Group Blog
 
All Blogs
 
Up In the Air -- ความพอดีของชีวิต


Up In the Air
ความพอดีของชีวิต

ช่วงก่อนประกาศผลรางวัลอคาเดมี อวอร์ด หรือ “ออสก้าร์” ในปีนี้ มีหนังที่เข้าชิงรางวัลสำคัญๆ โดยเฉพาะ หนังยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และรางวัลด้านการแสดง เข้าฉายในบ้านเราเช่นเคย โดยปีนี้รางวัลออสก้าร์เพิ่มสาขาหนังยอดเยี่ยมจากห้าเรื่องเป็นสิบเรื่อง สำหรับหนังเข้าชิงในสาขาหนังยอดเยี่ยมที่เข้าฉายในบ้านเราตั้งแต่ปีก่อนได้แก่ Up อนิเมชั่นจากพิกซาร์, หนังเกี่ยวกับนาซีและสงครามโลกครั้งที่สองที่ไม่เหมือนใครของ เควนติน ทารันติโน่ Inglorious Basterds , หนังมนุษย์ต่างดาวในแง่มุมใหม่ District 9 และหนังเรื่องดังของ เจมส์ คาเมรอน Avatar

ส่วนสามเรื่องที่เข้าฉายช่วงใกล้ประกาศผลรางวัล แม้ฉายเพียงไม่กี่โรงได้แก่ The Hurt Locker, A Serious Man และ Up in the Air เรื่องหลังสุดกำกับโดย เจสัน ไรท์แมน วัย 32 ปี ลูกชายของผู้กำกับที่คร่ำหวอดในฮอลลีวู้ด อีวาน ไรท์แมน ที่ประสบความสำเร็จจากหนังคอเมดี้และดราม่า คอเมดี้ (Ghost Busters ,Dave) แม้งานกำกับของเขาหลังจาก Dave ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก แต่ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีในฐานะผู้อำนวยการสร้างหนังหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องล่าสุดของลูกชายด้วย

เจสันกำกับหนังเรื่องแรกคือ Thank You for Smoking ก็เป็นที่จับตามองทันที มาถึงเรื่องที่สองคือ Juno ถึงกับได้เข้าชิงออสก้าร์หนังยอดเยี่ยม ,ผู้กำกับและนักแสดงนำหญิง และคว้ามาได้หนึ่งรางวัลจากบทหนังที่เล่าถึงชีวิตของ จูโน่ (แอลเลน เพจ) นักเรียนวัย 16 ปีที่เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา และตั้งใจจะยกลูกที่กำลังคลอดให้กับคู่สามี ภรรยาที่มีความพร้อมในการเลี้ยงมากกว่าเธอ ส่วนใน Up in the Air เล่าเรื่องของคนวัยทำงาน ไรอัน บิงแฮม (จอร์จ คูนี่ย์) เขามีอาชีพไปบอกเลิกจ้างพนักงานบริษัทแทนนายจ้างที่ไม่ต้องการบอกด้วยตัวเอง เป็นอาชีพที่ทำให้เขาได้บินไปทั่วประเทศเกือบตลอดเวลา จนปีหนึ่งมีเวลาอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ของตัวเองเพียง 43 วัน

ไรอันมีความใฝ่ฝันว่าจะสะสมไมล์การบินกับสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ให้ได้ครบสิบล้านไมล์ ซึ่งจะกลายเป็นคนที่เจ็ดของโลก นอกจากนี้แล้วไรอันยังเป็นนักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในหัวข้อ “Unpacking Your Backpack” ที่เชื้อเชิญผู้ฟังให้รู้จักปลดปล่อยสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือผู้คนรอบข้างที่เป็นภาระให้ต้องแบกรับไว้

ไรอันมีชีวิตที่รักอิสระ ไม่คิดผูกมัดกับใคร ไม่คิดที่จะแต่งงาน มีครอบครัว แม้แต่คนในครอบครัวก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกัน แต่เส้นทางชีวิตทำให้สนิทสนมกับผู้หญิงสองคน หนึ่งนั้นคือ นาตาลี คีเนอร์ (แอนนา เคนดริก) พนักงานใหม่ไฟแรงที่มีข้อเสนอให้บริษัทบอกเลิกจ้างพนักงานออนไลน์แทนที่จะต้องบินไปถึงบริษัทเหล่านั้นเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่าย แต่ไรอันไม่เห็นด้วยเพราะเป็นการกระทำที่ใจร้ายเกินไป หัวหน้าของเขา เครก เกรกอรี่ (เจสัน บีสแมน ที่แสดงเป็นมาร์ค สามีของเจนนิเฟอร์ กาตเนอร์ใน Juno) จึงเสนอให้ไรอันพานาตาลีไปฝึกงานกับเขาด้วย อีกหนึ่งนั้นคือผู้หญิงที่เขาพบระหว่างเดินทางคือ อเล็กซ์ โกรัน (เวรา ฟาร์มิกา) ทั้งสองมีหลายสิ่งหลายอย่างเหมือนกัน ทั้งวิถีชีวิต ความคิด การมองโลก จนไรอันรู้สึกจริงจังกับเธอและเอ่ยปากชวนเธอไปงานแต่งงานของน้องสาวด้วยกัน….

