิ่ง หากสิ่งที่นกน้อยเห็น มันไม่ใช่การไล่กวด อย่างจริงจัง แต่เป็นการวิ่งไล่ วิ่งเล่นเสียมากกว่า....

หลายต่อหลายครั้งที่เจ้าตัวน้อยพยายามก้มตะครุบเจ้าสิ่งมีชีวิตขาวๆ เป้สีหวานที่สะพายไขว่หลังถลกขึ้นแทบจะพ้นหัวที่ก้มลงต่ำ ผมม้าสองเส้นดำสนิทช่างตัดกันนักกับผิวหน้าขาวนวลเนียนที่แย้มยิ้มมิได้กริ้วกราด เมื่อตนทำพลาดหลายต่อหลายครั้ง เสียงเล็กๆ ยังคงร้องเรียกและวิ่งตามอย่างไม่ลดละ...

ไม่นานนักเจ้าสิ่งขาวๆ ก็กระโดดเข้ามาใกล้ร่างกำยำ ซึ่งเหยียดยาวอยู่ติดพื้นหญ้าเขียวขจี นกน้อยทำตาโต ดูเหมือนเจ้าสิ่งมีชีวิตนั้นจะรับรู้การคงอยู่ของ ‘หนึ่งคนกับหนึ่งสัตว์’ มันจ้องตากับนกป่าสีส้ม ก่อนจะพ่นลมออกจมูกอย่างแรง ประมาณทำท่าข่มขู่ให้เกรงกลัว แต่แล้วทันทีที่ตาบ้องแบ้วของมันตวัดไปยังเจ้าของร่างกำยำที่ขาเล็กๆ ของนกน้อยสีส้มเกาะอยู่....

“!....” มันกระถดถอยหลังไปสองที... ราวกับตกใจ เด็กตัวจ้อยที่กำลังส่ายส่องสายตาหาเจ้าสิ่งมีชีวิตขาวๆ เบือนหน้ามาพอดี นกน้อยสีส้มเห็นรอยยิ้มใสนั้นชัดเจน....

นกป่าเองคงเหมือนรอคอยเหตุการณ์อะไรบางอย่าง

“เจสเซอร์...รอด้วย!” เสียงเรียกใส ทำเอานกน้อยตาโต มันแน่ใจว่าชื่อที่เจ้าของร่างเล็กๆ เรียกคงหมายถึงกระต่ายน้อย ซึ่งไม่ได้หยุดนิ่งหากกลับวิ่งผลุบไปหลังต้นไม้ เด็กหญิงไหวตัวกระโดนตะครุบได้ทัน.... แต่กระต่ายน้อยดูจะไม่ยอมให้จับง่ายๆ เพราะมันจะทำให้การเล่นจบลง มันพยายามดิ้นอยู่ในมือน้อยๆ … ร่างเด็กตัวจ้อยเสียหลัก จึงถอยหลังเพื่อพยุงตัว แต่กลับไปสะดุดเอาท่อนขาของร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ตั้งใจ

“โอ้ย” เด็กน้อยล้มลงก้นจ้ำเบ้า กระต่ายน้อยหลุดมือ
“อึ้ย!” นกน้อยใจหายแวบ!
ฝ่าบาทของมันต้องกริ้วอีกแน่ ถ้าโดนปลุกให้ตื่นทั้งๆ ที่อารมณ์บูดบึ้ง
แต่ดูเหมือนนกน้อยสีส้มจะคาดการผิด...
ฝ่าบาทของมันมิได้หลับ หากแต่ทรงรับรู้ทุกอย่าง ไม่ต่างจากมัน...


ดวงตานกน้อยเฝ้ามองการประสานตาของคนสองวัย... มันไม่รู้ว่าเด็กตัวน้อยกำลังคิดอะไรกัน? แต่มันมั่นใจว่าฝ่าบาทของมันทรงคิด... อะไรบางอย่างในเด็กตัวน้อยทำให้เนตรอำพันนั้นจับจ้อง ไม่ใช่การตีขมวดไม่พอใจ หากแต่เป็นการจับจดรำลึกถึงเหตุการณ์บางอย่าง

แน่นอน นกน้อยรู้ว่าหนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของทูลกระหม่อมน้อยของมัน ทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์... การรับรู้เช่นนั้นทำให้นกน้อยแน่ใจว่า ฝ่าบาทของมันคงไม่ทำอันตรายเด็กตัวน้อย แต่สำหรับร่างเล็กๆ ที่พยายามถอยหนีเธอคงไม่คิดเช่นนกน้อย...

“!?....” ดวงตากลมโตบ่งชัดว่าเธอกำลังตกใจ ปนตระหนกอะไรหลายๆ ท่าทางที่เห็นทำให้นกน้อยคิดเช่นนั้น สิ่งหนึ่งที่ทำให้เด็กน้อยไม่วางใจคงเป็นพักตร์เฉยชา พร้อมดวงเนตรที่ทอดมองนิ่งๆ จนดูบึ้งตึงของคนตรงหน้า

ใบหน้านวลเยาว์เริ่มซีด แววตาตื่นกลัว คนผู้นั้นยังคงจ้องเธอนิ่ง... เด็กหญิงรู้สึกกลัวจนลุกไม่ขึ้น ในใจเพียงคิดถึงใครอีกคน..จึงแบะปากทำท่าจะร้องไห้เรียกหา

" พี่ชายขา.. ช่วยน้องด้วย..."

