All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่8



บทที่8


ชั่วแวบแรกเมื่อเห็นชัดเจนว่า ร่างสูงกำลังยืนคุยกันมารดาคือใคร นิศากรชะงักกึก ขาที่กำลังจะก้าวต่อเกิดอ่อนขึ้นมาซะอย่างนั้น หวุดหวิดล้มแปะลงไม่เป็นท่า พยายามทรงตัวไว้สุดฤทธิ์

ว้าย!ตาบ้า บ้าที่สุด ไหงมาโผล่แถวนี้ได้นะ

เหมือนจะรู้ว่ากำลังมีคนส่งสายตาพิฆาตอยู่ ดวงตาคมสอดส่ายเหมือนหาบางสิ่ง นิศากรสวมวิญญาณนินจากระโดดหลบฝุบข้างพุ่มไม้ประดิษฐ์ ขดตัวให้เล็กสุดๆเท่าที่จะทำได้ เล็กเท่ามดได้ยิ่งดี

“พี่ขา เล่นซ่อนหาเหรอ หนูเล่นด้วยสิ” เด็กหญิงคนหนึ่งส่งเสียงแจ๋วๆขอร่วมวง คิดว่าเธอกำลังเล่นซน

ชู่ว เบาๆสิ เด็กไรเนี่ย เที่ยวเล่นกับคนแปลกหน้า เดี๋ยวถูกจับไปเรียกค่าไถ่แหง

นิศากรโบกมือปฏิเสธหยอยๆ ส่ายหน้าดิกๆ หวังไล่ให้ไปไกลๆ ผู้หญิงที่ดูท่าจะเป็นแม่ฉุดลูกสาวไว้ไม่ให้วิ่งเข้าหาร่างสมส่วนที่นั่งคุดคู้อยู่ สายตาที่มองมาดูท่าไม่ค่อยไว้ใจเธอสักเท่าไหร่ จัดการอุ้มลูกสาวที่ดีดดิ้นงอแงออกไป

นิศากรไม่ต้องการเป็นเหมือนคนประหลาดหรือผู้ใหญ่เล่นซ่อนแอบอีกต่อไป ฐานที่ซ่อนตัวก็ดูจะไม่มิดชิด หากเดินผ่านมาเป็นต้องได้เห็นกันแน่ๆ เธอสมควรหาที่ฐานที่มั่นใหม่
หญิงสาววิ่งจู๊ดเข้าไปเร้นกายหลังเสาใหญ่ขนาดสองคนโอบ โผล่หน้าออกมาเมียงมองสำรวจว่าร่างสูงจากไปหรือยัง พบว่าภูดิสกำลังออกเดินไปที่ลานจอดรถ นิศากรกระดึ๊บๆขยับตัวไปอีกเหลี่ยมเสา หลบสายตาที่อาจมองมาเห็นได้
รีบๆไปเลย ชิ่วๆๆๆ

นิศากรย่นจมูกใส่คนที่กำลังหันหลังมุ่งไปที่รถส่วนตัวของตัวเอง นิศากรฉวยโอกาสนี้ก้าวเร็วๆผ่านประตูอัตโนมัติที่เปิดรอไว้ หญิงสาวผ่อนลมหายใจออก หลับตาลงครู่หนึ่ง

ในบ้านสองหลังของเจ้าของข่าวที่เห็นภาพนี้ในตอนเช้า ก็มีอาการอึ้ง ไม่อยากเชื่อเช่นเดียวกัน ต่างกันที่ระยะเวลาที่ใช้ในการตั้งสติ น้ำเสียงและท่าทางอธิบายชี้แจงเพิ่มเติมให้กับผู้ที่สงสัยเรื่องราว ที่คนหนึ่งอธิบายเรียบๆ ส่วนอีกคนหนึ่งพูดไปขำไป แต่คำเฉลยเรื่องราวไม่ต่างกันเลยสักนิดเดียว

“ผมเห็นหนูนิเดินไปทางมืดๆ เห็นว่าไม่น่าปลอดภัย เลยตามไปเป็นเพื่อน แล้วเราก็คุยกัน ก็แค่นั้นเอง” ตาคมกวาดมองเนื้อข่าวอีกครั้งแล้วส่ายหัว
ส่วนหญิงสาวอีกบ้านหนึ่งเสริมต่อด้วยความอัศจรรย์ในความสามารถของเหยี่ยวข่าวไทยสายบันเทิง ที่มีฝีมือเกือบเทียบเท่าหน่วยข่าวกรองของซีเอ็นเอ็น


