All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่31<แก้ไข-100%>




บทที่31

“นาย!มาทำอะไรที่นี่ยะ ออกไปซะ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เดือน” แพรพรรณชี้นิ้วเท้าสะเอวหมับ ฉุนปรี๊ดทันควันเมื่อกราดสายตาไปเจอะหน้าเรียวใสกิ๊งแบบไอดอลญี่ปุ่น เกาหลีเข้า

พอรู้ชัดกับสายตาตัวเองที่ไล่ตามตัวอักษรบนหนังสือพิมพ์ฉบับร้อน ว่าเด็กหนุ่มแสนบ้าบิ่นนามว่าอานนท์ มีเชื้อสายไล่เรียงกันมากับนางร้ายสาว รัญชิดา ตัวแสบ! แสนร้ายกาจ ขี้ตู่ ขี้วีน เสียงก็ดังแสบแก้วหู ฯลฯ ก็บึ่งตรงไปกระหน่ำคำถามใส่พี่ชายที่นั่งหน้าเครียดอยู่กับกองเอกสาร ยิ่งแพรพรรณวิเคราะห์วิจารณ์ไปแนวนางร้ายแผลงฤทธิ์ ส่งสมุนมารมาร่วมแท็กทีม โจมตีทั้งปีกซ้ายและขวา ภูดิสก็ยิ่งมีสีหน้าวิตก ลังเลมากขึ้น

แพรพรรณฮึดฮัดเมื่อพี่ชายไม่ตอบโต้อะไรกลับมา นอกจากพยักหน้ายอมรับว่าอานนท์คือญาติผู้น้องของรัญชิดา แล้วเฉยเสียทุกคำถามต่อมา

อานนท์ผู้หอบดอกไม้ช่อโตก้าวเข้ามาในร้านนิศากรมาก่อนหน้าแพรพรรณตีสีหน้างงงัน มองกลับหญิงสาวร่างเล็กที่ทำท่าอย่างกับเจ๊เจ้าของตลาด

“เฮ้ พูดรู้เรื่องไหม หูแตกรึไง บอกให้ออกไป๊ ที่นี่ไม่ต้องรับนาย” แพรพรรณกระแทกเท้าปึงปังเข้าไปกระชากแขน ลากสุดแรงไปทางประตูร้าน ดันออกไปทั้งคนทั้งดอกไม้ช่อสวย

“ออกไปเลยนะ นายมันก็พวกตัวอิจฉาอีกคน คอยจ้องแต่จะทำลาย จ้องแยกคู่ชาวบ้านเขา ออกไปเลยนะ!”

“เดี๋ยวๆ อะไรน่ะฮะ คุณเป็นใครละเนี่ย” อานนท์ขืนตัวไว้ ถามพลางนึกในใจ คุ้นหน้าเจ้าหล่อนอยู่ มันคล้ายๆใครกันนะ

“เฮอะ ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าเรื่องอะไร ฉันจะบอกให้ ฉันนี่แหละ จะขัดขวางนายทุกทาง นายไม่มีทางมาแย่งหนูนิไปจากพี่ภูได้หรอก” แพรพรรณตาวาว หน้าถมึงทึง ตะโกนลั่นๆ ประกาศตัวเป็นคู่ศึก แต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้รับความสนใจจากคู่สนทนาสักเท่าไหร่

อานนท์ก้มตัวลงมาใกล้ใบหน้าขาวนวล สังเกตเครื่องหน้าหญิงสาวที่ดูไม่ออกเลยว่าเป็นรุ่นพี่แล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ! ยิ้มอย่างสมใจ

“อ๋า นึกออกแล้ว ว่าแล้วว่าหน้าเหมือนใคร ที่แท้ก็เหมือนคุณพี่ภูดิสนี่เอง พี่สาวคงเป็นน้องสาวของคุณภูดิสล่ะสิ หน้าเด็กแฮะ ผมไม่นึกว่าจะอายุมากกกว่า”

แพรพรรณเชิดหน้ายืดขึ้นมานิดหน่อย ภายในหัวใจแอบพองโตที่ได้รับคำชม อย่างน้อยนายนี่ก็มีดีอยู่บ้าง พูดดี น่าฟัง

