Group Blog
ดูหนัง
หนังในความทรงจำ
private screenings
Interview
ท่องเที่ยว --- เดินทาง
คิดถึง ....ค่ายนิเทศ
45วันในเยอรมนี
All Blogs
Life of Pi : พบพระเจ้า .... ในสรรพสิ่งและทุกจังหวะของชีวิต
Silver Lining Playbook --- หลังก้อนเมฆ ยังมีแสงสีเงิน
A Simple Life : ความรัก ....ให้ชีวิต
Of Gods and Men ----- ชีวิตนี้ เพื่อพระเจ้า และเพื่อนมนุษย์
That’s What I Am ---- ค้นพบคุณค่าในตัวเราและคนอื่น
The Help ความรัก / ความเข้าใจ / ความเท่าเทียม
A Better Life --- ชีวิต “พ่อ” ทำทุกอย่างได้เพื่อ “ลูก
In a Better World ----- จะ “แก้แค้น” หรือ “ให้อภัย”
Lourdes ------- พิการทางกาย หรือพิกลทางใจ
Harry Potter and the Deathly Hallows Part II
Enemies of the People ---- เมื่อสบสายตากับ “นักฆ่า”
rabbit hole ----- ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
Flavor of Happiness ---- อาหาร / ความรัก / ความสุข
Everybodys Fine --- พ่อเชื่อว่าลูกทุกคนสบายดี
Into the Wild --- คืนสู่ป่าเขาลำเนาไพร
สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก -- ความทรงจำที่อบอุ่นในวัยเรียน
Invictus -- ด้วย รัก และ ให้อภัย
Food, Inc.-- ใส่ใจกับทุกคำที่เรากิน
ความทรงจำกับฟุตบอลโลก
Hachi : A Dogs Story --- แม้ความตายก็มิอาจพรากรักของเรา
Up In the Air -- ความพอดีของชีวิต
Young@ Heart .... ร้องประสานเพลงแห่งชีวิต
Avatar ---- ธรรมชาติ .... แม่ผู้ให้ชีวิต
A Christmas Carol
รถไฟฟ้ามาหานะเธอ - ความรักอยู่รอบตัวเรา
17 Again
The Secret Life Of Bees
Ponyo on the Cliff by the Sea - มหัศจรรย์แห่งท้องทะเล
ความรัก.... ความเสียสละ....
Ice Age : Dawn of the Dinosaurs
Okirubito (Departures) - เรียนรู้ชีวิตจากความตาย
Up : ความฝัน การผจญภัย ความเป็นจริง
Kit Kittredge : An American Girl
ความสงสัย และ ความเชื่อ
ความสุขเล็กๆ ในการดูหนัง
หัวใจยิ้มได้
ความรัก . มิตรภาพ .. สันติภาพ .
วันนี้เราดูแลคนรอบข้างและธรรมชาติดีพอแล้วหรือยัง ?
แม่กับผม ....
หยุดความรุนแรงในจิตใจ
คุณค่า ความงาม ของสิ่งธรรมดา
ครอบครัวของเรา
แม่รักลูกยิ่งสิ่งใด.....
ศรัทธา และ ปัญญา
ซื่อสัตว์กับหัวใจ
แสงสว่างในความมืด
ความรัก.... ความหวัง ....
ความสงสัย และ ความเชื่อ
Doubt อีกผลงานเด่นเรื่องหนึ่งของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบทหนังและการแสดง ด้วยเหตุที่นักแสดงนำและสมทบของหนังได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ถึงสี่คนด้วยกัน คือ ฟิลิป ซีย์มัวร์ ฮอฟฟ์แมน สาขานักแสดงสมทบชาย ในบท คุณพ่อเบรนแดน ฟลินน์ และนักแสดงหญิงได้เข้าชิงออสก้าร์ถึงสามคน ในสาขานักแสดงนำหญิงจากการสวมบทเป็น ซิสเตอร์อลอยเซียส ของ เมอรีล สตรีพ สาขานักแสดงสมทบหญิงเข้าชิงถึงสองคนคือ เอมี อดัมส์ ในบท ซิสเตอร์เจมส์ และ คุณแม่ที่ปกป้องลูก มิสมิลเลอร์ ของ ไวโอล่า เดวีส (แม้บทพูดของเธอมีเพียงฉากเดียวที่กินเวลาประมาณ 11 นาทีเท่านั้น)