“ว้าว นักข่าวบ้านเรานี่ฝีมือสุดยอดเลยนะคะเนี่ย รู้ด้วยว่านิเลื่อนเป็นไฟล์ทไหน หน่วยข่าวชั้นเยี่ยมยังกะซีเอ็นเอ็น แถมยังเป็นนักเขียนนิยายได้อีกนะเนี่ย แต่งเรื่องเพิ่มซะเป็นรักทางไกล ตลกชะมัดเลย ฮ่าๆๆๆ” นิศากรหัวเราะเสียงดัง

เธอคงจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเท่าไร ออกจะเห็นเป็นเรื่องประหลาดที่ตัวเองได้ลงหนังสือพิมพ์หน้าข่าวบันเทิง ทั้งที่ไม่ได้เป็นดารานักร้องกับเขา และขำขันกับการแต่งเรื่องบู๊ที่เธอเล่ากลายเป็นกุ๊กกิ๊กจุ๋งจิ๋งไปได้ ตลกดีแท้ๆ

‘ชอบแย่งของคนอื่น หน้าไม่อาย’

ถ้อยคำปรามาสและสีหน้าดูถูกชัด แจ่มในความทรงจำ นิศากรถูกกล่าวหาร้ายแรง แย่งแฟนชาวบ้าน เป็นการว่ากระทบกระเทียบ แต่ความหมายตรงตามที่คิดไม่ผิด เพราะคนกล่าวหา คือ นางร้ายชื่อดัง
หากรัญชิดาไม่ประกาศความเป็นเจ้าของต่อหน้า การพบกันครั้งนี้ คงไม่เป็นเช่นที่เธอทำอยู่ หญิงสาวถอนใจอีกครั้ง คำปฏิญาณภายในใจเพิ่มขึ้นอีกข้อหนึ่ง
นิศากร เธอจะไม่ยุ่งกับคนที่มีเจ้าของให้ถูกว่าเสียๆหายๆอีก


“โอ๊ย คิดไม่ออกค่ะแม่ เราจะจับสองคนนั่นมาใกล้ชิดกันได้ยังไงล่ะคะ งานการก็ห่างกันคนละซีกโลก ไม่มีอะไรจะเกี่ยวข้องกันได้เลย”

แพรพรรณบ่นหน้ายู่ สองมือกุมขมับอยู่บนเตียงใหญ่กลางห้องของคุณลักษิกา ไม่รู้จะคิดหาเรื่องอะไรมาดึงพี่ชายและเพื่อนสนิทให้กลับมาใกล้ชิดกัน

“แม่ก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน ไม่รู้จะเล่นท่าไหนดีเลยนะเนี่ย แหม...ทำไมหนนี้มันถึงได้คิดยากคิดเย็นจังนะ”

ตื่นเช้ามาในวันหยุดสองแม่ลูกก็รวมหัวกันปรึกษาหารือการบ้านที่ยังไม่มีใครส่งสักคน ใช้เวลาขบคิดกันมานานสองนาน ก็ไม่เห็นทางเชื่อมสัมพันธ์คนสองคนได้ โดยที่ไม่ดูเป็นการวางแผน
จะใช้แผนเดิมโดยที่ให้นิศากรและพรรคพวกมานั่งเล่นที่บ้านอีกก็ไม่ได้แล้ว แต่ละคนต่างมีงานเป็นของตัวเอง ไม่ใช่นักศึกษาว่างงานเหมือนแต่ก่อน

“แล้วตอนนี้ หนูนิก็ทำตัวแปลกด้วยค่ะ มาเร็วไปเร็ว ล่อกแล่กเหมือนอยากหนีออกจากบริษัทเราเต็มแก่ ไม่รู้อะไร”
แพรพรรณสังเกตเห็นได้ นิศากรหลบเลี่ยงการพบปะในสถานที่ที่อาจพบเจอพี่ชายเธอ โดยที่เธอไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่ที่แน่ๆ อาการนี้เริ่มตั้งแต่วันที่เธอออกจากห้องลองเสื้อในร้านแบรนด์ดัง นิศากรกำลังยืนประจันหน้ากับรัญชิดา ดาราชื่อดังที่แค่นยิ้มใส่เพื่อนเธอ ก่อนเดินออกจากร้าน ส่วนเพื่อนเธอหน้าตึง เหมือนกำลังระงับอารมณ์