“ใช่” คำตอบไม่แน่ใจว่าตอบคำถามไหน เป็นน้องสาวหรือหน้าเด็ก

“พี่สาวชื่ออะไรฮะ ผมชื่ออานนท์” เด็กหนุ่มยื่นมือมาข้างหน้า ทำท่าขอเช็คแฮนแบบฝรั่ง

“แพรพรรณ”

“อ๋า ใช่แล้ว น้องแพรจอมแสบ ปากจัดอย่างกับตำแย”

“ว่าอะไรนะ!” ตาโตๆลุกวาวราวกับมีไฟลุกอยู่ภายใน ไอ้เด็กบ้า ฉันขอยกเลิกที่นึกไปเมื่อตะกี้

“ผมได้ยินมาแบบนั้น” อานนท์บอกหน้าซื่อ

“ใคร? ใครบอก”

“แฮะๆ ไม่พูดดีกว่า แหม...ไม่น่าถามเลยนะฮะ” ไหล่กว้างไหวขึ้นนิดๆ เสมองไปทางอื่น

“เด็กบ้า พูดจบแล้วก็ออกไปได้ อยู่นานเดี๋ยวลูกค้าไม่เข้าร้านเพื่อนฉัน” แพรพรรณดันๆๆๆและดัน

“เดี๋ยวซิฮะ ผมมาหาหนูนินะฮะ ยังไม่เจอเลยจะไปได้ไง”

“ไม่ให้พบย่ะ ออกไป”

อานนท์เกาะประตูไว้แน่น ท่าทางคล้ายตุ๊กแกยังไงอย่างนั้น แพรพรรณแงะเท่าไหร่ก็ไม่ออก

“นายนี่มันตุ๊กแกกลับชาติมาเกิดรึไงเนี่ย”

หนึ่งหนุ่มวัยละอ่อนกับอีกหนึ่งสาวงัดแงะกันอยู่อย่างนั้น ท่ามกลางสายตาของคนผ่านไปมา รวมถึงเจ้าของห้องเสื้อที่เพิ่งลงจากรถมากับสารถีร่างสูงด้วย

“อะไรกันน่ะนั่น แพรใช่รึเปล่าคะพี่ภู” นิศากรเดินนำไปเพื่อจะดูเหตุการณ์ให้ชัด แต่กลับถูกดึงไว้ นิศากรทำตากลมแป๋วเป็นคำถาม ภูดิสเห็นแล้วถอนหายใจ อยากเอาหน้ากากนางแม่มดหน้าเหี่ยวมาสวมหัวนิศากรเหลือเกิน กลบตาแป๋วๆกับหน้าอยากรู้อยากเห็นอย่างกับเด็กตัวเล็กๆนั่นเสีย เดี๋ยวนายอานนท์จะมาติดใจเพิ่มเข้าอีก แค่นี้ก็ยุ่งจะแย่

“เดี๋ยวค่อยกลับมาดีกว่าตอนนี้ไปก่อนเถอะ”

“อ้าว ทำไมล่ะคะ”

“ไปเถอะ” คิ้วเข้มขมวด ไม่ยอมตอบให้หายข้องใจ แต่กลับรวบเอวคนรักพาให้เดินตาม นิศากรอุทานเบาๆ ด้วยภูดิสพาหันกลับรวดเร็วจนหญิงสาวขาขวิดเอียงไปเกาะผู้ร่วมทางแทบไม่ทัน อีกฝ่ายก็มือไว จับคนรักไว้ทันควัน

“วี๊ดวิ้ว หวานจังเลย ขอยืมนิ้วไปจิ้มก๋วยเตี๋ยวหน่อยพี่ ร้านมันบอกว่านั้นตาลหมด” พยานผู้เห็นเหตุการณ์ดันไปเป็นเด็กเฮ้วที่แม่ใช้ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมา เลยส่งเสียงแซวดังลั่น หญิงสาวหน้าแดงเรื่อๆ ปล่อยมือจากภูดิสทันทีแล้วถอยห่างมานิดๆให้เกิดช่องว่างอย่างพอเหมะพอควร

