เรื่องราวผู้หญิงกับการเดินทางด้วยหัวใจ 2 ล้อ (มอเตอร์ไซด์) รวมถึงการท่องไปในโลกกว้างด้วยวิธีการอื่นๆ คลอเคล้าด้วยคนตรีไพเราะหลากหลายรูปแบบ เรามาผจญภัยด้วยกันนะคะ

เกาะช้าง กับ Tree top [ภาคจบ] ครั้งที่ 2...ความเหมือนที่แตกต่าง

ได้มีโอกาสมาเที่ยวเกาะช้างสักที จะว่าไปก็มาเพราะจะมาลองเล่น Tree Top นี่แหละ
ไม่ว่าจะไปพักผ่อนที่ไหน อดหากิจกรรมทำไม่ได้ ไอ้จะมานอนฝึ่งพุงเฉยๆ เมินซะเถอะ จนถูกขนานนามว่าเจ้าแม่กิจกรรมออกบ่อย
แต่เป็นกิจกรรมแบบ Adventure and outdoor ฉะนั้นจึงมีหลายครั้งที่ถูกเบรคประมาณว่าขอให้อยู่เฉยๆ ซะบ้าง

เที่ยวนี้ก็อดไม่ได้ อยากไปทะเลซักแห่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าที่ๆ ไปจะมีอะไรให้ทำมากไปกว่าที่นี่...เกาะช้าง
จะว่าไปนี่ก็จัดว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ได้มาเยือน แต่ไม่เคยได้ค้างเกิน 1 คืนซักที

ออกจากระยองคืนวันศุกร์ เพราะมาประชุม และก็รอเพื่อนนั่งรถตามมาจากกรุงเทพ แวะกินข้าวที่บ้านเพ มุ่งหน้าสู่ตราด
ตกลงปลงใจไปหาที่นอนดาบหน้าแถวๆ ท่าเรือเฟอร์รี่ นัยว่าไม่อยากตื่นแต่เช้าเพื่อขับรถ
มุ่งหน้าไปทางแหลมงอบ ตามป้ายท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติไปเรื่อย เมื่อใกล้ถึง ก็จัดการกดหาที่พักจาก GPS
การมี GPS ติดรถจัดว่าดีมาก อย่างน้อยก็บอกทางแบบ Real time ได้
แม้ข้อมูลอาจจะไม่ตรงเป๊ะๆ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย แล้วต้องมานั่งเปิดแผนที่
สุดท้ายเราได้ที่นอนที่ อ่าวตาลคู่รีสอร์ท ขับไปถึงราวห้าทุ่ม เห็นอยู่หรอกว่าเป็นที่พัก แต่เล่นไม่มีฟร้อนท์
จดๆจ้องๆไปๆมาๆ เห็นร้านขายของชำ แต่ปิดแล้ว จะเข้าไปถาม พอดีเห็นป้ายแปะว่าจะพักรีสอร์ทให้ติดต่อที่เบอร์นี้
ว่าแล้วก็กดโทรศัทพ์ทันที จะนอนที่นี่ละ ดึกแล้วนี่ ซักพักก็มีลุงแก่ๆ เดินออกมาจากความมืด บอกว่าเหลือห้องเดียว
ราคา 1200 มหาโหดจริงๆ ต่อจนลดลงเหลือ 1000 ขี้เกียจต่อรองมากกว่านี้แล้ว
แต่พอเข้าไปในห้อง ถึงบางอ้อ ก็เล่นมีเตียงตั้งหลายเตียงกะให้นอนได้อย่างน้อยก็ 5 นั่นเอง

วันเสาร์เช้า ตื่นราวๆ แปดโมง ออกเดินทางไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ ตาม GPS ไป
ท่าแรก ทางเข้าเป็นทางลูกรัง เลี้ยวไปถึง นึกว่าเป็นท่าร้าง จุดจำหน่ายตั๋วเก่ากึ๊ก ตามตารางเวลารอบแรก 7.30 ชวดแน่ๆ รอบต่อไป 10.30 เซ็งเล็กน้อย
จึงขับออกไปหาอะไรกินกัน โดยไปทางอ่าวธรรมชาติ จากทางเข้าเดิมอีกซัก 500 เมตร ก็เจออีกท่านึง ใหญ่โตอลังการ แต่ไม่ยังกะมีใน GPS เป็นงง
ท่านี้เรือออกทุกครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ค่อยยังชั่วหน่อย


เรือเฟอร์รี่ไปเกาะช้าง...ถ่ายจากในรถ ก็มันร้อนนี่นา ^_^


คันดิน...กันคลื่น


ได้ลงเป็นคันแรกเลยละ


ฟ้าสวยๆ น้ำใสๆ


ถึงแล้ว...เกาะช้าง

ถึงเกาะประมาณ 10 โมงกว่า ตามล่าหา Tree top ถามจากผู้คนบอกว่ามุ่งหน้าไปทาง Dusit resort แถวบางเบ้านู่น
ขับไปไกลโข เส้นทางบนเกาะคดเคี้ยวและขึ้นเขาเป็นระยะๆ พาลนึกถึงมอเตอร์ไซด์ อยากเอามาซิ่งบนเกาะอีกซักครั้ง
คราวที่แล้วเพื่อนที่มาด้วยไม่อยากขี่ เพราะกลัวทางชัน แต่ไอ้เราหลังจากผ่านปายมาแล้ว ก็บ่ยั่น อยากซิคะ คราวหน้ามาใหม่

และแล้วก็หาเจอจนได้ Tree Top Adventure Park
ราคาค่าตัวในการเล่น 950 บาทขาดตัว ซ้ำได้ไม่จำกัดจำนวน จนกว่าจะหมดแรงกันไปข้างหนึ่ง
รอบแรกจะมีไกด์นำให้ รอบต่อไปเล่นเองลุยเองเซฟเอง
เหมือนเดิม เริ่มต้นด้วยการสอนวิธีการใช้อุปกรณ์ เมื่อรู้เรื่องแล้ว...ลุยกันเลย
ที่นี่แบ่งเป็นสอง loop โดยให้เริ่มจาก blue loop ก่อน แต่ละฐานจะสั้นๆ เน้นการฝึกการใช้อุปกรณ์
สร้างความคุ้นเคย และลดความหวาดกลัว เริ่มมันส์แล้วครับท่าน


ตาข่ายขนาดใหญ่ ถูกขึงไว้ให้นอนเล่น...สบายอย่าบอกใคร


เดินลุยเข้าไปในป่า...เริ่มต้นสู่ความสนุกสนานและการผจญภัย




Tree Top ที่นี่ เราต้องเล่นเอง...และฐานก็โหดกว่า เน้นทักษะทางร่างกายมากกว่า


เปลือกลูกยาง...ร่วงลงพื้น พบได้ตามทางเดิน


ขณะเล่น ก็จะมองเห็นวิวแบบนี้


จบ loop แรก โดยทั่วไปก็จะให้นั่งพักกันก่อน เพราะฐานที่ผ่านๆมาก็จัดว่ากินแรงมากเอาการ ต้องใช้พลังแขนมากมาย
แต่เราพวกบ้าพลัง (เพราะเพื่อนที่มาด้วยไม่ได้เล่น คือเล่นคนเดียว ก็เลยเกรงใจ) ประมาณว่าเล่นต่อ Red loop เลย
Red loop จะง่ายแต่เน้นไปทาง โรยตัว (Pulley) จากยอดหนึ่งไปอีกยอดหนึ่ง


เรากำลังจะขึ้นไป...บนโน้น


จุดโรยตัวที่ยาวที่สุด ประมาณ 100 m

เป็นอันว่าเบิ้ลรอบแดงไปสองรอบ (นี่เกรงใจเพื่อนนะเนี่ย) เหนื่อย สนุกกำลังดี
ขณะกำลังเล่น ก็มีครอบครัวชาวฮ่องกงมาเล่น ดูแล้วน่ารักดี พ่อ แม่ ลูกสองคน เล่นร่วมกันได้หมด คุณแม่ก็เล่นได้อย่างไม่กลัว ดูท่าจะเป็นขาลุยคนนึงทีเดียว