“พอถามก็ไม่ยอมบอกอะไรสักแอะ อ้างว่าต้องรีบไปดูตกแต่งร้านท่าเดียว”
แพรพรรณนึกน้อยใจที่เพื่อนปิดบัง คุณลักษิการับฟังครุ่นคิด เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ สมควรต้องไปหารือกับอีกหนึ่งสมาชิกเสียแล้ว อย่างน้อยก็ลูกสาวก็น่าจะเล่าอะไรให้แม่ฟังบ้าง


ฝ่ายคนถูกเมินก็ไม่ใช่จะไม่รู้ตัว สามครั้งแล้วที่โดนหลบซึ่งๆหน้า คิ้วเข้มขมวดมุ่น เมื่อครู่เขาลองพิสูจน์ดูอีกครั้ง เมื่อเลขาสาวบอกว่าบังเอิญพบนิศากรกับแพรพรรณที่หน้าลิฟท์ ร่างสูงลุกขึ้นออกจากห้องมาท่ามกลางความงงงันของนันทา ชายหนุ่มตรงไปดักที่หน้าห้องน้องสาวทันที
พบกันจังๆ ดูซิว่าจะหลบยังไง

ภูดิสส่ายหน้าให้ผู้ช่วยที่จะส่งเสียงผ่านอินเตอร์คอมแจ้งนายสาว บิดกลอนก้าวเข้าไปภายในห้องทันที

“โอ๊ยยยยยยยยย” เสียงหวีดร้องดังลั่นก่อนร่างเล็กที่กระแทกร่างสูงซึ่งก้าวพรวดพราดเข้ามา ไม่ส่งสัญญาณก่อนล่วงหน้า ประตูบานใหญ่กระแทกแพรพรรณเข้าอย่างจัง ร่างเล็กนั่งแปะอยู่ที่พื้นพรมสีสด คลำสะโพกป้อยๆ

“เจ็บอ่ะ ใครบังอาจเปิดประตูไม่ดูตาม้าตาเรือ แถมยังไม่เคาะประตูอีกฮะ” เสียงเล็กเหมือนขนาดตัวเฉ่งคนทะเร่อทะร่าทั้งที่ยังก้มหน้ายันตัวเองขึ้นอย่างทุลักทุเล
ส่วนนิศากรเห็นแล้วว่าคนบังอาจเป็นใคร ตกใจที่ได้พบทั้งที่ไม่อยากเจอเลยซักนิดเดียว ไม่อยากพูดด้วย ไม่อยากเห็นให้เจ็บใจ

“แพร เป็นไงบ้าง” หญิงสาวช่วยพยุงเพื่อนที่เจ็บแทน เพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจคนทำร้ายน้องโดยไม่ได้ตั้งใจ

“พี่ขอโทษ เจ็บมากไหมแพร” เสียงนุ่มทุ้มบอกพร้อมกุลีกุจอช่วยหิ้วปีกอีกข้างหนึ่ง สำรวจอาการเจ็บแต่ถูกสะบัดออก

“พี่ภู อะไรกันเนี่ย เปิดประตูผัวะเข้ามาแบบนี้ได้ไงอ่ะ” แพรพรรณเข่นเขี้ยวอยากเอาคืนแต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวย

“หรือจะแกล้งแพรใช่มั้ย” ภูดิสส่ายหน้าดิกปฏิเสธ เคยมีบ้างที่หาทางผ่อนคลายด้วยวิธีหยอกน้องสาวเล่น แต่ไม่ใช่ครั้งนี้

“แล้วพรวดพราดเข้ามาทำไม”

“เอ่อ...” ภูดิสเหวอ อึกอัก เหลือบตามองผู้หญิงอีกคน เธอหลบแล้วควานหาของในกระเป๋าถือใบเล็ก ได้โทรศัพท์เครื่องจิ๋วติดขึ้นมา เดินไปมุมห้อง ส่งเสียงใสกรอกลงไป แพรพรรณเงียบเสียงรอให้เพื่อนพูดเสร็จค่อยเฉ่งพี่ชายต่อ

“แพร เราไปก่อนนะ” นิศากรปิดหูโทรศัพท์บอกเพื่อน ยกมือไหว้ชายหนุ่มเร็วๆแล้วเดินออกไปเลย สองพี่น้องขยับปากจะเรียกค้าง