เสียงสั่นๆ ดูจะทำให้เจ้าของร่างกำยำนึกอะไรขึ้นได้ อย่างน้อยก็รู้ล่ะว่าท่าทางของพระองค์ทำให้เด็กตัวน้อยหวาดกลัวเพียงไร...

“ช่วย...น้อง....? .”
นกน้อยเฝ้าดูว่าฝ่าบาทของมันจะตรัสว่ากระไร
ทรงนิ่งไปเกือบอึดใจ ก่อนจะทรงแย้มสรวลหน่อยๆ ราวกับเพิ่งนึกอะไรได้...
“ข้าก็เป็นพี่ชาย....”

นกน้อยแทบไม่อยากจะเชื่อหู ฝ่าบาทของมันตรัสดีๆ กับคนอื่นเป็นด้วย! แต่ดีเท่านี้คงยังไม่พอ เด็กตัวจ้อยยังคงถอยหนี หากไม่กล้าขยับตัวมากนัก และก็จริงอย่างที่นกน้อยคิด

" ...." เด็กหญิงก้มหน้าลง พลางช้อนตาขึ้นมองอย่างกล้าๆกลัวๆ และดูเหมือนความเงียบทำให้นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพยายามลุกขึ้น ขยับเดินเข้าไปอย่างขลาดๆ

"ตะ... ตะกี้หนูสะดุดใส่คุณ..เจ็บตรงไหนมั้ยคะ ?

" เจ็บ? " ผู้มากวัยกว่าทวนคำ นกน้อยเอียงคอ ใครเจ็บ… ฝ่าบาทของมันน่ะหรือ… ไม่ใช่แน่ แต่ดูท่าจะไม่ใช่เพราะสิ่งที่ตาเล็กๆ ของนกน้อยเห็นคือ ฝ่าบาทของมันกำลังนิ่วหน้าราวกับว่าทรงเจ็บเสียนักหนา

"เจ็บ...." เหมือนพึ่งนึกได้ ละครฉากเล็กของเจ้าแห่งความมืดเริ่มขึ้น "เจ็บมาก…"

"เจ็บตรงไหนคะ " ถามพาซื่อ

นกน้อยละสงสารใบหน้าเล็กๆ นั้นนัก ฝ่าบาทของมันจะทำอะไรล่ะเนี่ย

"ขา....ตรงที่เจ้าเหยียบ...ตรงนี้...หักรึเปล่าก็ไม่รู้..."

เด็กตัวจ้อยผู้น้อยประสบการณ์โดนหลอกเข้าเต็มๆ รู้ตัวว่าผิดที่ทำให้คนอื่นเจ็บ ความกลัวในตัวคนตรงหน้าดูจะคลายลง กระเถิบเข้าไปทรุดลงข้างๆ เอื้อมมือจับตรงที่คนเจ็บโอดโอยว่าปวดนักหนา

" เจ็บตรงไหนนะ หนูดูให้นะ.." ถามเสียงสั่นๆ จับแบบกล้าๆ กลัวๆ

นกน้อยละหมั่นไส้ ฝ่าบาทของมันก็เล่นละครได้เก่งผิดคาด ทรงทำสะดุ้งหน่อยๆ เมื่อมือเล็กๆ พยายามบีบนวดให้ ใบหน้าน้อยๆ จับจ้องที่ขาคนเจ็บ แต่ไม่ลืมที่จะเงยหน้าขึ้นจ้องอีกฝ่าย สังเกตท่าที

"หนูขอโทษนะคะ...เดี๋ยวหนูจะให้พี่ชายรักษาให้ อย่ากลัวไปเลยนะคะ..." ดูท่าผู้มากวัยจะเล่นบทคนเจ็บหนักไป ใบหน้าเด็กน้อยเบะหน่อยๆราวกับกำลังจะปล่อยโฮ แต่เพราะเธอยังมีความระลึกถูกผิด... นกสีส้มคิดว่า คนตัวน้อยคิดได้ แต่ไยคนโตกว่ากลับนึกไม่ได้ล่ะ

"หายแล้ว"

ดูท่าการชวนเด็กคุยจะไม่ใช่เรื่องง่ายซะแล้ว เด็กน้อยยังคงคิดว่าเธอทำคนอื่นเจ็บตัว

"นั่น... กระต่ายของเจ้าเหรอ.... พี่หมายถึง.... กาเซียร์ก็มีนก เหมือนๆ ที่เจ้ามีกระต่าย"

"เจ้า...." เด็กน้อยทวนคำอย่างไม่คุ้นหู "นี่หนู....ไม่ใช่เจ้า"

"ชื่อหนูเหรอคะ?" โดเรียสแกล้งเย้าอย่างนึกเอ็นดู

เด็กหญิงจึงหัวเราะ จนตาหยี ส่ายหน้าก่อนตอบ

"ไม่ใช่..ชื่อเรียน่าต่างหากเล่า.. แล้วคุณล่ะคะ ? "

" คุณ? " โดเรียสแกล้งย้อนไม่เข้าใจ

"หมายถึงคุณอา.." ตอบพาซื่อ หากแต่ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับอึ้ง แต่คงไม่ใช่กับนกสีส้มที่เกาะอยู่บนไหล่ เสียงหัวเราะจิ๊บๆ แปลออกมาเป็น

'ฮ่าๆๆๆๆๆ อาเหรอ... ไม่จ่ายอย่างนี้เค้าเรียกตาทวด" (กาเซียร์ตั้งให้ซีเซล เฮเดรสเมื่อนานมาแล้ว) แน่นอนเด็กตัวจ้อยไม่รู้ความหมาย จึงไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยกมือผลักนกน้อยออกจากไหล่ ฉุนหน่อยๆ แต่ก็พยายามยิ้มให้เธอ ราวกับกลัวเธอตกใจกลัว....

