All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่13



บทที่13



แพรพรรณนั่งสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆบนโซฟาที่มุมหน้าต่างบานหนึ่ง รับออกซิเจนจากต้นไม้ขนาดกลาง ตัดแต่งพุ่มเสียกลมดิกอย่างกับลูกอม ที่กระถางสูงเจ้าของห้องจับผูกโบว์น่ารักไว้ประดับ
แต่ตอนนี้เธออยากดึงมันออกมาผูกคอ คนที่นั่งเต๊ะจุ้ย ตัวดำเป็นเหนี่ยง อยู่กลางห้องทำงานของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตนี่ให้ตาเหลือกตาปริ้นไปเลย

เมื่อครู่ใหญ่ที่เธอทิ้งห้องทำงานไป ไม่นึกว่ากลับมาจะมีอะไรสักอย่างเข้ามาสิงสถิตยึดครองโซฟาตัวยาวสไตล์โมเดิร์นของเธอ ธเนศผายมือแล้วตบลงที่ว่างข้างๆเป็นเชิงเรียกให้เธอนั่ง วางท่าอย่างกับเธอเป็นแขกแล้วเขาเป็นเจ้าของห้องเสียเอง

“ว้าย! นายดำ เข้ามาได้ยังไง”

“นี่เรียกให้มันดีๆหน่อย ฉันเป็นพี่เธอนะ” หนุ่มผิวน้ำผึ้งเอ็ดเสียงเขียว เรียกร้องสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเพื่อนพี่ชาย แต่ผลที่ได้คือปากเล็กเบะออกเหมือนสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ไม่น่าเห็นด้วยเลยสักนิด

“ยัยเปี๊ยก เจอหน้าไม่ไหว้แล้วยังทำท่ากวนอีกนะ” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้าหญิงสาวคาดโทษ ยกมารยาทการแสดงความเคารพผู้อาวุโสขึ้นมา แพรพรรณไหว้ส่งๆอย่างเสียงไม่ได้แล้วทำท่าเชิดหน้าใส่ ธเนศเลยได้ฉุนอีกเป็นรอบสอง

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่แพรพรรณตั้งแง่ง่อนแง่นใส่ พอรู้ตัวอีกที ยัยตัวเปี๊ยกกลับกลายจากเด็กกวนแต่น่ารัก อารมณ์ดี พอเจอก็วิ่งโร่มาคุยไม่หยุดปาก กลายเป็นยียวนกวนอารมณ์กันอย่างไม่นับถือ แถมยังปากจัดใส่อย่างที่เห็นนี่เสียแล้ว

“แน่ะ ไม่สวย ไม่รับ ทำใหม่เดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มจึ๊ปากหงุดหงิด วิญญาณครูระเบียบเข้าสิง ต่อว่าเสียงดุไม่ชอบใจในกิริยาของน้องสาวเพื่อน

“ไม่รับก็อย่ารับ ทำได้แค่นี้แหละ ฮึ!” แพรพรรณไม่ใส่ใจ เดินไปวางแฟ้มที่โต๊ะทำงาน “ออกไปได้แล้ว ชิ่ว!” แพรพรรณโบกมือไล่ประกอบเสียง เล่นเอาธเนศรู้สึกเหมือนเป็นไอ้ด่างไร้ค่า

“ไล่เลยเหรอ ยัยเปี๊ยก เกินไปแล้วมั้ง” ธเนศหน้าบึ้ง ก้าวอาดๆมายืนจังก้า แพรพรรณเงยหน้าท้าความสูงที่ไม่น้อยไปกว่าพี่ชายเกินสามเซนติเมตร ดวงตาคมสวยหวานราวกับผู้หญิงของหนุ่มผิวน้ำผึ้งจนบางครั้งแพรพรรณอดอิจฉาไม่ได้ จ้องอย่างเอาเรื่อง หญิงสาวแลบลิ้นใส่ไม่กลัวเกรง

“นี่แน่ะ! เด็กไม่มีมารยาท” คนผิวเข้มดีดหน้าผากมนดัง ป๊อก! ลิ้นเล็กๆหดฉับกลับเข้าปากเล็กสีชมพูอ่อนซึ่งเบะออกทันใด