“หนูนิ....” หากประตูปิดฉับ ไม่ทันแล้ว ภูดิสถอนใจเฮือก

หนีไปอีกจนได้

ฝ่ายคนข้างนอกห้อง เก็บโทรศัพท์ที่ไม่สายเรียกเข้าแต่แรกเข้ากระเป๋า เดินลิ่วเข้าลิฟท์ เธอถึงขนาดยอมเป็นคนบ้าพูดโทรศัพท์คนเดียว เพื่อใช้เป็นข้ออ้างหลบออกจากที่ที่มีร่างสูงตาคม ซึ่งถูกเจ้าของเขามาตามเอาคืนกลางห้าง


รัญชิดานั่งครึ้มอกครึ้มใจ ดื่มไวน์ฉลองความสำเร็จ เมื่อได้จัดการกับศัตรูที่คิดว่ากำลังมาแย่งความใส่ใจห่วงใยของภูดิสไปจากเธอ ขนาดไปหาคำอธิบายจากภูดิสด้วยใจร้อนรน เขากลับไม่ใส่ใจ มุ่งเอาแต่ทำงานและปฏิเสธให้เธอเข้าพบ
นางร้ายสาวออกมาช็อปปิ้งแก้เครียดตามที่อิมมี่ผู้จัดการสาวแนะ และรับเป็นสารถีพามาที่ห้างประจำ รัญชิดาหยิบเลือกทั้งเสื้อ กางเกง ชุดต่างๆเป็นกระบุง ไม่สนใจราคาที่ป้ายเลยซักนิด ดวงตาโตสวยหากขุ่นมัวด้วยอารมณ์กวาดผ่านร่างหนึ่ง ใบหน้าหวานใส ดวงตากลมกับผมสีน้ำตาลเข้ม และคนที่ยืนข้างยิ่งเพิ่มความแน่ใจให้กับรัญชิดาได้อย่างดี
นิศากรกับแพรพรรณ กำลังเลือกเสื้อผ้า ฝ่ายศัตรูของรัญชิดาเอาชุดทาบตัวเพื่อนดูแล้วหยิบอีกสองสามแบบให้ ก่อนผลักแพรพรรณให้ไปลอง สบโอกาสให้รัญชิดาเดินตรงเข้าไปทันที
นิศากรกำลังจะหยิบชุดสวยชุดหนึ่ง ทว่าไม่ทันเสียแล้ว มือบางเรียวเล็บสีแดงสดมาคว้าไปเสียก่อนที่มือเธอจะถึง

“เอาตัวนี้” นิศากรหันมองตามเสียงและชุดสวยที่ติดมือคนพูดไป อยู่ในมือกระเทยอีกคนและพบว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก นางร้ายชื่อดัง ที่ขณะนี้เหมือนกับกำลังสวมบทบาทในละครไม่มีผิด
ดวงตาโตสวยมีประกายจ้าท้าทายกึ่งหมิ่นแคลนอย่างไรไม่รู้ นิศากรรู้สึก

อึ๋ย!หน้าตานางร้ายตัวจริง อย่างไม่ต้องสงสัย อยากบอกว่าคุณเหมาะกับบทนี้มากๆ

นิศากรเดินเลี่ยงไปอีกมุมหนึ่ง ตั้งใจจะหยิบชุดสวยที่เมื่อครู่เล็งไว้ แรงกระแทกอย่างจงใจ ทำให้คนตัวเล็กเซแทดๆๆไป พอตั้งหลักได้ก็หันมองคนชน ตาสวยมีแววสมใจ ยิ้มเยาะ ไม่มีคำขออภัยหลุดจากริมฝีปากสีแดงสดด้วยลิปสติกเนื้อเนียนวาว

เฮ้ย อะไรเนี่ย จงใจชนนี่หว่า นิศากรเขม้นตามองดาราสาว ทั้งโมโหและไม่เข้าใจ ที่จู่โดนประทุษร้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ

“เธอสินะ ลูกสาวนายกสมาคมแม่บ้านไฮโซ ถ่ายรูปขึ้นนี่ ตัวจริงไม่เห็นจะซักเท่าไหร่ ฮึ!” ประโยคแค่นเติมอารมณ์โมโหให้พุ่งขึ้นอีก ข้อหาว่าเธอดูดีแค่จากรูปถ่ายที่เหมือนเพียงภาพลวงตา ตัวจริงไม่ได้เรื่อง

“ขอโทษนะคะ ฉันจำได้ว่าไม่เคยรู้จักคุณเป็นการส่วนตัว เรื่องอะไรที่อยู่ๆก็มาหาเรื่องฉัน” นิศากรเสียงแข็งโต้กลับ เพราะความต่างด้านความสูงระดับนางแบบเมืองนอกกับนางสาวชาวไทยธรรมดา ทำให้อีกฝ่ายต้องเหลือบตามองต่ำ ยิ่งทำให้ท่าทางคุกคามหยามหยันนั้น เพิ่มประสิทธิภาพให้คนถูกมองยิ่งรู้สึกเหมือนถูกข่มหนักกว่าเก่าหลายเท่านัก

“อาศัยเพื่อนบังหน้า ไปอ่อยพี่ชายเขาถึงบริษัท เฮอะ ช่างคิดดีนะ”

นิศากรหน้าตึงคอแข็ง อารมณ์พุ่งปรี๊ด ชักได้เค้าเหตุที่ตนกำลังเผชิญการรังควานจากดาราสาวที่กำลังวาดลวดลายนางร้ายเหมือนในละครไม่มีผิด

“ภูรักฉันมานานแล้ว เธอไม่มีทางแทรกกลางระหว่างเราได้และอย่ามายุ่งกับเขาอีก เข้าใจนะ!”

รัญชิดากระแทกไหล่สาวเท้าจากไป ทิ้งอารมณ์คุกรุ่นฝากไว้ด้วยน้ำคำสมประมาทอีกครั้งจนอยากจะคว้าไม้แขวนเสื้อเควี้ยงตามไปแบบบูมเมอแรงเหมือนพี่เบิร์ดโขกหัวยัยนางร้ายสักโป๊กสองโป๊กให้หายแค้นได้บ้าง แต่ไม่อยากถูกแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายให้เป็นข่าวอีกรอบ
สองมือน้อยจึงกำแน่น อีกครั้งแล้วที่เธอถูกว่าร้ายเสียๆหายๆต่อความเป็นหญิงไทยใจงาม จนถูกกล่าวหาให้เจ็บแสบในหัวใจ อยู่ดีๆก็บังเอิญไปสร้างศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจสักนิด


ความหงุดหงิดที่บังเกิดจากการหนีไม่ค่อยพ้นจากคนตาคม ต้นเหตุความหึงหวงของนางร้ายที่ออกมาแผลงฤทธิ์เดชนอกจอใส่เธอ โลกที่ลืมตาดูขณะนี้ไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควรเป็น อยากนั่งสมาธิให้จิตใจหายกังวลอย่างในรายการธรรมะที่เปิดดูก็ไม่ใช่วิถีทางที่เหมาะสมกับเธอในตอนนี้

นิศากรอยากกรี๊ดดังๆ คลายความอัดอั้นเสียมากกว่า แต่กลัวคนในบ้านจะแตกตื่นว่าโจรขึ้นหรือไฟไหม้ จะออกไปกรี๊ดนอกบ้านก็กระไรอยู่ ไม่อยากถูกหาว่าบ้า ถ้าจะกรี๊ดก็ควรไปกรี๊ดในคอนเสิร์ตถึงจะดูสมควร แต่ก็นั่นแหละ ใครจะมาเปิดคอนเสิร์ตให้เธอได้ทันเวลาก่อนที่เธอจะอกแตกตายไปเสียก่อน

กรี๊ดไม่ได้ ก็นึกอยากหวดอะไรสักอย่างให้หายแค้นเจ้าชะตากรรม ที่ดลบันดาลให้ต้องมาเจอะเจอเรื่องสัปรังเค

ด้วยเหตุนานาประการนี้ นิศากรมาวิ่งหวดเจ้าลูกยางกลมๆที่สปอร์ตคลับที่เพิ่งมาสมัครไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนด้วยไม้สคอวตที่เพิ่งถอดมาหมาดๆเต็มแรง หวังปลดปล่อยอารมณ์ที่เจียนจะระเบิดสุดขีด หลังวิ่งตะกายตามลูกที่กระเด้งกระดอนตามแรงตีจนเหนื่อยแล้ว หญิงสาวก็เห็นควรว่าน่าจะพอเพียงเท่านี้ ก่อนที่เธอหอบจนตายไปซะก่อนตั้งแต่ยังสาวยังแส้ เธอยังมีอะไรที่อยากจะทำอีกมาก

