All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่6



บทที่ 6


“อะไรกันเนี่ย มาทำอะไรรุ่มร่ามตรงนี้ฮะ”

น้ำเสียงฉุนเฉียวนั้นไม่ใช่ใครอื่น นายผู้หญิงสูงสุดของบริษัทอีกท่านนั่นเอง คุณลักษิกาตรงเข้าดึงตัวนิศากรออกมาจากภูดิส อีกทั้งยังผลักลูกชายตัวเองให้หลีกห่าง แพรพรรณเหลอหลา ตั้งท่าจะอ้าปากเถียง หากคุณลักษิกาขยิบตาส่งซิกห้ามไว้ ทำให้เธอสงบคำเมื่อเห็นอีกคนที่ซอยเท้าตามมารดามาไม่ห่าง รัญชิดาปรี่เข้าเขย่าแขนภูดิสถามเสียงเขียว

“ทำอะไรกันน่ะภู!”

“ผู้คนผ่านไปมาตั้งมากมาย ไม่คิดบ้างรึไงนะ” มืออวบตวัดฟาดเผียะลงบนแขนแข็งแรง ภูดิสงุนงงที่จู่ๆถูกเล่นงานกล่าวหาทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรอย่างที่มารดาว่าสักนิด

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรรุ่มร่ามอย่างแม่ว่าซักหน่อย”

“ก็เห็นอยู่ยังมาถียงอีก”

เห็นจริงๆ ความจริงคุณลักษิกาเห็นตั้งแต่แรกเริ่มเชียวหล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลูกชายตัวดีช่วยเหลือทั้งน้องสาวและเพื่อนน้องสาวไว้ได้ทันท่วงที แต่ท่าทางที่โอบกระชับนิศากรไว้ หากใครมาเห็นคงเป็นช็อตเด็ดให้เข้าใจผิดได้ไม่ยาก คุณลักษิกาไม่พลาดเช่นกัน ถือเอาเป็นเครื่องมือเล่นงานลูกชาย หวังสร้างความเข้าใจผิดให้อีกผู้หนึ่งที่มาถึงช่วงนั้นพอดีอย่างรัญชิดา

“แม่ครับ ไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะ ผมเปล่า...” ภูดิสพยายามชี้แจง

“บอกว่าอย่าเถียง” เดี๋ยวเสียแผนหมด เขาจำต้องเงียบ
เพราะเสียงออกคำสั่งดุๆของคุณลักษิกา สองหนุ่มสาวมองหน้ากันไม่รู้จะทำยังไง

“ตามแม่มาในห้องเดี๋ยวนี้” ทั้งหมดเคลื่อนขบวนตามคุณลักษิกาเข้าไปในห้องภูดิสรวมถึงรัญชิดา แพรพรรณรีบแทรกตัวดักทางนางร้ายสาวเอาไว้ไม่ให้ผ่านเข้าประตูมาได้

“ขอโทษค่ะ เรื่องส่วนตัวของคนในครอบครัวค่ะ คนไม่เกี่ยวกรุณารอด้านนอกนะคะ”

แพรพรรณบอกหน้าตายให้นางร้ายสาวรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่เหมือนแม่เด็กสาวคนที่อยู่ในอ้อมแขนของภูดิสซึ่งแพรพรรณนับเป็นคนในครอบครัว แล้วจัดการปิดประตูใส่ปังหน้าขยิบตาให้มารดาที่เงี่ยหูฟังอยู่ไม่ห่าง

ทันทีที่เข้ามาเรียบร้อยนิศากรแทรกขึ้นทันที ช่วยแก้ความเข้าใจผิดอีกแรง

“คุณป้าคะ พี่ภูแค่ช่วยนิไม่ให้ล้มเองเท่านั้นเองค่ะ แพรเกิดสะดุดขาตัวเองแล้วก็ชิ่งมาชนนิ พี่ภูเลยรับไว้ ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณป้าเข้าใจนะคะ”

“อย่างนั้นเหรอ ป้าเข้าใจละจ๊ะ ขอโทษด้วยที่ป้าคิดอะไรไปเองเรื่อยเปื่อย อย่าถือสาคนแก่เลยนะลูก หูตาคงไม่ค่อยดีแล้ว”

