Group Blog
 
All Blogs
 
ครอบครัวของเรา


น่าดีใจที่ขณะนี้ผลงานของจิบลิหลายๆ เรื่อง เป็นดีวีดีลิขสิทธิ์ถูกต้องทยอยออกมาให้ชมกันในราคาที่ไม่แพงนัก หนึ่งในนั้นคือเรื่อง My Neighbors the Yamadas (ยามาดะ ครอบครัวนี้ไม่ธรรมดา) ผลงานกำกับของ Isao Takahato การ์ตูนเรื่องนี้ออกฉายในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1999 แม้เวลาผ่านไปเกือบสิบปี มาดูในเวลานี้เนื้อหาก็ยังร่วมสมัยอยู่ ผู้กำกับท่านนี้ยังมีผลงานที่สร้างชื่ออีกหลายเรื่องได้แก่ Pom Poko, Only Yesterday, Grave of the Firefies การ์ตูนที่สะท้อนภาพความโหดร้ายของสงคราม รวมไปถึงเรื่อง Gauche the Cellist

สำหรับเรื่อง My Neighbors the Yamadas ลายเส้น สีสันของเรื่องไม่ได้ละเอียดพิถีพิถันเช่นการ์ตูนของจิบลิเรื่องอื่น แต่ความไม่ซับซ้อน องค์ประกอบภาพไม่มากเช่นนี้ เข้ากันได้ดีกับเนื้อหาสะท้อนภาพชีวิตครอบครัวชนชั้นกลางสังคมเมืองของตระกูลยามาดะ รวมไปถึงการนำเสนอด้วยภาพจินตนาการเปรียบเปรยในบางตอนได้เป็นอย่างดี ครอบครัวนี้ประกอบไปด้วย พ่อ (ทาคาชิ) แม่ (มัตสึโกะ) ลูกชาย (โนโบรุ) ลูกสาว (โนโนโกะ) คุณย่า และ เจ้าหมา อีกหนึ่งตัว

เรื่องราวในการ์ตูนร้อยเรื่องด้วยตอนขนาดสั้นและยาวเพื่อให้เรารู้จักครอบครัวยามาดะนี้ และหลายๆ ตอนอดไม่ได้ที่ต้องกลับมาย้อนดูครอบครัวของพวกเรากันเองว่า มีความเหมือนหรือแตกต่างจากครอบครัวนี้อย่างไรบ้าง แล้วครอบครัวของเรายังเป็นหนึ่งเดียวกัน รักกัน ให้อภัยกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน เหมือนครอบครัวธรรมดาอย่างยามาดะหรือไม่ เช่นการเปรียบชีวิตคู่เหมือนแล่นเรือไปในทะเลกว้างต้องฝ่าคลื่นลมไปด้วยกัน ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมานาน อาจไม่หวานชื่นเหมือนเดิม ต่างคนต่างทำอะไรตามใจตัวเองไปบ้าง แต่ถึงที่สุดคนในครอบครัวก็รักและห่วยใยกันเสมอ เช่นในตอนที่พวกเขาพลัดหลงกับโนโนโกะที่ห้างสรรพสินค้า หรือตอนที่พ่อลืมเอาร่มไปต้องติดฝนกลับบ้านไม่ได้ โทรบอกที่บ้านให้ช่วยมารับด้วย หนังมีคำสอนดีๆ ให้เยาวชนในตอนที่ย่าสอนวัยรุ่นที่ขับมอเตอร์ไซค์ส่งเสียงดังว่า น่าจะนำพละกำลังความสามารถที่มีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในสังคม อย่าตาบอด หูหนวกกับความเลวร้ายในสังคม หรือคำกล่าวออกมาจากใจของผู้เป็นพ่อในงานแต่งงานที่ได้รับเชิญไปว่า ให้รู้จักยอมรับความจริง และให้อภัยซึ่งกันเพื่อชีวิตจะได้ดำเนินหน้าต่อไป

เช่นเดียวกับเรื่อง Only Yesterday การ์ตูนเรื่องนี้ของทากาฮาโตะปิดเรื่องด้วยเพลงไพเราะที่ทำให้ผู้ชมจดจำไปได้อีกนาน โดยนำเพลง Que sera, sera มาร้องเป็นภาษาญี่ปุ่น เพื่อให้กำลังใจกับทุกครอบครัวให้มีความหวังในชีวิต และฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายไปด้วยกัน เพลงฉบับภาษาอังกฤษท่อนที่เข้ากับเนื้อเรื่องเห็นจะเป็น …When I grew up and fell in love, I asked my sweetheart "What lies ahead ?" Will we have rainbows day after day ?" Here's what my sweetheart said …..
Que sera sera. What ever will be, will be. The future's not ours to see. Que sera sera. What will be, will be." …..

เพลงนี้เดิมเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Man Who Knew Too Much (1956) แต่งเนื้อร้องและทำนองโดย เจย์ ลีฟวิงส์ตัน - เรย์ อีแวนส์ ขับร้องโดย ดอรีส เดย์ ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องด้วย เป็นผลงานกำกับของ อัลเฟรด ฮิทช์ค็อก ปรมาจารย์หนังสยองขวัญ

ครอบครัวของเรา อาจไม่เหมือนดังฝัน ไม่เข้าใจกัน เห็นไม่ตรงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้างแต่ในที่สุดก็ยังรักกัน ให้อภัยกัน ไม่ทอดทิ้งกันในยามที่คนในครอบครัวประสบปัญหา มีความทุกข์ท้อใจ ช่วยกันหาทางออก แก้ปัญหา และทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระเป็นเจ้า



Create Date : 11 กรกฎาคม 2551
Last Update : 11 กรกฎาคม 2551 16:44:02 น. 0 comments
Counter : 539 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

minkitti
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add minkitti's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.