นิศากรออกมานั่งดูดน้ำเกลือแร่รสส้มแบบนางเอก แก้มยังแดงเรื่อเพราะการออกกำลังเมื่อครู่ รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะหลังจากหวดลูกยางที่คิดว่าเป็นหน้านางร้ายกับภูดิสไปหลายร้อยครั้ง

เฮ้ย ดังนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง แกล้งทรมานให้ฉันได้เจอ

ดวงตากลมสีน้ำตาลมองผ่านกระจกใสไปด้านนอก ร่างสูงคุ้นตาสวมชุดลำลองในแบล็คลิสต์โผล่เข้ามาในทางสายตา นิศากรอยากร้องไห้ให้สาแก่ใจ ฟ้าดลใจให้เธอมาถึงนี่ เหตุใดถึงต้องดลใจคนคนนี้ให้เลือกมาที่เดียวกันด้วย สปอร์ตคลับมีตั้งเยอะไม่รู้จักเลือกที่อื่น

หญิงสาวก้มหน้าคว้าเมนูมาปิด ก่อนย้ายที่นั่งเป็นหันหน้าเข้ากำแพงและหันหลังให้กระจกใส ภาวนาให้ภูดิสที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านหน้าไม่ก้าวเข้ามาในคอฟฟี่ชอป

โว้ยยยย เข้ามาทำไมเนี่ย

นิศากรอยากเอาหัวโขกโต๊ะที่โชคไม่เข้าข้างมาตลอดหลายวันหรือเปลี่ยนหน้าออกแบบเฟสออฟ จะได้ต้องหลบให้ลำบากแบบนี้

อย่า อย่ามาทางนี้น้า ไปอีกทางสิ ไปสิ ชิ่วๆ นิศากรลุ้นตัวโก่งไม่ให้ขายาวๆพาร่างสูงมาทางโต๊ะว่างที่เธอนั่งอยู่ และหายใจโล่งในเวลาต่อมาเมื่อส่งเสียงไล่ในความคิดได้ผล
ดีมากๆ อย่างน้อยวันนี้เธอก็ไม่ซวยจนเกินไปนัก แต่อย่าอยู่นานเป็นดีที่สุด


นิศากรลุกพรวดหยิบข้าวของ เตรียมเผ่นเต็มที่ แต่เสียงห้าวของชายผิวสีน้ำผึ้ง ดวงตาคมซึ้งเรียกชื่อเธอพร้อมรอยยิ้มหวานบาดใจสาวส่งมาให้

“สวัสดีครับ คุณนิ”

“สะสวัสดีค่ะ คุณธเนศ” หญิงสาวทักทายตะกุกตะกัก เพราะตกใจและระแวงว่าร่างสูงที่นั่งอยู่อีกด้านจะเห็นเข้า นิศากรนั่งลงตามเดิมเพื่อจะได้ไม่เป็นจุดเด่น ธเนศทรุดนั่งที่เก้าอี้อีกตัวตาม

“วันนี้มาเล่นสคอวตเหรอครับ” ชายหนุ่มถาม พอเดาได้จากอุปกรณ์ที่เห็น

“ค่ะ คุณธเนศมาตรวจงานเหรอคะ”

จากคราวที่แล้วที่พบกัน ชายหนุ่มก็กำลังเดินตรวจงาน เห็นเธอยืนชะเง้อชะโงกดูคนอื่นเขาอยู่ก็เข้ามาถาม แนะนำตัวว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย แถมยังโฆษณากิจการของตัวเองเต็มที่ ยิ้มแบบบาดใจสาว พูดคุยอย่างเป็นกันเองราวกับรู้จักกันมาเป็นสิบปี ทั้งที่เพิ่งพบกันไม่ถึงชั่วโมง

“ครับ แต่ตอนนี้ขออู้หน่อย เมื่อกี้ผมไปดูที่ห้องสีสาศ นึกว่าจะได้พบคุณซะอีก”

ธเนศบอกเก้อๆ นิศากรหัวเราะขำตาพราว ครั้งที่แล้วธเนศทำหน้าพิลึกตอนเธอบอกว่าสนใจอยากลองเต้นลีลาศดู เมื่อชายหนุ่มเสนอตัวรับรองลูกค้ารายใหม่ด้วยตัวเอง ยินดีเล่นทุกอย่างเป็นเพื่อนหญิงสาวไปก่อนหน้านั้น
ผมไม่ค่อยมีพรสวรรค์เรื่องเต้นสักเท่าไหร่ แต่จะลองดูก็ได้ เพื่อลูกค้าวีไอพีคนใหม่ของสปอร์ตคลับของผม

ธเนศไม่ค่อยมีพรสวรรค์ดังปากว่า หากแต่ไม่เลยร้าย พอกล้อมแกล้มไปได้ตรงแพทเทิร์น แต่ตัวแข็งราวกับหินจนถูกครูแซว


ร่างกำยำของเพื่อนชายเดินไปอีกทางหลังจากโบกมือทักตอบเขาแล้ว ภูดิสหันไปรับกาแฟที่สั่งไว้ไม่สนใจเท่าไหร่ คิดว่าเพื่อนคงจะไปทักทายเอาลูกค้าสาวๆอีก เหมือนที่ชอบทำเป็นประจำ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองหาเพื่อนดูว่าสาววหน้าไหนอีกที่ธเนศยิ้มร่าไปหา
คิ้วเข้มขมวดนิดๆในทีแรกด้วยความรู้สึกคุ้นด้านหลังของหญิงสาวใกล้ตัวเพื่อน และแจ่มชัดว่าคือใครเมื่อเธอหันมายิ้มสดใสหัวเราะร่า

คิ้วคมยิ่งขมวดติดกันเข้าไปอีก คนที่หลบหน้าหลบตาอย่างไร้สาเหตุอยู่กับธเนศ ดูร่าเริงสบายใจทั้งที่ทำความหงุดหงิดให้เขามาหลายวัน ทั้งแปลกใจ สงสัยที่จู่ๆนิศากรเกิดอาการเหมือนปอบหลบตาวูบวาบแล้วอาการยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยเปลี่ยนเป็นหลบหายไปทั้งตัว วิ่งหนีซึ่งๆหน้าเหมือนผีเจอพระไม่มีผิด
และตอนนี้รู้สึกปั่นป่วน ขุ่นมัวยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อนิศากรส่งยิ้มหวานใสให้คนผิวสีน้ำผึ้งที่เขารู้จักดีว่า เจ้าชู้เพลย์บอยแค่ไหน อีกทั้งดวงตากลมที่มองล้อคู่สนทนา ทำให้ภูดิสอยากตีให้ร้องไห้แทนนัก


-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน

kikkak_riwkiw - เฮ้อ ฟิว ตอนนี้แต่งช้าสมดังที่ฟิวว่าแล้วหล่ะ อ๊าาาาาาาา อารมณ์หลุดอ่ะ น๊อตจะหลุดด้วย จารย์ไม่ให้เรียนวิชาที่อยากเรียน วุ่นวายต่อเป็นอาทิตย์ที่2แล้ว อากาศก็ร้อน ไมเกรนกำเริบทุกวันตอนบ่าย3เลย

ชาจัง - แหม กำลังคิดถึงว่าชาจังหายไปไหน ว่าแล้วก็มาเลย จามบ้างรึเปล่าคะ ฮัดเช้ยๆๆอยากรู้จังเลยว่าใครเอ่ยถึงฉัน

Niranam - ขอบคุณที่ชี้ทางให้ใหม่ค่ะ


nekojung - ไม่ต้องล็อคอิน ก็สามารถคอมเม้นท์ได้นะคะ




Create Date : 13 มิถุนายน 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:23:14 น.
Counter : 312 Pageviews.

2 comments
  
ช่าย...ช้าสมใจ จนตอนนี้ตามทันเรียบร้อยแล้ว ตอนต่อไปต้องติดสปีดเทอร์โบเลยนะคะ ฮี่ๆ

มหาลัยท่าทางยุ่งเนอะ เป็นไมเกรนด้วยอ่ะ ฟิวไม่เคยเป็น แฮ่ๆ ร่างกายแข็งแรงอ่าค่า

พี่ฟ้า...ฟิวเกลียดยัยรันจัง
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.35.8 วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:19:34:17 น.
  
why noo-ni let run blame her without any reaction she should do something to respond run poor behave na...
โดย: ninja IP: 137.224.235.22 วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:18:16:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik