Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 
จังหวะของชีวิต

ธันวา 57

วันนี้สรุปงานกับน้อง ไม่ได้ร่ำลาอะไรกันมากมาย เราหยุดงานยาว แต่สั่งงาน ปล่อยให้น้องทำงานกันต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์

กลับมาถึงห้อง ก็รู้สึกเหมือน..ใจมันฟูขึ้นเล็กๆ เดือนที่ผ่านมา ตั้งใจจะออกรายงานให้เสร็จ กังวลกับน้องใหม่ สอนงานบ้าง ว่าไปบ้าง วันนี้ สิ่งที่เราประชุมกัน ผลที่ได้กลับมา รู้สึกว่าน้องตั้งใจ พัฒนาตัวเองขึ้นมามาก แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งมาจากการใช้ถ้อยคำของเราที่กดดันพวกเขา แต่มันก็ได้ผลดีอยู่นี่นา กลัวว่าจะใช้ยาแรงไปเหมือนกัน รู้ว่าเครียดกัน แต่วันนี้ไม่แล้วล่ะ วันนี้ดูจะโล่งใจกันทุกคน เหลือแต่เก็บรายละเอียดอีกบางส่วนเพื่อให้งานสมบูรณ์

ใจที่ฟูเพราะงานโดยส่วนรวมดีขึ้น และคุณภาพงานของน้องดีขึ้น แค่นี้ล่ะ

มีเพื่อนร่วมงานหลายคนร่ำลาเพราะหยุดปีใหม่กันยาวนาน ใช้วันลารวมกับวันที่ออฟฟิศหยุดให้ เลยกลายเป็นหยุดยาวกันสองสัปดาห์ เราเองก็ลายาวเหมือนกัน งานยังไม่เสร็จหรอก แต่ไม่ต้องทำงานเต็มเวลา ทำที่บ้านแล้วส่งงานทางเมลล์แทน

หลายคนมาลา น้องบางคนมาไหว้ ขอพรปีใหม่กัน หรือแม้แต่บางคนที่สนิทกันมากขึ้น มีกอดกันนิดหนึ่ง มันช่างเป็นอะไรที่ดีจัง

เพื่อนสนิทยังตระเวนไปหาลูกค้า คงไม่ได้เจอกัน หลายเดือนที่ผ่านมา แทบไม่ได้เจอกัน อย่าว่าแต่จะหาเวลากินข้าวด้วยกันเลย จะนัดกินข้าวกันให้พร้อมหน้าก็ช่างยุ่ง แต่หัวใจเราผูกกัน อยู่ที่ไหนก็ไม่มีปัญหา

กลางวันวันหนึ่งที่เธอว่าง หลังจากกินข้าวมื้อกลางวันและขับรถกลับมาบริษัท เธอพูดถึง Begin Again ที่เธอดูกับสามีทุกวันศุกร์ ดูมา 4 รอบแล้ว เราเอาโทรศัพท์โชว์ให้ดูว่า เราไปโหลดเพลงมาทั้งอัลบั้ม ใช้เพลง  a step you can't take back เป็นเสียง Ringtone มาหลายเดือนแล้ว แล้วเราก็ฟังอัลบั้ม Begin Again ด้วยกันในรถ เหมือนเป็นเด็กสาวสองคนที่คุยเรื่องหนัง เรื่องเพลง ฮัมเพลงไปด้วยกัน ความสุขเล็กๆของผู้หญิงที่งานยุ่งแทบทั้งวัน

นึกถึงวันหนึ่งที่หัวใจอ่อนแรง เข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม แล้วก็บอกว่าเหนื่อยจัง เธอเดินไปปิดห้อง เปิดเพลง Fix You ของ Cold Play ดังลั่นห้อง ฟังไม่ทันจบลูกค้าโทรมา (ตามเคย) เลยเอาหูฟังมาใส่หูเรา พอฟังจบก็กอดกันทีหนึ่ง พอแล้วสำหรับเวลา drama  Smiley


มีเรื่องหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ แต่ไม่คิดว่าจะลืมถ้อยคำนั้นได้หรอกนะ

ระหว่างนั่งรถของบริษัทไปด้วยกัน น้องที่ช่างค่อนแคะคนโน้น คนนี้ไปทั่ว ก็พูดถึงปัญหาของบริษัท ยาวไปถึงเพื่อนสมัยเรียนของเขาที่ได้ดิบได้ดี ประสบความสำเร็จกันไปถึงไหนต่อไหน เราเลยถามว่า ได้ดิบได้ดีคืออะไร มีตำแหน่งสูง มีเงินเดือนมาก มีผู้คนยกย่องชื่นชม หรืออะไรกัน

เขาไม่ตอบ แต่กลับบอกว่า สิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งของการทำงานที่นี่คือ การได้รู้จักและได้ร่วมงานกับพี่ โอ้โฮ...หวานน่ะ ลูกน้องเรายังไม่เคยพูดอย่างนี้กับเราเลย

คนฟัง เขินนิดหนึ่ง แล้วถามว่า ตกลงตอบคำถามชั้นแล้วรึยัง Smiley

น้องคนนี้น่ารักตรงเป็นคนขับรถให้คนในครอบครัว ทุกวันหยุด จะสั้นหรือยาว มีหน้าที่ขับรถพาพ่อแม่ ญาติพี่น้องและลูกเมียไปเที่ยว เที่ยวจนทั่วประเทศไทยแล้วกระมัง พาพ่อแม่ไปกินข้าว ไปหาซื้อของ ไปไหนต่อไหนสารพัด มารู้ว่าแม่เขาเป็นอัลไซเมอร์ หลายครั้งที่ต้องดูแลแม่เหมือนเด็กคนหนึ่ง คนที่ยอมทำอะไรให้คนรอบข้างมีความสุขได้อย่างนี้ ไม่ถือว่าประสบความสำเร็จงั้นหรือ

ใครนะเคยคุยเรื่องนี้กับเรา อะไรที่เรียกว่าประสบความสำเร็จ ถ้าเอาเราและงานเป็นที่ตั้ง ก็คงจะเป็นได้ทำงานตามหน้าที่ (น่าเบื่อเนอะ) ได้ทำประโยชน์ให้กับที่ทำงานและคนที่ทำงานด้วยกัน ทำงานด้วยความเข้าใจแม้จะไม่พอใจกันบ้าง (เอ๊ะ ยังไง Smiley ) เราเอาความสบายใจเป็นที่ตั้ง ขอให้มีความสบายใจกับผลงานที่ทำ มีความรู้สึกดีกับความสัมพันธ์ที่มีกับผู้คน ทำงานเลี้ยงตัวเองได้ พอมีกำลังทรัพย์สงเคราะห์ญาติได้ และได้ช่วยเหลือเกื้อกูลคนรอบข้างตามกำลัง แค่นี้เองสำหรับเรา 


น้องชายที่ไปอยู่บริษัทในวงการเดียวกัน โผล่มาทักทายเป็นระยะ ในแวดวงที่ไม่ได้สนทนากันบ่อย แต่ถ้ามาครบทีมเมื่อไหร่ ผู้ชายสองคนนั่นก็จะทำให้วงสนทนาครึกครื้นจนน้ำตาไหลได้เสมอ

เราคุยถึงความตายที่มาเยือนเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเมื่อตอนจบงานเลี้ยงปีใหม่ เร็วจนต้องกลับมามองตัวเองว่าสะสมเสบียงไว้แค่ไหน น้องชายยกคำต่างๆมา

อนิจจา วต สังขารา

แต่คุยไปอีกนิดเริ่มออกทะเล

อัตตาหิ อัตโนนาโถ

คนที่แก่กว่าเกือบรอบส่งข้อความไปแปลให้ว่า ..มึงเป็นที่พึ่งของกู ?  Smiley

แต่น้องชายคนนี้ เป็นคนที่..ยังไงดีนะ มีอะไรหลายๆอย่างที่เราสองคนชอบตรงกัน ทั้งหนังสือที่อ่าน นักเขียน รายการที่ดู ภาพวาดบางภาพ บทความทั้งหลาย ยังไม่นับความเจ้าบทเจ้ากลอนที่แต่งกลอนทางการเมืองอย่างสุภาพแต่เล่นคำกับสถานการณ์ได้อย่างน่ารัก ที่สำคัญคือ เราต่างก็รู้ว่า เป้าหมายชีวิตของเราสองคนคืออะไร แค่นั้นล่ะ

(มิ.ย. 58 ..หลังจากกลับมาอ่านบันทึกของปีก่อน บทสนทนาระหว่างเรากับน้องชายเปลี่ยนไปอีกขั้น เป็นระดับของคนที่รู้ว่ากำลังเดินบนเส้นทางเดียวกัน ใช้ใจคุยกัน ถ้อยคำที่สื่อตรงกัน Smiley  เขาปรับพฤติกรรมของตัวเองในบางด้านอย่างเห็นได้ชัด ... ปลื้ม แล้วก็มีความสุขที่เห็นความมั่นคงบนเส้นทางนี้ของเขา)

อีกคนที่เวลาไม่มีเพื่อนไปเที่ยวด้วยก็มาหาเรา วันว่างของเรา ชวนไปโน่นไปนี่ เราเฉยๆ ไม่สนใจ แต่พอพูดถึงสถานที่บางแห่งขึ้นมา หน้าตาเป็นประกายเชียว สรุปว่าเขาต้องมาตามเรา ไม่ใช่เราไปตามเขา นี่เรียกว่านิสัยเอาแต่ใจตัวเองรึเปล่านะ

ปีนี้ได้ร่ำลากับหลายๆคน บางคนอยู่มานาน บางคนไม่นาน บางคนสั้นมาก บางคนไม่ได้ร่ำลา ไปแบบเงียบๆ 

บางคนที่เคยอึดอัดใจที่ต้องร่วมงานด้วย เป็นคนพิเศษสำหรับทุกคนก็ว่าได้ พอออกไป ก็รู้สึกทั้งโล่งใจและใจหาย 

บางคนส่งเมลล์มาลา บรรยายช่วงเวลาที่ทำงานร่วมกัน ทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน หลังๆรายนี้ชอบตอบเมลล์ตอนเที่ยงคืน อ่านข้อความที่ร่ำลาแล้วทั้งขำและเศร้า รู้สึกอาลัยน่ะ เป็นอย่างนั้นจริงๆ เถียงกันเรื่องงานก็มาก แต่เขาก็ช่วยงานเรามากเช่นกัน 

บางคนจากไปโดยที่เรายังรู้สึกค้างคา..นิดหนึ่ง ไม่ใช้คนรู้ใจนี่นะ  ถึงจะรู้ว่าทำอะไรให้ไม่พอใจ เราอาจตีค่าการแสดงออกบางอย่างมากไปกว่าที่เห็นก็ได้ แต่เมื่อไม่บอกกล่าวให้ชัดเจน ก็คงต้องปล่อยไปอย่างนั้น 

บางคนก่อนจะไปก็บอกแล้วบอกอีก บอกกันแทบทุกวัน จนต้อง..เอ๊ะ แล้วนัดเลี้ยงส่ง เป็นมื้อกลางวันที่อบอุ่นมาก แต่รายนี้น่ารัก เป็นห่วงเป็นใยเราได้บ่อยๆ แม้แต่มอเตอร์ไซค์จอดใกล้รถเรา เขายังไปเลื่อนออกให้ 

บางคนเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย พาไปเลี้ยงร่ำลากัน ถามไถ่เหตุผลที่แท้จริงก่อนที่เขาจะจากไป มีลากันทาง LINE ต่ออีกนิด ที่ไม่เคยแซวก็แซวกันหนักเชียว 

(บางคนในปี 58 ทำให้เราสะเทือนใจกับการจากไป ยังมีรอยอาลัยอยู่จางๆ และได้แต่หวังให้เขามีความสบายใจ เช่นที่เคยมีให้เราเห็นเมื่อตอนร่วมงานกันใหม่ๆ)


การได้ร่วมงานกับใคร พบเจอใครในช่วงไหน มันเป็นจังหวะของชีวิตที่ให้ได้ฝึกฝนอารมณ์ ทุกคนที่ผ่านเข้ามาล้วนเป็นแบบฝึกหัด ลบบ้างบวกบ้างสลับกันไป บางคนทำให้ความโกรธขึ้นสูงและอยู่นาน อยู่จนอึดอัดคับข้องใจ เห็นแต่ความดีดดิ้นของใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความดีดดิ้นทางใจก็ลดระดับลง (แบบฝึกหัดบทนี้ผ่านไป เพื่อที่จะให้ไปเจอความดีดดิ้นบทถัดไป Smiley ) ถ้าเรายอมทนที่จะอยู่กับทุกข์ ดูมันไป จะชอบใจหรือไม่ชอบใจ ขอให้อดทนที่จะดูมัน มันจะเป็นบทเรียนที่...คุ้มค่า

แม้กับคนคนเดียวกัน ก็ยังให้ความรู้สึกที่หลากหลายไปตามแต่สถานการณ์ บางคนเคยแค่มองผ่าน เข้าใจอะไรไปเองหลายอย่าง พอมารู้จัก มาร่วมงานกันก็กลายเป็นอีกแบบ หรือแม้แต่ส่งถ้อยคำให้กำลังใจในวันที่อ่อนล้า รู้สึกขอบคุณนะที่ผ่านเข้ามาให้ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน


และกับอีกหลายๆคน มันคือความผูกพัน  Smiley




Create Date : 19 ธันวาคม 2557
Last Update : 13 มิถุนายน 2558 15:45:01 น. 0 comments
Counter : 277 Pageviews.

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.