ในนามแห่งความดี
วันหนึ่ง นั่งคุยงานกับน้องในทีม คลับคล้ายว่าน้องจะกล่าวหาคนในบริษัทว่าพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในเชิงที่เอาเปรียบที่ทำงาน เราเลยบอกว่า มีบางด้านของคนคนนี้ ที่ทำอะไรต่อมิอะไรให้บริษัทมามาก สร้างประโยชน์ให้ก็มาก เรายกตัวอย่างชัดเจนในสิ่งที่เขาเคยทำ ซึ่งน้อยคนจะทำให้บริษัทได้อย่างนี้ ความดีที่เขาทำมามากนี่ล่ะ เลยกลายเป็นการสร้างความชอบธรรมที่จะทำอะไรนอกลู่นอกทาง..ในนามของคนดี ในนามของความดี ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องกัน เวลาคุยงานกับน้อง บางทีเหมือนหลอกล่อให้น้อง..งง ก็ร่ายยาวถึงคุณงามความดีของใครต่อใคร พอชักจะคล้อยตาม เราเลยบอกว่า ไอ้เรื่องไม่เหมาะสมแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก...ใช่มั้ย ไม่ใช่นะ มันคนละกระทง คนละเรื่อง ดีก็ส่วนดี ไม่ดีก็ส่วนไม่ดี การที่ใครสักคน หรือใครหลายคนจะอ้างคุณงามความดีทั้งหลายที่คุณทำให้บริษัทเพื่อมาทำเรื่องไม่เหมาะสมอีกหลายเรื่องนั้น เราไม่ถือว่าหักกลบลบกันได้ ใครที่เห็นว่าบริษัทไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วอยากจะสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ที่ยุติธรรมให้ตัวเอง เราว่า เราเข้าใจแต่เราไม่เข้าข้าง ไม่มีที่ไหนที่ยุติธรรมหรอก หลายๆกรณ๊ที่เกิดกับตัวเอง ก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเหมือนกัน แต่ถ้ารับไม่ได้ ก็ไปหาที่ใหม่ที่ยุติธรรมสิ แค่นั้นเอง ไม่งั้นก็ต้องยอมรับและหาทางปรับ จะเรียกร้อง จะล็อบบี้ จะอะไรก็แล้วแต่เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ไม่ใช่การอ้างคุณงามความดีของตัวเองมาทำเรื่องที่ไม่ดี ไม่งาม เข้าใจตรงกันนะ
........ Situation honest ไปอบรมมาเรื่อง Fraud risk management ก็ได้แนวคิดหลายอย่างมาใช้กับงาน มีคำหนึ่งที่ติดใจ วิทยากรเอาสถิติที่ไหนไม่รู้ (คือ จำไม่ได้เอง ไม่ได้ว่าเขามั่วนะ) บอกว่า ในที่ทำงานที่หนึ่ง มีคนที่จะดี บริสุทธิ์ ไม่ทุจริตเลย 20% ที่เหลือคือ Situation honest จะมีสัก 10% ในนี้มั้งที่ตั้งใจทุจริต แต่ที่น่าสังเกตุคือ กลุ่มคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ซื่อสัตย์โดยสภาพแวดล้อม ถ้าไม่เข้าข่าย Fraud triangle : Incentive / Pressure + Opportunity + Rationalisation คนพวกนี้จะไม่ทุจริต ผู้หญิงตัวใหญ่อย่างเรา ฟังแล้วก้อนึกในใจ..ชั้นเป็นพวก 20% วิทยากรบอกว่า จะไปหาพวก 20% ที่ไหน คนสะอาดแบบนั้น ในวัดงั้นหรือ วัดก็มีเรื่องราวทุจริตอยู่เรื่อยๆ... ที่น่าสนใจก็คือ สถิตินี้ ใช้กับทุกกลุ่ม ทุกวงการ วิทยากรพูดถึงการขายยาและกลุ่มของหมอ เราเลยนึกไปถึงคนที่ประกอบวิชาชีพอื่นบ้าง เช่น ผู้พิพากษา คณะ...ทั้งหลายในบ้านเมืองเรา
ฝนตก ขับรถกลับมาท่ามกลางสายฝน บรรยากาศดี . แล้วเลยนึกถึงเดือนก่อนที่ไปทำงานต่างจังหวัดกับน้องในทีม เราขับรถกันไป ระยะทางรวมแล้วมากกว่า 2,000 กม. มีอยู่วันหนึ่งที่เลิกงานเร็วไปครึ่ง ชม. แล้วชวนน้องออกนอกเส้นทางไปประมาณ 10 กม. เพื่อไปสถานที่ท่องเที่ยวที่หนึ่ง ไปดูป่า ทุ่งกว้าง ถ่ายรูปวิว เซลฟี่และกินอาหารมื้อหรูที่นั่น น้องเปิดใจเกี่ยวกับงานและผู้คน ตอนนั้นรู้สึกดีที่ไปที่นั่น ได้รับรู้ว่าใครมีปัญหาอะไร ยังไง ถ้าเป็นบรรยากาศการทำงานปกติ คงจะดึงความรู้สึกแบบนั้นออกมาไม่ได้ หลังจากกินอิ่ม กลับมาที่โรงแรม ก็ทำงานกันต่ออีกเกือบชั่วโมง.. เราเอารถของที่ทำงานไปใช้นอกเส้นทาง ออกจากงานก่อนเวลา ยังจะจัดตัวเองเข้าในพวก 20% อีก ในบรรดาการทุจริต Asset Misappropriation เกิดมากสุด สัดส่วน 40% การเอารถบริษัทไปใช้เรื่องส่วนตัว ก็เข้าข่ายนี้นั่นล่ะ
เป็นคนดีเนี่ย ไม่ง่ายเลยนะ... แต่เป็นคนไม่ดี แล้วยอมรับว่าตัวเองไม่ดี แล้วตั้งใจ.. จะดี ^_^ ไม่รู้ว่ายากกว่ามั้ย
Create Date : 22 สิงหาคม 2558 |
Last Update : 5 ตุลาคม 2558 19:14:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 700 Pageviews. |
|
|