ถ้าถามว่าสองที่ ระหว่าง Flight of the Gibbon เขาเขียว กับ ที่นี่ Tree top adventure park เกาะช้าง มันจะให้คนละอารมณ์
ถ้าอยากสบายๆ วิวสวยๆ ก็ต้องที่แรก (เขาเขียว)
แต่ถ้าอยากเน้นเอามันส์ ฉันเล่นเอง แต่อาจจะไม่สูงนัก ก็ต้องที่สอง (เกาะช้าง)
ไม่ว่าอย่างไร...สำหรับฉันก็โอเคทั้งสองที่ ต่างก็มีดีในตัวเอง อยากแนะนำให้ลอง ถ้ามีโอกาสได้ทำอะไรใหม่ๆ ค่ะ
ใครที่อยากลอง เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่ www.treetopadventurepark.com ค่ะ

หลังจากออกจาก Tree top ท้องก็เริ่มประท้วงด้วยการร้องจ๊อกๆ เป็นการบ่งบอกว่าช่วยหาอะไรอร่อยๆ มาสังเวยฉันซะทีซิ
จึงออกดันด้นหาที่กินข้าวเที่ยง (ทั้งๆที่บ่ายแล้ว) จึงแวะที่ชุมชนบางเบ้า มีการสร้างบ้านเรือนและร้านค้าลงไปในน้ำ
เดินสำรวจจึงไปสะดุดกับร้านนึง ชื่อ BUDDHA VEIW จัดร้านได้ Chill มาก
เป็นอาหารนานาชาติ ราคาค่อนข้างแพง จึงต้องพับโครงการซีฟู้ดไปเป็นอาหารจานเดียว แลกกับการนั่งกินวิวแทน
ในร้านมีการจัดเป็นชุดโต๊ะหวาย และมีแบบนั่งพื้น แต่เจาะให้สามารถห้อยขาลงไปได้ ทำให้มองเห็นพื้นทราย แถมยังเอาประติมากรรมไปจมไว้ให้ดูเสียด้วย
จริงๆ ที่นี่ก็มีห้องพักด้วย หากใครต้องการ Hang Out ก็ง่ายเลย เพราะกรึ่มได้ที่ก็คลานเข้านอนได้เลย ประมาณว่าเมาไม่ขับ
การที่ร้านสร้างในทะเล ทำให้มีลมเย็นๆ พัดมาตลอด นั่งๆ เกือบหลับ ทำให้ต้องรีบขุดตัวเองให้ลุกไปหาที่พักคืนนี้ดีกว่า ไม่งั้นหลับแหงๆ


วิว...ชิวๆ จากร้าน Buddha view

เท่าที่ถามๆ เขาว่าหาดทรายขาวสวยที่สุด แต่ก็พลุกพล่านที่สุดเช่นกัน ทำให้ตัดสินใจไม่ไปดูที่นั่น
โรงแรมแรกที่ไปแวะคือ Barali เข้าไปดูก็ติดในแล้ว แต่เพราะเป็นโรงแรมแรก จึงขอไปดูที่อื่นก่อน
ไปขับมาวนดูห้องพักตามโรงแรมต่างๆ มากมาย เริ่มจาก GajaPuri Resort and Spa อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ,
The chill บรรยากาศเหมือนเชียงใหม่ สองอันนี้อยู่หาดไก่แบ้,
ย้อนกลับมาทางหาดคลองพร้าวเริ่มจาก The Dewa หรูมาก(เกิน),
AANA Resort&Spa อันนี้ไม่ติดทะเล ติดคลองแต่เดินไปทะเลได้,
Koh Chang Resort อันนี้ตกแต่งไม่โดน จริงๆดูอีกหลายอัน แต่จำไม่ได้

ท้ายที่สุดเลยย้อนกลับไปจบที่ Barali Beach Resort ห้องสวย โดยเฉพาะห้องน้ำ
และสระว่ายน้ำติดหาด แบบ Endless pool คือ ไม่มีขอบสระ ว่ายไปเกาะขอบมองทะเล เพลินสุด
ที่สำคัญราคาไม่แพง ในหน้า low ห้อง Deluxe 2500 บาทเท่านั้นเอง

พอเข้าห้องปุ๊บ สองสาวก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำ จิบวาย พร้อมๆกับกินอาหารเย็นข้างๆสระ



