Group Blog
 
All blogs
 

แอบรัก : บทที่ 1 กลอยใจ

แอบรัก
เมื่อชายหนึ่งต้องพบกับการแอบรักตลอดชิวิต

***บทที่ 1 กลอยใจ***

รองเท้าแตะ “หูคีบ” ใส่จนนิ้วถ่าง ส้นรองเท้าบาง ฝุ่นผงสีแดงจากลูกรัง เกาะเต็มขาทุกเช้า ปอสี่ แล้ว แต่เป็นปอสี่ที่มาเริ่มเรียนที่ใหม่ แต่กับเพื่อนหน้าเดิมๆ เวลานั้น “รักษา” หรือเพื่อนๆเรียกกันจนติดปากว่า “รักษ์” , “ที่รัก” ที่เพื่อนๆหญิงชอบแซวกัน ต้องเดินไกลมากกว่าเดิมเพราะโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้านนั้นถูกยุบแล้วย้ายนักเรียนและครูบางส่วนไปอีกตำบลหนึ่ง
“ไอ้รักษ์ๆ เร็วๆสิ เดินนวยนาดเลย”
“เออ ใครจะเหมือนเอ็งว่ะ มาแต่เช้า พ่อ-แม่ คิดว่าขยัน ที่ไหนได้มาวิ่งเล่นไร้สาระอยู่ กว่าจะเข้าเรียนก็เหงื่อท่วมตัว”
“ไอ้รักษ์ ข้าว่าเหงื่อก็ท่วมแกเหมือนกัน นา…”
“เออ อย่ากวน เหนื่อยนะโว้ยเดินมาไม่ได้มีจักรยานถีบเหมือนคุณชายเอ็ม อย่างเอ็ง”
“เอ็งว่า ที่นี่จะมีสาวสวยๆมั่งหรือเปล่า”
“สำหรับเอ็งนะไอ้เอ็ม แค่แปลกตาหน่อย ข้าก็เห็นเอ็งบอกว่าสวยทุกที ระวัง นังแนนคู่รักคู่กัดเอ็งมันจะบีบคอเอาเหอะ ถ้ามีสวยๆงานนี้เสร็จโจรปล้นใจ อย่างข้าแน่ เพราะข้าโสด…ไม่เหมือนเอ็งโว้ย”
สิ้นเสียงรักษ์ก็วิ่งขึ้นอาคารเรียน แบกกระเป๋าใบโตตรงไปที่โต๊ะ วางกระเป๋าเสร็จก็กวาดตาไปรอบห้อง เห็นทั้งเพื่อนหน้าเก่า หน้าใหม่ หยอกล้อเล่นกันเต็มห้องไปหมด
“มองอะไรของแกว่ะ รักษ์”
“แนบ เงียบไปเลย ปิดปากให้สนิทด้วย” แนบรีบเอามือปิดปาก ด้วยกลัวเพื่อนใหม่จะได้ยินจึงบ่นพรึมพรำกับตัวเอง “ปากห้อยมันหนักกะบาลใครว่ะ”
ระหว่างนั้นเอ็มวิ่งตามเข้ามาอย่างเหนื่อยหอบ มือข้างหนึ่งเกาะบ่ารักษ์ไว้
“เอ็ม ไม่มีเลยว่ะ ไม่มีแบบที่เราคิดเลยว่ะ”
ได้ยินดังนั้นเอ็มเงยหน้าขึ้นมอง กวาดสายตาไปทั่วห้อง
“โอ้โห ไอ้รักษ์เอ็งไม่เห็นนางฟ้าไง ยืนจังก้าอยู่โน่น นางฟ้าปากเซ็กซี่ซะด้วย”
“นังแนนเนี่ยนะ ! กินหัวเอ็งได้คงกินไปแล้ว ดูยืนแยกเขี้ยว จะหักคอใครก็ไม่รู้น่ะ”
“แค่ปิดเทอมแล้วไม่โทรหา ต้องกินหัวเลยหรอว่ะ” พูดจบเอ็มวิ่งออกไปนอกห้อง
ส่วนรักษ์หันไปฉีกยิ้มกับแนน แล้ววิ่งตามเอ็มออกไป
…………………………………………………………..
“ไอ้รักษ์ เอาอีกแล้ว นวยนาดทุกเช้าเลยนะเอ็งเนี่ย !”
“เออ จะพูดเอาอะไรว่ะ ก็บอกว่าเหนื่อย เดินมั่งวิ่งมั่ง มันไกลนะโว้ย วันหลังก็ปั่นตัวแรงของเอ็งไปรับหน่อยดิ”
“เบื่อๆว่ะหนึ่งอาทิตย์เต็มๆแล้วเนี่ย ไม่มีอะไรให้สนุกเลย โรงเรียนเก่าดีกว่าเยอะเลยว่ะ”
“เออจริง ใกล้กว่านี้เยอะเลย”
เสียงระฆังเข้าแถวหน้าเสาธงดังเตือนบอกเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ สวดมนต์
“ไปเร็ว เก็บกระเป๋าไม่ทันแล้ว เอาไปด้วยเลยแล้วกัน”
“เออ จักรยานข้าด้วยเก็บไม่ทันเหมือนกัน”