ใน Doubt จอห์น แพทริค แชนลีย์ (กำกับ-เขียนบท Joe Versus the Volcano และเขียนบท Congo) รับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทจากบทละครของเขาเอง เรื่องที่นำมาเล่าได้แรงบันดาลใจจากชีวิตวัยเยาว์ของเขา โดยเฉพาะความประทับใจ ซิสเตอร์มาร์กาเร็ต เจมส์ ที่สอนเขาตอนชั้นอนุบาล จนเป็นที่มาของซิสเตอร์เจมส์ที่ใสซื่อบริสุทธิ์อุทิศตัวเพื่อเด็กๆ ในหนัง ช่วงเวลาของหนังคือปี 1964 หนึ่งปีหลังจากประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี้ถูกลอบสังหาร (ท่านถูกลอบยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พ.ย.1963 ที่เมืองดัลลัส) ฉากเกือบทั้งหมดในหนังเกิดขึ้นที่วัดและโรงเรียนเซนต์นิโคลัส ในเขต Bronx กรุงนิวยอร์ก เป็นย่านชุมชนคาทอลิก ไอริชและอิตาเลี่ยน โดยหนังนำเสนอความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างคุณพ่อกับซิสเตอร์
ซิสเตอร์อลอยเซียส ครูใหญ่ของโรงเรียนเป็นตัวแทนของโลกเก่า อนุรักษ์สุดขั้ว ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ เด็กในโรงเรียนต้องอยู่ในระเบียบวินัยตลอดเวลา เธอปฏิเสธโลกสมัยใหม่ทุกอย่าง เช่นไม่ให้เด็กใช้ปากกาลูกลื่น ไม่อนุญาตให้มีเรื่อง สโนว์แมน ในละครคริสต์มาสของโรงเรียน เมื่อคุณพ่อฟลินน์มาประจำที่วัดเซนต์นิโคลัส เขาเป็นตัวแทนของพระสงฆ์รุ่นใหม่ เน้นการปฏิรูปศาสนา มีบทเทศน์ที่ไม่น่าเบื่อ อธิบายง่ายๆ แต่ลึกซึ้งเข้าถึงจิตใจของสัตบุรุษและนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ เป็นเพื่อนพูดคุยเป็นกันเองกับเด็กช่วยมิสซาและนักเรียนทุกคน ทั้งยังสอนบาสเกตบอลในชั่วโมงพละด้วย เมื่ออยู่บนโต๊ะอาหารกับพี่น้องพระสงฆ์ก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คุณพ่อฟลินน์เป็นเสมือนตัวแทนของสังคายนาวาติกันที่สอง ที่พระศาสจักรหันกลับมาทบทวนตัวเองหลายอย่าง และนำเสนอความคิดที่ก้าวหน้าและใจกว้างมากขึ้น โดยเริ่มต้นประชุมสมัยแรกโดย พระสันตะปาปายอห์นที่ 23 เป็นประธาน เมื่อปี 1962 และมาประชุมสมัยที่สี่ ช่วงสุดท้ายโดยพระสันตะปาปาปอลที่ 6 ในปี 1965
เหตุแห่งความขัดแย้งเริ่มจากโรงเรียนรับนักเรียนแอฟริกันอเมริกันเข้ามาเรียนเป็นคนแรก เขาชื่อ โดนัลด์ มิลเลอร์ (โจเซฟ ฟอสเตอร์) และเป็นเด็กช่วยมิสซาด้วย โดนัลด์บอกกับพ่อฟลินน์ว่าโตขึ้นเขาอยากเป็นพระสงฆ์เหมือนพ่อ ที่โรงเรียนเมื่อโดนเพื่อนแกล้งพ่อฟลินน์ก็ปลอบโยนให้กำลังใจ ส่วนซิสเตอร์อลอยเซียสที่มีอคติกับพ่อฟลินน์อยู่แล้ว สั่งให้ซิสเตอร์เจมส์ที่สอนห้องของโดนัลด์คอยจับตาคุณพ่อ จนวันหนึ่งคุณพ่อเรียกโดนัลด์เข้าไปหาที่ห้องทำงาน และซิสเตอร์เจมส์เห็นพ่อฟลินน์นำเสื้อยืดของโดนัลด์มาให้เขาที่ล็อกเกอร์ โดยบอกว่าเขาลืมไว้ ซิสเตอร์เจมส์รายงานเรื่องนี้กับซิสเตอร์อลอยเซียส เธอมั่นใจทันทีว่าพ่อฟลินน์ทำมิดีมิร้ายกับโดนัลด์ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานหรือพยานใดๆ ทั้งสิ้น เธอพยายามทุกอย่างเพื่อกดดันให้พ่อฟลินน์ต้องย้ายออกไป