“โอ๊ย!เจ็บนะ” มือเล็กกุมหน้าผากที่ปรากฎรอยแดงเรื่อจากแรงดีด “ทำบ้าอะไรเนี่ย” เสียงเล็กกระชากห้วนหลังร้องอุทรณ์ ใบหน้ามีเสน่ห์จับใจสาวๆปรากฎรอยยิ้มยียวนกวนอารมณ์ดังเดิมเหมือนเมื่อแรกเข้ามา ซ้ำยังหัวเราะใสแถมท้ายอย่างสะใจ

“นายถ่าน...โรคจิต” แพรพรรณต่อว่า งัดเอาปมที่เธอใช้เสียดสีเขามาตลอดมาเพิ่มความสะใจด้วยคำต่อท้าย

“นายอีกแล้วเหรอ พี่ เรียกพี่สิ พี่ธเนศจ๋า...” ชายหนุ่มลากเสียงยาวเฟื้อยเป็นแม่นาก “อ้อ ขอสอนวิธีทำความเคารพใหม่เสียด้วย เขาต้องทำอย่างงี้”

ธเนศจับมือเล็กสองข้างของเธอมาประกบกัน แพรพรรณขืนไว้ เบิกตาโตร้อง อี๋ย์ แล้วทำท่ารังเกียจ สะบัดๆมือใหญ่ออกแต่พบว่ามันเหนียวยิ่งกว่าตีนตุ๊กแก ธเนศเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งอยากแกล้งให้เต้นขึ้นไปอีก รวบมือเล็กทั้งสองไว้ด้วยมือเดียว มืออีกข้างกดศรีษะเล็ก ผมดัดเป็นลอนสวยนิ่มมือลงแนบอกกว้างแข็งด้วยกล้ามเนื้อ เสียงห้าวสั่งสอนประกอบกับเสียงหัวเราะหึๆในลำคอ รู้สึกถึงแรงดิ้นกุกกักอย่างแรงจนผมเป็นลอนกระจายยุ่ง

“มันต้องอย่างนี้ ก้มหัวไว้ พนมมือ สวยมาก ดีมากน้องรักของพี่ธเนศ”

“ปล่อยนะ ใครเขาทำกันอย่างนี้เล่า อย่างกับนักร้องคาเฟ่หลอกเสี่ยพุงพลุ้ยกระเป๋าหนัก อ๋อ เดี๋ยวนี้เรตติ้งตกฮวบลงถึงกับต้องไปหว่านเสน่ห์นักร้องคาเฟ่เชียวเรอะ โอย หายใจไม่ออก”

เสียงเล็กโอดโอยหลังวิจารณ์การสอนมารยาทการไหว้ของเขาไปเหมือนกับนักร้องในสถานเริงรมณ์ยามค่ำคืน แถมยังว่าเขาเสน่ห์ถดถอยหาสาวไม่ได้จนต้องไปหลอกนักร้องคาเฟ่

“ปากจัดนักเหรอ นี่แน่ะ หายใจไม่ออกตายไปเลย”

มือใหญ่กดหัวเล็กของน้องสาวเพื่อนเข้ากับอกตัวเองแน่นเข้าไปอีก เสื้อแจ็คเกตสีน้ำตาลอุดปากและจมูกของเธอ แพรพรรณดิ้นอึกอัก ร้องอู้อี้ให้ปล่อย เพราะขาดออกซิเจนจนจะตาลายอยู่แล้ว ธเนศโดนมือเล็กที่สะบัดหลุดทุบเข้าให้หลายปึก เลยยอมปล่อย ผนวกกับยังไม่อยากโดนคดีฆาตกรรมน้องสาวเพื่อนด้วยความโมโห



นี่คือเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้าที่เธอจะสะโหลสะเหลมานั่งสูดอากาศเข้าปอดลึกบนโซฟาตัวที่นายตัวดำยึดอยู่เมื่อครู่ใหญ่ หญิงสาวมองโบว์สีทองผูกติดกับกระถางอย่างหมายมาด อยากดึงมาจัดการถูกคอนายถ่านให้ขาดอากาศหายใจบ้างใจจะขาด แต่หมดแรง

ก่อนจะได้ทำอย่างนั้น หนุ่มผิวน้ำผึ้งก็มาทิ้งตัวลงนั่งข้างมองหน้าแดงก่ำของแพรพรรณแล้วขำ ผมสีดำเป็นลอนสวยตอนนี้ยุ่งเหยิง อยากหากระจกบานโตๆมาให้ส่องจริงๆให้ตาย ฮา...ไม่เอาดีกว่า เหนื่อยแล้ว

“เอาหล่ะ เลิกเล่น พักยก มีเรื่องมาปรึกษา” สองมือหนายกขึ้นแตะกันเป็นภาษาสากลว่าขอเวลานอกตามกฎการกีฬา แพรพรรณผลักมือเขาออก

“มีธุระเป็นเรื่องเป็นราวกับเขาด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อ” หญิงสาวเบ้ปากให้

“อย่าหาเรื่องน่า มีข่าวล่ามาส่ง ไม่อยากรู้เหรอว่าเมื่อกี้ไปไหนกับพี่ชายเธอมา” หนุ่มผิวน้ำผึ้งบอกหน่ายๆก่อนหยอดเสียงถาม

“ไปไหนมา” ได้ผลแพรพรรณหันขวับมาตั้งหน้าตั้งตาฟังยิ่งกว่าตอนอาจารย์บอกแนวข้อสอบเสียอีก

“ไป...” เสียงห้าวทิ้งช่วงนานยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ให้เพิ่มขึ้น ร่างเล็กขยับเข้าไปใกล้ ลุ้น

“อะไร”

“เอ่อ ถอยไปก่อน ชิดๆฝั่งนู้นเลย” ธเนศบอกพลางดันร่างเล็กให้ขยับชิดทีเท้าแขนโซฟาอีกฝั่ง

“อะไรนักหนาเนี่ย เอ้า” แพรพรรณหงุดหงิดขึ้นมาอีก เรื่องมากจริงๆ เมื่อไหร่จะบอกเสียทีละเนี่ย โอ๊ย ทั้งที่บ่นในใจแต่ก็ยอมขยับแต่โดยดี เพราะอยากฟัง เพื่อพิสูจน์ลางสังหรณ์บางอย่างในใจ “บอกซะทีสิ”

“ก็ได้ เมื่อกี้นี้ ไปบ้านยัยรันมา”

“อ๊าย!!นึกแล้วเชียว!!!” เสียงเล็กร้องลั่น “ไปทำไม ไปทำอะไร ยัยนางร้ายนั่นหลอกอะไรอีก บอกมาให้หมดนะ” ร่างเล็กบางถลันมาจับคอเสื้อหนุ่มผิวน้ำผึ้งที่อุดหูซะมิดเขย่าๆๆเค้นถามอย่างที่อยากรู้

โอย ยัยตัวเล็กนี่เสียงแสบแก้วหูชะมัด ไอ้ภูมันเอาอะไรเลี้ยงมาวะเนี่ย โชคดีที่อุดหูทัน แล้วก็สั่งให้ถอยไปไกลๆเสียก่อน ไม่งั้นหูหนวกแน่ๆ แล้วเอาแรงมาจากไหนกันเยอะแยะเนี่ย เขย่าจนหัวจะหลุดอยู่แล้วนะ



ภูดิสมองโทรศัพท์เครื่องบางในมือ กดไล่จนเจอหมายเลขที่ต้องการพร้อมรูปถ่ายใบหน้าหวานใส ประดับด้วยรอยยิ้มร่าเริงติดแก้มนวล กำลังเท้าแขนเอียงคอ ตากลมใสมองตรงมาที่กล้อง ภาพนี้เขาไม่ได้เป็นคนถ่ายไว้เอง แต่เป็นฝีมือใคร คงเดาได้ไม่ยาก

ไม่มีภาพใครในมือถือเครื่องนี้ นอกจากคนในครอบครัวซึ่งแพรพรรณไล่ถ่ายจนครบทุกคน ตอนเขาถอยมันออกมาใหม่ แล้วนี่มาแอบจิ๊กไปถ่ายนิศากรตอนไหนก็ไม่ทราบได้ แถมยังตั้งเป็นรูปภาพเรียกเข้าเสียเสร็จสรรพ

อยากได้ยินเสียงหัวเราะใสๆ ให้คลายความเหนื่อยกับเรื่องที่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกเมื่อตอนเที่ยง จนถึงกับต้องถอยออกมาตั้งหลักก่อนอย่างเร็วรี่ เสียงหวานใสกับคำพูดติดตลกที่ทำให้เขายิ้มตามโดยไม่ต้องปั้นเหมือนยามที่อยู่ต่อหน้าสังคมแม้แต่น้อย

นิ้วแข็งแรงลองเปลี่ยนไปดูที่โหมดวีดีโอ เผื่อน้องสาวเขาแอบเก็บคลิปอะไรไว้อีก มีจริงๆดังคาด เป็นคลิปสั้นๆเวลาเพียงสิบวินาที ตอนที่นิศากรหันหลังก้าวขึ้นรถ หญิงสาวไขกระจกลงมาโบกมือให้พร้อมส่งจูบ เสียงหัวเราะสองเสียงดังประสานกัน แล้วรอยยิ้มมุมปากบนหน้าคมก็ปรากฎ

ภูดิสสะดุ้งเฮือก เมื่อมือถือในมือสั่น มีสายเรียกเข้ารูปภาพปรากฎบนหน้าจอ เป็นรูปเดียวกันกับที่เขาจ้องอยู่นานเมื่อก่อนหน้านี้

“ฮัลโหล” เสียงทุ้มกรอกลงไป หลังจังงังควานหาปุ่มรับสายอยู่นาน

“นิกวนหรือเปล่าคะ พี่ภูยุ่งอยู่รึเปล่า” เสียงหวานกังวานมาตามสาย สอบถามความสะดวก

“เปล่าครับ ไม่ได้ยุ่ง คุยได้เลย” เมื่อวานทั้งวัน หญิงสาวไม่ได้มาที่บ้าน ไม่สิ มาแต่ไม่ยอมเข้าบ้านต่างหาก

“นิแค่จะถามว่าพี่ภูดีขึ้นรึเปล่าคะ แพรบอกว่าพี่ภูมีไข้อีกแล้ว” เสียงหวานมีรอยกังวลเจือมา ภูดิสเอามือแตะหน้าผากตัวเอง วัดอุณหภูมิตัวเอง

“เมื่อวานพี่ลืมทานยา” เสียงทุ้มสารภาพอ่อยๆ แล้วรีบแก้ตัว “แต่พอกลับบ้านก็รีบทานเลยนะ แต่ดูท่าจะไม่ค่อยได้ผล ตอนนี้ก็เลยตัวยังร้อนๆอยู่” เสียงทุ้มอ่อยในประโยคท้าย

“ไปหาหมออีกทีมั้ย พี่ภูเลิกกี่โมงคะ” เสียงใสร้อนรน กังวลถึงอาการไข้ของเขา จนภูดิสต้องรีบบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่ตัวร้อนกว่าปกตินิดหน่อย ก่อนออดๆขออะไรบางอย่างที่ทำให้นิศากรหัวเราะคิกออกมา

“แค่ได้ข้าวต้มกุ้งอีกสักชามสองชามก็คงดีขึ้น” แก้มนวลติดรอยยิ้มกว้าง นึกในใจว่า คุณกังสดาลใส่ยาเสน่ห์ในอาหารให้ครอบครัวนี้ทานรึเปล่า ถึงได้เรียกร้องกันไม่เว้นแต่ละวันแบบนี้ เห็นทีต้องเข้าครัวไปสังเกตการณ์บ้างเสียแล้ว

นิศากรรับปากว่าจะขนอาหารทีสั่งไปให้หม้อใหญ่หนึ่งหม้อ แล้วกำชับให้ชายหนุ่มทานยาหลังอาหารเข้าไปทันทีที่ทราบว่าเขายังไม่ได้ทานอีกแล้ว พร้อมอธิบายติดๆขัดๆเล็กน้อยว่ายุ่งๆนิดหน่อยเมื่อกลางวัน

นิศากรตัดสายไปแล้ว ภูดิสยิ้มขอชาร้อนกับเลขาสาวซึ่งเข้ามาเสริฟแล้วพบว่า หน้ายุ่งๆคิ้วขมวดมุ่นจนมีรอยย่นเมื่อตอนเข้ามา คลายออกจนเรียบ ยิ่งกว่าทำเบบี้เฟส



กว่าจะตอบคำถามของยัยเปี๊ยก หนุ่มผิวน้ำผึ้งก็หัวคลอนไปหลายรอบ แถมยังโดนทำร้ายทั้งที่ไม่มีความผิดอีกต่างหาก ยัยเปี๊ยกนี่หาที่ลงไปได้ก็มาโทษเขาว่าไม่รู้จักเข้าไปขัดจังหวะหรอกนะ

“ได้ไงเล่า เสียมารยาท”

“แล้วแอบฟังนี่ไม่เสียมารยาทเหรอ”

“ขอบใจนะ ใช้งานเสร็จก็ด่าเลย เป็นน้องที่ดีเสียเหลือเกิน” ชายหนุ่มประชด

“ก็มันจริงนี่ เฮ้อ! กลุ้มจริงๆเล๊ย พี่บ้า เพิ่งจะแก้ตัวให้ไปหยกๆ หาเรื่องให้ต้องเวียนหัวอีกแล้ว ถ้าหนูนิรู้เข้าจะเป็นไงเนี่ย” แพรพรรณบ่นหน้ายุ่ง

“ถ้าไอ้ภูมันไม่มีปัญญาจีบได้สำเร็จ พี่ธเนศสุดหล่อรอต่อคิวอยู่นะจ๊ะ” ธเนศทำหน้าทะเล้น ตาเป็นประกายวิบวับหน้าหมั่นไส้

“นางฟ้ากับซาตานไม่มีวันอยู่ร่วมกันได้ น่าจะรู้ดีนี่” แพรพรรณบอกหน้าตาเฉย หน้าคมเข้มหงิกทันควัน เร็วกว่าปิดสวิตเสียอีก

ไอ้สองพี่น้องนี่ มันน่านัก คนนึงเปรียบเขาเป็นคนไม่น่าไว้ใจเหมือนหมาป่า ส่วนยัยเปี๊ยกว่าเขาเป็นซาตาน สรุปแล้วไม่มีดีเลยทั้งสองอย่าง

“ยัยเปี๊ยกจะไปไหน” ธเนศร้องเรียกแพรพรรณซึ่งลุกพรวดไปทางประตู

“ไปจัดการพี่ภูน่ะสิ บอกไม่รู้ตั้งกี่ทีว่ายัยนั่นน่ะมารร้ายตัวจริง ยังไปยุ่งอยู่ได้”

“อย่าเพิ่งเลยน่า หมอนั่นไม่ได้สบายอกสบายใจหรือตีปีกดีใจหรอกที่ถูกจู่โจมสารภาพรักเข้าแบบนี้ มันถอนใจไม่รู้กี่ทีตอนอยู่บนรถ” หนุ่มผิวน้ำผึ้งเอนตัวลงนอนเอกขเนกบนโซฟายาว

“แล้วจะทำไงล่ะ” หญิงสาวกระแทกตัวลงนั่งที่โซฟาอีกตัว

“ไม่รู้ ยังคิดไม่ออก เพราะตราบใดที่ยัยรันยังเป็นเพื่อนเราอยู่ พี่เธอก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้หรอก”

“นั่นสิ” แพรพรรณกุมขมับ พี่ชายเธอเป็นคนดี เป็นเจ้านายที่ดี เป็นลูกที่ดี และเป็นเพื่อนที่ดี อันหลังนี่ดีจนเกินไป จนน่าโมโห เพราะมันดันเข้าทางยัยนางร้ายมืออาชีพนั่นเข้าเต็มๆ “เฮ้ อีตาพี่ธเนศ มานอนอะไรแถวนี้”

“ไม่ได้นอน กำลังใช้ความคิดต่างหาก” เขาตอบทั้งๆยังหลับตา

บนโซฟานุ่มๆที่ได้เอนหลัง แอร์เย็นๆกำลังสบาย กับกลิ่นหอมอ่อนๆของอะไรสักอย่าง ดูท่าจะเป็นกลิ่นเดียวกับน้ำหอมของยัยเปี๊ยกที่เขาได้กลิ่นตอนสอนท่าไหว้ให้เมื่อกี้ มันน่านอนชะมัดให้ตายสิ

แพรพรรณซึ่งกำลังง่วนคิดหาวิธีแยกพี่ชายกับยัยนางร้ายให้เด็ดขาดก็เงียบไป จนผ่านไปเกือบสิบนาที

“มันจะมีวิธีไหนให้พี่ภูตัดขาดได้”

“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

“ว่าไงล่ะ คิดอะไรออกบ้างมั้ยเนี่ย”

“คร่อกฟี้” กรุณาฝากข้อความหลายเสียงสัญญาณ

แพรพรรณลุกจากเก้าอี้ไปเท้าเอวมอง เฮ้ยไหนบอกว่ากำลังคิด คิดๆๆๆคิดจนหลงไปถึงไหนแล้วล่ะเนี่ย กรนคร่อกๆไม่อายอีกตะหาก นี่มันห้องทำงานนะ ไม่ใช่ห้องนอน

“นี่ อีตาพี่ธเนศ ตื่นๆๆๆ” เสียงเล็กเรียกเสียงดัง แต่ไม่มีสิ่งใดที่มีชีวิตในห้องนี้ขยับแม้แต่น้อย นอกจากเจ้าของห้องหน้าหงิกยกมือเตรียมขึ้นปลุกหนุ่มผิวน้ำผึ้งด้วยแรงสัมผัส

เพี๊ยะ!

โดนไปหนึ่งป้าบบนกล้ามเนื้อแข็งๆที่ต้นแขน หนังเหนียว ด้านชาคงจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่

“ฮื้อ” เสียงห้าวครางในลำคอ ทำหน้าหงุดหงิดเอามือปัดตรงตำแหน่งที่โดนทำร้ายเมื่อครู่ ทำเหมือนมีแมลงอะไรมาตอมเสียมากกว่า

“นี่ นายดำปืน ลุกสิ ตื่นเดี๋ยวนี้นะ จะนอนก็ไปนอนที่บ้านตัวเองสิ ได้ยินมั้ยเนี่ย โอ๊ยหูหนวกรึไง” แพรพรรณเขย่าไหล่หนา ซ้ำยังดึงแขนแข็งแรงให้ลุก หวังจะปลุกให้ตื่นแต่ไม่ได้ดังใจซ้ำยังมีเสียงไม่พึงประสงค์ตอบกลับมาอีกต่างหาก

“คร่อกฟี้”

“ปลุกยากปลุกเย็น นี่นอนหรือตายกันแน่เนี่ย“ หญิงสาวบ่นปนหอบ เธอย่อตัวลงจ้องมองหน้าคมเข้มท่ามกลางแสงสว่างยามบ่ายที่สาดแสงเข้ามาในห้อง ตกกระทบลงบนสันจมูกโด่ง สะท้อนขนตายาวยิ่งกว่าผู้หญิงอย่างแอบอิจฉาอยู่นิดๆ “คอยดูนะจะปล่อยให้นอนถึงเช้าเฝ้าบริษัทแทนยามเลย คนประสาท”

ตาคมหวานของหนุ่มผิวน้ำผึ้งปรือเปิดนิดๆ นิ้วแข็งแรงแตะลงที่แก้มหญิงสาวแล้วลากแผ่วๆมาที่ริมฝีปากสีชมพู


“จุ๊ๆ เงียบหน่อยสิจ๊ะ ขอพี่นอนหน่อยนะที่รัก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อน ตาคมปิดลงและหลับไปดังเดิม

“ประสาท ที่รักบ้าบออะไรยะ อีตาบ้า” แพรพรรณปัดนิ้วแข็งแรงออกต่อว่าหน้าแดงเรื่อ เดินฉับๆไปชนโครมเข้ากับโซฟาเดี่ยวที่เธอจับจองเมื่อครู่ จนซี๊ดปากลูบสะโพกป้อยๆแล้วกลับไปโต๊ะทำงาน หันหน้าเข้าคอมพิวเตอร์ก่อนบ่นพึมพำคาดโทษคนทำเธอเซ

ธเนศผงกหัวมองร่างเล็กบางกระทืบเท้าผละไปแล้วชนโครม ขบขันในใจ เหมือนรู้ว่ามีคนแอบหัวเราะเยาะ หน้าใสหันขวับแก้มป่องคิ้วขมวดกลับมา

ความจริงเขาเผลอหลับไปจริงๆ แต่พอโดนปลุกด้วยแรงมือก็สะดุ้งตื่น แต่ไม่อยากโดนสวดหูชาเลยทำเป็นหลับต่อ ยัยเปี๊ยกนี่ก็ยังไม่ยอมรามือ ทำเขาเกือบตกเก้าอี้ ดีที่ขืนตัวไว้ก่อนทันการ แถมยังจะทิ้งให้เขานอนเฝ้าตึกเป็นเพื่อนยามอีก เลยแกล้งยั่วเล่นซะหน่อย เป็นการเอาคืน

แต่ว่าแก้มยัยตัวเล็กนี่ก็นิ่มเหมือนกันนะเนี่ย ทีหลังปากจัดใส่เขาอีกล่ะก็ ได้หยิกเล่นก็คงนิ่มมือดีไม่น้อย หน้ายัยเปี๊ยกตอนโดนดึงจนแก้มโย้คงจะตลกหน้าดู



รถสีขาวจอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่ นิศากรลงจากรถพร้อมหม้อข้าวต้มกุ้งหอมกรุ่นที่แม่เธอเป็นคนกำกับการแสดงฝีมือครั้งแรกในครัวบ้านเธอเอง คุณกังสดาลไม่ยอมปฏิบัติการเอง แต่ลงมือชี้นิ้วสั่งเธอให้จับทัพพี ตักข้าว หั่นผัก แกะกุ้งตามสูตร

เพราะไม่อยากติดกลิ่นอาหารไปงานเลี้ยงที่ได้รับเชิญพร้อมคุณลักษิกา อาหารฝรั่งอบๆย่างๆเธอถนัดนัก แต่อาหารไทยง่ายๆอย่างข้าวต้มกุ้งนี่ นิศากรไม่มั่นใจเอาเสียเลย คราวแรกที่โดนดึงเข้าห้องครัวพร้อมคุณกังสดาลที่แต่งตัวสวยงามเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวหน้าเบ้อยากขอโทรศัพท์กลับไปบอกขอเปลี่ยนเมนูกับคนป่วยทันที

“เอ้า ใส่ผักเข้าสิลูก เป็นอะไรนักหนาแค่ข้าวต้มกุ้ง ทีสปาเกตตี้ มักโรนียังผัดซู่ซ่าอยู่เลย” คุณกังสดาลบ่น อาการตกประหม่าที่ติดหน้าตาลูกสาวที่อย่างไม่ค่อยได้เห็นนัก มันแน่นทนนานตั้งแต่บอกให้ลงมือทำเอง แทนที่จะให้แม่บ้านแสดงฝีมือแทนคุณกังสดาล

“โธ่แม่ก็ ไม่เคยทำนี่นา แล้วนี่คนกินจะท้องเสียมั้ยคะเนี่ย แม่จะแกล้งคนป่วยรึไงคะ” หญิงสาวโอดครวญ

“ไม่หรอกน่า เอ้าเร็วๆเข้าสิลูก กว่าจะไปถึง พี่เขาหิวโซพอดี”



นิศากรมองหม้อในมือ สูดหายใจ หายใจได้ไปเปราะหนึ่ง คุณกังสดาลชิมแล้วสั่งให้เติมนู่นเพิ่มนี่จนพอใจแล้วบอกว่าโอเค จึงสั่งให้เธอจัดการบริการส่งถึงที่อย่างกับเด็กส่งพิซซ่า อย่างน้อยก็รับประกันจากต้นฉบับแล้วน่า

วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านสักคน ทั้งคุณลักษิกาที่รู้แล้วว่าไปงานกับแม่เธอ ส่วนแพรพรรณนั้น ภูดิสบอกว่าหายตัวไปพร้อมเพื่อนเขา ธเนศ

“เป็นไงบ้างคะ” นิศากรถาม เรียกความสงสัยจากภูดิส หลังจากเขาตักอาหารเข้าปากไปหนึ่งคำ

“อร่อยครับ” นิศากรระบายลมหายใจยิ้มโล่ง แล้วลงมือตักข้าวต้มในชามตนเองเข้าปากไปบ้าง

“มีอะไรรึเปล่า หรือว่าหนูนิแอบใส่ยาพิษให้พี่กิน ถึงว่ารสชาติแปลกๆไปนิดหน่อย” ภูดิสตั้งข้อสงสัยและเขี่ยพลิกดูในชาม

“เปล่าซะหน่อย ใครเขาจะไปทำอย่างนั้นเล่า” นิศากรแก้ “พี่ภูว่ามันแปลกๆเหรอคะ แปลกยังไง”

“ก็ อ่อนเค็มไปหน่อย”

“งั้นคราวหน้าต้องใส่น้ำปลามากกว่านี้” นิศากรพยักหน้าหงึกหงัก รับคำวิจารณ์ไว้ไปพัฒนาฝีมือต่อไป ภูดิสมองคนงึมงำอย่างอย่างพิจารณา นิศากรถามต่ออีกว่า

“พี่ภูจะกลับคำรึเปล่า ถ้านิจะบอกว่า นี่เป็นข้าวต้มชามแรกที่นิทำ” นิ้วเล็กชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะ

“หือ?” ภูดิสมองชามตรงหน้าสลับกับคำทำที่ทำหน้าหน้าทะเล้นแล้วพูดต่อว่า

“จริงๆแล้ว จะให้แพรเป็นหน่วยกล้าตายคนแรก แต่ดันไม่อยู่ พี่ภูในฐานะเป็นพี่ชายและเป็นคนเดียวที่อยู่ในบ้านหลังนี้ เลยต้องรับกรรมเป็นหนูทดลองตัวแรกไป” ชายหนุ่มพยักหน้าขบขันกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นนักชิมโดยไม่รู้ตัว

“ถือว่าพี่โชคดีรึเปล่าที่ข้าวต้มชามนี้ดันอร่อย”

“คงงั้นมั้งคะ แต่ว่าอร่อยจริงๆนะคะ พี่ภูไม่ได้หลอกนินะ”

“อร่อยจริงๆครับ ยอดเยี่ยมมากสำหรับชามแรก” ชายหนุ่มยกนิ้วโป้ง

“ขอบคุณค่ะ” รอยยิ้มภูมิใจสว่างขึ้นบนแก้มนวล ภูดิสมองแล้วยิ้มตาม

สองหนุ่มสาวจัดการอาหารจนเกลี้ยงชามพลางพูดคุยสลับกับมีเสียงหัวเราะเบาๆแทรกเป็นระยะ นิศากรรับหน้าที่พยาบาลพิเศษดูแลเรื่องยาและจัดการเปลี่ยนผ้าพันแผลอย่างที่หมอแนะนำให้อย่างเอาใจใส่ ภูดิสลืมเรื่องหนักใจตอนเที่ยงไปชั่วครู่ ก่อนจะคิ้วเข้มจะขมวดพร้อมกับตากลมใสเบิกกว้างขึ้นเมื่อพบว่าผู้มาเยือนยามเย็นอีกคนหนึ่งเป็นใคร




-----------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------


//punnarm-farin.bloggang.com


*;...คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน...;*

ลงบทนี้แล้ว ฟ้ารินขอลาไปสอบนะคะ ชีวิต สอบยังไงก็ไม่รู้ อาจารย์ก็ยิ่งเป็นคนมหัศจรรย์ยิ่งนัก จะเอาอะไรมาออกอีกละเนี่ย ยังไงก็อวยพรให้ฟ้ารินทำข้อสอบถูกด้วยนะคะ แล้วเจอกับบทต่อไปค่ะ

kikkak_riwkiw - ฮา ฟิวจ๋า พี่กุ๊กหาย พี่ก็หายเช่นเดียวกันจ๊ะ หายกันไปหมดเลยทั้งสามคน โฮะๆๆๆ

g - ฟ้ารินก็ยังไม่อยากจบค่ะ จะได้เล่นงานยัยรันกันอีกสักสองสามยกเน้อ

Ormmie - แหม ไม่สงสารพี่ภูกันเลยหรือคะ อย่าเพิ่งเกลียดพี่ภูเลยนะคะ พี่ภูฝากมาขอความเห็นใจค่ะ





Create Date : 15 กรกฎาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:14:18 น.
Counter : 239 Pageviews.

5 comments
  
โชคดีสำหรับการสอบนะคะฟ้าริน

ตอนนี้ขำยัยแพร กะนายธเนศจริงๆ จะเป็นคู่รักอีกคู่รึเปล่าคะนี่
ว่าแต่ว่า ผู้มาเยือนอีกคนเป็นใครกันนะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
โดย: Ormmie IP: 68.252.235.74 วันที่: 16 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:52:22 น.
  
ตอนหน้าขอฉากหวานๆของพระเอกกะนางเอก

จะรอตอนต่อไปนะค่ะ
โดย: g IP: 222.123.170.46 วันที่: 16 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:00:22 น.
  
โชคAในการสอบนะจ๊ะ
แล้วอย่าลืมอัพตอนต่อไปเร็วๆก็แล้วกันนะจ๊ะ
โดย: ผู้ติดตาม IP: 61.47.17.21 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:02:01 น.
  
โดดอ่านหนังสือมาอ่านนิยาย ฮี่ๆ
พี่ฟ้าก็ขอให้ทำได้เต็มๆๆๆๆ เลยนะคะ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้
วันพฤหัสฟิวสอบวันสุดท้าย ยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย

แพรพรรณน่ารักโดนใจมากๆ น้องสาวคนนี้เทคะแนนให้เต็มเลย
โดย: kikkak_riwkiw IP: 203.113.32.14 วันที่: 24 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:43:59 น.
  
เพดิรคัสวตนท รี้ร้แ ด้กิอแอ้พะเ
โดย: พี IP: 203.113.17.165 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:15:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik