All Blog
ขั้นตอนการเตรียมพร้อมสำหรับมีบุตร
ขั้นตอนการเตรียมพร้อมสำหรับมีบุตร

รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
สำหรับว่าที่คุณแม่ที่วางแผนจะมีบุตร สิ่งแรกที่ควรจะต้องดูแลก็คือเรื่องอาหารการกิน ควรจะรับประทานให้ครบ 5 หมู่ อาหารที่มีประโยชน์มากต่อการตั้งครรภ์ก็คือแคลเซียมและสารโฟลิก (Folic acid) ร่างกายจะได้รับแคลเซียมจากการรับประทานปลาเล็กปลาน้อย และการดื่มนม ส่วนสารโฟลิกจะได้รับจากการกินผลไม้ ผักใบเขียว
นอกจากนั้นสำหรับคุณที่ดื่มกาแฟเป็นประจำคงจะต้องลดหรืองดกาแฟแล้วนะคะ เพราะมีผลการวิจัยพบว่ากาแฟอาจจะทำให้ตั้งครรภ์ยากในผู้หญิงบางคนได้

รักษาน้ำหนักให้ได้ตามเกณฑ์
น้ำหนักที่ได้ตามเกณฑ์สำหรับการตั้งครรภ์จะดีที่สุด คุณที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ คุณอาจจะลดได้ง่ายๆโดยลดอาหารที่มีไขมันสูง และรับประทานอาหารประเภทผักและผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การลดน้ำหนักที่ดีนั้นไม่ควรลดมากกว่าครึ่งถึงหนึ่งกิโลกรัมต่ออาทิตย์ เพราะการลดน้ำหนักที่เร็วจนเกินไปนั้น จะทำให้ร่างกายขาดปริมาณสารอาหารที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์ได้

ส่วนคุณที่น้ำหนักน้อยกว่าปกติก็ควรเพิ่มน้ำหนักโดยการรับประทานอาหารให้มากขึ้นและให้ครบทั้ง 5 หมู่ รับประทานอาหารประเภทโปรตีนและแป้งให้มากกว่าปกติ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้มีความอยากอาหารมากขึ้น

รับประทานวิตามิน
ถึงแม้ว่าเราจะได้รับวิตามินตามธรรมชาติจากอาหารแล้ว การรับประทานวิตามินเสริม ประเภทวิตามินรวม เช่น วิตามินบี และสารโฟลิก (folic acid) จะเป็นการป้องกันการขาดวิตามินได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์

ระมัดระวังเรื่องการรับประทานยา
มียาบางประเภทจะมีผลทำให้เด็กทารกเกิดความพิการได้ หากคุณรับประทานยาเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ถึงผลข้างเคียงขอยานั้นๆต่อการตั้งครรภ์

งดบุหรี่และเหล้า
ทารก บุหรี่และเหล้าไม่ได้เป็นของคู่กัน มีผลการศึกษาอย่างชัดเจนว่า บุหรี่และเหล้าทำให้มีโอกาสแท้งบุตรได้สูงขึ้น ทารกมีน้ำหนักน้อย และมีปัญหาทางด้านพัฒนาการทางสมองเมื่อเขาโตขึ้น

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การเตรียมร่างกายให้แข็งแรงก่อนการตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องที่มีผลดีมากกว่าที่คุณทราบ คุณแม่ที่ร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อจะมีความยืดหยุ่นที่ดีและมีความแข็งแรง โอกาสเกิดการปวดหลังขณะตั้งครรภ์จะน้อยลง คลอดง่ายขึ้น นอกจากนั้นการออกกำลังกายจะเป็นผลดีต่อเนื่องไปจนถึงหลังคลอด คุณจะทนต่อความเครียดในการเลี้ยงลูกได้ดีกว่า และความคุมน้ำหนักหลังคลอดได้ดี คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการกำหนดตารางการออกกำลังกายให้ไม่น้อยกว่า 3 ครั้งต่ออาทิตย์ ครั้งละไม่น้อยกว่า 30 นาที อาจจะออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ว่ายน้ำ หรือ ขี้จักรยานก็ได้ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมากก่อน ควรเริ่มออกกำลังกายจากน้อยๆไปก่อน การหักโหมจะทำให้กล้ามเนื้อได้รับความบาดเจ็บได้

หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย
หากคุณทำงานหรือดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอันตราย เช่น มีสารพิษ รังสี หรือทำงานในที่ที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ เช่น ต้องยืน เดินตลอดวัน หรือต้องขึ้นเครื่องบินบ่อยๆ คุณอาจจะต้องพิจารณาเปลี่ยนงานหรือหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น

หยุดยาคุมกำเนิด
ช่วงระยะเวลาระหว่างการหยุดยาคุมกำเนิดกับการตั้งครรภ์ในแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกัน ในคนบางคนสามารถตั้งครรภ์ได้ทันทีแม้เพียงแค่ลืมกินยา โดยทั่วไปแพทย์แนะนำให้หยุดยาคุมกำเนิดประมาณ 1-2 เดือนก่อนเริ่มตั้งครรภ์ เพื่อให้ฮอร์โมนในร่างกายปรับสภาพมาอยู่ในระดับปกติ สำหรับคนที่กินยาคุมกำเนิดมาเป็นเวลานาน อาจจะต้องใช้เวลานานขึ้น ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดโปรเจสติน (Progestin) (ยาคุมกำเนิดประเภทที่ทำให้ร่างกายหยุดสร้างฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน, estrogen&progesterone) หรือ Depo-Provera อาจจะต้องใช้เวลาถึงประมาณ 1-2 ปี ก่อนที่ร่างกายจะสามารถสร้างฮอร์โมนเพศหญิงได้เป็นปกติจนถึงสามารถตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง ดังนั้นยาประเภทนี้จึงไม่เหมาะกับหญิงที่อายุมากกว่า 35 ปี ที่ต้องการตั้งครรภ์

วางแผนด้านการเงิน
ค่าใช้จ่ายต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อคุณมีบุตร คุณควรวางแผนด้านการใช้จ่ายแต่เนิ่นๆและเพิ่มจำนวนตัวเลขสะสมในบัญชีเงินฝาก

สุดท้าย: ถามตัวเองว่า “เราแน่ใจแล้วหรือยัง”
การมีลูกนั้นไม่เหมือนการเล่นตุ๊กตาหรือการมีสัตว์เลี้ยง คุณต้องให้ความรัก ความเอาใจใส่ ความอดทนอย่างสูง คุณควรไตร่ตรองถึงความพร้อมทางด้านจิตใจทั้งคุณและคู่ครองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

keyword: pregnancy plan



Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:51:09 น.
Counter : 549 Pageviews.