รักษ์วิ่งไปต่อท้ายเพื่อนๆซึ่งมายืนเตรียมตัวอยู่ก่อนเวลาแล้ว อาการเหนื่อยหอบยังคงไม่จางหาย เงยหน้ามองยอดเสาธง ลดสายตาต่ำลง หันขวาเจอรุ่นพี่ ปอห้า หันซ้ายเจอรุ่นเดียวกันเอง ปอสี่ รักษ์หันกลับมามองตรงไปด้านหน้าก่อนจะหันไปด้านซ้ายมืออีกครั้ง แววตาจ้องหญิงผู้ยืนอยู่ด้านข้างนั้นตาไม่กระพริบ แล้วหันไปด้านหลัง
“เอ็มๆ ใครว่ะ…” พูดไม่ทันจบรักษ์ก็สังเกตเห็นจักรยานที่เอ็มจูงเอามาเข้าแถวด้วย “…อ้าวไอ้เอ็มเอาจักรยานเข้ามาทำไม”
“เอ็งยังเอากระเป๋ามาเข้าด้วยได้เลยนี่…”
เอ็มพยายามจะมองหน้าแต่ ด้วยอยู่ด้านหลังจึงมองไม่ถนัดนัก ห่างหนึ่งแขนมันเป็นอุปสรรคต่อเอ็มเสียแล้ว
“รักษ์ๆ สวยป่าวว่ะ”
รักษ์หันมองหน้าหญิงนั้นอีกครั้งแล้วหันไปส่ายหัวให้เอ็ม ทั้งๆที่ตัวเองสดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ทั้งผิวที่ขาว ทั้งผมที่ยาว ปิดเทอมเธอคงไม่ได้ตัดเลยเป็นแน่

“เด็กชายเอ็ม ออกมาหน้าเสาธง” เสียงตะโกนก้องมาจากด้านหน้า
ได้ยินดังนั้นเอ็มจึงจอดจักรยานตั้งเอาไว้ แล้วก้าวออกไป
“เอาจักรยานมาด้วย”

เสียงเพลงชาติจบลง เสียงสวดมนต์สิ้นสุด ครูผู้ที่เรียกเอ็มสั่งให้เอ็มหันหน้ากลับมาหาเพื่อนๆ แล้วครูก็ชี้แจงเรื่องการเข้าแถวหน้าเสาธง พูดเลยไปถึงเรื่องความรับผิดชอบ “ขนาดมีจักรยานยังมาสาย …” แต่เอ็มไม่ได้สนใจฟัง พยายามชะเง้อมองเข้ามาด้านใน เพื่อมองหน้าหญิงผู้นั้น แต่ก็ไม่เห็น
ไม่นานนักครูก็สั่งปล่อยแถวและปล่อยจากชั้น ปอหนึ่งก่อนไล่มาจนกระทั่งถึงมอสี่ แถวผู้หญิงเริ่มเดินเรียงหน้าออกมา จนกระทั่งถึงหญิงผู้ที่เอ็มตั้งตารอ ได้เห็นหน้าชัดเท่านั้น ก็นึกด่าเพื่อนทันที “ไอ้รักษ์…เนี่ยนะไม่สวย”
“กลอยใจ มาหาครูก่อนเดี๋ยวคอยขึ้นห้องเรียนพร้อมครู” พูดจบก็หันมาหาเอ็ม
“เอ็ม เข้าไปได้แล้ว”
เอ็มเดินจูงรถถีบคู่ใจ ท่องชื่อ “กลอยใจ” , “กลอยใจ” , “กลอยใจ” ... ... ...
“เฮ้ย ! เอ็ม อะไรคือกลอยใจ ท่องอะไรว่ะน่ะ”
“ชื่อนางฟ้าของข้า แต่ซาตานของเอ็งไง พูดมาได้ไงว่ะ ไม่สวย”
“พูดเมื่อไร ไม่ได้พูด ส่ายหัวเฉยๆ… เอ็งจะจีบหรอ”
“เออ”
“จีบทำไมว่ะ ไม่เห็นสวยเลย แล้วแนนล่ะ แนนมันรักเอ็งนะวุ้ย”
“แต่ข้ารัก กลอยใจแล้วว่ะ”
รักษ์เกาหัว…
“แล้วข้าจีบได้หรือเปล่าว่ะเอ็ม”
“เอ็งจะจีบทำไม เอ็งบอกไม่สวย ข้ารู้เอ็งไม่จีบหรอก ไม่ต้องมาแกล้งข้าเลย”
“เออๆ ก็บอกไปแล้วไม่สวย จะจีบทำไมล่ะ” รักษ์ฝืนพูด…ทั้งๆที่ใจแอบปลื้ม ตาแอบมอง แอบจ้อง แต่เพราะคำพูดตัวเองแท้ๆ หมายจะกันเพื่อนให้ห่างแต่ตกกระไดพลอยโจนกับคำพูดของตัวเองเข้าแล้ว