"คุณอา..." น้ำเสียงทุ้มต่ำทำราวกับจะไม่ยอมรับ แต่ไม่กล้าปฏิเสธ เด็กตัวน้อยหัวเราะคิกราวกับเข้าใจ

" งั้นเรียกคุณพี่ก็ได้อ้าว...ฮิฮิ"

คราวนี้โดเรียสหัวเราะมั่ง นกน้อยทำตาโต พึ่งเคยเห็นฝ่าบาทของมันหัวเราะต่อหน้าคนอื่น...

"พี่ชื่ออะไรคะ ?" เด็กหญิงจึงถามอย่างจริงจัง

"โดเรียส....แต่น้องน้อยของพี่เรียก....เจสเซอร์..." ถ้อยตอนหลังดูแผ่วเบาจนเด็กตัวจ้อยจับได้ แต่ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรออกด้วยเช่นกัน

"จริงสิ..เจสเซอร์ของหนู.. เจสเซอร์ของเรียน่าน่ะค่ะ ไม่รู้หายไปทางไหนแล้ว"

"เจสเซอร์ของหนู!" โดเรียสทวนเสียงร้องหลง "พี่ไปเป็นเจสเซอร์ของเรียน่าตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?"

ผู้มากวัยกว่าแสร้งถาม ราวกับต้องการรั้งให้การสนทนาดำเนินต่อไปอีก มันเหมือนการพบเจอในครั้งนี้ทำให้เปลวไฟที่ระอุอยู่ในทรวงคลายแรงลง... มันเหมือนได้เจอที่พักพิง

"เรียน่าหมายถึงกระต่ายตัวน้อย.... ไม่ใช่เจสเซอร์ตัวโต"

เด็กตัวน้อยตีหน้าบึ่งร้อนใจเพราะดูท่าเจสเซอร์ของเธอจะหายไปแล้วจริงๆ

" พี่ชายช่วยตามหาเจสเซอร์ให้เรียน่าหน่อยได้มั้ยคะ มันเร็วมากเลย เรียน่าวิ่งตามมันคนเดียวไม่ทัน"

"เดี๋ยวพี่ให้ชิบิจัดการให้....ชิบิเจรจาได้" โดเรียสตอบขันๆ นกน้อยทำตาม มันโผนลงไปตรงพุ่มไม้ข้างๆ ที่กระต่ายน้อยผลุบหายเข้าไป

"ขอบคุณค่ะเจสเซอร์..." เด็กตัวจ้อยยิ้มกว้างจนตาหรี่เล็ก

นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีใครเรียกชื่อนี้.... มันเหมือนความกระหาย แต่ไยเมื่อได้ยินกลับยิ่งถวิลหา ..แม้ประสบการณ์จะมีน้อยนิด แต่เด็กตัวจ้อยก็จับได้ว่า คนตรงหน้ากำลังเจ็บปวด ความที่เป็นเด็กเลยคิดเพียงว่าความเจ็บปวดนั้นเหมือนๆ กับที่เธอกำลังเจ็บข้อเท้าอยู่ในตอนนี้

“เรียน่าให้…” มือเล็กๆ ยื่นสิ่งหนึ่ง มันเป็นกระต่ายน้อยจากผ้าเช็ดหน้า แม้ไม่บอกก็รู้ว่านั่นคงเป็นฝีมือเจ้าตัว คงไม่มีผู้ใหญ่คนไหนทำกระต่ายพับบู้บี้ได้ถึงขนาดนี้

“ให้พี่?”

“อืมมม์...ค่ะ." ใบหน้าเล็ก พยักหงึก ราวกับว่าสิ่งที่เธอหยิบยื่นให้จะช่วยระบายความเจ็บปวดของอีกฝ่าย "อย่าร้องไห้นะ.... ใครรังแก เดี๋ยวเรียน่า จะให้พี่ชายจัดการให้...”

“เรียน่า....มีพี่ชายเก่งเหรอคะ..." บทสนทนาของคนสองวัยเริ่มขึ้น...

"ค่ะ....เหมือนกาเซียร์ที่มีพี่ชายเก่งเหมือนกัน ใช่มั้ยคะ "

เด็กน้อยว่าเสียงหวานๆอย่างเอาใจ เธอจำชื่อน้องสาวที่คนตรงหน้าเอ่ยขึ้นมาเพียงครั้งเดียวได้ ดูเหมือนสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ผู้มากวัยกว่าจับอะไรได้มากมาย หนึ่งในนั้นเด็กตัวจ้อยคงเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นพอสมควร อาจจะมากไปเสียด้วยซ้ำ เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ จะว่าเหมือนน้องน้อยก็ไม่ใช่ .. มีอะไรมากกว่านั้น....