“หนูนิฮะๆ” อานนท์ตะโกนเรียกนิศากรลั่นๆ เสียงเป่าปาก ตะโกนแซวของเด็กวัยรุ่นเมื่อครู่ เรียกความสนใจให้หันไปมอง แล้วก็ได้ยิ้มหน้าบานเมื่อได้เห็นหญิงสาวหน้าใสที่รอคอย

“เห็นจนได้” ภูดิสทำเสียงรำคาญในคอ หน้าตูมสนิท

“เอ๋ เด็กคนนั้นนี่นา” คราวนี้นิศากรเลยได้รู้ ทำไมถึงได้โดนลากกลับออกไปอีกครั้ง ทั้งๆที่ก้าวลงจากรถมา แก้มใสพองพิลึก เพราะเจ้าของอมรอยยิ้มถูกใจปนเขินไว้จนเต็ม ภูดิสเห็นหน้านวลใสดูเบิกบานเลยขัดอารมณ์เข้าไปอีก ทั้งที่เจ้าตัวพยายามปิดไว้สุดขีด ด้วยคิดว่านิศากรยินดีที่ได้พบเจ้าเด็กกล้าดีนั่น

“สวัสดีฮะ คิดถึงจัง” อานนท์หน้าบานเป็นจานเชิงตรงเข้ามาถึงก็ทักทาย แถมมือไวคว้าข้อมือบางมากุมไว้อีกต่างหาก

เพี๊ยะ! โครม!

สองพี่น้องร่วมมือร่วมใจ แพรพรรณที่วิ่งตามมาเพิ่งถึงฟาดเผี๊ยะเข้าที่มืออานนท์ ภูดิสเอามือยันอกเด็กหนุ่มดันให้ถอยห่างนิศากร แต่ดูจะแรงไปหน่อย อานนท์เลยก้นจ้ำเบ้ากับพื้นถนน

“ว้าย!” สองสาวร้องอุทานพร้อมกันอย่างไม่ตั้งใจ อานนท์เงยหน้ามองภูดิสที่ตกใจเหมือนกันตาขุ่น

“ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจ” ภูดิสขออภัย

“เฮอะๆ สองพี่น้องรวมหัวกันแกล้งเด็กทำไมเนี่ย” เสียงห้าวเจือหัวเราะดังมา ธเนศเดินมาหยุดยืนต่อหน้าคนล้ม มองอานนท์ด้วยสายตาคล้ายมองเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง

“ผมโตแล้ว เรียนมหา’ลัยด้วย ใครบอกคุณว่าผมเป็นเด็ก” อานนท์สวนกลับเสียงห้วน ไม่พอใจที่ถูกหาว่าเป็นเด็ก ลุกขึ้นยืนจังก้ายืดตัวสูงเต็มที่สู้สองคู่หูที่รูปร่างน้องๆกำแพง คนหนึ่งทำหน้าเฉยเสีย อีกคนดันหัวเราะไม่ยอมหยุด แล้วจะดูยิ่งหัวเราะมากขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ

“จริงสิ คุณพี่ภูดิส รันฝากมาบอกว่า เขายังรออยู่เสมอ” อานนท์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ใบหน้าแฝงรอยสมใจไว้ที่ได้เอาคืน จึงจงใจสะกิดปมสามเศร้าเมื่อครั้งเก่าขึ้นมา สองครั้งแล้วที่เขาต้องลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่าเพราะคนๆเดียวกัน ต่อหน้าต่อตาสาวที่ชอบ มันเหมือนกับว่าเขาเป็นแค่เด็กอ่อนแอ ผลักนิดก็เซไม่เป็นท่า

ภูดิสคิ้วขมวด ตาคมเข้มมีประกายวาวทันควันต่อตากับอานนท์ซึ่งไม่เกรงกลัว แถมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่อีกด้วย สามคนที่เหลือมีอาการหนึ่งที่ไม่ต่างกัน คือ แปลกใจและใคร่รู่ในสิ่งที่อานนท์บอก

“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เสียงเล็กตวัดถามทันที หากไร้เสียงใดๆตอบกลับมา นิศากรมองภูดิสอย่างสงสัย

“หนูนิฮะ ผมหิวจัง ไปทานอาหารเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหมฮะ ผมไปเจอร้านหนึ่งมา อาหารอร่อย บรรยากาศน่ารัก เหมาะสำหรับคู่เดตมากเลยฮะ” อานนท์ละความสนใจหันหาคนที่เขาตั้งใจมาหา

ภูดิสจับข้อมือเล็กกำแน่น สีหน้าสีตาดูลำบากใจอย่างยิ่ง นิศากรก็ยิ่งอยากรู้มากยิ่งขึ้นไปอีก หากแต่ไม่ปริปากใดๆ ใช่เพียงแค่สายตาบ่งบอกความรู้สึกซึ่งอีกฝ่ายดูจะเข้าใจได้ดี

“อย่าเพิ่งคิดอะไร เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง” ภูดิสจูงมือเล็กนำไป ตรึกตรองในใจว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี แต่อย่างหนึ่งที่เขาแน่ใจที่สุดว่าควรทำ คือ ไม่ปิดปัง



ราวกับขบวนพาเหรดย่อยๆ หัวหน้านำขบวนคือหนุ่มร่างสูง สีหน้าปั้นยาก หัวคิ้วชิดติดแทบจำเกยหัน คนต่อมาเป็นสาวผิวขาวผ่องสะอาดใส สีหน้ากังวลและหวาดหวั่นไม่แพ้กัน ข้อมือบางข้างหนึ่งถูกรวบไว้ในมือใหญ่ของคนนำหน้า อีกข้างถูกยึดไว้ด้วยฝีมือเพื่อนสาวคนสนิทซึ่งเกาะแจ ไม่ให้เหลือช่องว่างสำหรับเด็กหนุ่มรุ่นน้องมาแทรกตัวเกาะแกะ ดวงตาโตที่เหลือบไปยังหนุ่มผิวน้ำผึ้งซึ่งตามไม่ห่างอยู่รั้งท้ายหลุบลงทันทีที่สบกัน

“หนูนิฮะ รอผมด้วย”

“ออกไปห่างๆ กลับบ้านไปเลยดีกว่า น่ารำคาญชะมัด! ไป๊! ชิ่ว!” แพรพรรณใช้ตัวเองเป็นปราการกั้นศัตรูให้หยุดแค่หน้าประตูร้านอีกครั้ง ไม่ให้ย่างเข้าเขตแดนของนิศากรกับพี่ชายซึ่งผ่านเข้าไปด้านในด้วยกันเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวชี้นิ้วไปทางถนน ส่งเสียงไล่อานนท์ราวกับเขาเป็นเจ้าด่างก็ไม่ปาน หนุ่มรุ่นน้องหน้าตูม สองพี่น้องนี่ ตั้งตัวเป็นอริกับเขาเต็มตัว ทำกริยาผลักไสเขาคล้ายกับเข้าเป็นเจ้าตูบตัวน้อยน่ารำคาญ เดี๋ยวเขี่ยแรงๆให้ถอยห่าง เดี๋ยวก็ไล่ นี่เขาเป็นคนนะ

“ไล่ผมจังเลย ผมไม่ได้อยากใกล้พี่สักหน่อย ผมชอบหนูนิต่างหาก พี่แพรอย่าเข้าใจผิดนะ”

แพรพรรณหน้าตึงทันควัน หนอยแน่ะ ไอ้เด็กปากดี มาว่าฉันว่าหลงตัวเองรึ เกินไปแล้ว

“รู้แล้วย่ะ เด็กอย่างนาย…” แพรพรรณอานนท์ไล่ขึ้นลงทั่วตัว พูดต่อไปด้วยน้ำเสียเหยียดๆ “ก็ดูดีหน่อยๆ แต่กระดูกอ่อนเกินไป ผอมกระหร่องอย่างนี้ หน้าหวานอย่างกับผู้หญิงดูไม่ค่อยแมนเอาซะเลย ขอบอกว่าไม่ใช่เสป็ค”

“ผมไม่สนเสป็คพี่สาวหรอกฮะ” อานนท์กล่าวหน้าเชิด แพรพรรณส่งเสียงหยันในลำคอ ทำท่ายักไหล่ใช้หางตาไล่ไปตามตัวเด็กหนุ่ม

“เฮอะ เสป็คกว้างเป็นแม่น้ำฮวงโหวอย่างฉันยังไม่ผ่าน หนูนิรึจะสนใจ” แพรพรรณไม่ได้ระบุให้แน่ชัดว่า ความกว้างขวางในรสนิยมของตน ไม่ได้แผ่ขยายไปถึงหนุ่มอายุอ่อนกว่า หากแต่จำกัดช่วงไล่ตั้งแต่รุ่นเดียวขึ้นไป ไม่ได้ไล่ลงมาให้ค่าของตัวเลขอายุน้อยลง เหตุผลที่กางกั้นได้รับมติจากหลายคนก็คือ



‘คนที่มาเป็นแฟนแกได้นะ ต้องคนเป็นใบ้ แบบว่าถียงแกไม่ได้ แกจะได้พูดคนเดียวไง’

‘ไม่งั้นอีกทีก็ฉันว่าต้องเป็นศิษย์พี่ของแกว่ะ ฝึกหัดมาอย่างดีไม่ต่ำกว่าสามสิบปีเข้าขั้นปรมาจารย์ด้านการเถียงถึงจะพอลับฝีปากกับแกได้ นั่นแหละเหมาะกับแกที่สุด เพราะฉะนั้น รุ่นน้องๆแกอย่าได้หวังว่าจักหาผู้ใดจะมีฝีปากเทียบเทียมแกได้อีกเลย คงเป็นตาแก่ปากร้ายซะมากกว่า ฮ่าๆๆๆ’

แพรพรรณได้แต่ทำหน้างอ แต่ก็ค้านไม่ลง

‘ฉันก็ไม่เอาเด็กง้องแง้งเหมือนกันล่ะย่ะ ล่มจมตายตามกันไปพอดี’ หญิงสาวรู้แก่ใจ ตัวเองไม่ได้มีลักษณะของผู้ใหญ่ตามวัยที่ควรมี และชาตินี้ก็คงเป็นคนที่น่าเชื่อถือตัดสินใจรอบคอบได้ถึงขนาดจะดูแลผู้ใด ด้วยความเป็นน้องคนสุดท้อง ถูกดูแลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยจากแม่และพี่ชาย หวังในใจไว้ตามภาษาผู้หญิง จะมีผู้ดูและแลหาเธอด้วยความรักต่อจากครอบครัว ไม่ใช่จะต้องไปดูแลใคร

‘คนๆนั้นน่ะนะ ต้องดูแลเรารักเราอย่างที่พี่ภูกับแม่ทำนั่นแหละ เป็นพี่ก็ได้เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นแฟนผสมไปด้วยเลย ดีที่สุด’



“จริงเหรอ” อานนท์ก้มลงดูตัวเองร้อนรน สนอกสนใจขึ้นมาทันที จึงกระแซะเข้าไปถาม “แล้วต้องยังไงล่ะฮะ” ลืมความตั้งใจเดิมที่จะติดตามนิศากรไปเสียแล้ว

“อยากรู้ก็ตามมาสิ” อานนท์ทำท่าลังเล แลไปด้านในร้านหาร่างของสาวที่หมายตา

“ตามไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ หนูนิไม่สนใจนายหรอก แห้วตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ก็เห็นๆกันอยู่ว่าไม่โดนสักนิด เอ้า!ไม่อยากรู้ก็ช่างนาย”

แพรพรรณยิ้มมุมปากมีเลศนัยขณะหันหลังให้เด็กหนุ่ม ทิ้งความอยากรู้อยากเห็นของตัวไว้ข้างหลัง ตอนนั้ต้องทำ คือลากเจ้าหนูมารออกไปให้ห่าง เปิดโอกาสให้คู่รักได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกัน

แพรพรรณยิ้มค้าง เพราะพบสายตาคมหวานราวผู้หญิงเจ้าอารมณ์มองอยู่ก่อนแล้วอย่างรู้ทัน

‘ฉันไม่ทิ้งเธอ ทิ้งไม่ได้...’

เสียงห้าวหนักแน่น ยังดังก้องอยู่ในใจ ปลาบปลื้มในใจยังไม่คลาย หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ ก้าวขาไม่ออก ดั่งคุณลักษณะที่ผองเพื่อนบรรยายกำลังก่อร่างปรากฏเป็นภาพให้เห็นจริงตรงหน้า

ฉันว่าต้องเป็นศิษย์พี่ของแกว่ะ ฝึกหัดมาอย่างดีไม่ต่ำกว่าสามสิบปีเข้าขั้นปรมาจารย์ด้านการเถียงถึงจะพอลับฝีปากกับแกได้ นั่นแหละเหมาะกับแกที่สุด

ตามติดกระชั้นชิดด้วยเสียงเล็กของตัวเอง

คนๆนั้นน่ะนะ ต้องดูแลเรารักเราอย่างที่พี่ภูกับแม่ทำนั่นแหละ เป็นพี่ก็ได้เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นแฟนผสมไปด้วยเลย ดีที่สุด

แพรพรรณสะอึกหน้าแดงกระทันหัน หลับตาปี๋ทำตัวแข็ง ธเนศหน้าเหลอ พิศวงอาการประหลาดของน้องสาวเพื่อนรัก จึงก้มลงถาม

“เฮ้ เป็นอะไรน่ะ”

“อ๊า...อย่ามายุ่งกับฉัน” แพรพรรณปัดมือไปมาหวังไล่เสียงห้าวให้ไกลห่างโดยไม่ลืมตา

เพี๊ยะ!

“โอ๊ย”

รอยนิ้วๆเล็กๆห้านิ้วขึ้นเป็นรอยบนแก้มสากสีน้ำผึ้ง แพรพรรณเปิดตาขึ้นตระหนกที่เห็นรอยที่ปรากฏ ธเนศลูบแก้มตัวเอง สีหน้าเจ็บปวดมองใบหน้าเล็กอย่างไม่เข้าใจ

“เขาะ ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“เป็นอะไรของเธอน่ะยัยเปี๊ยก ไม่สบายรึไงกัน หน้าแดงๆด้วย เป็นไข้รึเปล่า” น้ำเสียงห้าวห้วนผสานความเป็นห่วงเป็นใยด้วยใจจริงลอยเข้ากระทบหัวใจดวงน้อยให้สั่นไหว “หรือว่าหัวเธอไปกระแทกอะไรมา เลยเพี้ยนๆแบบนี้”

ธเนศสีหน้าตื่นตระหนกอย่างที่รู้ว่าแกล้งทำ แพรพรรณถลึงตาใส่ทันควัน

“นายน่ะสิเพี้ยน! เลยทำฉันเพี้ยนไปด้วยแล้ว!” หญิงสาวแว้ดใส่ ยกมือสองข้างกุมหัว กระทืบเท้าหนีคนที่คิดว่าทำให้ตัวเองเพี้ยนไป อานนท์ก้าวตามงงๆกระชั้น

“อ้าว!ไปไหนล่ะฮะ บอกเรื่องเมื่อกี้ก่อนสิฮะ”

ธเนศนึกอยากหาแหมาเหวี่ยงล้อมเด็กหนุ่มน่ารำคาญผู้นั้นมาเหวี่ยงไปให้ไกลเสียเหลือเกิน



-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------



*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*

โอเล่ห์รสส้ม - แก้ไขนะคะ หวังว่าคงดีกว่าอันที่แล้ว




Create Date : 13 มกราคม 2551
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 16:09:44 น.
Counter : 311 Pageviews.

3 comments
  
อันนี้ดี แต่ทำไม อาไรอาไรมันค้างๆคาๆ นานจัง....
โดย: มาเยือน IP: 64.59.144.86 วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:5:27:44 น.
  
อันนี้ดีกว่า แต่ช่วยอัพเร็ว ๆ หน่อยได้มั้ยคะ
เรื่องมันสลับซับซ้อน ลับลมคมใน เยอะเหลือเกินนะ
แล้วนี่มีความลับอะไรอีกล่ะเนี่ย
โดย: โอเ่ล่รสส้ม IP: 203.156.69.5 วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:22:30:35 น.
  
แฮ่...คิดถึงจังเลย ไม่ได้เข้ามาตั้งนาน

นานวัน เรื่องนี้ชักจะยิ่งปวดหัว เง้อ...ปมเยอะจริงๆ เนอะ

นานแล้ว มาอัพได้แล้วค๊าบบบ
โดย: kakok_riwkiw IP: 203.113.36.14 วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:20:57:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik