Group Blog
 
All Blogs
 
แม่กับผม ....


“แม่กับผม”

หนังญี่ปุ่นเรื่อง Tokyo Tower : Mom, Me and sometimes Dad ถ่ายทอดความรักยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูก โดยเฉพาะกับลูกชายที่หลายๆ ครั้งมักทำให้แม่หนักใจ เสียใจ แต่แม่ก็ไม่เคยหมดรัก มีแต่รักเต็มเปี่ยม ห่วงใยลูกตลอดเวลา ตราบจนวาระสุดท้ายของแม่ หนังเรื่องนี้ดัดแปลงจากหนังสือขายดีของญี่ปุ่น ผู้เขียนใช้นามปากกาว่า ลิลี้ แฟรงกี้ (ตอนนี้มีฉบับแปลภาษาไทยแล้ว) ซึ่งถ่ายทอดชีวิตของเขาเอง “นาคางาวะ มาซายะ” ที่แม่เรียกเขาว่า “มาคุง” นับตั้งแต่วัยเยาว์ไปจนถึงวันที่แม่ได้พักผ่อนช่วงนิรันดร หนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเราเมื่อ 24 เมษายน เพียงแค่สองโรงเท่านั้น แต่ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก และยืนโรงฉายอยู่หลายเดือน
ถัดมาไม่กี่เดือนทางช่องไทยพีบีเอส นำซีรีส์ที่สร้างจากหนังสือเล่มนี้เช่นกันจำนวน 11 ตอน มาออกอากาศทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ในช่วงเวลาสี่ทุ่มเศษๆ หนังโทรทัศน์ชุดนี้มีทีมงาน ผู้กำกับ เขียนบท และนักแสดง คนละชุดกับที่เป็นภาพยนตร์ แต่ก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน จนกลายเป็นอีกซีรีส์หนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานถึง เป็นหนังที่ทำให้ผู้ชมกลายเป็นคนต่อมน้ำตาตื้นในทุกตอนที่ดู ต้องเสียน้ำตาให้กับ “ไอโกะจัง” ผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง พื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด แต่ความรักที่เธอมีต่อลูกและคนรอบข้าง ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่คิดหวังสิ่งใดตอบแทน ทุกคนสัมผัสได้ถึงความรัก อบอุ่น จริงใจ ของเธอ
Tokyo Tower ฉบับซีรี่ส์อำนวยการสร้างโดยฟูจิ ทีวี กำกับโดย Kubota Satoshi และ Tanimura Masaki เขียนบทโดย Oshima Satoni (คนเดียวกับที่เขียนบทซีรี่ส์ บันทึกน้ำตาหนึ่งลิตร – One liter Of tear หนังที่แสดงให้เห็นความรักของครอบครัว ที่ช่วยกันโอบอุ้มช่วยเหลือยามเมื่อสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวต้องผจญโรคร้าย) มาคุงในฉบับซีรีส์รับบทโดย Hayami Mokomichi (ก่อนหน้านี้เขาเคยเล่นหนังเรื่อง Rough) โดยมาคุงตอนเด็กรับบทโดยนักแสดงเด็กหน้าตาน่าเอ็นดู Hirota Ryohei คนเดียวกับที่รับบทนำในหนังเรื่อง Mari and the Three Puppies ส่วนการแสดงที่โอบอุ้มหนังชุดนี้ได้ตลอด และเรียกน้ำตาจากผู้ชมได้ทุกครั้งในบทแม่คือ Baisho Mitsuko และผู้ที่มาเป็นครั้งคราวคือพ่อ (Izumiya Shigeru) แม้พ่อแยกทางกับแม่ตั้งแต่มาคุงยังเด็ก เขาใช้ชีวิตสบายๆ เหมือนไม่สนใจใยดีครอบครัว แต่พ่อก็เป็นห่วงอนาคตของมาคุง ทุกครั้งที่แม่ป่วย พ่อต้องเดินทางมาเยี่ยม อีกคนหนึ่งที่ผูกพันกับมาคุงตั้งแต่วัยเยาว์คือ บากาบอง (Ernoto Tasuku) จนติดตามมาอยู่โตเกียวด้วยกัน
ตอนเด็กมาคุงมีชีวิตที่มีความสุข อยู่กันพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก รวมไปถึงคุณย่าใจดี ที่เมืองคุโคระ ที่นี่เขาเริ่มซึมซับการชอบวาดรูปจากพ่อ แต่ในที่สุดแม่ตัดสินใจแยกกันอยู่กับพ่อ เดินทางกลับมาอยู่บ้านเกิดที่เมืองชิคิโฮ มาขออาศัยอยู่กับยาย แต่ด้วยความคับแคบของบ้านในที่สุดเธอพาลูกไปอยู่ในคลีนิคร้าง แม้ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก แต่แม่ก็ทำงานอย่างไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักเหนื่อยเพื่อเลี้ยงดู ให้การศึกษากับลูกจนเขาจบมัธยมศึกษา มาคุงตัดสินใจไปเรียนต่อด้านศิลปะที่มหาวิทยาลัยในกรุงโตเกียว ทั้งที่แม่เป็นห่วงและดูจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็เคารพการตัดสินใจของเขา ฉากที่แม่มาส่งเขาที่สถานีรถไฟพร้อมกับห่อผ้าที่บรรจุไว้ด้วยข้าวห่อ แผนที่กรุงโตเกียว จดหมายร่ำลาด้วยความห่วงใย และให้กำลังใจ และยังให้เงินถึงหนึ่งหมื่นเยน แม้รถไฟจะออกแล้วแม่ยังวิ่งตาม โบกมือให้กำลังใจ….. เป็นอีกฉากหนึ่งที่ใครเลยจะกลั้นน้ำตาไว้ได้
ชีวิตนักศึกษาในเมืองหลวงไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด การดำเนินชีวิตทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย และพบอุปสรรคในการเรียน ทำให้เขาไม่อยากไปเรียน และหลงระเริงกับความสนุกสนาน ผลาญเงินที่แม่ทำงานส่งให้ด้วยความเหนื่อยยาก แต่ในที่สุดเขากลับตัวกลับใจ โดยมีเพื่อนอาวุโสกว่าช่วยเตือนสติ และแม่บอกให้เขาสู้ชีวิตและอดทนมากๆ จนเรียนจบเป็นบัณฑิต แต่ก็ยังหางานทำไม่ได้ และไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน แต่เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากนารูซาวะ เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งคือเมื่อคุณยายจากไป ก่อนจากท่านมอบกล่องสะสมเหรียญเงินที่มาคุงชอบตอนเด็กไว้ให้ด้วย มาคุงมุมานะอีกครั้ง เริ่มจากทำงานทุกอย่างที่ไม่จำเป็นต้องใช้วุฒิการศึกษา ในที่สุดเขาก็ได้ทำงานที่รักคืองานวาดรูปประกอบในนิตยสาร จนมีเงินพอพาแม่และน้าไปเที่ยวเป็นครั้งแรกในชีวิต แม่บอกกับเขาว่า สนุกมาก จะจดจำไปตลอด และเมื่อทราบว่าบ้านเดิมแม่จะอยู่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มาคุงจึงชวนแม่มาอยู่ด้วยกันที่โตเกียว……
Tokyo Tower เต็มไปด้วยฉากซึ้งๆ หรือบางครั้งอาจเศร้าไปบ้าง แต่ทุกฉากเต็มไปด้วยความจริงของชีวิต ในคราบน้ำตา ความทุกข์ยาก ลำบาก ทุกอย่างไม่ได้เป็นดังฝัน แต่ทุกชีวิตยังมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ในความมืดยังมีแสงสว่าง เฉกเช่นเดียวกับชีวิตของไอโกะ ที่แม้จะลำบากมาตลอด แต่ไม่เคยร่ำไห้ตัดพ้อชะตาชีวิต เธอกลับชอบร้องเพลง ใส่หน้ากากเต้นรำให้ทุกคนมีความสุข เป็นห่วงใยลูกและเพื่อนของลูกเสมอ คิดถึงห่วงใยลูกมากกว่าตัวเอง ชีวิตของลูกสำคัญกว่าของตัวเอง
ลูกทุกคนที่ดูหนังเรื่องนี้เชื่อแน่ว่า ต้องกลับไปทบทวนชีวิตที่ผ่านมาว่า เราเป็นลูกที่ดีของแม่แล้วหรือยัง ในชีวิตของเราทำให้แม่เสียใจไปกี่ครั้งแล้ว และอยากบอกกับแม่เช่นเดียวกับมาคุงว่า….แม่ครับขอบคุณที่เลี้ยงดูผมมา แม่ครับผมภูมิใจที่ได้เป็นลูกแม่ มีความสุขที่ได้กินข้าวฝีมือแม่ ได้พูดคุยกับแม่ …..และขอความรักของแม่คุ้มครองเรา ไปตลอดชีวิต




Create Date : 17 ตุลาคม 2551
Last Update : 17 ตุลาคม 2551 15:02:03 น. 0 comments
Counter : 688 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

minkitti
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add minkitti's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.