เสียงหวานๆ ในตอนแรกย่อมมีอะไรมากกว่านั้น เพราะหลังจากนั้น นกน้อยสีส้มดูจะมารายงานผล... การเจรจากับเจสเซอร์ตัวอ้วนไม่ประสบผลสำเร็จ เสียงหวานๆ ของเด็กตัวจ้อยทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าขัด

"เจสเซอร์.... อ้อมไปทางนั้นสิคะทางนั้น.... ว้าไม่ใช่ อีกทางค่ะ อ้อมไปโน้นแล้ววว...." เสียงใสๆ มาพร้อมกับนิ้วเล็กๆ ที่ชี้บอกทางอีกฝ่าย ซึ่งเดินอ้อมไปมา หาร่างขาวๆ ของเจ้าเจสเซอร์อีกตัว

นกน้อยสีส้มหัวเราะหัวงอ เด็กตรงหน้าคือกาเซียร์สองก็ว่าได้ ถ้าทูลกระหม่อมน้อยของมันเป็นเด็กคงมีภาพลักษณ์ไม่ต่างกันนัก....

แต่สุดท้ายฉากการจับกระต่ายก็จบลง พร้อมกับเจ้าเจสเซอร์กลับมาอยู่ในมือน้อยๆ ที่เจ้าของร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นนั่งบนบ่า นกน้อยไม่เคยเห็นภาพนี้ หากแน่ใจว่านั่นคงเป็นภาพที่ฉายอดีตซึ่งฝังแน่นในจิตใจของเจ้าแห่งความมืด

"เจสเซอร์เร็วๆ สิคะ ป่านนี้พี่ชายของเรียน่าต้องคอยแล้วแน่เลยค่ะ"

"พี่ชายเรียน่าเป็นคนยังไง?"

" พี่ชายเรียน่า น่ารักค่ะ ใจดีเหมือนเจสเซอร์เลย แล้วก็เก่งด้วย "

ใจดีเหมือนเจสเซอร์ คำนี้ราวกับเหล็กแหลมที่มาทิ่มให้เจ้าตัวซึ่งถูกยกยอสะดุ้งได้ อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของฝ่าบาททำเอานกน้อยแอบขัน แต่นั่นก็เหมือนคำพูดร่ายเวท ที่สามารถเปลี่ยนจิตใจด้านมืด… ถ้าเจ้าของเสียงใสบอกว่าทรงเป็นคนดี ราชันย์ที่ผู้คนหวาดกลัวก็พร้อมจะทิ้งดาบ ยอมเป็นดั่งที่น้องน้อยต้องการ...



" ทุกคนกลัวพี่ชายเรียน่าทั้งนั้นเลย พี่ชายจ้องหน้าใครนะ คนนั้นก้มหน้าไม่ทันเลย"

"ชักอยากเจอแล้วสิ คนแบบนั้น" พร้อมกับถ้อยสุดท้าย ผู้มากวัยกว่าก็ชะงักเท้าที่ย่ำสม่ำเสมอลง... เพราะมีใครคนหนึ่งปรากฎกายขึ้นเบื้องหน้า

"ทำไมคะ" เด็กตัวจ้อยที่ยังอยู่บนบ่าถามสงสัย "เรียน่ารีบอยู่นะคะ เจสเซอร์เดินต่อไปสิคะ เร็วสิคะ ม้าควบกับๆๆๆ "

เหมือนอีกฝ่ายที่พึ่งมาเยือนจะรับรู้อะไรบางอย่างในตัวของคนตรงหน้า.... ต่างกับเด็กตัวจ้อยที่ยังยิ้มร่าสดใส ไม่ได้รับรู้ถึงอำนาจที่น่าสะพรึงของคนซึ่งเธอเรียกว่าเจสเซอร์

นกน้อยสีส้มเห็นคนที่พึ่งก้าวเข้ามาค่อนข้างชัดเจน... นับว่าเป็นหนุ่มรูปงามนัก หากแต่ยังเยาว์วัย อย่างน้อยก็ดูเด็กกว่าฝ่าบาทของมัน

" อาเซนธาเรีย..." เสียงแผ่วเบาเหมือนครางอยู่ในลำคอของเด็กหนุ่มตรงหน้า แม้เบามากแต่นกน้อยก็รับรู้และได้ยินชัดเจน แต่ไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างกำยำที่มากับเด็กตัวน้อยจะรับรู้ได้เช่นเดียวกับนกสีส้มหรือไม่!

แล้วดูท่า คนมาทีหลังก็พึ่งนึกได้ว่า ไม่สมควรเอ่ยชื่อนั้นออกมา รีบเปลี่ยนคำเรียกหา เป็นน้ำเสียงที่เข้มและชัดขึ้น หากแต่ยังกรุ่นเค้าอ่อนโยนอบอุ่น

" เรียน่า.. ขึ้นไปทำอะไรอยู่บนนั้นจ๊ะ ? "

คำถามที่เหมือนจะไม่สนใจคนที่พาเรียน่าไปไว้บนนั้น ดูจะกระตุกอารมณ์อีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ หรือนั่นอาจจะตั้งใจก็เป็นได้ มันเหมือนเป็นการท้าทายอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเสื้อคลุมตัวโคร่งนั้น...