ตัวละครและฉากในหนังมีไม่มาก จึงเปิดโอกาสให้นักแสดงได้ปล่อยฝีมืออย่างเต็มที่ในบทที่มีมิติ ทั้งคู่ขัดแย้งที่ฝีมือไม่หนีกันระหว่าง สตรีพ และ ฮอฟฟ์แมน ต่างก็เคยคว้าออสก้าร์มาแล้วด้วยกันทั้งคู่ แม้บทซิสเตอร์อลอยเซียสของเธอเหมือนเป็นผู้ร้ายในหนัง ทั้งวิธีที่เธอปฏิบัติกับนักเรียน เป็นคนที่มีกฎเกณฑ์ตายตัวและยึดมั่นในความคิดของตัวเอง แต่เราต้องเข้าใจว่า ในช่วงเวลานั้นสถานะของนักบวชหญิงมิได้เท่าเทียมกับพระสงฆ์แต่อย่างใด ซิสเตอร์ที่กล้าโต้เถียงกับคุณพ่ออย่างเธอคงมีไม่มาก นอกจากด้านที่ไม่น่าอภิรมย์ เรายังเห็นความเอาใจใส่เอื้ออาทรต่อซิสเตอร์ที่สูงวัยของเธอ และประสบการณ์ในการดูแลนักเรียนหลายอย่างที่ถ่ายทอดให้กับซิสเตอร์เจมส์ที่ยังค่อนข้างอ่อนต่อโลก นับว่ามีประโยชน์มากในการสอน
ขณะที่คุณพ่อฟลินน์เป็นบุคคลที่น่าชื่นชม ในความเอาใจใส่และความรักที่มีต่อเด็กๆ เป็นพ่อที่ไม่ถือตัวพยายามทำให้ศาสนาเป็นมิตร พระสงฆ์เป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวของสัตบุรุษ แต่หนังปล่อยให้เรายัง สงสัย ต่อไปเช่นเดียวกับชื่อเรื่องว่า คุณพ่อทำผิดตามข้อกล่าวหาของซิสเตอร์อลอยเซียสหรือไม่ เพราะบุคคลเดียวที่ผู้กำกับหนังเรื่องนี้บอกให้รู้ว่าพ่อฟลินน์ทำผิดหรือไม่ก็คือฮอฟฟ์แมนคนที่แสดงเป็นพ่อฟลินน์เพียงคนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามหนังมีบทสอนใจที่ดีมากในเรื่องของการกล่าวโทษผู้อื่น ทั้งๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานหรือพยานยืนยันแต่อย่างใด การทำเช่นนั้นก็คือการใส่ความนินทาผู้อื่น ที่พ่อเปรียบเอาไว้ว่าเหมือนกับขึ้นไปบนหลังคา กรีดหมอนให้ขนนกข้างในปลิวว่อนไปในอากาศทุกทิศทาง เราไม่มีทางที่จะเก็บขนนกกลับคืนมาได้หมด
เก่า-ใหม่, อนุรักษ์-ปฏิรูป, คงไว้อย่างเดิม-ต้องการเปลี่ยนแปลง, ทางธรรม-ทางโลก ล้วนเป็นคู่ขัดแย้งที่เกิดขึ้นในทุกสังคม ไม่เว้นในแวดวงศาสนา ขึ้นอยู่กับว่าจะหาจุดร่วม จุดลงตัวได้มากน้อยเพียงใด โดยที่ไม่จำเป็นต้องเกลียดชัง เป็นคัตรู จ้องจับผิดกัน แล้วใช้ชีวิตตามจิตตารมณ์แห่งความรัก เห็นมนุษย์ทุกคนแม้จะแตกต่างกับเรา เป็นพ่อ แม่ พี่น้อง ผองเพื่อนของเรา .
Create Date : 17 เมษายน 2552
Last Update : 17 เมษายน 2552 11:45:44 น.
2 comments
Counter : 677 Pageviews.
Share
Tweet
เราชอบนะ เหมาะกับการเมือง(ไทย)มาก
โดย:
Ghoeby
วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:17:58:22 น.
ชอบจังเลยพี่ เขียนได้ดีจัง แวะมาอ่าน ...
ชอบอ่ะ เขียนแบบนี้อีกเรื่อยๆก้อดีนะ
ให้ข้อคิดกับแวดวงพระศาสนจักรเราดี
อิอิ ตามมาเป็นกำลังใจให้พี่เขียนข้อคิดดีดี จากหนังนะ...
โดย: นู๋แอ๊ป IP: 119.31.102.114 วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:2:22:58 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
minkitti
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Sonnenschein
สาวชาววัง
Lucy in the sky with diamonds
ลูกแก้วใสกิ๊งระริ๊ง
fifty-four
whitelady
โยชูวาแห่งอัสซีซี
kanapo
NongBua
mesaya
The Yearling
littlehoneybee
*~ ไอติมเชอร์เบท ^^
Webmaster - BlogGang
[Add minkitti's blog to your web]
Links
imdb
movieweb
thaicinema.org
apexsiam-square
rottentomatoes
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.