“War is like a big machine that no one really knows how to run and when it gets out of control, it ends up destroying the things you thought you were fighting for, and a lot of things you kinda forgot you had” (คำพูดของลิเดียจากหนังเรื่อง The War)
หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลส่งเสริมสันติภาพดีเด่นในปีที่ออกฉาย จากสมาคมที่ชื่อว่า Political Film Society เพราะนอกจากจะต่อต้านสงครามโดยให้เห็นความโหดร้ายของสงครามเวียดนามจากชีวิตของสตีเฟ่น เขายังคงฝันร้ายอยู่เสมอที่ไม่สามารถพาเพื่อนรักขึ้นฮอลิคอปเตอร์ออกมาจากสมรภูมิรบได้ เมื่อผ่านความเลวร้าย ความรุนแรง ของสงคราม เขาจึงพร่ำสอนลูกๆ ให้อดทน ใช้สันติวิธี เพราะสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตคนเราก็คือความรัก หาใช่ความเกลียดชังไม่ และสอนให้ลูกคิดก่อนทำเสมอ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง และไม่ได้สอนอย่างเดียว แต่ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เขาหยิบยื่นขนมหวานให้เด็กตระกูลลิพนิคกี้ แม้จะรู้ดีว่าเด็กพวกนี้ชอบรังแกลูกของตัวเอง เพราะสงสารที่เด็กเหล่านี้ขาดคนเหลียวแล …..
The War มีเพลงประกอบไพเราะอยู่หลายเพลง และส่วนใหญ่เป็นเพลงที่มีเนื้อหาต่อต้านสงคราม เรียกร้องให้เกิดสันติภาพ ด้วยการเปิดเรื่องด้วยเพลง Who’ll stop the rain เพลงจังหวะสนุกๆ ของวงร็อกชื่อดังยุค’70 c.c.r. ที่ย่อมาจาก Creedence Clearwater Revival เป็นเพลงที่ตั้งคำถามว่าแล้วใครจะหยุดสงครามเวียดนาม เนื้อความตอนหนึ่งของเพลงนี้ที่เขียนโดย จอห์น ซี.โฟการ์ตี้ บรรยายไว้ว่า …..The crowd had rushed together, trying to keep warm. Still the rain kept pourin’, fallin’ in my ears, and I wonder, still I wonder who’ll stop the rain ……
อีกเพลงหนึ่งในหนังที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะชักชวนคนไทยทุกคนให้ร่วมกันขึ้นรถไฟขบวนแห่งสันติภาพ สันติสุขไปด้วยกัน เป็นเพลงตอนขึ้นเครดิตท้ายเรื่อง ชื่อว่า Peace Train ของ แคท สตีเว่นส์ …. Why must we go hating ? Why can’t we live in bliss? For out on the edge of darkness. There rides the peace train. Peace train take this country. Come take me home again ….