"พี่ชาย.... พี่ชายคะ" เด็กตัวจ้อยถูกปล่อยให้ลงจากบ่าคนที่พามาส่ง พร้อมกับโผเข้าไปหาคนที่เธอเรียกว่าพี่ชาย ท่าทางที่ทำนั้น เป็นการเอาอกเอาใจให้อีกฝ่ายอุ้มเธอขึ้น

"พี่ค่ะ นี่เจสเซอร์ค่ะ...." เธอแนะนำสดใส "ส่วนนี่ก็พี่ชายเรียน่าค่ะ ซาลาร์ค"

ราวกับว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้ยินที่เด็กตัวน้อยอุตส่าห์แนะนำ ใบหน้าเล็กๆ ตีบึ่งหน่อยๆ เพราะสถานการณ์ของคนมากวัยกว่าทั้งสองดูจะส่อไปทางอึมครืม....

"พี่ชายค่ะ!" เสียงที่แข็งขึ้น ทำเอาคนที่เธอเรียกว่าเจสเซอร์สะดุ้ง แต่อีกฝ่ายดูจะไม่สะท้านสะเทือน ไม่แน่ใจว่าเพราะความเคยชิน หรือนั่นเป็นความนิ่งเฉยที่สะท้อนออกมาจากดวงตาทรงอำนาจนั้น

"ไม่ทำความรู้จักกันหน่อยเหรอคะ?" เด็กสาวว่าราวกับจะสอนธรรมเนียม

คนที่เธอเรียกว่าพี่ชายยื่นมือมาตรงหน้า แม้ราชันย์ผู้ครอบครองดวงเนตรสีน้ำเงินจะพึ่งมาแผ่นดินนี้ ก็หาใช่จะไม่ทรงรู้จักธรรมเนียมปฏิบัติของคนแผ่นดินที่เหยียบย่ำ...

นกน้อยรู้ดีว่าอากัปกิริยาของคนที่เด็กน้อยเรียน่าเรียกว่า ซาลาร์ค หาใช่การข่มคนที่พบเจอ แต่หากแสดงออกถึงอาการถือตัวไม่ยอมสยบให้ใครเสียมากกว่า... มันเหมือนกับฝ่าบาทของนกน้อย เหมือนเจอคนที่เหมือนกัน คนที่จะสะท้อนความเป็นตัวตนของอีกฝ่าย

แน่นอนว่า คนเราย่อมไม่ชอบให้ใครมาเหนือกว่า กับคนอื่นอาจไม่เท่าไหร่ แต่คงไม่ใช่กับฝ่าบาทของมันเป็นแน่ คิ้วคมเข้มที่ขมวดเข้าหากันยืนยันชัดเจน... จะทรงกระทำการใดในด้านลบลงไปแน่ ถ้าไม่ได้ภาพความอาทรตรงหน้าคอยขวางไว้.

กับน้องสาว ซาลาร์คอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ เข่าที่ไม่คิดว่าจะยอมจรดลงเบื้องหน้าใคร เวลานี้ถูกแนบลงตรงหน้าเด็กตัวจ้อย... มือที่น่าจะจับอาวุธฟาดฟันศัตรูยกขึ้นปัดฝุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่บนกระโปรงของน้องตัวน้อย... กำลังที่ส่งไปเพียงเบาๆ สัมผัสได้ถึงความอาทรห่วงใย

" พี่ชายคะ เจสเซอร์ช่วยน้องจับเจ้าเจสเซอร์..ด้วยค่ะ.. โอ้ย..เจสซอร์ชื่อเหมือนเจสเซอร์ของน้องเลย พี่ชายอย่างงนะคะ " ถ้อยคำที่หลุดจากปากเล็กๆ นั้นช่างเหมือนใครบางคนที่ผู้ครอบครองเนตรสีน้ำเงินเฝ้าถวิลหา เวลาเจออะไรมักช่างเก็บช่างเล่า...

พริบตานั้น โดเรียสจึงได้เห็นรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าคมขรึม ซึ่งมอบให้เธอคนนั้นเพียงคนเดียว

" อ้อ... แล้วเจสเซอร์เค้าใจดีเหมือนพี่ชายเลยล่ะค่ะ เจสเซอร์บอกน้องว่าก็มีน้องสาวชื่อกาเซียร์แล้วน้องสาวเจสเซอร์หายไปแล้วเจสเซอร์กำลังตามหาอยู่ พี่ชายว่าเจสเซอร์น่าสงสารมั้ยคะ เจสเซอร์ว่าน้องเจสเซอร์เหมือนน้องด้วยละคะ"

เหมือนคำว่ามีน้องสาว มีสิ่งที่รัก และปกป้องเหมือนกันจะเป็นประกาศิตที่ทะลายกำแพงซึ่งกั้นระหว่างคนแปลกหน้าสองคน... ใบหน้าคมนั้นจึงเบือนมาทางคนที่ถูกเอ่ยถึง รอยยิ้มบางๆบนเรียวปาก กระจ่างขึ้นจนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่น และเข้มแข็ง เหมือนสหายเก่าได้พบพานกันอีกครั้ง.. ทั้งที่เพิ่งได้เจอ

นกน้อยสีส้มไม่อยากเชื่ออีกครั้งกับภาพตรงหน้า...