0 comment
กินเพิ่มเสปิร์ม
หากคุณเป็นหนึ่งในชายยุคนี้ที่ถูกสิ่งแวดล้อมอันเลวร้ายในชีวิตประจำวันรังแกจนความสามารถในการสืบพันธุ์ลด เพราะร่างกายผลิตสเปิร์มได้น้อยลง โปรดฟังทางนี้! การกินอย่างเหมาะสมสามารถช่วยคุณได้ค่ะ

มีการศึกษาจาก The University Medical Centre Nijmegen ในเนเธอร์แลนด์ยืนยันว่าสังกะสี (Zinc) และกรดโฟลิก (Folic Acid) ซึ่งกลุ่มชายที่มีจำนวนสเปิร์มน้อยจนเป็นปัญหาในการสืบพันธุ์รับประทานติดต่อกันนาน 26 สัปดาห์ ช่วยให้จำนวนสเปิร์มเพิ่มขึ้นถึง 74 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทั้งกรดโฟลิกและสังกะสีเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างสารพันธุกรรม DNA และ RNA โดยเฉพาะสังกะสีนั้น มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนารังไข่ในผู้หญิง และลูกอัณฑะในผู้ชาย ถ้าขาดธาตุสำคัญนี้ตั้งแต่เด็กจะทำให้พัฒนาการทางเพศบกพร่อง

โฟเลตพบมากในตับ ยีสต์ และผักใบเขียวอย่างผักโขม และกะหล่ำปลี ส่วนสังกะสีมีมากในอาหารทะเล (โดยเฉพาะในหอยนางรมค่ะ!) เนื้อสัตว์ เป็ด-ไก่ ไข่ และนม และธัญพืช

อย่าเน้นกินเฉพาะของที่บอกไป แต่ควรเลือกกินอาหารหมู่อื่นๆ ให้หลากหลายในปริมาณสมดุล แล้วอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอควบคู่กับออกกำลังกายทุกวันนะคะ จะได้ฟิตปั๋งครบสูตร

บทความจากผู้จัดการรายวัน




Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:50:07 น.
Counter : 784 Pageviews.

0 comment
การเลือกเพศบุตร
การเลือกเพศบุตร
การมีบุตรเป็นส่วนสำคัญประการหนึ่งของชีวิตสมรส ซึ่งในปัจจุบันนี้องค์การอนามัยโลกก็ได้ให้ความสำคัญ เกี่ยวกับการดูแลคู่สมรสที่มีบุตรยากเพิ่มขึ้น เพราะถือว่าการที่สามารถช่วยให้คู่สมรสที่มีบุตรยาก ได้มีบุตรขึ้นมาได้บ้าง ก็จะเป็นการช่วยวางแผนให้ครอบครัวได้รับความสุขในชีวิตครอบครัวขึ้นมาได้ และนอกจากนี้ ถ้าสามารถเลือกเพศบุตรได้ตามความต้องการด้วย ก็ยิ่งจะทำให้เป็นการส่งเสริมนโยบายด้านการวางแผนครอบครัวให้สมบรูณ์ยิ่งขึ้น
เหตุผลของการเลือกเพศบุตร
นับเป็นเวลานานมาแล้ว ที่คู่สามีภรรยาได้คิดหาวิธีการที่จะให้ได้บุตรเป็นเพศตามความต้องการ สำหรับเหตุผลของการเลือกเพศบุตรนั้น พอจะสรุปไว้ได้ดังนี้
- เพื่อต้องการผู้สืบตระกูล ซึ่งมักจะต้องการบุตรที่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- ต้องการบุตรในเพศที่ทางครอบครัวยังไม่มี หรือ ยังไม่เพียงพอ เช่น มีเพศชายเพียงพอแล้ว ก็ต้องการเพศหญิง เป็นต้น
- ป้องกันโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ เพราะในปัจจุบันนี้ได้พบว่า มีโรคเกี่ยวกับ Sex-linked ประมาณ 200 โรค เช่น โรคฮีโมฟิเลีย ซึ่งเป็นโรคเลือดชนิดหนึ่งซึ่งไหลไม่หยุด เพราะขาดปัจจัยที่จะทำให้เลือดแข็งตัว เป็นต้น โรคนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในผู้ชายเท่านั้น ฉะนั้น ถ้าทางครอบครัวทราบล่วงหน้าก็สามารถจะเลือกเพศบุตรเป็นลูกสาว เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นโรคนี้อีก
- เพื่อแก้ปัญหาการมีลูกมากเกินต้องการ เป็นการช่วยวางแผนครอบครัวได้ เมื่อมีบุตรเป็นเพศที่ต้องการแล้ว โดยไม่ต้องรอบุตรชายหรือหญิงอย่างลมๆ แล้งๆ ซึ่งทำให้สามารถตัดสินใจทำหมันได้เร็วขึ้น

การที่จะเกิดเป็นเพศหญิงหรือชายนั้น ขึ้นอยู่กับตัวอสุจิของฝ่ายชาย ซึ่งปกติแล้วจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดที่เป็นตัวอสุจิเพศชาย จะมีขนาดเล็กหัวกลมเคลื่อนไหวได้เร็ว และชนิดที่เป็นตัวอสุจิเพศหญิง ซึ่งมักจะมีขนาดโตกว่าและหัวเป็นรูปไข่หรือรูปรี เคลื่อนไหวได้ช้ากว่าตัวอสุจิเพศชาย
ในคนปกติ การหลั่งน้ำอสุจิครั้งหนึ่งๆ จะมีตัวอสุจิทั้งหญิงและชายปะปนกันอยู่ในปริมาณใกล้เคียงกัน ถ้ามีความผิดปกติในการสร้างตัวอสุจิขึ้นในลูกอัณฑะ อาจจะพบว่าจำนวนตัวอสุจิเพศหญิงและเพศชายจะมีปริมาณแตกต่างกันได้ ถ้าตัวอสุจิเพศชาย เข้าไปผสมกับไข่ได้ก็จะเกิดเพศชาย แต่ถ้าอสุจิเพศหญิงไปผสมกับไข่ก็จะเกิดเป็นเพศหญิง
สำหรับวิธีการที่ปฏิบัติกันอยู่นั้น มีอยู่ 2 ประการ คือ
การเลือกเพศบุตรโดยวิธีชาวบ้าน
ซึ่งเป็นวิธีที่ปฏิบัติกันมานานนับศตวรรษ โดยยึดจากความเชื่อถือและจากการสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ ได้แก่
- สภาวะแวดล้อมและบรรยากาศขณะร่วมเพศ เช่น ข้างขึ้นข้างแรมและน้ำขึ้นน้ำลง เป็นต้น ถ้าต้องการบุตรชายมักจะร่วมเพศในคืนข้างแรม
- ท่านอนในการร่วมเพศ ถ้าภรรยานอนตะแคงขวามักจะได้บุตรชาย แต่ถ้านอนตะแคงซ้ายมักจะได้บุตรสาว
- อาหารในระหว่างตั้งครรภ์ ถ้ารสขมหรือเปรี้ยว จะได้บุตรชาย แต่ถ้ารสหวานมักจะได้บุตรหญิง
- เชื่อกันว่าตัวอสุจิจากลูกอัณฑะข้างขวา จะทำให้ได้บุตรชาย และจากข้างซ้าย จะได้บุตรหญิง จึงได้มีการใช้วิธีการผูกรัดลูกอัณฑะข้างซ้ายไว้เมื่อต้องการจะได้บุตรชาย
วันร่วมเพศ
- เชื่อกันว่าถ้าร่วมเพศในวันคู่ของรอบประจำเดือน จะได้บุตรชาย แต่ถ้าเป็นวันเลขคี่จะได้บุตรสาว
- และถ้าร่วมเพศในวันที่ไข่สุกเต็มที่มักจะได้บุตรชาย
- เครื่องแต่งกายขณะร่วมเพศ เชื่อกันว่า ถ้าภรรยาสวมเสื้อผ้าแบบผู้ชาย จะได้บุตรชาย
- ภาวะการณ์อื่นๆ ที่มีแนวโน้มต่อการมีบุตรชายและบุตรสาว ได้แก่ อายุของสามี และภรรยา ถ้ามีมากมักจะได้บุตรสาว
ขอทำความเข้าใจว่า ที่เล่ามานี้เพื่อให้รู้เล่นๆ ไม่ใช่เรื่องจริงจัง ไม่น่าเชื่อถือการเลือกเพศบุตร
นับตั้งแต่ 2493 ที่นายแพทย์ Shettites ได้เสนอวิธีการที่ค่อนข้างจะมีหลักเกณฑ์ ที่จะนำไปปฏิบัติให้ได้ผล คือ อาศัยคุณสมบัติตัวอสุจิ ตลอดจนการเคลื่อนไหวได้เร็วช้า และขนาดของตัวอสุจิเข้ามาพิจารณาร่วมกัน จนได้ข้อเสนอแนะดังนี้
2.1 เมื่อต้องการบุตรเพศชาย ควรปฏิบัติดังนี้
- ร่วมเพศในเวลาใกล้ไข่สุกให้มากที่สุด
- ก่อนร่วมเพศควรสวนล้างช่องคลอดให้มีภาวะเป็นด่างอ่อนๆ
- โดยให้ใช้โซดาไบคาร์บอนเนต ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำสะอาด 1 ลิตร
- ฝ่ายหญิงควรจะมีความรู้สึกทางเพศถึงจุดสุดยอด จะช่วยให้เชื้ออสุจิเพศชายได้เข้าไปผสมกับไข่ได้เร็วขึ้น
- ฝ่ายชายควรจะสอดอวัยวะเพศเข้าไปให้ลึกที่สุด เพื่อจะให้น้ำอสุจิไปถึงปากมดลูกโดยตรง
- ควรงดการร่วมเพศไว้จนกว่าจะถึงวันไข่สุก เพื่อจะได้มีปริมาณของตัวอสุจิมากขึ้น ซึ่งตัวอสุจิเพศชายก็จะมีมากขึ้นด้วย

2.2 เมื่อต้องการบุตรหญิง
- ควรร่วมเพศ 2-3 วันก่อนไข่สุก
- ก่อนร่วมเพศควรจะสวนล้างช่องคลอดให้มีภาวะเป็นกรดอ่อนๆ โดยการใช้น้ำส้มสายชู ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำสะอาด 1 ลิตร
- ฝ่ายชายควรจะหลั่งน้ำอสุจิก่อนที่ฝ่ายหญิงจะมีความรู้สึกทางเพศถึงจุดสุดยอด
- ฝ่ายชายควรสอดอวัยวะเพศให้อยู่ในช่องคลอดเพียงตื้นๆ อย่าให้ถึงปากมดลูก
- ไม่จำเป็นต้องงดการร่วมเพศ นอกจากระยะ 2 วัน ก่อนที่ไข่จะสุก และหลังไข่สุก

จากวิธีดังที่กล่าวมานี้ ปรากฏว่าได้ผลร้อยละ 50-60 เท่านั้น คือได้ผลเท่าๆ กับ ไม่ได้ทำอะไรเลยนั่นเอง





Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:48:34 น.
Counter : 640 Pageviews.

0 comment
การปฏิสนธิและเลือกเพศบุตรโดยใช้เทคนิคทางโหราศาสตร์
การปฏิสนธิและเลือกเพศบุตรโดยใช้เทคนิคทางโหราศาสตร์

การคุมกำเนิดและการปฏิสนธิ และเลือกเพศบุตร โดยใช้เทคนิคทางโหราศาสตร์ รวบรวมโดย ศ.เชตตรีฤทธิ์

โหราศาสตร์สามารถกำหนดการปฏิสนธิได้หรือ?
การเลือกเพศทารกที่จะเกิดมาโดยช่วงเวลาของดาวจันทร์จรอยู่ในราศีได้หรือไม่?
ผู้หญิงรู้หรือไม่ว่า วงรอบของการตกไข่ในรอบเดือนหรือไม่?
ความเข้าใจในวงรอบของดาวจันทร์ที่ทำให้เราหาช่วงเวลาสำหรับการคุมกำเนิดได้หรือไม่?
การกำหนดการกำเนิดเพื่อไม่ให้เกิดผลร้ายแก่ทารกโดยใช้เทคนิคทางโหราศาสตร์ทำได้หรือไม่?

ตามรายงานการค้นคว้าของ Dr. Eugene Jonas นักจิตวิทยาและนรีเวชวิทยา ตอบคำถามดังกล่าวข้างบนว่า ได้ ความจริง
ในการทดลองกับสตรี 10,000 คน Dr. Jonas ได้พบว่าการปฏิสนธิกับการกำนดทางโหราศาสตร์เชื่อถือได้ถึง 97 % การค้นนี้เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มากในศตวรรษนี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับสตรี เรานักโหราศาสตร์รู้อย่างดีว่า วงรอบของจันทร์มีความหมายแก่มนุษย์แค่ไหน แต่คนทั่วไปรู้หรือเปล่า?

Dr.Jonas เริ่มการค้นคว้าเรื่องนี้ในปี 2499 และผลของการค้นคว้าบังเอิญไปตรงกับการบันทึกโบราณของชนชาติบาบิโลเนียนที่บันทึกไว้ว่า :สตรีจะตกไข่ในเสี้ยวที่แน่นอนของดวงจันทร์เท่านั้น แต่โชคของเราไม่ดีนัก เพราะนักโหราศาสตร์บาบิโลเนี่ยนไม่ได้ให้เหตุผลเอาไว้ เสี้ยวไหนของจันทร์ (วันพระมี 4 วัน = 4 เสี้ยว ในวงรอบหนึ่งอมาวสี) แต่ Dr. Jonas ก็ไม่ท้อถอย ในเวลานั้นประเทศฮังการีก็มีกฎหมายทำแท้งได้ Dr.Jonas เป็นชาวคาธอลิกท่านย่อมต่อต้านการทำแท้งแน่นอน ท่านมีความเป็นห่วงเห็นใจในความรู้สึกของคนไข้ของท่านในเรื่องนี้อย่างยิ่ง ท่านได้ค้นคว้าเรื่องนี้เพื่อจะเป็นการคุมกำเนิดประชากร ท่านได้ศึกษาการปฏิสนธิของสตรีในทางโหราศาสตร์ผ่านทางชิ้นส่วนที่บันทึกความรู้ทางโหราศาสตร์ที่เกี่ยวกับการคุมกำเนิดในโบราณ

ท่าน Jonas ได้ค้นคว้าทดลองอย่างเป็นระบบ และเพราะว่าท่านเป็นนายแพทย์ ท่าน Jonas เป็นหนึ่งใน นักโหราศาสตร์วิทยาศาสตร์ ที่เรียกตัวเองว่า “ Cosmobiologist” นักโหราศาสตร์วิทยาศาสตร์จะศึกษาค้นคว้าเรื่องอิทธิพลของ ฟ้า ดาวพระเคราะห์ ฯลฯ ที่มีต่อสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย และเพราะว่าคนเหล่ามีความรู้ในทางแพทย์และเป็นนักวิทยาศาสตร์ ดังนั้นการค้นคว้าและผลของการค้นคว้าจึงพยายามจะออกมาเป็นวิชาการและพยายามจะไม่ให้เป็นเรื่องงมงายหรือเอาโหราศาสตร์มาอ้าง ในปัจจุบันนี้ นักโหราศาสตร์วิทยาศาสตร์ ท่าน Ebertin เขียนไว้ว่า นักโหราศาสตร์ส่วนมากมักจะไม่กล้าที่จะค้นหาหลักการแบบวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะหลักการทางสถิติ Cosmobiology ได้ศึกษาเรื่องอิทธิพลดังกล่าวในทุกรูปแบบเพื่อได้ผลแม่นยำ ท่าน Jonas ยังได้ศึกษาไปถึงความเกี่ยวข้องกับจุดดับของดวงอาทิตย์ด้วยว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตของคนเราอย่างไร ท่าน Jonas ศึกษาวิชา ดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ด้วย ท่านศึกษาว่านักโหราศาสตร์รุ่นโบราณเช่น Hippcrates และ Kepler ก็ได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับอิทธิพลของเสี้ยวจันทร์ข้างขึ้นแลข้างแรมที่มีต่อวงรอบการปฏิสนธิของสตรี

