Group Blog
 
All Blogs
 
แสงสว่างในความมืด


แสงสว่างในความมืด

…..Though I have lost my memory, two things I know. I am a great sinner and Christ is a great savior.

จอห์น นิวตัน

หนังช่วงเดือนธันวาคมเข้าฉายต่อเนื่องข้ามปีถึงมกราคม เรื่องที่น่าสนใจคือ I am Legend ผลงานกำกับของ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ จากบทของ อากิว่า โกลด์แมน และ มาร์ค โพรโทสวิช ด้วยการรับบทนำแทบทั้งเรื่องของ วิล สมิธ เป็น ผู้พันโรเบิร์ต เนวิลล์ เขาเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวกลางมหานครนิวยอร์ก ซิตี้ จากเชื้อไวรัสที่แพร่มาทางอากาศ ต้องสูญเสียทุกอย่างไป แม้แต่ครอบครัวคือภรรยาและลูก เพื่อนที่เหลือมีเพียง แซม – หมาพันธุ์อาเซเชียน

เขาพยายามใช้ชีวิตตามปกติ ไปเช่าดีวีดีมาดู ส่งเสียงไปทางคลื่นวิทยุว่ามีใครรอดชีวิตอยู่บ้าง ให้มาพบกัน แต่เมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า โรเบิร์ตต้องหลบอยู่แต่ในบ้าน เพื่อหนีการตามล่าของพวก “Dark Seeker” ผู้ติดเชื้อไวรัสที่กลายสภาพเป็นซอมบี้ดุร้าย แต่ในท่ามกลางความมืดมิด เขายังไม่สิ้นหวัง เฝ้าทดลองค้นหาวัคซีนเพื่อรักษาผู้ติดเชื้อให้กลับมาเป็นคนปกติให้ได้

หนังนำเสนอภาพความเปลี่ยวเหงาเดียวดายว่าโหดร้ายเพียงใด วันทั้งวันไม่มีใครคุยด้วย ได้แต่พูดกับแซม หรือสมมุติหุ่นลองเสื้อผ้าไว้คุยแก้เหงา ตัวเขาเองไม่ต่างจาก ทอม แฮงค์ส ในบท ชัค โนแลนด์ (จาก Cast Away ที่ต้องพูดคุยกับลูกวอลเลย์บอล) อนิเมชั่นที่ดูบ่อยจนถึงกับจำบทสนทนาได้หมดคือ Shrek ยักษ์เขียวผู้เดียวดาย อยู่แต่กระท่อมริมบึงไม่ต้องการเข้าสังคมกับใคร เขาชอบฟังเพลงของ บ็อบ มาร์เลย์ (Robert ‘Bob’ Nesta Marley) ศิลปินราชาดนตรีเร็กเก้ชาวจาเมก้า อัลบั้มรวมเพลงฮิตของบ็อบใช้ชื่อว่า Legend ด้วย

ก่อนแสดงคอนเสิร์ตเพื่อเรียกร้องให้หยุดความรุนแรงในประเทศ เขาถูกลอบยิงได้รับบาดเจ็บแต่ก็ยังมาเล่นดนตรี เพราะเชื่อว่าคนทำชั่วยังไม่หยุดแล้วคนทำดีจะมีวันหยุดได้อย่างไร บ็อบ มาร์เลย์เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 36 ปีเท่านั้น ขณะนอนในโลง มือขวาของเขาอยู่ที่พระคัมภีร์บทสดุดีที่ 23 ส่วนมือซ้ายจับกีต้าร์ตัวเก่ง ....

National Treasure : Book of Secrets งานภาคต่อที่ทีมงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังกลับมากันพร้อมหน้าทั้งผู้กำกับ จอห์น เทอเทลทับ และ นักแสดงนำ นิโคลาส เคจ เพิ่มเข้ามาคือนักแสดงฝีมือดีอีกสองคนได้แก่ เอ็ด แฮร์รีส และ เฮเลน มีร์เรน ปีที่แล้วคว้าออสก้าร์ดารานำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Queen หนังเป็นความบันเทิงที่ดูได้เพลินๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าจดจำนัก แต่ก็ทำให้เรามองประวัติศาสตร์อย่างสนุกสนานมีสีสัน มีเรื่องราวให้สืบแสะค้นหา ภาคที่แล้วอ้างถึงขุมทรัพย์มหาศาลที่โยงใยไปถึงกลุ่มเมสันและอัศวินเทมพลาร์ เช่นเดียวกับเรื่อง The Da Vinci Code แต่ไม่มีกระแสต่อต้านเพราะหนังไม่ได้ไปไกลถึงการอ้างข้อมูลใหม่ในเรื่องศาสนา

มาคราวนี้พาดพิงถึงการลอบยิง ประธานาธิบดีอับราฮัม ลิงคอล์น ( 1809-65 ) โดย จอห์น วิลค์ส บูธ ระหว่างที่ท่านชมละครเวทีเรื่อง Our American Cousin ที่โรงละครฟอร์ด กรุงวอชิงตัน ท่านลิงคอล์นเป็นที่รักของชาวอเมริกัน รวมไปถึงชาวโลก เพราะความเป็นคนธรรมดาสามัญ ความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน มุ่งมั่นในการเลิกระบบทาส เพื่อสร้างความยุติธรรม ความเท่าเทียมกันในสังคม .....

การเลิกทาสไม่ได้มีแต่ในอเมริกาเท่านั้น มีหนังที่เล่าถึงเรื่องการเลิกทาสในอังกฤษเช่นกัน ผลงานของ ไมเคิล แอปเต็ด (Michael Apted) บทโดย สตีว ไนท์ (Dirty Pretty Things) คือ เรื่อง Amazing Grace เล่าถึงชีวิตของ วิลเลี่ยม วิลเบอร์ฟอร์ช (โลน กรัฟฟัดด์ ผู้รับบทดร.รี้ดใน Fantastic Four ทั้งสองภาค) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝีปากกล้า ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้แรงงานทาสที่จับมาจากแอฟริกา ในช่วงเวลานั้น แรงงานทาสกว่าสิบล้านคนเป็นกลไกสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจเช่นสหราชอาณาจักร วิลเลี่ยมและผองเพื่อนรวมตัวกันเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อให้รัฐสภาผ่านกฎหมายเลิกการค้าทาสทั่วประเทศ แม้เป็นเพื่อนกับ วิลเลี่ยม พิทท์ นายกรัฐมนตรี แต่กว่าจะเสนอกฎหมายผ่านไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผ่านพบอุปสรรคมากมาย ใช้เวลาหลายปีและสุขภาพก็ย่ำแย่ลง

กลุ่มคนที่เห็นด้วยกับเขาได้แก่ ลอร์ด ชาร์ลส์ ฟ็อกซ์ (ไมเคิล แกมบอน
ผู้รับบทศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์แทน ริชาร์ด แฮร์ริส ตั้งแต่ Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ), เอควิอาโน่ (Youssou N’Dour) ที่รู้ซึ้งถึงความทรมานของการเป็นทาส, โทมัส คลาร์กสัน (รูฟัส เซเวลล์ จาก The Holiday, Bless the Child คราวนี้ได้เล่นเป็นคนดีซะที) รวมไปถึงนักบวชหลายคน หนึ่งในผู้สนับสนุนการเลิกทาสซึ่งเป็นที่มาของชื่อหนังคือ จอห์น นิวตัน (1725-1807)
รับบทโดย อัลเบิร์ต ฟินนีย์ (ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Erin Brockovich) นิวตันเคยเป็นกัปตันเรือค้าทาสมาก่อน แต่ครั้งหนึ่งเรือเผชิญพายุโหมกระหน่ำจวนอับปาง เขาสวดวอนขอพระผู้เป็นเจ้าและรอดมาได้ จากนั้นกลับตัวกลับใจเลิกค้าทาส ไปบวชเป็นพระและแต่งเพลง Amazing Grace …..

Amazing grace, how sweet the sound
That saved a wretch like me!
I once was lost, but now am found,
Was blind, but now I see.

'Twas grace that taught my heart to fear,
And grace my fears relieved;
How precious did that grace appear
The hour I first believed

Through many dangers, toils, and snares,
I have already come;
'Tis grace has brought me safe thus far,
And grace will lead me home …….


เพลงนี้มีผู้แปลเป็นภาษาไทยชื่อเพลงว่า “พระหรรษทาน”..... พระคุณองค์พระเจ้านั้นชื่นดวงกมล ช่วยคนที่อ่อนแออย่างฉัน เมื่อครั้งที่ฉันหลงทาง พระองค์ทรงตามกลับมา ตาบอด ณ บัดนี้เห็นเอย
เป็นพระหรรษทานผ่านในดวงใจ ขับไล่ความกลัวหลบหนี พระคุณอันแสนประเสริฐ เกิดขึ้นท่ามกลางชีวี สิ่งแรกที่มีคือศรัทธา .....
สำหรับพี่น้องคริสเตียนแปลเพลงนี้ว่า “พระคุณพระเจ้า”.... พระคุณพระเจ้านั้นแสนชื่นใจ ช่วยได้คนชั่วอย่างฉัน ครั้งนั้นฉันหลงพระองค์ตามหา ตาบอดแต่ฉันเห็นแล้ว
บ่วงมารวางไว้ทุกข์ภัยหลายอย่าง ตามทางฉันพ้นมาแล้ว แต่เพราะพระคุณฉันจึงคลาดแคล้ว พระองค์นำฉันกลับบ้าน .....

Amazing Grace เป็นหนังจากทีมสร้างและนักแสดงอังกฤษหรือสหราชอาณาจักรล้วนๆ แม้จะเป็นหนังอิงประวัติศาสตร์ เรื่องราวค่อนข้างหนักเกี่ยวกับการเรียกร้องให้ออกกฎหมายเลิกค้าทาสทั่วประเทศ แต่การเล่าเรื่องของหนังทำได้น่าติดตาม ได้ฝีมือการแสดงที่ดี แสดงให้เห็นการต่อสู้ด้วยสันติวิธีเพื่อเพื่อนมนุษย์ ความยุติธรรมในสังคมของคนที่มีพระอยู่ในใจ
และเป็นอีกครั้งที่หนังของไมเคิล แอปเต็ด เล่าเรื่องถึงสิทธิ เสรีภาพ ความเป็นธรรม เช่นใน Enough (สิทธิสตรี), Thunder Heart (ชนเผ่าอินเดียแดง), Gorillas in the Mist (กอริลล่าภูเขาในแอฟริกา)






Create Date : 09 มกราคม 2551
Last Update : 9 มกราคม 2551 14:21:15 น. 0 comments
Counter : 1080 Pageviews.

minkitti
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add minkitti's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.