1,864 สู่เมืองแห่งม่านหมอก


'1,864'
...ใครที่เคยเดินทางโดยรถยนต์ไป "จังหวัดแม่ฮ่องสอน"
ด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 108 น่าจะซาบซึ้งกับตัวเลขนี้ดี เพราะ 1,864
คือจำนวนของโค้งจากอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ถึงอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
หากไม่มัวแต่เมารถหรือชิงหลับไปเสียก่อน
คุณจะพบธรรมชาติของป่าเขาสองข้างทางที่สวยงาม
เต็มไปด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ละลานตา  ฝืนป่าส่วนใหญ่ยังอุดมสมบูรณ์ 
เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสำคัญหลายสายโดยเฉพาะ "แม่น้ำปาย"
สายเลือดเส้นใหญ่ที่หล่อเลี้ยงแผ่นดินถิ่นนี้มาช้านาน 

 
 แม่ฮ่องสอนได้ชื่อว่าเป็นเมืองสามหมอก เพราะมีหมอกทั้งสามฤดู
คือหมอกควันไฟป่า  หมอกฝน และหมอกไอน้ำ
ช่วงฤดูหนาวอย่างนี้ไอน้ำจะแผ่ปกคลุมเมืองและลอยต่ำรวมกันเป็นทะเลหมอกที่งด
งาม 
หากอยากชมทะเลหมอกอย่างจุใจควรตื่นแต่เช้าขึ้นไปบนที่สูงอย่างยอดดอยกองมู
เพื่อสูดอากาศเย็นและเก็บความประทับใจ

  
พระธาตุดอยกองมูเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์อีกแห่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดเพราะ
เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระโมคคัลลานะ
อาจไปสักการะเพื่อเป็นศิริมงคลและใช้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางท่องเที่ยวใน
จังหวัดแม่ฮ่องสอน



   นอกจากนี้ยังมีวัดวาอารามอื่นๆที่น่าสนใจอีก เช่น วัดหัวเวียง
ที่มีวิหารไม้ทรงปราสาทที่สวยงามและสะท้อนสถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่ได้เป็น
อย่างดี ภายในประดิษฐานพระเจ้าพลาละแข่ง-พระคู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอน 
วัดจองคำและวัดจองกลาง ซึ่งเป็นวัดแรกๆของที่นี่
ภายในมีตุ๊กตาไม้แกะสักที่นำมาจากพม่า
รวมทั้งภาพกระจกเขียนสีเรื่องพระเวสสันดรชาดกที่หาชมได้ยากยิ่ง

  
ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นชาวไทยเชื้อสายไทยใหญ่หรือคนไต
เชื่อกันว่าอพยพมาจากรัฐฉานประเทศพม่า
ช่วงที่ทีมงานของเราเดินทางไปแม่ฮ่องสอน
เป็นช่วงที่กำลังมีงานปอยเหลินสิบเอ็ด
ซึ่งชาวบ้านเตรียมซื้อข้าวของเพื่อไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ
และบางบ้านก็เริ่มเตรียมปราสาทจำลองเรียกว่า "จองพารา"
ที่ทำจากกระดาษสาฉลุลายมาประดับตกแต่งบ้านเรือนด้วยเชื่อว่าเป็นปราสาทรอรับ
พระพุทธเจ้าที่เสด็จกลับลงมาจากสวรรค์ในเทศกาลตักบาตรเทโว วันออกพรรษา 

  

เอกลักษณ์ของชาวไทยใหญ่อีกอย่างหนึ่งที่โดดเด่นมากก็คืออาหารการกินมักปรุง
จากผักพื้นบ้าน เช่น ผักกูด มะเขือเทศไต คิว(ต้นคล้ายต้นหอม นิยมกินราก)
ยอดส้มปี้ ผักฮาน ผักรุมปุ้ม ฯลฯ นำมาผัด ยำ ต้ม แกง
หรือแกล้มน้ำพริกได้สารพัด รับรองว่าคุณต้องไม่เคยได้ยินชื่อเมนูแปลกๆ
อย่าง จิ้นลุง คิวโก้ ข่างปอง ไก่อุ๊บ มะเฟืองซะนาบ หรือขนมชื่อน่าเอ็นดู
เช่น ส่วยทะมิน เปงม้ง อาละหว่า ชาวไทยใหญ่นิยมกินงาและน้ำมันงา
อาหารแทบทุกอย่างต้องมีส่วนผสมของน้ำมันงาด้วย
มิน่าล่ะ...ผู้หญิงไทยใหญ่ไม่ว่าสาวหรือแก่ต่างมีผิวพรรณผ่องใส
ดูอ่อนกว่าวัยแทบทั้งนั้น 

   ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวลือชื่อ
หนึ่งใน Unseen in Thailand นั่นคือ ภูโคลน  คุณๆ ที่นิยมขัดผิว พอกโคลน
อาบน้ำแร่แช่น้ำอุ่นจะต้องถูกใจเป็นที่สุด
เพราะโคลนของที่นี่เป็นโคลนเดือดบริสุทธิ์สีดำ
ได้จากบ่อโคลนร้อนธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากใต้ผิวดินพร้อมกับสายน้ำแร่ใช้
บำบัดและบำรุงผิวพรรณได้อย่างดี ถือว่าคุณภาพดีเป็นอันดับ 3
ของโลกรองจากทะเลเดดซีเลยทีเดียว 
ในภูโคลนมีศูนย์บำบัดสุขภาพครบครันทั้งการพอกหน้า  พอกตัวด้วยโคลน
แช่น้ำแร่  การนวด
และอนาคตกำลังพัฒนาให้มีห้องอบซาวน่าและธาราบำบัดเพิ่มขึ้นด้วย 

  
การพอกโคลนจะช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนผิวหน้า
หากทำบ่อยๆจะช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงและผิวหน้าเนียนเรียบขึ้น
ช่วยผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้

  
มาแม่ฮ่องสอนคราวนี้ได้ชมทั้งธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ ดูแลสุขภาพ
กินอาหารอร่อย ทำบุญที่วัดเก่าแก่และงดงาม
ที่เดียวได้ครบถ้วนกระบวนความขนาดนี้
เป็นเหตุผลที่ดีพอหรือยังสำหรับการฝ่าความหฤโหดของหนทางเพื่อมายัง
แม่ฮ่องสอน รับรองว่าคุณจะลืมความยากลำบากเหล่านี้เสียหมดสิ้น







Free TextEditor







































































































Create Date : 05 พฤษภาคม 2553
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 20:56:16 น. 1 comments
Counter : 226 Pageviews.

 
ขอบคุณที่แวะไปส่งยิ้มค่ะ ทำไมเข้้าบล๊อกไ่ม่ได้คะ นี่เข้าจาก google น่ะค่ะ

อ่านแล้วอยากไปพิชิต 1864 โค้งจ้งเลย


โดย: kapeak วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:00:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.