ฝ่าบาทของมันยิ้มให้เด็กน้อยเรียน่า นั่นยังไม่น่าฉงนเท่าเวลานี้... คนที่ถูกเรียกว่าราชันย์แห่งความมืด ผู้ครอบครองเนตรสีน้ำเงินที่ชั่วร้าย เวลานี้ทรงยิ้มให้กับคนอื่น เป็นรอยยิ้มที่ไม่คิดว่าชาตินี้ชาติหน้า หรืออีกสามชาติจะได้เห็น และที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าคือ คนๆ นั้นคือผู้ชาย!

พร้อมกับความฉงนปนตกใจของนกน้อย คนกลุ่มหนึ่งแฝงตัวเข้ามา ตรึงกำลังอยู่รอบๆ แม้ไม่บอกก็รู้ว่าเป้าหมายของคนเหล่านั้นคือ เจ้าของร่างกำยำที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำตัวโคร่ง..

อาวุธต่างๆ ของคนแผ่นดินนี้พุ่งตรงมาที่เป้าหมาย แน่นอนว่าราชันย์ของนกน้อยไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่ หัตถ์ที่ก่อนหน้านี้กำหลวมๆ ยังคงทิ้งไว้ข้างตัว แต่ก็พร้อมรับการจู่โจมและสามารถโต้กลับได้ในทันทีที่อีกฝ่ายเริ่มลงมือ

"เจสเซอร์" ช่วงเวลาหนึ่ง เด็กตัวจ้อยดูจะได้เห็นใบหน้าที่ไม่ควรเห็นของคนที่เธอว่าใจดีนักหนา...ใบหน้าซึ่งบ่งชัดว่าสามารถทำอะไรร้ายๆได้ แม้ประสบการณ์จะมีน้อยนิด เรียน่าก็สัมผัสได้ถึงอำนาจที่ซาลาร์ครับรู้ได้ก่อนหน้าเธอ... และพร้อมๆ กับเสียงนั้นความประหวั่นดูจะเข้าเล่นงานคนในชุดคลุมตัวโคร่ง คงเพราะสายตาของคนที่เอ่ยชื่อนั้น… ชื่อที่น้องน้อยเป็นคนมอบให้...

และคำประกาศกร้าวของผู้ตรึงกำลัง ยังยืนยันชัดเจนว่าคนตรงหน้าคือผู้ต้องหา มันทำให้ใจดวงน้อยประหวั่น ซาลาร์คเองก็รู้สึกได้ไม่ต่างจากโดเรียส... ดูท่าเด็กตัวจ้อยจะรู้ที่มาของคนกลุ่มนั้น ใบหน้าเล็กๆ เบือนมาทางฝ่าบาทของนกน้อย...

" เจสเซอร์เป็นคนร้ายเหรอคะ?....ทำผิดอะไรเหรอคะ?"

"เปล่า....เปล่า...พี่ไม่ได้...." ปฏิเสธราวกับไม่แน่ใจในความผิด และไม่ต้องการเห็นใบหน้าเล็กๆ ผิดหวัง...

กำลังของเหล่าผู้พิทักษ์ความปลอดภัยพระนครที่รายรอบ มีหรือจะครหาหัตถาของเจ้าแห่งความมืด

เพียงแต่.. การต่อสู้ย่อมนำมาซึ่งการบาดเจ็บล้มตาย จะทรงให้อันตรายแผ้วพานไปถึงร่างน้อยๆผู้นั้นได้หรือ… ยิ่งมิอาจให้ดวงตาไร้เดียงสาคู่นั้น ได้พบเห็นความอำมหิตสยดสยองจากการตาย... มิอาจหักใจยอมได้

นกน้อยไม่อยากจะเชื่อฝ่าบาทของมันยอมให้จับกุมแต่โดยดี... หากกุญแจมือที่ถูกนำมาคล้องที่ข้อแขนเจ้าของร่างกำยำ ซึ่งถูกตรึงไว้แน่นหนายืนยันชัดเจน...

สมควรแล้วเหรอ ชิบิแน่ใจว่านั่นมันผิดนัก มันไม่ยอมให้ใครมาทำลายเกียรติฝ่าบาทของมันเป็นแน่ นกน้อยสีส้มโผนลงราวกับมันกำลังจะสู้กับนักรบตรงหน้า มันไม่รู้หรอกว่าจะต่อสู้อย่างไร แต่มันรู้ว่า มันกำลังทำหน้าที่แทนซีเซล เฮเดรส มันจะรักษาเกียรติฝ่าบาทของมัน

"ชิบิ..." เสียงเรียกเฉยชาพร้อมดวงเนตรที่ตวัดมา หยุดการกระทำทุกอย่างของนกน้อย

ดวงตาของผู้ถูกจับกุมไม่ได้ส่งถึงแค่นกน้อย ซาลาร์คก็เข้าใจและสัมผัสได้ถึงการยอมยินยอมแต่โดยดีนั้น สายตาที่มองตามเงาร่างกำยำของสหายที่พึ่งพานพบยืนยัน แววเลื่อมใสและขอบคุณปรากฎชัดเจน

"พี่ชายช่วยเจสเซอร์นะคะ" ใบหน้าเล็กเงยขึ้นวิงวอน พี่ชายที่เธอมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้