สระปิด 1 ทุ่ม แต่เราก็ยังเล่นกันไม่เลิกจน 2 ทุ่มกว่า พนักงานก็เพียงแต่มาบอก แต่ก็ไม่ได้ไล่ให้เลิกแต่อย่างใด
ตื่นแต่เช้าออกมากินอาหาร ติแต่ว่าอาหารเช้ามีให้เลือกน้อยไปหน่อย พอเข้าใจว่าแขกคงไม่ได้เยอะมากนัก
แล้วก็ออกไปเดินเล่นย่อยอาหารต่อ ทะเลยังเหมือนเดิม คลื่นแรง แต่น้ำตื่น ทำให้น้ำขุ่น ดูเหมือนจะน่ากลัว มีคราบน้ำมันจางๆ ตามแนวหาด
แต่ภาพรวมจากบรรยากาศ การได้มาสูดกลิ่นไอทะเล เพียงเท่านี้ก็ทำให้ความเครียดที่สะสม ลดลงไปอย่างมากมาย

ในเมื่อเจอที่ดีๆ ก็ขอเชียร์หน่อย เข้าไปดูรูปห้องได้ ที่นี่ barali ค่ะ

น่าเสียดายที่นอนได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น แล้วก็ถึงเวลากลับไปสู่โลกปัจจุบัน กลับไปสู้กับชีวิตต่อไป
ต่างตรงที่ความรู้สึกเหมือนแบตเตอรี่ที่มีประจุไฟเต็มเปี่ยม

ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน อยากให้หาเวลากันสักนิด เพื่อหากิจกรรมใหม่ ภาพใหม่ให้กับตัวเอง
แล้วคุณจะรู้ว่ามันช่วยปลดปล่อยความเครียดในตัวคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ

อยากเชียร์ให้พวกเราเที่ยวไทยกันให้มากขึ้น ไทยเที่ยวไทย ไทยช่วยไทย เพราะราคาในบางที่ก็ไม่ได้แพงมากมาย
เพียงแต่ว่าอาจต้องใจเย็นและเสาะหากันซักเล็กน้อย การที่เราต้องเตรียมตัวหาข้อมูลในการท่องเที่ยว ก็เหมือนกับการเพิ่มแรงกระตุ้นให้กับเราด้วย

ว่าแล้ว...อยากเก็บกระเป๋าไปเที่ยวอีกรอบซะแล้วสิ




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2552    
Last Update : 16 มิถุนายน 2553 19:39:07 น.
Counter : 5354 Pageviews.  

Tree top [ภาคต้น]...ประสบการณ์ใหม่ท้าลองที่ เขาเขียว

Tree top คืออะไร... เท่าที่รู้ๆ คือ กิจกรรมที่อยู่บนยอดไม้ โดยมีสลิงเป็นพระเอก
เพราะมันอุปกรณ์ที่สามารถนำเราจากยอดไม้หนึ่งไปสู่อีกยอดไม้หนึ่ง ร่วมกับการที่เราต้องหัดใช้อุปกรณ์ปืนเขาบางอย่างประกอบ
เช่น รอก(pulley), คาราไบเนอร์ เป็นต้น

ในปัจจุบันบ้านเรามีประมาณ 3-4 เจ้า แต่ที่ได้สัมผัสมาแล้ว 2 เจ้า ก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันเล็กน้อย
โดยแต่ละที่มาจากคนละประเทศ และต่างก็พยายามบอกว่าตนเองเป็นต้นตำรับทั้งคู่
อันนี้ก็ขอ no comment นะคะ แล็วก็ไม่เคยคิดจะค้นหาความจริง เพราะไม่ใช่เรื่อง...

ครั้งแรกที่รู้จัก...อ่านเจอจากหนังสือ คือ ที่เกาะช้าง ก็หมายมั่นปั้นมือว่าอยากจะไปเล่นนานแล้ว
แต่มันไกลเหลือเกิน ก็เลยแค่ จะๆๆๆ ไม่ได้ไปเล่นซะที จนวันหนึ่งได้ไปเดินงาน TDEX (งานเกี่ยวกับดำน้ำ ผสมไทยเที่ยวไทย)
เดินผ่านบูธนึงเค้ามีรูปกิจกรรมโรยตัวด้วยรอกจากยอดไม้นึงไปอีกยอดไม้นึงให้ดู เลยรี่เข้าไปถาม...เพราะต้นไม้ใหญ่มาก
ใจแรกไม่คิดเลยว่าจะเป็นบ้านเรา...ประเทศไทย ถามไปถามมาได้ความว่าที่เชียงใหม่...อืม!! เป็นไปได้