อ้าว? ไหงเข้าใจง่ายนักล่ะ นิศากรร้องในใจ หันมองภูดิส ซึ่งยักไหล่น้อยๆไม่เข้าใจท่าทีเข้าใจง่ายดายของมารดาซักเท่าไหร่ แพรพรรณที่หุบปากเงียบไม่ช่วยเหลืออะไร นึกรู้ว่าแม่มีแผน

“ป้าจองโต๊ะที่ร้านอาหารไว้แล้วนะจ๊ะ แพรจัดการโทรนัดเพื่อนๆซะด้วยล่ะ ภูว่างใช่มั้ย” คุณลักษิกาเปลี่ยนเรื่องไปเสียเฉยๆ เลี่ยงไปถามลูกชาย ซึ่งพยักหน้าว่าไม่มีนัดที่ไหนต่อ

“งั้นก็ไปด้วยกันซะด้วยละ แม่จะคอย” คำหลังแสดงให้คนรับคำสั่งทราบว่า หากไม่มีตัวเป็นๆไปร่วมงานเลี้ยงเล็กๆเย็นนี้ เขาต้องโดนบ่นจนหูชาไปสามวันแน่ๆเชียว

“คร๊าบบบบ ท่านแม่”


รัญชิดาจำต้องนั่งรอที่ส่วนรับแขกด้านนอก หากในใจโกรธกรุ่น คนที่เธอคิดว่าเป็นของเธอเสมอ ผูกใจรักเธอเพียงคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง โอบกอดผู้หญิงอีกคน

ข่าวที่ออกมาทางหน้าหนังสือพิมพ์และจากปากแพรพรรณกรอกหูนักข่าวที่ร้านอาหารครั้งก่อน ภูดิสไม่ได้ปฏิเสธ ทว่ารัญชิดายังคิดเข้าข้างตัวเองต่อไปว่า อาจจะเพราะภูดิสเห็นดีด้วยที่แพรพรรณจงใจใช้ชื่อเพื่อนสาวตีกันนักข่าวไม่ให้เขียนอะไรมั่วซั่วว่าเธอเป็นอะไรกับภูดิสมากกว่าเพื่อนอีก ซึ่งก็เพื่อปกป้องชื่อเสียงของเธอไปในตัว ไม่ให้ถูกมองว่าเป็นหญิงรักง่าย เปลี่ยนคู่ควงได้ฉับไว ทั้งที่เพิ่งเลิกกับแฟน

แพรพรรณคงอยากให้เสนอเพื่อนสาวที่คิดว่าดีให้พี่ชายพิจารณา ตามประสาน้องสาวที่หวังดี

หรือจะเป็นยัยเด็กนี่

ความอิจฉาแล่นพล่านครอบงำความรู้สึก กำลังจะมีคนมาพรากภูดิสไปเสียจากเธองั้นหรือ ไม่ยอม ยอมไม่ได้ ตอนนี้เธอมีภูดิสเป็นคนสำคัญ เขาต้องไม่ทอดทิ้งเธอไปเหมือนคนอื่นๆ

ไม่ทอดทิ้งเธอเหมือนพ่อ ที่ไม่เคยเอาใจใส่ มีให้เพียงทรัพย์สินเงินทองและคนรับใช้เป็นผู้ดูแลเธอ เธอร้องไห้ เสียใจ ไม่มีผู้ใดคอยปลอบใจ เธอร้องไห้เธอร้องเรียกยามที่ฝันร้าย แต่ไม่มีที่ท่านจะได้ยิน พี่เลี้ยงที่นอนด้วยจะปลอบเพียงใด หากก็ไม่เหมือนอ้อมอกแม่ที่เสียไปนั้นสักนิด เธอร้องสะอื้นจนหลับไปเพียงลำพังเสมอ

จนเมื่อโต จึงยึดเพื่อนและแฟนเป็นผู้ปลอบโยน เป็นผู้ดูแลสนใจ ซึ่งพอเรียนจบก็ห่างหาย แฟนของเธอก็เช่นกัน ทอดทิ้งเธอไปมีผู้หญิงคนอื่น

ตอนที่เธอรู้สึกโดดเดี่ยว ภูดิส อยู่ในห้วงคำนึง เธอเรียกเขาไม่ว่าเมื่อไหร่ เขาก็มา เพื่อช่วยเหลือเธอเสมอ แต่ตอนนี้ กำลังจะมีคนมาแย่งความสำคัญของเธอไป มือเรียวกำแน่น ดวงตาสวยเรืองโรจน์ด้วยโทสะ

ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมหรอก ภูจะไม่รักใครคนอื่น

คุณลักษิกาออกไปแล้ว พร้อมทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มอย่างใจดี ตอนบอกสถานที่ที่จองไว้เพื่องานเลี้ยงเล็กๆเย็นนี้ ภูดิสถูกต่อว่าฉอดๆที่แกล้งอมพะนำให้แพรพรรณสงสัยจนหัวจะแตกด้วยความหงุดหงิด ตามประสาคนอยากรู้อยากเห็นต่ออีกชุดใหญ่

“อย่าให้ถึงคราวแพรบ้างนะ เชอะ! ไปกันดีกว่าหนูนิ ยังต้องโทรนัดพรรคพวกเรากันอีก”

นิศากรถูกกระชากจนแทบสะดุดหน้าคะมำอีกรอบด้วยฝีมือแพรพรรณ ที่ได้ระบายอารมณ์ใส่พี่ชายซึ่งยืนนิ่งเหมือนยอมรับผิด หากแอบลอบยิ้มด้วยความขบขัน ตอนที่น้องสาวสะบัดหน้าพรืดใส่แง่งอนและกลับมาตีหน้าเดิมเมื่อแพรพรรณหันกลับมาฉะอีก โดยที่คนว่าฉอดๆไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย มีแต่บุคคลที่สามอย่างนิศากรเท่านั้น ที่มองเห็นชัดเจน

นั่นไง คนอะไรช่างตีหน้าหลอกคนเก่งนัก อย่างนี้ต่อไปจะเชื่อได้สักเท่าไหร่กันเนี่ย

ภูดิสสะดุดขำน้องสาวกึก เมื่อสบสายตากลมใสที่มองมาบ่งบอกว่ารู้ทันนะ ไม่ต้องมาแกล้งทำหน้าซื่อ ตอนที่เดินผ่านหน้าออกไป ดวงหน้าคมติดจะเก้อนิดๆที่โดนจับพฤติกรรมได้ ร่างสูงเสเอามือเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าผาก

นึกแปลกใจตัวเองที่มักจะเผลอทำตัวตามสบายอย่างที่ทำกับบุคคลที่สนิทสนมกันมากๆต่อหน้านิศากรทุกทีไป ถึงจะได้พบและพูดคุยกันบ้าง แต่นั่นก็เพียงผิวเผิน และยิ่งห่างหายจากกันไปนานกว่าสองปี ยิ่งไม่น่าจะเรียกได้ว่าสนิทสนมด้วยซ้ำ

“เจ้านายคะ คุณรัญชิดามาขอพบค่ะ” เสียงอินเตอร์คอมบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ดังขึ้นขัดความคิด เจ้าของห้องจึงหมดเวลาใคร่ครวญเพียงลำพังอีกต่อไป กรอกเสียงอนุญาตส่งไปตามสาย

รัญชิดาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวตัวเดียวกับที่ภูดิสครอบครองอยู่ก่อนแล้ว ยิ้มแย้มทักทาย

“เมื่อกี้มันเรื่องอะไรกันน่ะภู” ภูดิสยิ้มมุมปากขบขันไม่จาง หากไม่แย้มพรายสิ่งใดออกมา เพียงแต่บอกว่าไม่ต้องสนใจอะไร

“แล้วผู้หญิงอีกคนนี่ เพื่อนน้องแพรเหรอ” รัญชิดาแสร้งถามยิ้มแย้มสวมวิญญาณนักแสดงเจ้าบทบาทได้ดีเยี่ยม หากแต่ใจอยากรู้ถึงความสัมพันธ์อย่างร้อนรน ภูดิสพยักหน้าแทนคำตอบ

“หน้าตาน่ารักดีนะ ภูก็รู้จักด้วยเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้าอีกครา รอยยิ้มมุมปากแย้มขึ้นอีกเมื่อตอบคำถาม

“เพื่อนสนิทแพรน่ะ ว่าแต่รันเถอะ มาหาเราถึงนี่ มีอะไรเหรอ” ไม่บ่อยนักที่รัญชิดาจะมาเยือนถึงที่นี่ มีเพียงยามที่เธอมีปัญหาต้องการความช่วยเหลือจากเขา เธอถึงได้มา
รัญชิดานึกหงุดหงิดที่ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมและข้องใจในรอยยิ้มของชายหนุ่ม เมื่อเธอถามถึงเด็กสาวคนนั้นอีก แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้