"จ้ะ.. พี่ต้องช่วยเขาอยู่แล้ว"

= = = = = = = = =

"เจสเซอร์คะ.... เจสเซอร์คะ...." เสียงเรียกดูจะทำให้ภวังค์ของอีกพระองค์กลับคืน

"คิดอะไรอยู่คะ?" เจ้าของใบหน้าเล็กๆ เงยขึ้นถาม หากดวงเนตรของอีกพระองค์ยังคงจับจ้องที่กระต่ายตัวอ้วนที่อยู่ในมือน้องน้อย

"เรียน่า...." ดูเหมือนสิ่งหนึ่งจะยังติดค้างมาจากภวังค์ก่อนหน้านี้

"จะให้เจ้าตัวอ้วนนี่ชื่อเรียน่าเหรอคะ?"

"เปล่าค่ะ...." เนตรคมกริบพึ่งมีภาพใบหน้างดงามที่ยืนอยู่ข้างวรองค์ "ต้องให้ชื่อว่าเจสเซอร์... ไม่ต้องงงหรอกค่ะ พี่หมายถึงว่ามีเพื่อนของเจ้านี่ มีชื่อว่าเจสเซอร์"

"ถ้าจะให้ทาย.... " องครักษ์หน้าขาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลพูดขึ้นลอยๆ "เจ้าของเจ้าเจสเซอร์คงน่ารัก..... น่ารักขนาดทำให้ฝ่าบาททรงเพ้อถึง ทั้งๆ ที่ทูลกระหม่อมน้อยประทับอยู่ข้างวรองค์"

"ใช่น่ารัก...พี่หมายถึงน่ารักเหมือนกาเซียร์นะคะ.... ซีเซลนายเงียบไปเลย" ถ้อยตอนท้ายเบือนพักตร์ตวาดเจ้าของชื่อ ก่อนจะปรับอารมณ์ใหม่เมื่อเบือนกลับมายังน้องน้อย ....”จริงๆ นะคะ"

"กาเซียร์ก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย...." ตอบรับผ่านๆ ก่อนจะก้มลงไปว่ากับกระต่ายน้อย "เนอะเจสเซอร์...."

"หา?" ดูเหมือนเจสเซอร์ตัวใหญ่จะออกอาการยากเกินบรรยาย!... แต่ทำเอาคนรอบข้างหุบยิ้มไม่ลง

"ก็เจสเซอร์บอกว่า จะให้หมูอ้วนเนี่ยใช้ชื่อว่า เจสเซอร์ไงคะ" น้องน้อยแสร้งทำเป็นว่าก่อนจะ "แต่ว่าไม่เอาดีกว่า น่าสงสารแย่ถ้าหนูน้อยน่ารักๆ เนี่ยจะใช้ชื่อเจสเซอร์"

"งั้นพี่ว่าให้ชื่อนี้ดีกว่า....ซาลาร์ค...." ราชันย์แห่งความมืดตรัสราวกับนึกถึงนามที่แสนคิดถึง.... "ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง.... เรียน่าด้วย...."

"ใครพระเจ้าคะ?" ซีเซล ถาม แต่ดูเหมือนฝ่าบาทที่จะให้คำตอบกลับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เบือนพักตร์ไปทางองครักษ์อีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล

"เฮเดรส นายรู้จัก คิวปัสตีรึเปล่า?"

"รู้ว่ามีตัวตน แต่ไม่เคยได้เห็นตัวตน.... เป็นกาแลกซี่ที่เจริญด้วยวิทยาการสูงสุด มีจักรวรรดิยิ่งใหญ่ หนึ่งในสามนั้น คือเมลาเนียล ต้นแบบแห่งอารยธรรมและเทคโนโลยีของจักรวาล ที่นั่นมีคัมภีร์ที่มีชื่อเสียงมาก เขียนโดยจอมปราชญ์มหาเมธีท่านหนึ่ง เรียกว่า มหาคัมภีร์แห่งเอกภพ ซึ่งบ่งบอกตำนานยิ่งใหญ่และร่องรอยของของวิเศษทั้งเก้า ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องการครอบครอง เพื่อความยิ่งใหญ่ในเอกภพแห่งนี้ "

"นายรู้เยอะจังเฮเดรส.... ว่าแต่สาวที่นั่นสวยไหม สวยเหมือนๆ ที่ดวงดาวสีน้ำเงินไหม ?"

"เห็นทีจะต้องถามฝ่าบาทซะละมั้ง" มาสเตอร์หนุ่มแสร้งว่ากระทบเจ้าเหนือหัว

"ใช่ บันทึกถึงของวิเศษ... พี่เลยพยายามตามหามัน..."

บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที เหมือนกับทุกคนรู้ว่าได้ทำให้ราชันย์ผู้ครอบครองเนตรสีน้ำเงินทรงระลึกถึงเหตุการณ์เลวร้าย อย่างเสียไม่ได้

"…แล้วเจสเซอร์ไปเจออะไรมาบ้างคะ นอกจากเรียน่า แล้วเรียน่าคือใคร แล้วซาลาร์ค เป็นใคร เจสเซอร์เล่าให้ฟังสิคะ กาเซียร์อยากฟัง"

เรื่องราวต่างๆ ถูกถ่ายทอดให้คนอื่นๆ ได้รับรู้ เหตุการณ์ความเป็นไป ในช่วงที่ใครต่างคิดว่าเจ้าแห่งความมืดผู้สูญเสียทุกอย่างทรงแสวงหาความตาย การหาสิ่งที่มาคร่าชีวิตองค์เองคือทางหลุดพ้นซึ่งความทุกข์ ความระทมเมื่อครั้งสูญเสียนางอันเป็นที่รัก

แน่นอนว่าสิ่งวิเศษนั่นย่อมจะมีบันทึกในมหาคัมภีร์แห่งเอกภพ...

และนำมาซึ่งการพบเจอ....

"แล้ว.... ตอนนั้นเจสเซอร์หนีออกมายังไงคะ ตอนที่โดนจับไปน่ะ"

แม้ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่รอยแย้มสรวลบางๆ ที่ปรากฏบนวงพักตร์คมก็พอจะทำให้คนรอบข้างพอจะเดาเรื่องราวได้ว่า มันต้องสนุกแน่ๆ


< ================================= >




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2549
10 comments
Last Update : 17 ธันวาคม 2549 22:16:46 น.
Counter : 914 Pageviews.

 

มาตามอ่านคร้าบ ขอลงชื่อไว้ก่อนนะครับ ^^

 

โดย: ปากกาพเนจร (ปากกาพเนจร ) 19 ธันวาคม 2549 0:02:09 น.  

 

ตามมาอ่านด้วยจ้า ^_^

 

โดย: noi IP: 125.24.166.53 19 ธันวาคม 2549 17:00:13 น.  

 

สวัสดีค่ะ
ชื่นชอบผลงานเรื่องรัตนมณีแห่งดวงดาวมากๆ
อ่านแล้วซึ้งจริงๆค่ะ
อยากให้มีภาคสอง
เผอิญเพิ่งจะเปิดมาเจอ link นี้
เลยขอเข้ามาถามหน่อย
เผื่อว่าคุณจะเปิดย้อนกลับมาดูแล้วเจอข้อความนี้
และอยากทราบว่าขณะนี้ รัตนมณีแห่งดวงดาวภาค๒
ออกหรือยังคะ
แล้วผลงานของคุณสามารถติดตามดูได้ที่ไหนบ้างคะ
จะติดตามไปตลอดเลย

 

โดย: ใฝ่ฝัน IP: 210.203.179.221 30 เมษายน 2550 21:26:33 น.  

 

แฟนฟิค รัตนมณีแห่งดวงดาว VS วีรบุรุษจอมจักรวาล กี่ตอนจบค่ะ อยากอ่านต่อจัง ชอบมากค่ะ

 

โดย: สายลม IP: 222.123.159.40 5 พฤศจิกายน 2550 9:22:35 น.  

 

เขียนกี่ตอนจบ คิดว่าจะเขียนสัก 4 นี่แหล่ะค่ะ แต่ไม่ได้เขียนต่อสักกะทีค่ะ ถ้าชอบเดี๋ยวเขียนต่อมาลงให้อ่านนะคะ

 

โดย: adel_ew 5 พฤศจิกายน 2550 16:20:10 น.  

 

รออ่านอยู่นะค่ะ

 

โดย: Moonun IP: 117.47.58.223 8 พฤศจิกายน 2550 19:00:39 น.  

 

ตกลงว่าปีกมรกตมีอยู่กี่คู่ค่ะ
เพราะจำได้ว่าภาค อมตภพ โดเรียสให้ปีกมรกตกับโมนิคน้อยนี่น่า ช่วยตอยให้หายสงสัยที่นะค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: แจ่มจะเรียง IP: 118.172.27.121 11 มกราคม 2551 16:13:26 น.  

 

เรื่องนี้เป็นภาคสมมุติค่ะ ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง อมตภพ และรัตนมณีแห่งดวงดาว...เป็นเรื่องที่แต่งมาเล่นๆ ตอนแต่ง โดเรียสยังมีปีกมรกตไว้ในมือทั้งคู่...จำได้ว่าตอนนั้นแต่งอมตภพ ยังไม่จบเพียงแต่วางโครงไว้หลวมๆ น่ะค่ะ

 

โดย: adel_ew 11 มกราคม 2551 21:21:13 น.  

 

อะเดลจ้า
เค้ามาทวงตอนที่4 รออยู่น้า
เเฮปปี้วัน วาเลนไทน์เดยจ้า
ขอให้ความรักสุขสดชื่นสมหวังในรักกันทุกคน
และให้รักนี้เป็นกาลนิรันดร์

 

โดย: แจ่มจะเรียง IP: 118.172.29.10 15 กุมภาพันธ์ 2551 9:26:31 น.  

 

แฮะๆๆๆ ยังไม่ได้เขียนต่อเลย ลืมเรื่องไปแล้ว 55555 (ซะงั้น) แต่ยังไงก็จะพยายามปั่นมาให้อ่านกันนะคะ ขอกลับไปนึกก่อน

 

โดย: adel_ew 16 มีนาคม 2551 18:47:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


adel_ew
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




ความกลัวที่สุดคือ...กลัวที่ต้องอยู่โดยไม่เหลือใคร
Friends' blogs
[Add adel_ew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.