รักษ์ยังคงนั่งเหม่อกับภาพนางในฝัน “กลอยใจ” นางในฝันของรักษ์ตอนนี้กลายเป็นนางฟ้าของเพื่อนที่รักษ์ รักมากที่สุดคนหนึ่งไปแล้ว รักษ์เงยหน้ามองนาฬิกาเกือบได้เวลาแปดโมงครึ่ง แล้วหันมองประตูทางเข้า เฝ้ารอคอยกลอยใจให้เดินเข้ามาในห้องพร้อมครูผู้สอนคาบวิชาแรก รอคอยภาพที่กลอยใจแนะนำตัวกับเพื่อนยามนั้นหล่อนยืนหน้าห้องคงเด่นฉายประกายความสดใส ให้หนุ่มน้อยๆหลายคนได้เชยได้ชม รักษ์นั่งเหม่อจนครุ่นคิดไปได้ว่า แล้วกลอยใจจะเห็นเขาหรือไม่ ! ตัวเองก็นั่งซะริมห้องติดหน้าต่างขนาดนี้ หันเข้ามาในห้อง เก้าอี้ว่างก็เหลือแต่เพียงข้างแนน ที่เดียวเท่านั้นคิดในใจพลางกำลังจะรุกไปนั่ง แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ขืนรุกไปนั่งข้างแนน ที่ว่างก็เหลือแต่เพียงข้างเอ็มเท่านั้น ไม่ได้เป็นแน่ รักษ์ตัดสินใจนั่งอยู่ที่เดิม
“แนนๆ อยากมานั่งข้างรักษ์หรือเปล่า ?”
รักษ์ได้ยินเอ็มถามแนนแบบนั้น จึงตะเบ็งเสียงขึ้นทันที
“เฮ้ย เอ็มทำแบบนี้ไม่ได้นะ ข้าไม่ชอบนั่งเรียนข้างผู้หญิง ให้แนนมานั่งกับข้าไม่ได้ ข้าเรียนไม่รู้เรื่องแน่”
“เออ แนนก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะไปนั่งน่ะ ไม่ต้องกะวนกะวายใจหรอก ไม่ต้องกลัว รู้อยู่ว่าไอ้…เพื่อนเอ็มมันคิดอะไร !”
ได้ยินดังนั้นรักษ์ก็โล่งอกหันไปฉีกยิ้มให้แนน
“คิดไรของแกว่ะ แนน ข้าไม่ได้คิดอะไร”
“อ้าวๆ เงียบๆกันหน่อย ส่งเสียงดัง ไม่อายเพื่อนใหม่หรือไง…” เสียงครูวันเพ็ญเดินเข้ามาถือแฟ้มโตๆ พร้อมกับกลอยใจ ที่ก้าวตามครูเข้ามาในห้องเช่นกัน
“ตั้งแต่วันนี้จะมีเพื่อนใหม่มาเรียนด้วยกับพวกเราอีกหนึ่งคน เดี๋ยวครูจะให้เพื่อนแนะนำตัวเองว่าเป็นใครมาจากไหน ให้ทุกคนได้รู้จัก และหลังจากนั้นให้ทุกคนยืนแนะนำตัวเอง เพื่อเป็นการต้อนรับเพื่อนเช่นกัน… เริ่มได้เลยจ่ะ กลอยใจ”
กลอยใจเดินไปหยุดยืนกลางห้อง วางกระเป๋าหิ้วใบใหญ่ลงกับพื้น หันกลับมายกมือขึ้นไหว้ครูวันเพ็ญก่อนจะหันกลับไปหาเพื่อนๆร่วมห้อง
“สวัสดีค่ะ ครูวันเพ็ญ และเพื่อนที่น่ารักทุกคน ดิฉันชื่อ กลอยใจ ย้ายมาจากเชียงใหม่ วิชาที่ชอบ คณิตศาสตร์ วิชาที่ไม่ชอบวิชาภาษาไทยค่ะ งานอดิเรกเขียนบันทึกประจำวันค่ะ”
“ทำไมไม่ชอบวิชาภาษาไทยคะ แล้วถ้าไม่ชอบจะเขียนบันทึกประวันได้อย่างไรล่ะ กลอยใจ” เสียงครูวันเพ็ญเอ่ยถาม
“สงสัยสะกดคำว่ารักไม่เป็นครับครู เดี๋ยวผมคงต้องสอนให้ครับ” เพื่อนๆในห้องได้ยินเอ็มพูดดังนั้นก็หัวเราะกันลั่นห้อง เว้นเพียงแต่รักษ์เท่านั้นที่ยังคงนั่งนิ่ง ติดริมหน้าต่าง และเวลานี้เองที่กลอยใจหันไปมองหน้ารักษ์แล้วพึงยิ้ม รักษ์ก็ยิ้มตอบ
“อ้าวๆ พอๆ เงียบได้แล้ว ครูถามกลอยใจ ให้กลอยใจตอบนะเอ็ม”
“คือ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่เรียนวิชานี้ไม่ค่อยได้ดี ก็เลยรู้สึกว่าไม่ชอบ ส่วนเรื่องการเขียนบันทึก ก็เขียนเอาแต่ความรู้สึกตัวเอง เท่าที่ตัวเองรู้สึกค่ะ ผิดบ้างถูกบ้างก็ปะปนกันไป เขียนถูกเขียนผิด ก็เอาแค่ความหมายที่อยากระบายอะไรลงไปค่ะ”
“อย่าลืมจดผมไว้ในใจด้วยนะครับ”
ภาพเดิมกลับมาอีกครั้งเสียงดังลั่นห้อง เพื่อนหัวเราะราวกับชมเชยในความกล้าของเอ็ม
“เอ็ม…คนแรกเลยแนะนำตัวให้เพื่อนรู้จัก แล้วตามด้วยรักษ์แล้วไล่ไปจนครบทุกคนตามที่นั่ง”
“สวัสดีครับ ชื่อเอ็มครับ วิชาที่ชอบ แต่ก่อนไม่มีครับ แต่ตอนนี้มีแล้ว วิชาคณิตศาสตร์ครับ เพราะเห็นกลอยชอบผมเลยชอบด้วย วิชาที่ไม่ชอบ ภาษา ๆๆ …ภาษาอังกฤษครับ งานอดิเรกก็ไม่เคยมีครับ แต่ต่อไปนี้คงจะมี คงต้องนั่งสอนกลอยสะกดคำว่ารักทุกวันครับ …” เอ็มหันหน้าไปด้านหลัง มองหน้าเพื่อน ๆ “อ้าวเฮ…” เพื่อนก็เฮกันลั่นห้อง
“พอแล้วเอ็ม เอ้ารักษ์ถึงคิวแล้ว”
กลอยใจหันไปมองหน้ารักษ์ อมยิ้ม นิ่งฟังอย่างตั้งใจ
“ชื่อรักษาครับ ชื่อเล่นชื่อรักษ์” พูดจบรักษ์ก็นั่งลง
ทำเอาสีหน้ากลอยใจเปลี่ยนไปบึ้งตึงทันที ขณะที่เพื่อนๆคนถัดมาลุกยืนขึ้นแนะนำตัวเอง แต่กลอยใจยังคงมองรักษ์อยู่ และรักษ์ก็ยังคงเหม่อมองไปนอกหน้าต่างทำเหมือนไม่สนใจสิ่งใด ปานทั้งสองโกรธกันมาแต่ชาติปางไหน

หลังจากเพื่อนๆทุกคนแนะนำตัวเสร็จ
“กลอยใจ เดี๋ยวกลอยใจไปนั่งข้างแนนนะ”
กลอยใจไม่ได้ฟังว่าคนไหนชื่อแนน แต่โชคดีที่มีเพียงที่นั่งด้านหน้าที่เดียวที่ว่างอยู่ กลอยใจจึงยกกระเป๋าเดินไปใกล้แล้วเอ่ยถามเพื่อนความแน่ใจอีกครั้ง
“ชื่อแนนหรอ”
“อืม ใช่ นั่งสิ เดี๋ยวกลอยใจมานั่งตรงที่เก่าเรานะ เราขอนั่งอีกที่ดีกว่ารำคาญเอ็ม มันพูดมาก”
“ได้สิ”
“เออๆ กลอย ไม่รู้หรอว่าครูวันเพ็ญแกสอนวิชาภาษาไทย”
กลอยใจยิ้มแล้วส่ายหัว
“อ้าวนักเรียนทุกคน เราก็ทำความรู้จักกันมาพอสมควรหนึ่งสัปดาห์แล้ว คราวนี้เราคงต้องเลือกหัวหน้าห้อง และรองหัวหน้าห้องกัน สำหรับกลอยใจ จะเสียเปรียบเพื่อนหน่อยเพราะไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเพื่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ให้นักเรียนทุกคนเขียนชื่อเพื่อนลงในกระดาษหนึ่งคนเท่านั้น เขียนชื่อคนที่เราอยากให้เป็นหัวหน้าห้อง ครูจะเลือกจากคนที่ได้อันดันหนึ่งและอันดับสอง เป็นหัวหน้าห้องและเป็นรองหัวหน้าห้องตามลำดับ”
…………………………………………………………..
“รักษ์ เขียนชื่อใครว่ะ”
“บอกไม่ได้เป็นความลับว่ะ เอ็งก็คงเลือกกลอยใจใช่ป่าว”
“ก็แหง ล่ะข้าจะเลือกใครได้อีกว่ะ ข้าคงไม่เลือกแกหรอก แกน่ะได้อยู่แล้ว เรียนก็เก่ง นิสัยก็ดี ช่วยเหลือเพื่อน ใครๆก็คงสนับสนุนเอ็งว่ะ ทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ก็ยอมรับแกหมด การบ้านทุกวิชา เพื่อนก็ลอกแกทั้งนั้น”

“เงียบก่อนนักเรียนทุกคน ครูจะประกาศคะแนนที่แต่ละคนได้รับนะ ครูขอประกาศผู้ที่ได้เป็นหัวหน้าห้องเลยแล้วกัน เพราะครั้งนี้มีสามคนเท่านั้นที่ถูกเขียนชื่อมา”
เสียงเพื่อนในห้องเริ่มคุยกัน “รักษ์ ชัวร์อยู่แล้ว ยังไงก็รักษ์” , “เราก็เขียนชื่อรักษ์” , “เราด้วย” , “เออเราก็เขียนเหมือนกัน”
“เด็กชายรักษา ได้เป็นหัวหน้าห้องนะคะ เพื่อนเขียนชื่อมาทั้งหมด 37 คน”
เสียงปรบมือลั่นห้อง
“ยืนได้เลยค่ะ ยืนปรบมือให้เพื่อนหน่อย” ครูวันเพ็ญกล่าวพร้อมปรบมือ
คู่หนึ่งเสียงปรบมือค่อยๆเบาลงเพื่อนๆทุกคนเริ่มค่อยๆนั่งลง
“ครูสอนมาหลายปีแล้วยังไม่เคยเห็นใครได้รับคะแนนจากเพื่อนเยอะขนาดนี้ ครูดีใจมากที่ได้รักษ์เป็นลูกศิษย์ และรักษ์พิสูจน์ให้เพื่อนๆยอมรับได้ในสัปดาห์เดียว แค่นี้ถือว่าเก่งมากสำหรับเด็กปอสี่ รักษ์ช่วยยืนขึ้นแล้วพูดอะไรกับเพื่อนหน่อย”
“ขอบใจเพื่อนๆทุกๆคนมากที่มอบหน้าที่ที่สำคัญให้ ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และจะทำ…”
ระหว่างที่พูดไปนั้นก็หันไปสบตากับกลอยใจพอดี ที่คิดไว้จะพูดอะไรไว้อีกต้องมากมายก็พูดไม่ออกแล้ว
“…ทำอย่างเต็มที่ครับ” ประโยคจากปากรักษ์ก็ต้องจบลงพร้อมกับการรีบนั่งอย่างฉับไว
“ตื่นเต้นหรอรักษ์ อาการแปลกๆ” ครูวันเพ็ญยิ้มให้รักษ์อย่างเอ็นดู
“ต่อครูจะประกาศผู้เป็นรองหัวหน้าห้องนะ ยินดีด้วยกับเพื่อนใหม่ของเรา เด็กหญิง กลอยใจ ได้เป็นรองหัวหน้าห้องนะคะ เพื่อนๆเขียนชื่อกลอยใจมาทั้งหมด 2 คนค่ะ”
เสียงในห้องเงียบ ด้วยความแปลกใจเพื่อนใหม่มาวันเดียว ยังไม่ทันได้เริ่มเรียนได้เป็นรองหัวหน้าห้อง
“รักษ์ ข้ามีคู่แข่งแล้วว่ะ”
“ทำไมว่ะ”
“ก็เขียนชื่อกลอยใจไป แล้วอีกคนหนึ่งใครเขียนว่ะ หรือว่าเป็นเอ็ง”
“เฮ้ย เปล่านะโว้ย เปล่าๆ ไม่ได้เขียน”
แนนนั่งบวกเลขในเศษกระดาษ 37 + 2 = 39 พลางคิดในใจ “ห้องเรามีทั้งหมด 40 คน ดังนั้นเหลืออีกคนเดียว และเหลืออีกชื่อเดียวที่จะถูกเขียน เพราะครูบอกแล้วว่ามีคนถูกเขียนชื่อสามคนเท่านั้น” เมื่อเป็นดังนั้นจึงตะโกนข้ามโต๊ะไป

“แนน เขียนเองมีอะไรเปล่า กลอยใจน่ารักแถมยังนั่งข้างเรา เราไม่เลือกได้ไง”
กลอยใจหันมายิ้มให้แนน
“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว คนต่อไปที่ครูจะประกาศชื่อคนที่ถูกเขียนชื่ออีกคนหนึ่งเลยแล้วกัน เด็กชายเอ็ม เพื่อนเขียนชื่อเธอมาหนึ่งคน”

เอ็มได้ยินดังนั้นหันไปหารักษาทันที
“รักษ์ๆ ข้าดีใจว่ะ” พูดเสร็จก็กอดรักอย่างแรง
“เรื่องอะไรว่ะ”
“ก็กลอยใจไง เขาเขียนชื่อข้า เขาประทับใจข้าแล้วไง”
“เอ็งรู้ได้ไงว่ะ”
“รู้สิ แกเขียนชื่อข้าหรือเปล่าล่ะ”
คำถามกับเหตุการณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนรักษ์ไม่ทันได้คิดอะไรก็ตอบสวนกลับไปทันที
“เปล่า ไม่ได้เขียนชื่อเอ็งคนที่รู้จักเอ็งจะมีใครเขียนชื่อเอ็งบ้างว่ะ มีแต่ข้านี่ล่ะที่คบเองอยู่”
“นั่นไง ก็แสดงว่าเป็นกลอยใจ กลอยใจเพิ่งมาไม่รู้จักนิสัยข้าไง แต่คงประทับใจในหน้าตาหรือไม่ก็ฝีปากกล้า ของข้า” เอ็มเงียบไปครู่หนึ่ง
“รักษ์ คนเขียนชื่อเอ็ง 37 คนใช่เปล่า”
“อืม ใช่”
“ข้าเขียนชื่อ กลอยใจ แนนเขียนชื่อกลอยใจ กลอยใจเขียนชื่อข้า รวมกับ 37 คน มันเท่ากับ 40 คนพอดีเลยนะโว้ย”
“อืม ก็ใช่ไง ห้องเรามี 40 คน”
“อ้าว งั้นเอ็งก็เขียนชื่อตัวเองสิ !”
รักษ์เงียบ ฉุกคิดตามที่เพื่อนบอกแต่ไม่ทันได้พูดอะไร เอ็มก็กระจายข่าวให้เรียบร้อย
“เพื่อนๆ ไอ้รักษ์มันเขียนชื่อตัวเองโว้ย” พูดจบเอ็มก็ขำลั่นห้อง
รักษ์ยังคงครุ่นคิดว่าทำไมเป็นเช่นนั้นไปได้ในเมื่อเขาไม่ได้เขียนชื่อตัวเอง แต่เขียนชื่อกลอยใจไป เมื่อคิดได้เช่นนั้น ชื่อแนนก็แว๊บขึ้นมาในสมองทันที
……………………………………………………
“กลอยใจ เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกันนะ”
“ช้าไปแล้วเอ็ม แนนชวนแล้ว”
“ไปสิชักช้ากันอยู่ได้” รักษ์เอ่ยแล้วเดินนำหน้าไป
“อ้าวๆ ไอ้รักษ์มั่วเลยนะ ดูมันทุกวันไม่เคยจะไปกินข้าวพร้อมแนนเลย มันบอกไม่ชอบกินข้าวกับผู้หญิง”
“คิดมากน่ะเอ็ม วันนี้เพื่อนใหม่มา รักษ์มันก็อยากกินด้วยล่ะมั้ง เห่อเพื่อนใหม่น่ะเดี๋ยวก็คงเหมือนเดิม”

พูดจบแนนก็วิ่งตามรักษ์ไป ปล่อยให้กลอยใจเดินไปกับเอ็ม
“อ้าวแนน กลอยใจล่ะ”
“โน่น ไอ้เอ็มมันจัดการดูแลเรียบร้อยแล้ว”
รักษ์หันไปมอง แล้วหันกลับมาจ้องหน้าแนน
“มีอะไรอีกล่ะ มีอะไรก็ว่ามา มองตาแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ”
“เรารู้นะว่าแนน ไม่ได้เขียนชื่อกลอยใจ”
“รักษ์ก็ไม่ได้เขียนชื่อตัวเองไม่ใช่หรอ”
“สัญญากันได้หรือเปล่า ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“ได้สิ”
ทั้งสองก็เดินเกี่ยวก้อยกันตรงเข้าโรงอาหารไป
“กลอยใจๆ ดูสิ สองคนนั้นเกี่ยวก้อยกันด้วย”
“เขาเป็นแฟนกันหรอ”
“อืม ใช่ !?!”
เอ็มตอบไปแต่ก็ยังคิดว่า สองคนนั้นเกี่ยวก้อยกันเรื่องอะไร ทั้งๆที่สองคนนี้ความจริงก็ไม่ค่อยจะได้คุยกันบ่อยสักเท่าไร ความสนิทก็ไม่น่าจะมีถึงขนาดทำให้เกี่ยวก้อยกันได้

กลอยใจเป็นเด็กหญิงน่ารัก กริยาท่าทางเรียบร้อย เหนียมอายตลอดทุกเรื่องทุกราว พูดน้อย เพื่อนทุกคนจะได้เห็นรอยยิ้มของเธอมากกกว่าการได้ยินเสียง เธอได้พบเพื่อนทั้งสามคนก็ไม่มีโอกาสได้เลือกคบแต่อย่างใดเพียงแต่โอกาสที่เก้าอี้มันว่างๆข้างๆแนน เลยทำให้ทั้งสี่ได้รู้จักกัน ในสายตาคนอื่นกลอยใจอาจดูร่าเริง ตลอดเวลา แต่ในสายตารักษานั้น ในบางแง่บางมุม บางเวลาเขาเห็นว่ากลอยใจเป็นคนอมทุกข์ เพราะหลายครั้งที่เขาสองคนได้มีโอกาสอยู่ด้วยกัน รักษ์จะเห็น จะได้สัมผัสความรู้สึกลึกๆ ของกลอยใจเสมอ

“รักษ์ เอ็งไปประกวดมารยาทงาม กับกลอยใจน่ะ อย่าแอบแต๊ะอั๋งนะ แฟนข้าจำไว้ด้วย”
“เออ…”

หลายวันที่ทั้งกลอยใจและรักษาต้องรีบกินข้าวแล้วใช้เวลาพักกลางวันขึ้นมาซ้อมเพื่อจะเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดมารยาทงาม ทำให้ทั้งสองมีโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้น ความสนิทสนมเริ่มก่อตัว อากาศที่กั้นระหว่างสองกายเริ่มมีพื้นที่น้อยลง หลายครั้งที่กินข้าวเสร็จช้า และหลายครั้งที่กลอยใจก็วิ่งมาคว้าข้อมือรักษ์วิ่งขึ้นห้องซ้อม หลายครั้งที่เอ็มหงุดหงิด หลายครั้งที่แนน “ไอ้เอ็ม จะบ้าอะไรนักหนา มันรีบไปซ้อม” แต่ทุกครั้งรักษ์ก็วิ่งตามแนนไปพร้อมกับแอบอมยิ้ม และสิ้นสุดลงเมื่อถึงหน้าห้องซ้อม รักษ์ก็ดึงข้อมือออก จนบางครั้งครา กลอยใจก็ละมือนั้นเอง พร้อมกับงอนเล็กๆเช่นกัน

“รักษ์ วันนี้เราจะชนะไหม ?”
“ไม่รู้สิ”
“รักษ์ คิดว่าเราจะได้เป็นตัวแทนกลุ่มโรงเรียนไปประกวดระดับอำเภอหรือเปล่า ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“รักษ์ คิดว่าเราจะเอาที่หนึ่ง ไปฝากพ่อ-แม่ได้หรือเปล่า ?”
“ไม่รู้…”
“รักษ์ เคยรู้อะไรบ้าง ?”
“รู้ ว่ากลอยไม่ได้พูดน้อยเหมือนตอนอยู่กับเพื่อนๆไง”
“แต่ทุกคำที่พูดมันความหมายเดียวกันหมดนะ จะว่าไม่พูดน้อยได้ไง”

หลายครั้งที่รักษ์ลืมตัว เขาพยายามหาเรื่องคุยกับกลอยโดยตะโกนข้ามหัวเอ็มไป ถามนู่นถามนี่ด้วยอ้างว่าตัวเองไม่เข้าใจ จนหลายครั้งที่เอ็มแปลกใจ เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันเรียนมาด้วยกันหลายปี รักษ์ก็เรียนด้วยตัวเองมาโดยตลอด และบางครั้งเอ็มก็หลุดที่จะถามรักษ์ไปว่าคิดอะไรกับกลอยใจหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่ถาม รักษ์ก็ตอบคำถามเดิมๆว่าไม่ได้คิดอะไร หลังจากโดนเอ็มถามเช่นนี้พฤติกรรมแบบนี้ของรักษ์ก็จะหายไปสองสามวันหรือเป็นสัปดาห์ ปล่อยให้กลอยใจตั้งตารอ ว่าเมื่อไรรักษ์จะมาถามการบ้าน ตะโกนถามเรื่องเรียนอีก ทำให้เธอต้องรู้สึกว่าห่างเหินเหลือเกินในยามที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และรู้สึกใกล้ชิดกันอีกครั้งเมื่อความสงสัย ความแกล้งไม่เข้าใจของรักษ์กลับมา ทำให้ความรู้สึกเกิดเป็นลูกคลื่นขึ้นๆลงๆ จนทำให้กลอยใจเชื่อว่ารักษ์ไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ
หลายเหตุ หลายการณ์ ผ่านเวลาเนิ่นนานสามปี ทั้งสี่คนจำใจต้องจำลา แต่จะมีสิ่งใดเล่าผูกคนทั้งสี่เอาไว้ด้วยกัน หากไม่มีความรู้สึกดีๆ หากมีแต่คำว่าเพื่อนมันจะยืนยาวสักเพียงไหน หากไม่เข้าใจความหมายของมันหากยังมีความในใจที่ค้างคา แล้วกาลเวลาจะกลืนกินสิ่งเหล่านี้ให้ลืมเลือนหายไป เมื่อพบความรู้สึกใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ และความหมายของคำว่าเพื่อนชัดเจนมากขึ้นเมื่อทั้งสี่โตขึ้น แล้วความในใจที่ยังคงค้างคาล่ะ…
เป็นธรรมเนียมที่ก่อนจะลาจากกันเด็กทุกคนต้องนำของขวัญมาจับสลากแลกกันทุกปี หลายครั้งที่รุ่นพี่กลับมาที่โรงเรียนแล้วเล่าให้ฟังเสมอว่า คนที่ได้ของขวัญของอีกคนหนึ่งจะได้กลับมาพบกันอีกหลังจากที่จากกันไป เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาปากต่อปาก เป็นจริงหรือเรื่องเล่าเพื่อสร้างความผูกพันธ์แก่รุ่นพี่และรุ่นน้องไม่มีใครทราบ จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อโรงเรียนเล็กๆแห่งนี้ไม่มีแม้งานคืนสู้เหย้าด้วยซ้ำไป

ในวันที่จับสลากรักษ์ยืนมองของขวัญตัวเองในมือกลอยใจอย่างปลื้มใจแต่ก็ต้องเก็บอาการไม่ให้ใครได้รับรู้ ของขวัญเป็นสร้อยเหรดข้อมือเป็นสร้อยเงินซึ่งเป็นเครื่องรางของหลวงพ่อชื่อดังแถวบ้าน รักษ์ไปขอพ่อมาเพราะว่าไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของดีๆเหมาะๆ ให้เพื่อนเป็นของขวัญแทนการบอกลา และรักษ์ก็ไม่เคยคิดว่าของสิ่งนี้มันจะตกไปอยู่ในมือกลอยใจ

“รักษ์เราจะไปแล้วนะ” กลอยใจยิ้มและหุบยิ้มเกือบไม่ทันเมื่อ
“อืม ก็ไปสิ”
“รักษ์ไม่มีอะไรจะบอกเราหรอ”
…นิ่ง…เงียบ…เงียบ...นิ่ง...เฉย...จนกระทั่งกลอยใจหันหลังเดินจากไป
“ไอ้รักษ์ มึงจีบกลอยใจหรอ กูสงสัยมานานแล้ว” เสียงตะโกนดังลั่น พร้อมกับมือที่ตรงเข้ามาผลักอกรักษ์เต็มแรง
“เฮ้ย เอ็มทำไมทำแบบนี้ก็เคยบอกไปแล้วว่าไม่ได้จีบ”
“เอ็ม แกจะกลัวอะไร รักษ์มันไปเรียนในจังหวัด ส่วนเอ็ง กลอย และ แนน ไปเรียนมัธยมแค่ระดับอำเภอ โรงเรียนเดียวกัน เจอหน้ากลอยใจทุกวัน” แนนเอ่ยขึ้นเมื่อวิ่งเข้าไปยืนตรงกลางระหว่างเพื่อนสองคน
“ไอ้รักษ์ มึงกับกูพอกันที กูไม่เชื่อมึงแล้ว กูเห็นกลอยใจยิ้มให้มึงด้วย มึงต้องบอกรักกลอยใจแน่ๆ ที่ผ่านมามึงคงแอบรักกลอยใจมาตลอด วันนี้คงถือโอกาสเผยความในใจ”
“รักษ์ ๆ” กลอยใจวิ่งกลับมา แต่ยังคงยืนอยู่ห่าง เธอเอามือป้องปากพลางตะโกน
“เก็บของเราไว้ดีๆนะ แล้วเราจะได้เจอกัน” เธอโบกมืออำลา แล้วหันหลังวิ่งออกจากโรงเรียนไป

แต่สิ่งที่พุ่งตรงเข้ามาหาใบหน้ารักษ์ คือหมัดของเอ็ม จนรักษ์ทรุดลงไปนั่งกับพื้น แนนรีบกระชากข้อมือของเอ็มออกไป
“รักษ์ ตั้งใจเรียนนะ โชคดีแล้วมีโอกาสคงได้เจอกัน” แนนหันกับมาตะโกนพลางลากเอ็มออกให้ห่างรักษ์มากที่สุด




 

Create Date : 12 กันยายน 2552    
Last Update : 12 กันยายน 2552 20:06:16 น.
Counter : 496 Pageviews.  


ศิลป์ใจ
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




******###@###*****
...เรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต แต่เลือกเรื่องเล็กๆที่เป็นช่องว่างของสังคม มา ตัด เสริม เติม แต่ง ซึ่งอาจเหลือความจริงเพียงน้อยนิด และเรื่องราวเหล่านี้อาจทำให้ใครหลายคนก้าวเข้าไปถึง ช่องว่างที่ใครหลายคนอาจไม่เคยเห็น...
*******************
*****###@###******
...งานเขียนใน Weblog นี้เป็นของ ศิลป์ใจ ศิริกาลกุล ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗...
*******************
Friends' blogs
[Add ศิลป์ใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.