Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 
โลกธรรมแปด

มีนา 56

ในวันที่เรื่องโน้นเรื่องนี้วิ่งเข้ามา ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่ต้องมารับรู้ มาช่วยแก้ปัญหา ยังไงก็เหมือนเรื่องของตัวเองอยู่ดี แต่จะยึดเป็นของตัวเองรึเปล่า ขึ้นอยู่กับว่ารู้ตัวเร็วแค่ไหน รู้ตัวเร็ว เอาใจออกมา ก็ไม่หนักมาก รู้ตัวช้า ก็โดนซะ หลับไปฝันร้ายไป Smiley

จะเรื่องอะไรก็ตาม มักจะนึกถึงวันที่รับซองโบนัส เขาประกาศกันไปเป็นสัปดาห์ เราไม่ได้สนใจ ประมาณคร่าวๆขั้นต่ำที่ควรได้ แล้วก็จัดการเรื่องภาษี แล้วก็ไม่ได้สนใจ จนคนโน้นคนนี้ส่งเสียงมาว่าเขาได้อะไร ไม่ได้อะไรบ้าง เราก็..เหรอ ยังไม่รู้ว่าตัวเองได้เท่าไหร่เพราะลากลับบ้านต่างจังหวัด ไม่สนใจจะรอซองเงินเดือน ผ่านไปหลายวันถึงเช็คยอดเงินในธนาคาร แล้วก็คาดว่าควรจะได้สักกี่เดือน กลับมาทำงาน รับซองเงินเดือน ยังไม่คิดจะเปิดดู กลับมาที่พักเย็นวันนั้น กราบพระแล้วก็บอกตัวเองว่า มีลาภ เสื่อมลาภ .. ถึงจะเปิดดูว่าได้เท่าไหร่

ปีนี้ลาภเยอะ ปีต่อไปเผื่อไม่ได้ เผื่อเจ้านายไม่ชอบใจในผลงาน เผื่อ... ก็อาจจะไม่ได้เหมือนกับหลายๆคนก็ได้ ถึงเวลานั้นก็เสื่อมลาภไง

หลังจากวันนั้น ก็นึกถึงโลกธรรม ๘ ได้บ่อยๆ นินทา สรรเสริญ อืม...เนอะ

ส่วนเรื่องตำแหน่ง ยังคิดถึงจูมง ละครที่ทั้งแม่และพี่สาวติดกันงอมแงมเมื่อหลายปีก่อน นึกถึงประโยคที่เขามอบหมายงานให้ลูกน้องว่า ที่มอบหมายให้คือหน้าที่ ไม่ใช่ตำแหน่ง เวลาทำงานจะได้อยู่ในขอบเขตตัวเอง เอาเนื้องานเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาหัวโขนไปประชันกับใคร

เพื่อนที่ทุกข์ใจเรื่องการเปลี่ยนแปลง พอยกธรรมะข้อนี้มา ของคู่กัน เขาบอกว่า ทำอะไรไม่ได้ก็แค่หาอะไรปลอบใจตัวเอง อ้าว...ซะงั้น Smiley  แต่ส่วนใหญ่เขาไม่มีข้อนี้ปลอบใจกันนี่ เขาถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อน เป็นทุกข์แล้วก็ดิ้นรนด้วยวิธีต่างๆ ทุกคนมีเหตุผลในการดิ้นรนและจัดการกับความทุกข์ของตัวเองต่างกันนี่นะ

...............

มิถุนา 56

ช่วงนี้นึกถึงโลกธรรม ๘ บ่อยเหลือเกิน อาจจะไม่ใช่สรรเสริญกับนินทา แต่คงเป็นสรรเสริญกับโดนว่าอย่างเทสาดเทเสียมากกว่า และที่แน่ๆคือ สุขกับทุกข์ ของคู่กันบนโลกใบนี้

(เคยเห็นน้องที่เพิ่งเข้ามหาลัยเขียนแซวกับน้องที่เพิ่งจบมหาลัยใน FB เป็นเด็กที่เจอกันบ่อยตอนไปฟังธรรม จำไม่ได้ว่าทั้งคู่คุยกันเรื่องอะไร สุดท้าย คนที่อ่อนกว่าสรุปว่า โลกธรรมแปดครับ... น่ารักจัง พ่อแม่เขาสอนมาดีนะ) 

เดือนก่อน โดน email กระหน่ำมาในวันที่ลาไปทำธุระต่างจังหวัด ราวกับคนที่ส่งมานั้นนัดกันมายำเรา อ่านแล้วโมโหเกิด แล้วก็ไป'สำออย'กับเพื่อนฝูงทาง Line สำออยจนคนโน้นคนนี้เข้ามาปลอบใจได้สักพัก ก็ถึงเวลาต้องยืนขึ้นเอง แลยบอกสาวๆกลุ่มนั้นว่า แค่บททดสอบว่าตัวเราใหญ่แค่ไหน ถ้าตัวใหญ่ก็เจ็บมาก เพื่อนเข้าใจแม้บางคนอาจจะไม่ได้เดินทางสายนี้ด้วยกัน

เตือนตัวเองว่า เอากายไปทำงาน เอาใจจดจ่อกับงาน ไม่ใช่จดจ่อกับความรู้สึกที่มีต่อใครหรือไปคิดว่าใครเขาจะรู้สึกต่อเรายังไง แต่ก็นั่นล่ะ มันยากนะ งานอะไรบ้างล่ะที่ไม่ต้องติดต่อสัมพันธ์กับใครให้เหนื่อยใจ

แม้จะใช้เทคนิคที่ครูบาอาจารย์สอนมาแล้วนะ ท่านสอนว่า เวลาเจ้านายเรียกไปหา ให้แผ่เมตตาก่อน แต่ว่ายิ้มเข้าไปทีไร หน้าแหยกลับมาทุกที

สัปดาห์นี้ก็มีมาอีก มาเป็นแพ็คคู่ ไม่รู้ว่ารายงานของเราทำให้เข้าใจผิดไปใหญ่โตอย่างนั้นได้อย่างไร แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ก็..ช่างเถอะ ตัวยังใหญ่อยู่ รับสารมาปุ๊บก็จิ๊ดปั๊บ รอเวลาสักพักเพื่อลดความแรงของความรู้สึกตัวเองก่อนโต้กลับ แม้จะสุภาพแต่ก็ต้องตอบกลับ เพื่อ...เลี้ยงเจ้าตัวนี้ให้ใหญ่ต่อไป  

ตัวใหญ่อย่างนี้ คงจะอีกนานกว่าจะเห็นว่าไม่มีตัวสักหน่อย Smiley

 ...............

เพื่อนทาง FB คนหนึ่งเอาข้อความมาแปะว่า

เวลามีปัญหา

ถ้าปัญหานั้น แก้ไขได้ จะต้องทุกข์ไปทำไม

ถ้าปัญหานั้น แก้ไขไม่ได้ ถึงทุกข์ไป ก็แก้ไม่ได้อยู่ดี 

เออ...เนอะ   Smiley

.....................

กันยา 56

ปัญหาทั้งหลาย เป็นเรื่องใหม่ของเรา แต่เป็นเรื่องเก่าของโลก Smiley ดิ้นรนไม่พอใจ อยากให้ใครๆมองเราในแง่ดี อยากให้ใครๆชื่นชม เมื่อมีใครแสดงออกไม่เป็นตามนั้น หรือตรงข้าม ก็..ไม่พอใจ รับไม่ได้ เฮ้อ... กว่าจะผ่านความรู้สึกพวกนี้ไป ไม่ง่ายเลย 

ผ่านไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ปัญญาเกิดบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ตัวเองภูมิใจในศีลที่รักษาไว้ดีแล้ว เกิดอะไรขึ้นมา ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งในใจ นายแวะมาเยี่ยม และการแสดงออกบางอย่างของนาย เหมือนการปลอบใจ เจ้านายฉลาด รู้แค่นั้นล่ะ ผลที่เกิดขึ้น จะทำให้ใครไม่พอใจเรา จะทำให้ใครเข้าใจผิด อันนี้ ช่วยไม่ได้จริงๆ 

...ในห้องห้องหนึ่งที่หลายผู้คนกำลังยิ้มแย้ม ต่อรองกันทางธุรกิจแต่ยังหัวเราะกันได้ หยิกกันบ้าง หยอกกันบ้าง เรากลับ..สงสารคนคนหนึ่ง ภาพยังติดตาอยู่เลย แปลกแยกจากทุกคน หมกมุ่นกับโทรศัพท์มือถือ  ภาพภายนอกที่เราเห็นเป็นแบบนั้น ความรู้สึกในใจ คงจะเยียบเย็นกว่าภาพอีกหลายเท่า ภาพนั้นล่ะที่สะท้อนกลับมา แต่ละคนผ่านอะไรมา เราไม่รู้เลย อะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งเป็นอย่างนี้  ทำอย่างนี้ พูดจาอย่างนี้ รู้สึกกับผู้คนอย่างนี้ เราสะสมอะไรมามากแค่ไหน เขาเองก็คงไม่ต่างกัน สุดท้าย เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า 

มีเพื่อนร่วมงานมาปรับทุกข์ บ่นว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับเขาด้วย อืม..เราเคยคิดแบบนี้เหมือนกัน แล้วก็แน่ใจเหลือเกินว่า การให้ร้ายใคร จะทางกายหรือวาจา ชั้นต้องเคยทำมาก่อนแน่ๆ Smiley  มั่นใจขนาดนั้น

ไม่รู้จะบอกยังไงดี ได้แต่บอกว่า อย่าไปผูกใจกับใครเลยค่ะ ให้ดีกว่านั้นคือให้อภัยเขา เพราะสุดท้าย ใจเราเองนี่ล่ะสบายจากการทำแบบนั้น ระวังตัวเองอย่าให้ใครทำร้ายได้ รู้จักเอาตัวรอดด้วย แล้วก็..ให้อภัยไป ไม่อยากกลับมาเจอกันอีก คงจะมีแต่วิธีนี้นั่นล่ะ ไม่อย่างนั้น บททดสอบที่ไม่ผ่าน มันจะกลับมาอีก..นะคะ  Smiley


..................

โลกธรรมเป็นเสมือนบททดสอบสำคัญที่เราต้องผ่านให้ได้ ถ้าผ่านไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนิพพาน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความเป็นอิสระหรือความสุขที่แท้

จะก้าวหน้าได้ต้องผ่านการซ้อม ต้องผ่านบททดสอบ การที่เราเจอสิ่งกระทบ เสียดแทง ควรถือว่าเป็นของดี เป็นบททดสอบ... เวลาถูกตำหนิ ถูกด่าว่า ควรนึกว่าดีเหมือนกัน มันเป็นเครื่องฝึกใจเรา ถ้าไม่ผ่าน ก็จะรู้ว่าเรายังมีข้อบกพร่อง หรือรู้ว่าเรายังมีกิเลสหนา มานะมาก มานะกับคำตำหนินั้นเป็นปรปักษ์กัน

คนที่มีมานะมาก จะทนฟังคำตำหนิไม่ได้ อย่าว่าแต่คำตำหนิเลย แม้แต่คำชม ถ้าชมไม่ถึงใจก็ไม่พอใจแล้ว

(บางส่วนจาก เส้นผมบังความสุข โดย พอจ.ไพศาล วิสาโล)




Create Date : 09 มีนาคม 2556
Last Update : 22 กันยายน 2556 10:32:50 น. 0 comments
Counter : 584 Pageviews.

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.