แล้วเจ้าหน้าที่ก็ได้พูดขึ้นมาว่า "เรากำลังจะเปิดใหม่ที่เขาเขียวค่ะ"
เกาหัวแกรกๆ เขาเขียวนี่นะ จะมีหรือต้นไม้ใหญ่
เจ้าหน้าที่ก็ตอบไม่ได้หรอกว่าต้นไม้จะใหญ่แค่ไหน เพราะเขาก็ไม่เคยไป รูปก็ยังไม่เห็น
ที่สำคัญยังไม่แกรนด์โอเพนเลยด้วยซ้ำ แต่เปิดให้เข้าไปเล่นได้แล้ว แถมยังบอกอีกว่า "มีโรยตัวผ่านเหล่าสิงห์สาราสัตว์ด้วยนะคะ"
ยิ่งงงเข้าไปใหญ่...จะโรยตัวผ่านสวนสัตว์กันเลยหรือ เกิดตกไปในกรงทำไงละเนี่ย
จุดประกาย...ของอย่างนี้ยิ่งต้องลอง แถมใกล้กว่าเกาะช้างด้วยซ้ำ ภาษีดีกว่าตั้งเยอะ ว่าแล้วก็ไปกันเลย

ออกจากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เข้าไปในสวนสัตว์นั่นแหละ
ถึงด่านหน้าสวนสัตว์...เจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์ยังเถียงกันเองเลยว่าจะต้องเก็บเงินค่าผ่านประตูหรือเปล่า
เออ...ใหม่จริงๆ แฮะ ไม่มีป้ายบอกทางใดๆ คลำไปเรื่อย เจ้าหน้าที่บอกให้ตามป้ายศูนย์ฝึกอบรม
จนถึงศูนย์ฝึกอบรมก็ยังไม่เจอซักที จนมีคนขับรถตู้บอกให้เลี้ยวไปตามทางลูกรังอีกราวๆ 1 km จะเจอศาลา
ต้องใช้รถโฟร์วีลนะคะ ถึงจะเข้าไปได้ เพราะทางดิบจริงๆ
ตั้งหน้าตั้งตาขับไปเรื่อยๆ จนสุดที่สำนักปฏิบัติธรรม...ไหนหว่าหาไม่เจอ!!???
จึงขับย้อนกลับมา เห็นรถของศูนย์ Tree Top จอดอยู่ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่หน้าแฉล้มมายืนชะเง้อ
(โทรมาถามทางล่วงหน้า คงสงสัย...ทำไมไม่ถึงซักที)


สภาพทาง...โหดไม่ใช่เล่น แต่ก็ดีใจได้ใช้รถให้คุ้มซะที

ค่าเล่นค่อนข้างแพง...1750 บาท ขาดตัวห้ามต่อ...ราคาพร้อมอาหารกลางวันและของว่าง เล่นได้รอบเดียว ติดใจต้องจ่ายเพิ่ม

เริ่มต้น...มีการแนะนำอุปกรณ์ และก็เรื่องของความปลอดภัย
ว่าแล้ว...เริ่มกันเลย


ต้นไม้ใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ...คิดว่าอยู่ทางเหนือซะด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตวป่า
และเพิ่งได้ความรู้ใหม่ว่าชื่อเรียกเต็มๆ คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมพู่
ข้อมูลจาก www.mrbackpacker.com


โฉมหน้าผู้ร่วมกิจกรรม


หลักๆ จะเป็นการใช้รอกเคลื่อนบนสลิงจากยอดไม้หนึ่งไปอีกยอดไม้หนึ่ง แต่จะมีบางจุดที่ต้องโรยตัวลงไปยังจุดที่ต่ำกว่า


