Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 

โลกธรรมแปด

มีนา 56

ในวันที่เรื่องโน้นเรื่องนี้วิ่งเข้ามา ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่ต้องมารับรู้ มาช่วยแก้ปัญหา ยังไงก็เหมือนเรื่องของตัวเองอยู่ดี แต่จะยึดเป็นของตัวเองรึเปล่า ขึ้นอยู่กับว่ารู้ตัวเร็วแค่ไหน รู้ตัวเร็ว เอาใจออกมา ก็ไม่หนักมาก รู้ตัวช้า ก็โดนซะ หลับไปฝันร้ายไป Smiley

จะเรื่องอะไรก็ตาม มักจะนึกถึงวันที่รับซองโบนัส เขาประกาศกันไปเป็นสัปดาห์ เราไม่ได้สนใจ ประมาณคร่าวๆขั้นต่ำที่ควรได้ แล้วก็จัดการเรื่องภาษี แล้วก็ไม่ได้สนใจ จนคนโน้นคนนี้ส่งเสียงมาว่าเขาได้อะไร ไม่ได้อะไรบ้าง เราก็..เหรอ ยังไม่รู้ว่าตัวเองได้เท่าไหร่เพราะลากลับบ้านต่างจังหวัด ไม่สนใจจะรอซองเงินเดือน ผ่านไปหลายวันถึงเช็คยอดเงินในธนาคาร แล้วก็คาดว่าควรจะได้สักกี่เดือน กลับมาทำงาน รับซองเงินเดือน ยังไม่คิดจะเปิดดู กลับมาที่พักเย็นวันนั้น กราบพระแล้วก็บอกตัวเองว่า มีลาภ เสื่อมลาภ .. ถึงจะเปิดดูว่าได้เท่าไหร่

ปีนี้ลาภเยอะ ปีต่อไปเผื่อไม่ได้ เผื่อเจ้านายไม่ชอบใจในผลงาน เผื่อ... ก็อาจจะไม่ได้เหมือนกับหลายๆคนก็ได้ ถึงเวลานั้นก็เสื่อมลาภไง

หลังจากวันนั้น ก็นึกถึงโลกธรรม ๘ ได้บ่อยๆ นินทา สรรเสริญ อืม...เนอะ

ส่วนเรื่องตำแหน่ง ยังคิดถึงจูมง ละครที่ทั้งแม่และพี่สาวติดกันงอมแงมเมื่อหลายปีก่อน นึกถึงประโยคที่เขามอบหมายงานให้ลูกน้องว่า ที่มอบหมายให้คือหน้าที่ ไม่ใช่ตำแหน่ง เวลาทำงานจะได้อยู่ในขอบเขตตัวเอง เอาเนื้องานเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาหัวโขนไปประชันกับใคร

เพื่อนที่ทุกข์ใจเรื่องการเปลี่ยนแปลง พอยกธรรมะข้อนี้มา ของคู่กัน เขาบอกว่า ทำอะไรไม่ได้ก็แค่หาอะไรปลอบใจตัวเอง อ้าว...ซะงั้น Smiley  แต่ส่วนใหญ่เขาไม่มีข้อนี้ปลอบใจกันนี่ เขาถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อน เป็นทุกข์แล้วก็ดิ้นรนด้วยวิธีต่างๆ ทุกคนมีเหตุผลในการดิ้นรนและจัดการกับความทุกข์ของตัวเองต่างกันนี่นะ

...............

มิถุนา 56

ช่วงนี้นึกถึงโลกธรรม ๘ บ่อยเหลือเกิน อาจจะไม่ใช่สรรเสริญกับนินทา แต่คงเป็นสรรเสริญกับโดนว่าอย่างเทสาดเทเสียมากกว่า และที่แน่ๆคือ สุขกับทุกข์ ของคู่กันบนโลกใบนี้

(เคยเห็นน้องที่เพิ่งเข้ามหาลัยเขียนแซวกับน้องที่เพิ่งจบมหาลัยใน FB เป็นเด็กที่เจอกันบ่อยตอนไปฟังธรรม จำไม่ได้ว่าทั้งคู่คุยกันเรื่องอะไร สุดท้าย คนที่อ่อนกว่าสรุปว่า โลกธรรมแปดครับ... น่ารักจัง พ่อแม่เขาสอนมาดีนะ) 

เดือนก่อน โดน email กระหน่ำมาในวันที่ลาไปทำธุระต่างจังหวัด ราวกับคนที่ส่งมานั้นนัดกันมายำเรา อ่านแล้วโมโหเกิด แล้วก็ไป'สำออย'กับเพื่อนฝูงทาง Line สำออยจนคนโน้นคนนี้เข้ามาปลอบใจได้สักพัก ก็ถึงเวลาต้องยืนขึ้นเอง แลยบอกสาวๆกลุ่มนั้นว่า แค่บททดสอบว่าตัวเราใหญ่แค่ไหน ถ้าตัวใหญ่ก็เจ็บมาก เพื่อนเข้าใจแม้บางคนอาจจะไม่ได้เดินทางสายนี้ด้วยกัน

เตือนตัวเองว่า เอากายไปทำงาน เอาใจจดจ่อกับงาน ไม่ใช่จดจ่อกับความรู้สึกที่มีต่อใครหรือไปคิดว่าใครเขาจะรู้สึกต่อเรายังไง แต่ก็นั่นล่ะ มันยากนะ งานอะไรบ้างล่ะที่ไม่ต้องติดต่อสัมพันธ์กับใครให้เหนื่อยใจ

แม้จะใช้เทคนิคที่ครูบาอาจารย์สอนมาแล้วนะ ท่านสอนว่า เวลาเจ้านายเรียกไปหา ให้แผ่เมตตาก่อน แต่ว่ายิ้มเข้าไปทีไร หน้าแหยกลับมาทุกที

สัปดาห์นี้ก็มีมาอีก มาเป็นแพ็คคู่ ไม่รู้ว่ารายงานของเราทำให้เข้าใจผิดไปใหญ่โตอย่างนั้นได้อย่างไร แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ก็..ช่างเถอะ ตัวยังใหญ่อยู่ รับสารมาปุ๊บก็จิ๊ดปั๊บ รอเวลาสักพักเพื่อลดความแรงของความรู้สึกตัวเองก่อนโต้กลับ แม้จะสุภาพแต่ก็ต้องตอบกลับ เพื่อ...เลี้ยงเจ้าตัวนี้ให้ใหญ่ต่อไป  

ตัวใหญ่อย่างนี้ คงจะอีกนานกว่าจะเห็นว่าไม่มีตัวสักหน่อย Smiley

 ...............

เพื่อนทาง FB คนหนึ่งเอาข้อความมาแปะว่า

เวลามีปัญหา

ถ้าปัญหานั้น แก้ไขได้ จะต้องทุกข์ไปทำไม

ถ้าปัญหานั้น แก้ไขไม่ได้ ถึงทุกข์ไป ก็แก้ไม่ได้อยู่ดี 

เออ...เนอะ   Smiley

.....................

กันยา 56

ปัญหาทั้งหลาย เป็นเรื่องใหม่ของเรา แต่เป็นเรื่องเก่าของโลก Smiley ดิ้นรนไม่พอใจ อยากให้ใครๆมองเราในแง่ดี อยากให้ใครๆชื่นชม เมื่อมีใครแสดงออกไม่เป็นตามนั้น หรือตรงข้าม ก็..ไม่พอใจ รับไม่ได้ เฮ้อ... กว่าจะผ่านความรู้สึกพวกนี้ไป ไม่ง่ายเลย 

ผ่านไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ปัญญาเกิดบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ตัวเองภูมิใจในศีลที่รักษาไว้ดีแล้ว เกิดอะไรขึ้นมา ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งในใจ นายแวะมาเยี่ยม และการแสดงออกบางอย่างของนาย เหมือนการปลอบใจ เจ้านายฉลาด รู้แค่นั้นล่ะ ผลที่เกิดขึ้น จะทำให้ใครไม่พอใจเรา จะทำให้ใครเข้าใจผิด อันนี้ ช่วยไม่ได้จริงๆ 