“เปล่า ไม่มีธุระ แต่ภูสัญญาว่าจะไปเยี่ยมไข้เรา ไม่เห็นโผล่เลยมาตาม”

จริงสิ เขาลืมไปเสียสนิท ด้วยว่าวันนี้มีประชุมเร่งด่วนและงานให้รับผิดชอบมากมายจนล้นมือ เพิ่งเคลียร์เสร็จและเลิกประชุมมาเมื่อครู่นี้เอง

“ขอโทษทีรัน พอดีวันนี้มีงานด่วนเข้ามา เลยลืมไปเลย” ชายหนุ่มส่งสายตาขอโทษมา รัญชิดาแกล้งทำเสียงเศร้า

“ลืมกันได้นะ ใจร้ายจังเลย ไม่มีใครห่วงเราจริงๆซักคน แม้
แต่ภู”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิรัน เราจะไม่ห่วงรันได้ไง” ภูดิสปลอบเสียงนุ่มทุ้ม นึกสงสารเพื่อนสาว

พอรู้ว่าที่บ้านของเธอใหญ่โตน่าอยู่ แต่ผู้เป็นเจ้านายใหญ่ของบ้านซึ่งก็คือบิดา กลับไม่ค่อยอยู่ ปล่อยให้รัญชิดาเงียบเหงาเพียงลำพังเสมอ

น้ำเสียงอบอุ่นห่วงใยจากภูดิส สร้างความพอใจให้รัญชิดาได้อย่างดี ยังไงเสีย เขาก็ยังห่วงความรู้สึกของเธออยู่ดี สิ่งนี่แหละ ที่เธอจะใช้มันยึดเขาไว้กับเธอ

“ถ้าอย่างนั้น ต้องพาเราไปเลี้ยงอาหารอร่อยๆ เป็นการแก้ตัว”

“วันนี้คงไม่ได้แล้วล่ะรัน เรามีนัดแล้ว”

“อ้าว!” รัญชิดาตีหน้ายุ่งทันทีที่มีคนขัดใจ “นัดอะไร สำคัญมากเหรอ”

“ก็ค่อนข้างสำคัญ” สำคัญกับสุขภาพหูของเขามาก คุณลักษิกาย้ำชัด แม่จะคอย หากเขาไม่อยู่ที่งานนั้นเย็นนี้ มีหวังได้หูตึงก่อนวัยอันควร เพราะเสียงเรียกเกินร้อยยี่สิบเดซิเบลเมื่อเห็นหน้าแน่นอน

“สำคัญกว่าเราอีกเหรอ” รัญชิดาตวัดถามด้วยความเอาแต่ใจ และคิดว่าไม่มีใครสำคัญมากกว่าตัว

“เอาไว้วันหลังจะชดใช้ให้ที่ผิดสัญญา แต่วันนี้ไม่ได้” ภูดิสบอกเสียงเรียบ เมื่อเห็นเพื่อนสาวเริ่มออกนิสัยดื้อดึงตามใจตัวเองเป็นหลัก เขารับปากกับมารดาไปแล้ว ยังไงเสียก็ทำต้องตาม

รัญชิดาเหลือบมองใบหน้าคมที่เคยสุภาพอ่อนโยน ตอนนี้เรียบเฉย นึกหวั่นใจนิดหนึ่ง แต่คิดว่าเขาต้องตามใจเธอแน่ จึงยังดื้อดึง

“ทำไมล่ะ ภูไม่แคร์เราเลยใช่มั้ย”

“ไม่ใช่ เราบอกแล้วว่าจะแก้ตัวให้ แต่ไม่ใช่วันนี้ รันเข้าใจใช่มั้ย”

“ไม่เข้าใจ” ภูดิสถอนหายใจกับการดื้อดึงผิดเวลา และไม่ค่อยมีเหตุผล

“ถ้าอย่างนั้น เอาไว้คุยใหม่วันหลัง เราต้องไปแล้ว เลยเวลานัดจะเสียมารยาท”

ผิดไป ชายหนุ่มไม่ตามใจเธอ เขาลุกเดินออกจากห้องไป รัญชิดาอ้าปากจะท้วง แต่ไม่ทันประตูปิดลงเสียก่อน จึงได้แต่ยืนกระฟัดกระเฟียดเพียงลำพัง