หลังจากได้ศึกษาเศษชิ้นส่วนของการบันทึกของบาบิโลน Jonas เริ่มงานทันทีโดย โดยผูกดวงขึ้นตามแบบโหราศาสตร์(cosmograms) และศึกษาเปรียบเทียบกับดวงหลายๆดวง หาสถิติ แบบของดวงแบบต่างๆ หลายสัปดาห์ต่อมาท่านก็ได้ตั้ง สมมติฐานสำหรับการพิจารณาเพศและตัวอ่อนที่จะเกิดมา และสมมติฐานนี้ต้องคำนวณอย่างถูกต้องด้วย :

1. เวลาที่สตรีจะมีปฏิสนธิขึ้นอยู่กับวงรอบของการที่ อาทิตย์จร ทำมุมกับ จันทร์จร เท่ากับ อาทิตย์กำเนิด ทำมุมกันกับ จันทร์กำเนิด
2. เพศของทารกขึ้นอยู่กับจันทร์จร ณ เวลาปฏิสนธิ
3. การทำมุมของดาวเคราะห์มีผลต่อตัวอ่อนในครรภ์

ดังนั้น เรื่องนี้เป็นไปตามธรรมชาติ แน่นอน ไม่ต้องใช้ยาคุมกำเนิด เรามาพิจารณา กฎข้อที่ 1


1. ง่ายๆ ถ้าสตรีนั้นเกิดในช่วง จันทร์เพ็ญ สตรีนั้นก็จะมีปฏิสนธิได้ในช่วง จันทร์เพ็ญเสมอ และถ้าสตรีนั้นเกิดในช่วงที่ อาทิตย์ ทำมุม 60 องศาถึง จันทร์ ก็เป็นช่วง 5 วันต่อจาก วันจันทร์เพ็ญ สตรีผู้นั้นก็จะมีปฏิสนธิได้ทุกครั้งที่ อาทิตย์ ทำมุม 60 องศาถึง จันทร์ ทั้งข้างหน้า(โยคหน้า)และข้างหลัง(โยคหลัง)(ให้พิจารณารอบดือนของสตรีผู้นั้นด้วย) การที่จะรู้ว่า อาทิตย์ ทำมุมอะไรถึง จันทร์ เรื่องนี้ท่านควรให้นักโหราศาสตร์แท้(ผูกดวงถูกต้องไม่ใช่อย่างคร่าวๆ) ท่านต้องให้ข้อมูลกำเนิดที่ถูกต้องมี วันที่ เดือน ปี เวลา สถานที่เกิด(สันรุ้งเส้นแวง) ท่านจะได้ดวงที่ผูกและมีองศาต่างๆ(เดี๋ยวนี้การผูกดวงโดยคอมพิวเตอร์ได้ดีและร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ)

ตามหลักของระบบของ Jonas สตรีจะเข้าสู่วงจรของการปฏิสนธิ 2 วันก่อนที่การทำมุมของ อาทิตย์และจันทร์ จร ทำมุมเท่ากับ อาทิตย์และจันทร์ กำเนิด ดังนั้น ถ้าสตรีผู้นั้นต้องการคุมกำเนิดโดยใช้หลักการของวิชาโหราศาสตร์ จะต้องงดเว้นการร่วมเพศ 36 ชม.และ 12 ชม.หลังจากองศา ของอาทิตย์จรและจันทร์จร ผ่านจุดที่กำหนดไว้

การตกไข่ของสตรีขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนของวงรอบประจำเดือนซึ่งได้รับอิทธิพลของดวงจันทร์และความเครียด สุขภาพหรือปัจจัยอื่นๆ พูดถึงวงรอบของดวงจันทร์ ค่อนข้างจะคงที่ปีหนึ่งจะทำมุมกับดวงอาทิตย์เท่ากับการทำมุมในดวงกำเนิดประมาณ 12-13 ครั้ง ถ้าวงรอบของดวงจันทร์และวงรอบของประจำเดือนจะสมคล้อยกัน สตรีผู้นั้นจะมีโอกาสจะมีปฏิสนธิได้ 2 ครั้งต่อเดือน และมีโอกาสจะมีปฏิสนธิหรือไม่ต้องการก็ได้ ได้มีการค้นคว้าวงรอบทั้งสองวงรอบ โดย Dr.Kurt Rechnitz โดยได้พื้นฐานของ Dr.Jonas ท่านอ้างว่าผลจากการค้นคว้าเชื่อถือได้ถึง 98 % และท่าน Kurt กล่าวว่าถึงว่าถ้าให้ได้ผล 100 % ก็ต้องเทอร์โมมิเตอร์ตรวจวัดการตกไข่ของช่องคลอดด้วย

นักโหราศาสตร์ชาวออสเตรีย Francesca Naish ยืนยันว่าถ้าวงรอบของการตกไข่ไม่สมคล้อยกับวงรองของดวงจันทร์ การตกไข่ก็ยังมี แต่กระนั้น การคุมกำเนิดก็ยังทำได้โดยการไม่ร่วมเพศในระยะที่อาทิตย์จรทำมุดวงจันทร์จรเท่ากับในดวงกำเนิด

จากกฎทั้งสามกฎนี้ กฎที่ 2 ปฏิบัติตามได้ง่ายที่สุดตามความเห็นของนักโหราศาสตร์ สร้างเป็นกฎง่ายๆว่า : การตั้งครรภ์ในช่วงที่ดวงจันทร์โคจรในอยู่ราศี ชาย หรือ หยาง (ราศีธาตุไฟและราศีธาตุลม) จะมีบุตรเป็นเพศชาย หรือการตั้งครรภ์ในช่วงที่ดวงจันทร์โคจรอยู่ในราศี หญิง หรือ หยิง(ราศีธาตุดินและราศีธาตุน้ำ)บุตรจะเป็นเพศหญิง ดวงจันทร์จะย้ายราศีทุกๆ สองวันครึ่ง เข้ากันได้กับวงรอบของดวงจันทร์(กฎข้อที่1) กำหนดให้ดวงจันทร์โคจรอยู่ในราศีที่ต้องการซึ่งเกิดได้ในหลายๆเดือน ปฏิทินดาว(สายนะ)ของโหราศาสตร์จะบอกว่าขณะใดที่ดวงจันทร์ย้ายราศีเข้าราศีใหม่ และในขณะนั้นไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะกำหนด ควร"ห่ า ง"จากช่วงนั้นสักหน่อย Dr.Balogh ชาวออสเตรียซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอียิปต์โบราณกล่าวว่า Dr.Jonas ได้ความคิดนี้มาจากทฤษฎีของท่านซึ่งได้ค้นคว้ามาจากการศึกษาเรื่องของอียิปต์โบราณอย่างน้อยก็ 5000 ปี