กำลังสร้างบ้านต้นไม้...แต่ยังไม่เสร็จ


มีฐานให้โรยตัวคู่ได้


วันนี้ครึมฟ้าครึ้มฝน ทำให้ไม่มีแดด แต่อากาศก็ออกแนวร้อนอบอ้าวอยู่ดี


ที่ห้อยอยู่ข้างหลังเป็นไกด์เจ้าหน้าที่...ซ่าส์ได้ใจจริงๆ

วันฟ้าใส...สามารถมองไปได้ไกลถึงพัทยาเชียวแหละ
ที่นี่มีทั้งหมด 24 ฐาน รอกผ่านยอดไม้ไปมาเหมือนทาร์ซาน เส้นที่ยาวที่สุดเกือบสามร้อยเมตร
ถ้าตัวใหญ่และไม่นิ่งก็อาจมีไม่ถึงได้บ้าง งานนี้เหนื่อยหน่อย เพราะต้องใช้มือสาวมาจนถึงแพลตฟอร์ม
แต่ที่ Gibbon นี้่ วิธีการเล่นคือ เล่นเฉยๆ เพราะเจ้าหน้าที่ทำให้หมด ตั้งแต่ปลด-เกี่ยว คาราไบเนอร์และรอก มีใจเล่นจนจบก็พอ
วิวสวย แต่อาจไม่มันส์เท่าที่ควร เพราะออกอาการซ่าส์ไม่ได้เต็มที่ เจ้าหน้าที่คุมทุกก้าวย่าง เขาว่าเพื่อความปลอดภัย
รวมเวลาในการเล่นท้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ไปแบบช้าๆ ชิลด์ๆ ชมวิว ซึมซับบรรยากาศ
การต้อนรับดีเยี่ยม เจ้าหน้าที่เป็นกันเอง อาหารพื้นๆ แต่อร่อย

ว้าาา...ยังไม่ได้บอกเลยว่าที่นี่ ชื่อว่า Flight of the gibbon
ตอนแรกได้ยินก็งง ถามใครๆ ว่าโรยตัวๆ แต่เขาตอบกลับมาว่า อ๋อ...Gibbon

อ่านรายละเอียดเต็มๆ ได้ที่นี่ //www.treetopasia.com/ เพราะเขามีอีกหลายที่
เผื่อไม่ใกล้ที่นี่ จะได้ลองหาที่อื่นที่ใกล้ๆ เล่นดู
ลองดูค่ะ...เพลินสุดๆ
สำหรับคนกลัวความสูงอาจจะทำใจยากซักหน่อย แต่ถ้าชินแล้วจะเพลินมากเลยค่ะ

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ เพราะว่าเป็น Tree top อีกเจ้า มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรค่ะ




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2552    
Last Update : 16 มิถุนายน 2553 19:36:02 น.
Counter : 1844 Pageviews.  

โดดเดี่ยว...เที่ยวระยอง

นั่งอยู่ริมทะเล...เขียน blog กันแบบสดๆ

ระยอง...จัดเป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวมากมาย
ถ้าพูดถึงจุดดังๆ ก็คงหนีไม่พ้น หาดแม่รำพึง, สวนสน
ที่ขาดไม่ได้ คงหนีไม่พ้น เกาะเสม็ด...เสร็จทุกราย (รึเปล่า?)
แต่วันนี้จะพาไปที่อื่นๆ ที่ๆไม่ดังในจังหวัดนี้บ้าง

เป็นเพราะต้องมาดูงานที่นี่ แต่ต้องมาแบบ alone
เสร็จงานเร็ว เลยนั่งรอเพื่อนที่นั่งรถทัวร์ตามมา
เพื่อที่จะไปเที่ยวต่อเกาะช้างด้วยกัน
ขับรถเรื่อยเปื่อยแบบไม่รู้ทิศทาง เดาว่าจะไปหาดต้องไปทางนี้
เป็นอันว่าเดาถูก มาจ๊ะเอ๋กะแหลมเจริญซีฟู้ด




บรรยากาศบริเวณร้าน

เกือบสุดถนนเลียบชายฝั่ง ณ ปากแม่น้ำระยอง
ก็นะ...มาคนเดียวเลยลองชิมได้ไม่กี่อย่าง พุงกางซะแล้ว


บริเวณเตียงผ้าใบริมหาด...นั่งชิวๆ ลมทะเลเย็นๆ พัดผ่านไม่ขาดสาย


ตลอดชายฝั่งมีการนำหินมาทำเขื่อนเป็นระยะๆ แต่ไม่ตลอดแนว


หาดทรายบางส่วนปกคลุมด้วยผักบุ้งทะเล


ยังคงมีทิวสนยาวสุดลูกหูลูกตา
นั่งชิวๆ ริมทะเลระยอง ฟ้าสวย น้ำใส แต่ใยหาดทรายสกปรก
กรรมของทะเลไทย ถ้ามันครวญเพลงได้
คงร้องว่า "ทำไมถึงทำกับฉันได้"
มีของดีแต่ไม่รักษา ก็เงี้ย...รับสภาพกันไป
อาจเพราะทะเลจุดนี้เลยมาบตะพุตมาเพียงนิดเดียว
สภาพแวดล้อมจึงเป็นอย่างที่ว่า


ภาพแนวอาร์ทๆ ที่ไม่แน่ใจว่าอาร์ทจริงรีเปล่า...

จากปากแม่น้ำระยองมีคลองต่อเข้าไป
ข้างทางเรียงรายด้วยเรือประมงตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง
สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตของชาวประมง แม้จะเพียงผิวเผิน
เพราะเวลาอันน้อยนิดที่ได้มาเยี่ยมเยือน






แม่น้ำระยอง...เรือประมง สภาพวิถีชีวิต


ดอก...ผักบุ้งทะเล


ริมเขื่อนปากแม่น้ำระยอง...


สันเขื่อนดูแข็งแรง...ผู้คนพากันออกมานั่งตกปลา คงเพื่อความเพลิดเพลินและพอกินมากกว่าจะเป็นอาชีพ
ขณะยืน...คลื่นซัดสาดแรงจนน้ำกระเซ็นเกือบถึงตัว
พลันนึกไปถึงญี่ปุ่นตะหงิดๆ ไม่เคยไป แต่เหมาเอาว่าน่าคล้ายกัน ^_^


ตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อย เมื่อสิ้นแสง...การบันทึกภาพจึงต้องจบลง
ทำให้ต้องจากลาชุมชนปากน้ำสดใน จังหวัดระยอง
การได้เดินสัมผัสบรรกาศแบบต่างจังหวัดแบบนี้คนเดียว ให้ความรู้สึกดีอย่างคาดไม่ถึง
ความเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา...ชีวิตแบบไม่เสแสร้ง
อาจเพราะเป็นคนกรุงเทพแต่กำเนิด บ่อยครั้งที่เคยคิดว่าอยากเป็นคนต่างจังหวัด
จะได้มีบ้านให้กลับ...ชอบจัง กับคำว่า "กลับบ้าน"
ยิ่งได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ ยิ่งชัดเจนว่าอยากทิ้งชีวิตเมืองกรุงจริงจัง ซักวัน...ฝันคงเป็นจริง


พาหนะคู่ใจ...ไปไหนไปกัน

ถึงจะมีอะไรแย่ๆไปบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรหรือเมื่อไหร่ ก็ยังสุขใจ เที่ยวไทย...จะหาใดเหมือน

ปลอดภัยรึเปล่าไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าโต๊ะข้างๆเป็นชาวเขมรค่ะคุณ...

เอาน่า ถ้าเที่ยวบ้านตัวเองไม่ปลอดภัย
ก็ไม่ต้องไปเที่ยวไหนแล้ว ว่ามั๊ย

เขียนจาก iPhone ยากจัง ขอแปะเรื่องรูปไว้ก่อนนะ
และลำดับย่อหน้าดูแปลกๆหน่อย เด๋วตามมาแก้นะคะ (12 มิย. 52)





 

Create Date : 12 มิถุนายน 2552    
Last Update : 16 มิถุนายน 2553 19:35:09 น.
Counter : 2046 Pageviews.  

1  2  

blue passion
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




มีหัวใจไว้เดินทาง ค้นหาความหมายของชีวิต เพื่อเติมเต็มให้กับคำถามที่เกิดขึ้นมากมายระหว่างการเติบโต วิธีการในการเดินทางมีมากมาย แต่ ณ วันนี้ ขอเลือกสองล้อเป็นพาหนะในการนำพาไปสู่จุดหมายปลายทาง

Site Meter

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add blue passion's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.