...ในห้องห้องหนึ่งที่หลายผู้คนกำลังยิ้มแย้ม ต่อรองกันทางธุรกิจแต่ยังหัวเราะกันได้ หยิกกันบ้าง หยอกกันบ้าง เรากลับ..สงสารคนคนหนึ่ง ภาพยังติดตาอยู่เลย แปลกแยกจากทุกคน หมกมุ่นกับโทรศัพท์มือถือ  ภาพภายนอกที่เราเห็นเป็นแบบนั้น ความรู้สึกในใจ คงจะเยียบเย็นกว่าภาพอีกหลายเท่า ภาพนั้นล่ะที่สะท้อนกลับมา แต่ละคนผ่านอะไรมา เราไม่รู้เลย อะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งเป็นอย่างนี้  ทำอย่างนี้ พูดจาอย่างนี้ รู้สึกกับผู้คนอย่างนี้ เราสะสมอะไรมามากแค่ไหน เขาเองก็คงไม่ต่างกัน สุดท้าย เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า 

มีเพื่อนร่วมงานมาปรับทุกข์ บ่นว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับเขาด้วย อืม..เราเคยคิดแบบนี้เหมือนกัน แล้วก็แน่ใจเหลือเกินว่า การให้ร้ายใคร จะทางกายหรือวาจา ชั้นต้องเคยทำมาก่อนแน่ๆ Smiley  มั่นใจขนาดนั้น

ไม่รู้จะบอกยังไงดี ได้แต่บอกว่า อย่าไปผูกใจกับใครเลยค่ะ ให้ดีกว่านั้นคือให้อภัยเขา เพราะสุดท้าย ใจเราเองนี่ล่ะสบายจากการทำแบบนั้น ระวังตัวเองอย่าให้ใครทำร้ายได้ รู้จักเอาตัวรอดด้วย แล้วก็..ให้อภัยไป ไม่อยากกลับมาเจอกันอีก คงจะมีแต่วิธีนี้นั่นล่ะ ไม่อย่างนั้น บททดสอบที่ไม่ผ่าน มันจะกลับมาอีก..นะคะ  Smiley


..................

โลกธรรมเป็นเสมือนบททดสอบสำคัญที่เราต้องผ่านให้ได้ ถ้าผ่านไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนิพพาน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความเป็นอิสระหรือความสุขที่แท้

จะก้าวหน้าได้ต้องผ่านการซ้อม ต้องผ่านบททดสอบ การที่เราเจอสิ่งกระทบ เสียดแทง ควรถือว่าเป็นของดี เป็นบททดสอบ... เวลาถูกตำหนิ ถูกด่าว่า ควรนึกว่าดีเหมือนกัน มันเป็นเครื่องฝึกใจเรา ถ้าไม่ผ่าน ก็จะรู้ว่าเรายังมีข้อบกพร่อง หรือรู้ว่าเรายังมีกิเลสหนา มานะมาก มานะกับคำตำหนินั้นเป็นปรปักษ์กัน

คนที่มีมานะมาก จะทนฟังคำตำหนิไม่ได้ อย่าว่าแต่คำตำหนิเลย แม้แต่คำชม ถ้าชมไม่ถึงใจก็ไม่พอใจแล้ว

(บางส่วนจาก เส้นผมบังความสุข โดย พอจ.ไพศาล วิสาโล)




 

Create Date : 09 มีนาคม 2556    
Last Update : 22 กันยายน 2556 10:32:50 น.
Counter : 584 Pageviews.  

ขอโทษ เดี๋ยวนี้ !

เมื่อช่วงกลางเดือน โมโหจัด จากคนที่ทำงานเฉพาะกิจด้วยกัน มีตัวแสดงตัวเอกอยู่สองคน และแต่ละคนก็ทำให้เราโมโหอย่างแรงในวันที่เกิดเหตุ

โมโหแล้วยังไง? ก็ยังต้องทำต่อไป ทำคนเดียวไปอย่างนั้นล่ะ จนจบ สรุปงานถึงทุกคนในบ่ายวันเดียวกัน แล้วก็พยายามใช้คำที่สุภาพแต่บอกเป็นนัยๆว่า ชั้นจะไม่ทำงานนี้อีกแล้ว

นั่งคิดคิดว่า จะเอาอาการงอนมาส่งผลกับงานหรือยังไง พยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ก็ยังสรุปออกมาว่า ต้องเอาตัวเองออกไปจากวงแล้วให้เขาทำกันเอง เขาอาจจะทำไม่ได้เร็วเท่าเราไปจัดการ แต่เป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำแล้วล่ะ เพราะเราช่วยทำมาให้ตั้งแต่ต้น ส่วนท้ายนี่เป็นเรื่องของผู้ใช้งานระบบ เพียงแต่ถ้าเราเข้าไปกำกับ ไปสั่งการ (ซึ่งข้ามหน้าที่ตัวเองไปพอสมควร) มันก็จะเร็วขึ้น

แต่ชั้นเหนื่อย (ใจ) ไม่เอาแล้วเพื่อนร่วมงานแบบนี้ Smiley

ในระหว่างนั้น พนักงานในทีมฝั่งโน้นส่งคำถามมา ก็อธิบายไป จนเปลี่ยนคำอธิบายเป็นภาษาไทย จะได้เข้าใจกันมากขึ้น เด็กมันอุตส่าห์ตั้งใจลอง ตั้งใจถาม เราก็ตั้งใจตอบ..อย่างดี จนถึงประโยคปิดท้ายที่บอกชัดเจนว่า ให้พวกเขาไปทำต่อกันเอง กลับมาอ่านทีไร ก็ยังเข้าข้างตัวเองว่า ข้อความนั่นไม่ได้เจือความโกรธเลยนะ Smiley เป็น email ที่เราเห็นว่าหวานกำลังดี ไม่ประชด ไม่ต่อว่า คุยแต่เรื่องงานอย่างเดียว คุยแต่ว่าจะต้องทำอะไร ยังไง

เช้าวันหนึ่ง หวนคิดเรื่องนี้แล้วก็โกรธกรุ่นๆ จนเริ่มรำคาญตัวเอง ทำไมต้องโกรธ? โกรธเพราะต้องการคำขอโทษ คำนี้คำเดียวที่ยังไม่ได้ยินจากคนทั้งสองคนนั่น

ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ขอโทษ ไม่ใช่เพราะตัวเราใหญ่โตอะไร แต่เราต้องการให้เขาได้สำนึกผิด คำนี้คำเดียว เจอหน้ากัน โทรศัพท์คุยกัน ก็ไม่เห็นจะมีหลุดออกมา

พอโกรธเริ่มแรง ก็เริ่มพาลไปถึงลูกน้องฝั่งโน้นทั้งหมด พอความโกรธมันเริ่มขยายตัว แผ่ความร้อนขึ้นมาในใจ แล้วก็....

ขำตัวเอง จะโกรธให้ได้อะไรขึ้นมา ไปคาดหวังให้คนโน้นเป็นแบบนั้น แบบนี้ ไม่ได้ดังใจก็โกรธ คนทั้งโลกต้องเอ่ยคำว่าขอโทษงั้นเหรอถ้าเป็นแบบสองคนนี้ แล้วลูกทีมพวกเขาเกี่ยวอะไรด้วย (จริงๆก็เกี่ยวนั้นล่ะ) ถึงโดนหางความโกรธของเราไปด้วย

ขำได้ ใจก็สบาย ความเย็นเริ่มเข้ามาแทนที่ความร้อน แผ่เมตตาให้...ทั้งหัว ทั้งหาง  Smiley

แต่ที่ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรอกนะ ก็ไม่ได้เขียนไปด้วยอารมณ์งอน แต่เขียนไปด้วยความตั้งใจว่า มันควรต้องเป็นแบบนั้น เขาควรต้องเข้ามาทดลอง มาให้ความเห็น เราก็ทำในส่วนของเรา อาจไม่ได้ก้าวก่ายมากเหมือนก่อน แต่ก็ทำในบทบาทที่ควรจะทำนั่นล่ะ

จะพูดหรือไม่พูดคำว่าขอโทษ จะรู้สึกสำนึกผิดหรือไม่รู้สึก จะไปบังคับเขาได้ยังไงกัน เฮ้อ!!!

 .....................

สมุดบันทึกที่ที่ทำงานเก่าส่งมาให้ทุกปี จะมี quote ทุกหน้า ทั้งไทยและอังกฤษ

อันที่เกี่ยวกับความโกรธมีอยู่ว่า

In the Midst of great joy, do not promise anyone anything.

In the Midst of great anger, do not answer anyone's letter. (เราว่า ทั้งวาจาและตัวอักษรนั่นล่ะ Smiley )

If you are patient in one moment of anger, you will escape a hundred days of sorrow. (Chinese Proverb)

Whatever is begun in anger, ends in shame. (Benjamin Franklin)

ส่วนที่ต้องทำในชีวิตประจำวัน คงจะประมาณว่า โกรธก็รู้ ไม่โกรธก็รู้ Smiley

 




 

Create Date : 26 มกราคม 2556    
Last Update : 30 มกราคม 2556 19:13:56 น.
Counter : 1075 Pageviews.  

Double Standard!!!

ไม่รู้จะหัวเสีย เปรียบเทียบให้ได้อะไรขึ้นมา

น้องคนหนึ่งบ่นมาเป็นระยะจากประเทศใกล้ๆกัน คืนหนึ่งนั่งส่งข้อความหากันยาว เธอบอกว่าไม่มีความสุขเพราะไม่มีวันหยุดมาหลายเดือนแล้ว เราคุยกันเรื่องความสุข บอกไปว่า ถ้าต้องรอที่จะมีความสุขตอนวันหยุด งั้นก็เห็นด้วยที่จะหางานใหม่

แล้วเธอก็บ่นเรื่องคนแถวนั้น ที่ไม่เห็นทำงานอะไร การเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมงานทำให้ความสุขหายไป

อืม...มีคนอีกหลายแถว ที่ไม่เห็นทำอะไรแต่ก็ได้ดีเยอะแยะไป Smiley

แล้วความไม่สุขของเราล่ะ อยู่ที่ไหน? อยู่ที่เห็นคนอื่นได้ดีงั้นเหรอ ที่ว่าดี...ดีแบบไหน ดีแบบที่ใครต่อใครในโลกนี้ใช้เป็นตัวชี้วัดกันหรือเปล่า

.... โง่อีกแล้ว Smiley




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2555 20:42:40 น.
Counter : 764 Pageviews.  

เหตุ ผล

มึนไปนิดหนึ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้นบ่ายวันนี้ ผลที่เกิดขึ้น พอจะเข้าใจได้ว่าเหตุมาจากไหน มาจากใคร

แม้จะไม่ได้รับผลโดยตรง แต่ก็ถูกชิ่งมาเข้าตัวอยู่ไม่น้อย และการชิ่งที่ว่า ทำให้ต้องมาทำอะไรต่อมิอะไรอีก

จนไปถึงมีการเสนอให้เราไปทำหน้าที่อื่น (อดคิดไม่ได้ว่า เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า?)

ก่อนกลับบ้าน หยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอ่านอีกรอบ อย่างตั้งใจ โยงไปถึงวันที่ที่เกิดเหตุ มีแรงจูงใจอะไรให้เกิดข้อความนี้ขึ้นมา วันนั้นออกจะเป็นวันชื่นมื่นของเราและเพื่อนฝูง ความชื่นมื่นที่ว่า ทำให้ใครบางคนขุ่นใจอย่างแรงจนต้องระบายออกมาด้วยวิธีการนี้ ?

แล้วจะรู้มั้ยล่ะว่า การพบปะสังสรรค์ของพวกเรา ไปทำความไม่พอใจอย่างแรงให้กับ..เธอ..หรือเขา เฮ้อSmiley

ยังต้องเก็บแรงไว้สะสางปัญหาที่ว่า แล้วก็ตั้งใจ ไม่ว่าเขาจะเจตนาทำร้ายเราหรือไม่ก็ตาม เราขอให้อภัย

 

จะรับรู้หรือไม่ก็ตาม อยากบอกว่า พี่ให้อภัย...นะคะ Smiley 

 

 




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 19:42:00 น.
Counter : 793 Pageviews.  

Everything is Possible

เมื่อเย็น ระหว่างถูบ้าน ก็..หลง คิดโน่น คิดนี่ไปเรื่อย รวมไปถึงคนอินเดียที่มาอธิบายแผนงานทั้งหลายให้ฝ่าย IT ที่เมืองไทยพัฒนาปรับปรุงอะไรๆ หลายๆเรื่อง จริงๆคือ นัดประชุมกัน แต่ไปๆมาๆกลายเป็นมานั่งฟังเขาคุยซะมากกว่า และเขาก็พูดได้น้ำไหลไฟดับตามประสาคนอินเดีย จะหาโอกาสแทรกก็ตอนที่เขาหยุดกินน้ำ หรือไม่ก็โทรศัพท์ขัดจังหวะ

แต่เขาดี ดีมากๆเลย ตำแหน่งเขาออกใหญ่โต แต่ยอมเสียเวลามาหาพวกเราเพื่อมาแชร์ มีหลายครั้งที่ฝ่าย IT บอกว่า มันยาก การจะเปลี่ยนให้ใครมายอมรับอะไรใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ มันยาก เขาบอกว่าใช่ มันยาก เขาใช้เวลา 4 ปีในการถกเถียงกับผู้บริหารระดับสูง แต่ละคนที่เขาเอ่ยชื่อมา ทำเอาเราอมยิ้มเพราะหนึ่งในนั้นเป็นเจ้านายโดยตรงของเรา เขาบอกว่า อย่าคิดอะไรแค่ตรงหน้า อย่าเอากรอบมาขวางทางเดินเอาไว้ ถ้าเดินไปทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ ก็เดินอ้อมไปอีกทาง ถึงจุดหมายเหมือนกัน อาจจะนานกว่า...แต่ไปถึง ดีกว่าเห็นระยะทางสั้นๆที่มีภูเขาขวางแล้วไม่ยอมเดิน ถ้าคุณไม่เดิน ยังไงคุณก็ไปไม่ถึง

Everything is possible. เราชอบนะ ให้กำลังใจดีชะมัด

เรื่องที่เขาเล่า บางวิธีการ ยังจำได้ตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย 10 กว่าปีมาแล้ว การคุมงบฯ ในการใช้กระดาษ ไม่ว่า Print หรือถ่ายเอกสาร เราชอบมาก แต่ที่บริษัทยังไม่ได้ทำ แถมยังมี printer หลายเครื่องซึ่งเปลืองค่าใช้จ่ายในส่วนของผ้าหมึกโดยเฉพาะการ print สี งานที่เขาไปถกเถียงมา ส่วนหนึ่งคือเรื่องนี้ด้วยและเขาทำสำเร็จ เขาเลยบอกว่า บริษัทในไทยก็ควรทำได้เช่นกัน แน่นอนว่าจะให้คนเขาเชื่อเราได้ ข้อมูลต้องมี เขาเลยบอกว่า I have guns in all pockets. ใครถามเรื่องไหน เขาตอบได้ทั้งนั้น มาทางไหน เขาต้องอธิบายได้ เราเลยบอกว่า ขอเวลา collect the guns ก่อนค่า

จะงานใหญ่ งานเล็ก งานอะไรก็ตามที่ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการ เปลี่ยนแปลงความเคยชินเดิมๆของผู้คน มันไม่ง่ายเลย ที่ยากที่สุดคือ ทำยังไงผู้บริหารถึงจะยอมรับว่า ที่เราเสนอไปมันมีเหตุผล มันช่วยพัฒนาระบบงานและช่วยประหยัดงบประมาณด้วย เพราะผู้บริหารบางคนก็เคยชินกับวิถีชีวิตเดิมๆอยู่ไม่ใช่น้อย

ข้อมูลที่จะชี้แจงน่ะเป็นสิ่งหลักอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ วิธีการเจรจาให้ได้ตามที่ต้องการ และที่สำคัญที่สุดคือ ความอดทน อดทนที่จะอธิบาย อดทนต่อปฏิกริยาทั้งหลายที่เราไม่ชอบใจ ว่าไปแล้ว นี่เป็นการฝึกฝนตัวเองควบคู่กันไปด้วยนะ

มันอาจจะไม่ได้ตามที่ต้องการไปซะทีเดียว มันอาจจะไม่ได้ตามที่ต้องการในวันนี้ แต่ถ้าไม่เริ่ม จะหวังการเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร ?




 

Create Date : 11 มีนาคม 2555    
Last Update : 11 มีนาคม 2555 20:57:26 น.
Counter : 740 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.