แม้เรื่องราวในหนังจะค่อนข้างเศร้า ชวนหดหู่ที่ต้องรับรู้อารมณ์ ความรู้สึกของคนที่ถูกออกจากงาน โดยเฉพาะกับคนที่มีลูกต้องเลี้ยงดู และเสียใจที่ทำไมต้องถูกไล่ออกทั้งๆ ที่ทุ่มเทให้บริษัทมาตลอด หนังสร้างความสมจริงด้วยการจ้างคนที่เคยมีประสบการณ์ถูกเลิกจ้างมาร่วมแสดงด้วย ยกเว้นบางคนที่ใช้นักแสดงอาชีพจริง เช่น บทของบ็อบ (เจ.เค.ซิมมอนส์) ชายลูกสอง ก่อนหน้านี้เขาเล่นเป็นแม็ค พ่อของจูโน่ใน Juno แม้อาชีพของไรอันดูจะโหดร้าย เป็นอาชีพที่เจริญรุ่งเรืองในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ แต่ก็อย่างที่ไรอันบอกไว้ว่า ถ้าจะเลิกจ้างใครก็ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีของเขาด้วยต้องพบหน้ากัน สบตากัน ไม่ใช่บอกเลิกจ้างผ่านจอคอมพิวเตอร์ ต้องปลอบโยนผู้นั้นด้วยการให้กำลังใจ ให้ยืนหยัดสู้ชีวิตต่อไปให้ได้ และชี้แนะช่องทางอาชีพใหม่ด้วย

คนอย่างไรอันที่ดูเหมือนจะไม่แคร์สิ่งใด ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายด้วยอภิสิทธิ์ของลูกค้าวีไอพีของสายการบิน เวลาไปตามเมืองต่างๆ ก็ต้องใช้แต่รถเช่าชั้นดี พักโรมแรมอย่างดี แต่เขาก็ใช่ว่าจะไม่เอาใจใส่ใครเลย เขาปลอบโยนเมื่อนาตาลีอ่อนแอ คอยชี้แนะเป็นพี่เลี้ยงในหน้าที่การงาน หรือยอมทำตามคำขอร้องที่ดูจะไร้สาระของน้องสาวที่กำลังจะแต่งงาน ที่ให้นำภาพขยายขนาดใหญ่ของเธอกับแฟน ไปถ่ายตามสถานที่สำคัญต่างๆ ที่ไรอันเดินทางไป หรือแม้แต่การมาช่วยแก้ปัญหาในวันแต่งงานของน้องสาว และเขามีความทรงจำดีๆ ที่ยังไม่ลืมเลือนของชีวิตนักเรียน เพราะลึกๆ แล้วเขาก็ยังไม่ลืมเลือนบ้านเกิด ความรัก ความอบอุ่นของครอบครัวที่ย้ำเตือนว่า เขาไม่ได้เกิดมาอย่างเดียวดายเปลี่ยวเหงาบนโลกใบนี้

Up in the Air เข้าชิงรางวัลออสก้าร์ทั้งหมดหกสาขาด้วยกัน แม้จะต้องกลับบ้านมือเปล่าเช่นเดียวกับหนังที่เข้าชิงในสาขาหนังยอดเยี่ยมอีกสามเรื่องคือ District 9, An Education และ A Serious Man แต่ไม่ได้รางวัลก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการลดทอนคุณค่าของหนังเหล่านี้ โดยเฉพาะหนังเนื้อหาดีๆ เรื่องนี้ที่เชื้อเชิญเราให้มาสำรวจตรวจสอบการให้คุณค่า ความหมายของชีวิตเรา บางสิ่งที่เรามุ่งมั่นสะสม เราทำไปเพื่อเป้าหมายอะไรกันแน่ สิ่งที่เราขวนขวายอยากได้มาครอบครอง เมื่อได้มาแล้วเราจะมีความสุขอย่างที่ฝันไว้จริงหรือ และในชีวิตของเราจะหาความพอดีระหว่างการปล่อยวางไม่ยึดติดสิ่งของ กับการรู้จักใช้ด้วยความพอดีและพอเพียงๆ ได้อย่างไร หรือการเลือกใช้ชีวิตอย่างสันโดษ มีเวลาส่วนตัว ในขณะเดียวกันก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดี ร่วมสุขร่วมทุกข์กับคนในครอบครัว คนรัก สัตว์เลี้ยงและสรรพชีวิตรอบตัวเรา เพราะมนุษย์ไม่อาจอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลก และทุกชีวิต คน สัตว์ ต้นไม้ ล้วนแต่สัมพันธ์เกื้อกูลกัน.




Create Date : 10 มีนาคม 2553
Last Update : 10 มีนาคม 2553 11:18:07 น. 4 comments
Counter : 1201 Pageviews.

 
ผมว่าคนที่ทำงานประจำดูเรื่องนี้แล้วอินทุกคน


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:21:55:15 น.  

 
ชอบครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:0:19:16 น.  

 
อาชีพนี้คงเป็นอาชีพสุดท้ายที่คิดจะทำ
ถ้าทำก็คงมีผลลงเอยแบบเดียวกับนาตาลี คีเนอร์
คือลาออก รับไม่ไหวกับสภาพหดหู่
และเหมือนฆ่าคนทั้งเป็นแบบนั้น


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.48.124 วันที่: 20 พฤษภาคม 2553 เวลา:8:51:58 น.  

 
เรื่องนี้ไม่ได้รางวัลแต่ได้ใจผมไปเต็มๆครับ
หลังๆไม่เคยเชื่อออสก้าร์เลย


โดย: ไอ้โง่ออสก้าร์ IP: 115.67.58.38 วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:36:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

minkitti
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add minkitti's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.