เรารู้ว่าการเลือกเพศของทารกของ ท่าน Jonas มาแล้ว แต่ไม่ใครรู้ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ท่าน Naish ผู้เชียวชาญในเรื่องนี้กล่าวว่า สนามแม่เหล็กโลกมีอิทธิพลต่อเสี้ยวของดวงจันทร์และเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีการแบ่งเพศของสะเปิม และเมื่อดวงจันทร์โคจรผ่านราศีต่างๆ ความเป็นกรดเป็นด่างจะเปลี่ยนแปลงภายในมดลูกของสตรีและจะมีอิทธิพลต่อสะเปิมด้วย

ท่าน H.L.Cornell เจ้าของ สารานุกรมโหราศาสตร์การแพทย์(Medical Encyclopedia of Astrology) ซึ่งนักโหราศาสตร์ที่สนใจในเรื่องโหราศาสตร์การแพทย์จำเป็นต้องมี กล่าวว่า : ดาวบนท้องฟ้าเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะพิจารณานิสัยใจคอของคนเรา พิจารณาวิเคราะห์โรคภัย ซึ่งดูจากภายนอกบอกไม่ได้ แต่บอกได้จากดวงกำเนิด

ท่าน Jonas ทำการค้นคว้าและวิเคราะห์อย่างหนักถึงความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ เมื่อท่านมาถึงจุดสรุป ท่านได้ส่งรายงานผลของการค้นคว้าและสรุปไปให้ Hungarian Academy of Science and the Czech Academy และท่านยังค้นคว้าต่อไป ทั้งๆที่ไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากองค์กรต่างๆ ต่อมา Dr.Aurel ได้มาร่วมพิสูจน์กฎข้อที่ 1 เรื่องทำนายเพศของลูกในครรภ์ ผลออกมาว่ามีความถูกต้อง 83 % และให้ละเอียดทางโหราศาสตร์ใช้(ดาว)เทคนิคมากหน่อยก็มีผลถึง 98 %

หลังข่าวแพร่สะพัดในเรื่องการเลือกของทารกได้ มีจดหมายหลั่งไหลมา ออสเตรีย เชคโคสะโลวาเกีย เยอรมันทั้งตะวันออกและตก จากสตรีที่มีหวังว่าจะตั้งครรภ์โดยสามารถเลือกเพศบุตรได้ หรือไม่ก็ต้องการคุมกำเนิดโดยวิธีของท่าน Jonas มีการผูกดวงและพิจารณาดวงโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างไร ท่าน Jonas เริ่มมีชื่อเสียงต้องเดินทางเพื่อปาถกถาในเรื่องนี้ หนังสือตีพิมพ์เรื่องของท่าน สาธารณชนสนใจเป็นที่ยิ่ง ทางการคัดค้านเรื่องนี้และบอกว่าไม่มีหลักการ

โหราศาสตร์จะเกี่ยวพันกับโรคภัยการเจ็บป่วยหรือไม่? ท่าน Jonas เก็บตัวอยู่ในฮังการี ค้นคว้าต่อไปในเรื่องที่ทางการบอกว่าไม่มีหลักการ ท่านได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ การพิจารณาการเลือกเพศในบุตรของคุณ และได้แปลเป็นภาษา 6 ภาษา ถึงอย่างนั้นก็ตามก็ไม่มีใครสนับสนุนเรื่องงบประมาณการค้นคว้า แต่ผลจากค้นคว้ายังคนสนใจตลอดมา เรานักโหราศาสตร์ก็เป็นเรื่องน่าพิเคราะห์ นะครับ

อยากจะมีบุตร ทำยังไงดี
โดย นพ.สนธยา พรึงลำภู

ในทางโหราศาสตร์การแพทย์กล่าวเอาไว้ว่า ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์และร่างกายพร้อมที่จะมีบุตรแล้วนั้น ในแต่ละรอบเดือน ช่วงเวลาที่จะตั้งครรภ์ได้ง่ายที่สุดก็คือในระยะที่อาทิตย์โคจรมาทำมุมกับจันทร์เป็นระยะวังกะ เท่ากับตอนแรกเกิดพอดี(ดวงกำเนิด)

เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ผมขออนุญาตยกตัวอย่างดวงชะตาของคุณแนนซี่เกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2516 เวลา 16.30 น. ที่เมือง dream city

จากรูปดวงชะตากำเนิดในรูปที่ 1 จะเห็นได้ว่า
อาทิตย์อยู่ที่ราศีกันย์ 25 องศา 18 ลิปดา
จันทร์อยู่ที่ราศีเมถุน 22 องศา 39 ลิปดา

ดังนั้นระยะวังกะระหว่างอาทิตย์และจันทร์ในดวงกำเนิดของคุณแนนซี่ จึงมีค่าเท่ากับ 265 องศา 21 ลิปดา

นั่นก็คือในแต่ละรอบเดือน ถ้าเมื่อไรที่อาทิตย์และจันทร์โคจรมาทำมุมเป็นระยะเท่ากับ 265 องศา 21 ลิปดา ระยะนั้นจะเป็นระยะที่มีโอกาสถูกปฏิสนธิได้โดยง่าย ถ้าได้รับการผสมจากตัวเชื้อ

โดยใช้โปรแกรมคำนวณทางโหราศาสตร์ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็สามารถคำนวณได้ว่าในแต่ละเดือนของปี พ.ศ.2542 มีวันไหนบ้างที่อาทิตย์และจันทร์อยู่ทำมุมกันเป็นระยะเท่ากับ 265องศา 21 ลิปดา เช่นเดียวกับดวงกำเนิดของคุณแนนซี

ยกตัวอย่างเช่น
วันปฏิสนธิประจำเดือนมีนาคม ตรงกับวัน 10 มีนาคม 2542 เวลา 7.42 น. (รูปที่ 3)
วันปฏิสนธิประจำเดือนเมษายน ตรงกับวันที่ 9 เมษายน 2542 เวลา 2.05 น. (รูปที่ 2)
วันเวลาดังกล่าวข้างต้นทางโหราศาสตร์การแพทย์ถือว่าเป็นช่วงวันเวลาที่คุณแนนซี่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ง่าย + - 12 ชั่วโมง
โดยเฉพาะถ้าจะใช้เทคนิคทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้เกิดการตั้งครรภ์ เช่น การผสมเทียมก็น่าจะทำในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
ทฤษฏีดังกล่าวข้างต้น ผมไม่ได้คิดเองนะครับแต่ ดร.ยูเก็น โจเนส สูตินารีแพทย์ ชาวเชคโกสโลวาเกีย และเป็นนักโหราศาสตร์ด้วย กล่าวอ้างว่า สามารถช่วยให้ผู้หญิงที่มีบุตรยากตั้งครรภ์และมีบุตรได้สำเร็จในที่สุด

อย่างไรก็ตามในวันปฏิสนธิที่คำนวณได้ในทางโหราศาสตร์นั้น ถ้าหากดาวจันทร์จรในวันดังกล่าว เกิดไปทำมุมสัมพันธ์กับดาวร้ายในดวงกำเนิดยกตัวอย่าง เช่น ดาวเสาร์ . ดาวเนปจูน และ ดาวมฤตยู โอกาสที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้สำเร็จจะเป็นไปได้ยากมาก

อีกอย่างหนึ่ง ถ้าลองสังเกตจะพบว่า วันปฏิสนธิที่คำนวณได้จะระยะรอบเดือนประมาณ 29-30 วัน แต่ผู้หญิงบางคน รอบเดือนสั้นประมาณ 24-25 วันและบางคนรอบเดือนยาวถึงสามสิปกว่า วัน จึงจะมีประจำเดือน ทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่า วันปฏิสนธิที่คำนวณได้ในทางโหราศาสตร์จะตรงกับวันที่ไข่สุกตกมาจากรังไข่ของผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ หรือไม่

ก็เลยมีผู้วิจัยว่า ทฤษฏีของ ดร.โจแนส จะเป็นที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่ โดยกระทาชายนายโรเบิร์ต คิมบอลล์ นักโหราศาสตร์ที่มีนิวาสถานอยู่แถบรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ทำการวิจัยในสตรีจำนวน 800 คน แล้วสรุปว่า วันที่มีการปฏิสนธิจริง ๆ นั้น ไม่ตรงกับที่คำนวณได้ตามทฤษฏีของ ดร. โจแนสสักเท่าไร

แต่ก็มีผู้คัดค้านว่า อีตาโรเบิร์ตพี่แกเล่นเอาข้อมูลของผู้หญิงที่มีบุตรเรียบร้อยแล้วมาศึกษา แล้วคิดย้อนหลังไปเพื่อคำนวณหาวันที่มีการปฏิสนธิก็คือ วันที่เชื้อเข้าผสมกับไข่ภายในครรภ์ของมารดา

ตอนหลังมีผู้วิจัยอีกหนึ่งท่าน คราวนี้เป็นโหรหญิงชื่อจูดี้ ซีสเลอร์ คุณจูดี้ได้ลองคำนวณวันไข่สุกในแต่ละรอบเดือน โดยใช้ทฤษฏีของ ดร.โจแนส และทำการศึกษาในสตรีที่ยังไม่ตั้งครรภ์แล้วเทียบกับข้อมูลทางการแพทย์ว่าสตรีรายนั้นมีไข่สุกจริง ๆ ในวันไหน

คุณจูดี้เก็บข้อมูลได้ไม่มากนัก เพียงประมาณ 133 ราย เธอสรุปว่า วันไข่สุกที่คำนวณได้ในทางโหราศาสตร์ และ วันไข่สุกที่หาโดยวิธีการตรวจทางการแพทย์ มีความใกล้เคียงกันมาก อย่างน่าพิศวง

อย่างไรก็ตามทางที่ดีคุณถ้าผู้อ่านท่านใดถ้าอยากจะได้บุตร ควรจะปรึกษาแพทย์ดีกว่านะครับ เดี๋ยวนี้คลินิกผู้มีบุตรยากก็มีตามโรงพยาบาลหลาย ๆ แห่ง และแพทย์ก็จะตรวจร่างกายทั้งสามีและภรรยา จึงจะทราบได้ว่า สาเหตุที่ไม่มีบุตรนั้น เป็นเพราะเหตุใดกันแน่ ตรวจไปตรวจมาพบว่าสามีเป็นหมัน จะคำนวณวันไข่สุกอย่างไรก็คงไม่สามารถช่วยให้ตั้งครรภ์ได้แน่ ๆ


ศูนย์รังสี จันทร์ / ศุกร์

หมายถึงจุดกี่งกลางระหว่างดาวจันทร์กับดาวศุกร์ อย่างในดวงกำเนิดชะตาของคุณแนนซี่ ศูนย์รังสี จันทร์ / ศุกร์ สามารถคำนวณได้จากองศาของดาวจันทร์บวกกับองศาดาวศุกร์ แล้วหารด้วยสอง

มีค่าเท่ากับ 22 เมถุน 39+7 พิจิก 2 = 2
82 องศา 39 ลิปดา + 217 องศา 2 ลิปดา =
149 องศา 50.5 ลิปดา 2

ในทางโหราศาสตร์การแพทย์ ความหมายของศูนย์รังสี จันทร์ / ศุกร์ มีความหมายถึง ความสามารถในการตั้งครรภ์

ถ้ามีดาวบาปพระเคราะห์ ประเภทดาวเสาร์ , ดาวเนปจูน , ดาวมฤตยู มาทำมุมถึงศูนย์รังสี จันทร์ / ศุกร์ ในดวงกำเนิด ก็คงจะมีบุตรได้ยากหน่อย

หรือถ้ากำลังตั้งครรภ์แต่มีดาวร้าย ๆ พวกนั้น โคจรมาทำมุมสัมพันธ์ถึงดาวศุกร์หรือศูนย์รังสี จันทร์ / ศุกร์ ในดวงกำเนิด คุณแม่ก็คงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสแท้งบุตรได้โด่ยง่าย

ดวงกำเนิดของ Nancy

ดวงปฎิสนธิ 9/4/2542 02.05 น.รูปที่2
ดวงปฎิสนธิ 10/3/2542 7.42 น.รูปที่3

ข้อมูลจาก:www.astrouranian.com



Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:47:16 น.
Counter : 1816 Pageviews.

0 comment
การเตรียมตัวเป็น 'คุณพ่อ' เพื่อหนูน้อยที่แข็งแรงสมบูรณ์
การเตรียมตัวเป็น 'คุณพ่อ' เพื่อหนูน้อยที่แข็งแรงสมบูรณ์

ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์
การดูแลลูกรัก ไม่ได้เป็นหน้าที่ของคุณแม่เพียงอย่างเดียว คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเปิดโครงการ "คุณพ่อคุณภาพ" เพื่อให้คุณพ่อเตรียมความพร้อมตั้งแต่ก่อนและหลังมีลูก ทั้งด้านอาหารการกินและการปฏิบัติตนในการมีส่วนร่วมเลี้ยงดูลูก เพื่อลูกน้อยที่กำเนิดใหม่จะได้สมบูรณ์แข็งแรง และช่วยลดความเครียดแม่หลังคลอด เพื่อชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นขึ้น

รศ.พญ.วิบูลพรรณ ฐิตะดิลก ประธานพัฒนาคุณภาพงานภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลศิริราชได้เปิดคลินิกบริการในโครงการ "คุณพ่อคุณภาพ" เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่พ่อแม่ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ โดยเฉพาะตัวพ่อซึ่งมีความสำคัญเท่ากับแม่ เพราะการที่จะให้ลูกที่เกิดมามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่ใช่เพียงตัวแม่เท่านั้นที่ต้องเตรียมความพร้อม ทั้งพ่อและแม่ต้องเตรียมตัวพร้อมๆ กัน

สำหรับการเตรียมตัวของผู้ที่จะเป็นพ่อคือ ให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและการก่อกำเนิดลูก เช่นผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีจะช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการมีสเปิร์มผิดปกติ รับประทานอาหารที่ให้ธาตุสังกะสี เช่นเนื้อแดง ถั่ว หากขาดสังกะสีจะทำให้อสุจิและระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนน้อยลง รับประทานวิตามินดีและแคลเซียม เช่น นม โยเกิร์ต ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการปฏิสนธิ และควรงดสูบบุหรี่และสิ่งเสพติดอื่นๆ

รศ.พญ.วิบูลพรรณกล่าวต่อว่า อยากจะให้ผู้ที่จะเป็นพ่อเข้ามาร่วมกิจกรรมในโครงการนี้ เพื่อให้ทราบบทบาทแต่ละขั้นตอน ตัวพ่อมีหน้าที่อะไรบ้าง และควรจะทำอะไรบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่อ่านจากหนังสือแล้วจะรู้สำเร็จรูป เรื่องการเลี้ยงลูกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผู้จะเข้าร่วมโครงการจะต้องมีการประเมินก่อน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าร่วมทุกคนได้ เช่น ความพร้อมของพ่อทั้งด้านร่างกาย สามารถเข้าร่วมห้องคลอดขณะภรรยาคลอดได้ หรือไม่ เพราะบางคนจะตกใจเมื่อเห็นเลือด อาจจะกลายเป็นผู้ป่วยอีกคนได้

นอกจากนี้ ความรู้อื่น ๆ ในการดูแลสุขภาพทั้งตัวแม่และลูกน้อย ทั้งก่อนและหลังคลอด หรือความเชื่อเกี่ยวกับพัฒนาการของลูกน้อยเช่น หลายคนเชื่อว่า แค่พ่อสัมผัสบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ที่ท้องแม่ โดยครั้งต่อไปแค่พ่อยื่นมือแตะ ลูกก็จะทักทายก่อน จะขยับตัวเป็นการรับรู้ หากพ่อพูดกับลูกบ่อย ๆ ขณะอยู่ในท้อง เมื่อลูกคลอดออกมา พ่อเข้าไปพูดคุยลูกก็จะตอบสนอง เพราะเป็นเสียงคุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในท้อง เป็นต้น

"การที่คุณพ่อเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ จะทำให้ครอบครัวมีความสมบูรณ์ เด็กที่คลอดออกมาจะแข็งแรง และเมื่อมีลูกแล้วหากคุณพ่อช่วยดูแล เลี้ยงดู ทั้งตัวแม่ และลูก ตรงนี้จะช่วยลดความเครียดของผู้เป็นแม่หลังคลอดได้ ครอบครัวก็จะอบอุ่น โครงการนี้เราเปิดเป็นโครงการนำร่อง เบื้องต้นอาจจะรับได้ไม่มาก แต่ในอนาคตคาดว่าจะขยายให้มากกว่านี้" รศ.พญ.วิบูลพรรณกล่าว






Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:46:06 น.
Counter : 2076 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]