ร้านอาหารบรรยากาศดีตั้งอยู่ริมน้ำ ถูกกั้นไว้ส่วนหนึ่ง สำหรับงานเลี้ยงต้อนรับนิศากรกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน คุณลักษิกาจัดโต๊ะเป็นติดกันยาวข้างริมน้ำสวย สว่างด้วยแสงสีนวลจากโคมไฟ บริเวณใกล้เคียงจัดเป็นมุมแสดงดนตรีแบบอะคลูสติค เข้ากันกับบรรยากาศ

พรรคพวกของแพรพรรณและนิศากรนั่งอยู่ครึ่งโต๊ะ ส่วนที่นั่งหัวโต๊ะฟากหนึ่งเป็นของคุณลักษิกา คุณกังสดาลและเพื่อนๆที่มาพร้อมกับลูกสาวบ้าง ลูกชายบ้าง ที่นั่งตรงหัวโต๊ะอีกฟากถูกเว้นว่างไว้ให้เหลือสองที่ติดกันโดยไม่ได้เจตนา

“เฮ้ย แพร นี่มันเรื่องอะไรกันวะ ถึงได้ลากพวกฉันออกมาที่นี่ แถมยังเอาคุณนายแม่กับพลพรรคไฮโซมาร่วมด้วยอีก ยังกะมีงานอะไรงั้นแหละ” สาวนางหนึ่งกระซิบถามแพรพรรณด้วยความสงสัย หากแพรพรรณอมยิ้มปิดปากเงียบ เลียนแบบพี่ชาย

“กรี๊ดดดดดดดด พี่ภู!” สาวเปรี้ยวอีกนางหนึ่งในพรรคพวกของแพรพรรณหวีดร้อง เรียกชื่อพี่ชายเพื่อนอย่างตื่นเต้น ภูดิสเดินตรงมาที่โต๊ะ ซึ่งน้องสาวกวักมือเรียกหยอยๆ ดึงตัวให้นั่งข้างในที่ว่างที่เหลือใกล้หัวโต๊ะ เพราะเหล่าสาวๆในพรรคพวกของแพรพรรณ ชิงนั่งติดลูกชายไฮโซไปเรียบร้อยจนไม่มีที่เหลืออีก

“อะไรกันเนี่ย พี่ภูก็มาด้วยเหรอคะ ยัยแพรไม่ยักกระซิบบอกเลยซักคำ ไม่ได้เจอนานแล้ว คิดทึ้งคิดถึงจังค่ะ” สาวเทียมแสนเปรี้ยวหนึ่งในพรรคพวกทักทายชายหนุ่มยืดยาว แกล้งทำเสียงหวาน กระพริบตาปริบๆใส่แบบติดตลก เรียกรอยยิ้มมุมปากกับดวงตาคมพราว ด้วยความขบขันจากภูดิสได้

“จะคิดทึ้ง หรือ คิดถึง เอาให้แน่นะยะ” แพรพรรณแก้ขำๆแทนพี่ชายที่กำลังจะกลายเป็นอึให้แมลงวันอย่างพรรคพวกของเธอตอม

“อย่างไหนก็อยากคิดทั้งนั้นแหละ ฮะๆๆ” สาวเทียมเจ้าเดิมกล้าต่อคำขึ้นมา พลางหัวเราะ รอยยิ้มมุมปากของนถูกคิดทึ้งและคิดถึงกว้างขึ้นนิดหน่อยขบขันคำพูดชวนหัวนั้น
ปลายหางตาคมสะดุดเข้ากับสาวหนึ่งที่เดินผ่านโต๊ะไป รูปร่างสมส่วนกับเครื่องแต่งกายเก๋ไก๋ขุดเดิมกับที่พบเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ท่าทางสบายๆ ดวงหน้าใสเบือนมามองที่โต๊ะนิดๆ จุดประกายรอยยิ้มสนุกสนานที่มุมปากชมพูระเรื่อธรรมชาติ วาวนิดๆด้วนลิปกรอส

หากไม่ได้พบก่อนหน้านี้ คงไม่สามารถรู้ได้ว่าใคร เพราะหมวกใบใหญ่ถูกดึงปิดใบหน้าใสไว้จนเกือบมองไม่เห็น ดวงตาคมมองตามร่างสมส่วนนั้นไป หลุดเสียงหัวเราะในลำคอออกมา

จะเล่นอะไรอีกนะ หนูนิ

ใบหน้าใสแย้มยิ้มเต็มที่เมื่อเธอเดินเลยจากโต๊ะมา ก้าวเข้าขึ้นสู่เวทีที่ยกขึ้นมาจากพื้นเตี้ยๆ ยืนหันหน้าสู่พื้นที่ในร้านที่เริ่มมีลูกค้าจับจองโต๊ะเนืองแน่นขึ้น นักดนตรีเกริ่นก่อนเริ่มเล่นกีตาร์ว่าเพลงนี้ นักร้องตั้งใจมอบให้กับทุกคนที่รอคอยเธอกลับมา ดนตรีบรรเลงเบาๆ เสียงร้องหวานใสดังขึ้น พร้อมเสียงปรบมือ

...จะอยู่คนเดียว หรือจะเดินกับใคร หืม
อุตส่าห์มีใจคิดถึงเธอ...

“เฮ้ย...เสียงเหมือนหนูนิเลยวะ” สาวเทียมสะกิดบอกเพื่อน เรียกให้ตั้งใจฟังตาม

...จะตื่นจะนอน เช้าจนเย็นก็ยังเห็นหน้าเธอ ทุกครั้งเลย
ฟังเพลงทุกครั้ง ฉันได้ฟังเมื่อไหร่ หืม ก็ส่งดวงใจเหมือน
เคย

จะอ่านหนังสือ เห็นเธอลอยผ่านมาทุกทีเลย ไม่เคยเว้น...

“นี่ไง เพี้ยนตรงนี้เหมือนกันเด๊ะเลย” สาวเจ้าเดิมสะกิดข้อสังเกตให้เพื่อนๆคิดตาม ซึ่งก็พยักหน้าหงึกหงักรับว่าเห็นด้วยกับคำสุดท้ายที่เสียงแกว่งเพราะลงไม่ถึง

ดวงตาคมสะท้อนไฟสีนวลดูวาวระยับทอดมองไปที่นักร้องสมัครเล่นบนเวที พอดีกับคนร้องแอบเงยหน้าขึ้นมามองปฏิกิริยาพรรคพวก ดวงตากลมใสจึงสบกันอย่างพอดี ใจไหววูบไปชั่วแวบจนจังหวะสะดุด คนร้องต้องหลุบเปลือกตา มองอะไรนะ คนบ้า และตั้งสมาธิกับจังหวะต่อไป

...เป็นอะไรไม่รู้ เมื่อไรก็มีแต่เธอ เห็นเธออยู่แบบนี้
เป็นอะไรไม่รู้ แต่รู้ว่ามันดี ที่ฉันมีเธออยู่ในหัวใจ
ตลอดเวลา นึกถึงเธอเมื่อไหร่ หืม ก็สุขในใจทุกที
ก็บอกตัวเอง ฉันช่างโชคดีที่มีเธอ ให้คิดถึง... (*คิดถึงทุกเวลา –ธงไชย แมคอินไตย์)

จบท่อนซ้ำ อุ้งมือขาวจับปีกหมวกใบโตเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้ามาชัดเจน ก่อนหมุนตัวโชว์หนึ่งรอบ เท้าสะเอวจิกปลายเท้า โบกมือหยอยๆให้พรรคพวกที่นั่งหน้าสลอนบนโต๊ะยาว

“ไอ้หนูนิ!!!” พรรคพวกร่วมกันส่งเสียงเรียกเซ็งแซ่ เจ้าของชื่อยิ้มเผล่รับ

“จ๋า” คนบนเวทีลากเสียงยาว ปล่อยไมค์วิ่งร่าลงจากเวทีเข้าหาพรรคพวกที่กรูกันเข้ามาหา

“แกหลอกพวกฉัน”

เอ๋? พวกแกต้องดีใจ โผเข้ากอดฉันแบบสโลโมชั่นสิ ไหงทำหน้าถมึงทึงอย่างกับยักษ์วัดแจ้งอย่างนี้ล่ะ

เสียงตวาดแหลมจากสาวเปรี้ยว ทำให้นิศากรที่ทำท่าจะถลาเข้าหา ต้องเบรกเอี๊ยดกึก ประจันหน้ากับฝูงเพื่อน

“อย่างนี้ต้องโดน พวกเรา จัดการ!” เหวออออออออออ
แก้มใสถูกดึงจนโย้ไปมาทั้งสองข้างด้วยฝีมือพรรคพวก นิศากรร้องโอดโอยเอียงตามแรงดึงไปเรื่อย ก่อนถูกอัดด้วยอ้อมกอดด้วยความคิดถึงสุดๆมากเท่าในเนื้อเพลงที่ร้องเมื่อกี้เลย


นิศากรนั่งหน้ามุ่ย แก้มใสแดงเห่อเป็นดวง เพราะถูกดึงซ้ำที่เดิมหลายต่อหลายครั้ง ปวดหนึบทั้งสองข้าง มือบางกุมไว้มั่น หลังจากส่องกระจกบานเล็กที่แพรพรรณส่งมาให้สำรวจสภาพแล้ว แสงสีนวลจากโคมไฟรอบๆร้านยิ่งทำให้รอยแดงเป็นบนแก้มนั้นแดงขึ้นไปอีก ซึ่งทุกคนต่างลงความเห็นว่า ขณะนี้ใบหน้าขาวใสมีรอยแดงเป็นวงนั้น เหมือนผีจีนบวกกับก้นลิงไม่มีผิด

เจ้าพวกเพื่อนบ้า ขำกันอยู่ได้ พวกแกกินเห็ดหัวเราะกันเข้าไปรึไง ไม่มีใครมีจิตสำนึกเลยสักคนใช่มั้ยเนี่ย ฮึ่ย!
คนแก้มแดงกระแทกเท้าน้อยๆด้วยความขัดเคือง คว้ากระเป๋าถือไปห้องน้ำ ตั้งใจจะปรับสภาพสีผิวให้จางลงห่างจากคำว่า ก้นลิงและผีจีน

ทว่าเสียงหัวเราะดังก้องไปครึ่งร้านของบรรดาพรรคพวกของเธอจนรบกวนแขกโต๊ะ ให้หันมามอง นิศากรยังไม่รู้สึกขุ่นได้เท่ากับสายตาคมพราวอย่างขบขันที่มองมายังเธอได้เลย

คนอะไรหัวเราะทางตาได้ โอ๊ย...บ้าๆ สู้หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอย่างยัยพวกเพื่อนบ้านั่น ยังดีซะกว่ามานั่งจ้องอย่างนี้ซะอีก เดี๋ยวก็จิ้มตาบอดซะนี่

----------------โปรดติดตามตอนต่อไป---------------


คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน
natee - มาอ่านต่ออีกแล้ว ดีใจจัง
อัปสร - สวัสดีเช่นกันค่ะ เชิญอ่านต่อได้เลยนะคะ ตอนหน้าพบกันใหม่ค่ะ




Create Date : 31 พฤษภาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:29:35 น.
Counter : 260 Pageviews.

4 comments
  
รออ่านอยู่ตลอดเลยนะคะ
โดย: natee IP: 209.6.167.75 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:12:08:43 น.
  
หนุกดี ชอบนางเอกจังเยยง่ะ
โดย: boombim IP: 58.181.232.4 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:19:36:32 น.
  
ไม่รู้ว่าคนแต่งจะอ่านความคิดเห็นหรือยังนะ แต่ขอบอกว่าสนุกค่ะ รีบ ๆ แต่งให้จบนะค่ะ จะติดตามผลงานค่ะ อยากได้เมลล์ของคนแต่งจังเลยค่ะ จะได้เมลล์ไปถามว่าตอนต่อไปเป็นยังไงค่ะ
โดย: whan IP: 61.7.174.239 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:17:06:10 น.
  
ไฮ้! ฟิวไม่ได้เข้ามาตั้งนานแหนะ อ่านไม่ทันเลยเรา

ท่าทางพี่ฟ้าจะมีแฟนคลับแล้วแฮะๆ ฮี่ๆ สู้ๆ จ้าพี่สาว

พี่เคยสังเกตไหม 'ฟ้า-ฟิว' คล้องกันเนอะ สงสัยสวรรค์ส่งเรามาให้อยู่คู่กัน (แอวะ)

ยังไงก็คิดถึงพี่ฟ้านะคะ เดี๋ยวฟิวต้องรีบอ่านๆๆๆๆๆ อ่านให้ทัน
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.32.14 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:19:26:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik