All Blog
เตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์…กันดีกว่า
เตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์…กันดีกว่า

อย่างน้อยควรใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน และไม่ควรน้อยกว่า 1 เดือน ในการตระเตรียม สิ่งที่คำนึงถึง

สุขภาพโดยทั่วไป เช่น การตรวจร่างกาย ทั่วไป และตรวจร่างกายภายในสตรี ได้แก่ ความกว้างของอุ้งเชิงกราน ความผิดปรกติของมดลูก เพื่อเตรียมร่างกาย และหาข้อมูล รพ ที่จะฝากครรภ์

2. ขอคำปรึกษา ทางด้านพันธุกรรม
ถ้าครอบครัวคุณ หรือสามี มีประวัติ ที่เป็นโรคเกี่ยวกับกรรมพันธุ์ เช่น โรค ฮีโมฟิเลีย หรือ ดาวน์ หรือ SLE หรือโลหิตจาง หรือ ธาลัสซีเมีย ควรไปรับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนตัดสินใจตั้งครรภ์ นอกจากนี้ คุณควรเจาะเลือดเพื่อตรวจหา ระดับ ฮีโมโกลบิน เบาหวาน ภูมิคุ้มกันโรคหัด และหมู่เลือด rh

3. rh + -
การตรวจระบบเลือด หมู่ rh เป็นวิธีการแบ่งแยกหมู่เลือดที่แตกต่างไปจาก ระบบ a b o rh หมายถึง การตรวจหา rhesus factor ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบอยู่ที่เยื่อหุ้มเซลล์ของเม็ดเลือดว่ามีหมู่เลือด rh + ส่วนคนที่ไม่มีโปรตีนตัวนี้จะถือว่าเป็น rh- โดยเฉลี่ย ในฝรั่ง จะมีหมู่เลือด rh+ 85 % rh - 15 % ของคนไทย จะอยู่ rh + 99 % rh - 1 ใน 500 เท่านั้น

ในการตั้งครรภ์ สิ่งที่คำนึงถึง คือ ถ้ามารดามี rh- แต่ลูกมี rh + ถ้าเกิดความผิดปรกติของรกเพียงเล็กน้อยจะทำให้เลือดจากทารก ผ่านเข้าสู่ระบบเลือดของมารดาแล้วไปกระตุ้นให้เลือดของมารดาสร้าง anti ต้าน rh+ ขึ้นมา ซึงจะทำให้เกิดผลเสียกับทารกคนต่อไป เพราะ anti rh + จะสามารถผ่านรกไปยังระบบเลือดของทารกได้ ทำให้เม็ดเลือดแดงของทารกแตกสลาย และถ้ามีปริมาณ anti rh+ มาก อาจทำให้ทารกเสียชีวิตได้ หรือหากยังมีชีวิตอยู่จะเป็นดีซ่านอย่างรุนแรง ด้งนั้นก่อนการตั้งครรภ์ควรมีการเจาะเลือดของคุณและสามี เพื่อตรวจหา หมู่เลือด rh

4. อาหาร อย่างที่ทราบควรงดบุหรี่และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้ง สามีและภรรยา

5. อารมณ์ การที่ตั้งครรภ์นั้นจะทำให้บทบาทและการดำเนินชีวิตเปลี่ยนไปแน่นอน มีทั้งความสุข และ ความกังวล ในเรื่องรูปร่างหรือ ฮ ในการเปลี่ยนแปลงระหว่างตั้งครรภ์ คุณควรคุยและปรึกษาระหว่างนี้กับสามี เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

6. การเงิน อันนี้คงทราบกันดีอยู่แล้ว

7. ช่วงเวลาหยุดงาน

8. จดบันทึกประจำวัน ในช่วงเวลานี้ต้องฝึกตัวเองให้เป็นคนช่างจด บันทึกทุกอย่าง วันนี้มีอารมณ์อย่างไร อยากทานอะไรพิเศษ สบายดีหรือไม่ เพื่อฝึกเป็นิสัยโดยเฉพาะเวลาที่คุณกำลังตั้งครรภ์ เพราะการบันทึกสิ่งต่าง จะเป็นการเตือน ความจำทำให้คุณไม่ลืมสิ่งที่ควรกระทำ

หากทำได้แล้ว ตอนนี้คุณก็พร้อมแล้วที่จะตั้งครรภ์




Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:58:58 น.
Counter : 424 Pageviews.

0 comment
ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน.....จำเป็นแค่ไหน
ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน.....จำเป็นแค่ไหน
ในยุคนี้คู่รักที่ตัดสินใจจะร่วมหอ สร้างครอบครัวใหม่ ไม่เพียงแต่มีความพร้อม ในความรักอันหนักแน่นมั่นคง และสถานะทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังควรมีความพร้อมในเรื่องของ สุขภาพร่างกายเป็นอย่างยิ่ง เพราะสังคมทุกวันนี้ เป็นสังคมของคนคุณภาพ
สิ่งหนึ่งที่ควรบรรจุเข้าไว้เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งของคู่รักก่อนวิวาห์พาชื่น ก็คือ การตรวจสุขภาพ ก่อนแต่งงาน (คนที่ไม่คิดจะแต่งก็ตรวจได้) เพราะคนที่แต่งงานส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ระหว่าง 17-40 ปี ในวัยนี้มักจะมีสุขภาพค่อนข้างดี หรือมีโรคประจำตัวแต่ยังไม่ปรากฏอาการ จึง ไม่ค่อยนึกถึงการตรวจสุขภาพมากนัก แม้แต่การตรวจสุขภาพประจำปีก็เช่นกัน ปัจจุบันมีโรคภัยต่างๆ ร้ายแรงไม่น้อยที่สามารถติดต่อกันได้ และยังไม่สามารถรักษาได้ บางโรคมีคนจำนวนมากเป็นพาหะ โดยที่ไม่รู้ตัว จะว่าไปการตรวจสุขภาพก็เท่ากับการป้องกันเพื่อช่วยลดความเสี่ยง และลดอัตราแทรกซ้อน ความเจ็บไข้ได้ป่วยของคู่สมรส ของมารดา และทารกในครรภ์ที่กำลังจะเกิดมา
โปรแกรมการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานมีมานานแล้วในโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ วัตถุประสงค์ ของการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานก็เพื่อป้องกันการมีโรคที่สามารถติดต่อกันได้จากคู่สมรส และเพื่อ การมีบุตรที่สมบูรณ์ เป้าหมายลึกๆ จึงเพื่อลดปัญหาครอบครัว และปัญหาสังคมในอนาคตนั่นเอง
ทีนี้มาทำความรู้จักกับโปรแกรมตรวจสุขภาพก่อน แต่งงานดูว่ามีอะไรบ้าง โดยทั่วๆ ไป จะมีการตรวจที่เป็นพื้นฐานเดียวกัน ได้แก่ การตรวจหากรุ๊ปเลือด, ชนิดของเลือด Rh Factor, การเข้า กันของเลือด, ความสมบูรณ์ของเลือด, การตรวจหาเชื้อเอดส์ (Anti HIV), การตรวจหาเชื้อซิฟิลิส (VDRL), การตรวจ หาเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิดบี (HBs Ag), ตรวจหา ภูมิคุ้มกันของหัดเยอรมัน เฉพาะในสตรี (Rubella lg G) นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังมีบริการให้คำปรึกษาด้านการวางแผน ครอบครัว การคุมกำเนิด เพศศึกษา เพื่อความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างชีวิตคู่ และบางแห่งอาจจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรค บางชนิดให้ด้วย เช่น หัดเยอรมัน
ตรวจอะไรกันบ้าง...
หมู่เลือด เพื่อให้ทราบว่าแต่ละคนมีเลือดกรุ๊ปใด ปกติทุกคนควรจะทราบกรุ๊ปเลือดตัวเอง ชนิดของเลือด Rh Factor คนไทยทั่วไปจะมีชนิดเลือดที่เป็น Rh+ แต่ชาวตะวันตกจะเป็นชนิด Rh- คนไทยบางคนก็อาจพบได้ว่ามีชนิดเลือด Rh- ได้ และหากว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มีเลือด Rh- ควรทราบไว้ก่อนซึ่งอาจจะเป็นผลดี เพราะเมื่อมีการตั้งครรภ์ ทำให้มีภาวะเสี่ยงที่จะแท้งได้สูงมาก ซึ่งหากพบแต่แรกแพทย์จะฉีดยาป้องกัน antibody ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างแม่กับลูกเพื่อป้องกันไว้ก่อน ความเข้ากันของเลือด Hemoglobin Typing คือการตรวจหาความผิดปกติของฮีโมโกลบิน ที่เป็นสายพันธุ์ของเม็ดเลือดแดง ว่ามีความผิดปกติของโรคธาลาสซีเมีย (Thallassemia) หรือไม่ ธาลาสซีเมียเป็นโรคเลือดชนิดหนึ่งที่สืบทอดทางพันธุกรรม และเป็นกันมากที่สุด ผู้ที่เป็นโรคนี้จะเกิด ภาวะโลหิตจางมาก และหัวใจวายได้ คนไทยเป็นโรคนี้จำนวนมาก มีผู้ที่ไม่แสดงอาการแต่เป็นพาหะ ของโรคธาลาสซีเมียก็มากด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บางพื้นที่มีมากเกิน 15 % ดังนั้นหากตรวจพบว่าเป็นพาหะทั้งคู่ ก็อาจทำให้เด็กในครรภ์เป็นโรคนี้ได้จริงๆ ถ้าฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใดเป็นพาหะ แต่อีกฝ่ายหนึ่งปกติดีก็ไม่ต้องกังวล ดังนั้นเมื่อตั้งครรภ์ประมาณ 4 เดือน ก็ควรมาเจาะ น้ำคร่ำตรวจก็จะทำให้ทราบได้
นอกเหนือจากการตรวจรายละเอียดของเลือดข้างต้นแล้ว หัวใจของการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานก็คือการตรวจหา โรคติดต่อ ซึ่งสามารถตรวจหาเชื้อได้จากเลือด คือ เอดส์, ซิฟิลิส, รวมทั้งไวรัสตับอักเสบบี ทั้งหมดสามารถติดต่อ กันได้ทางเพศสัมพันธ์ คนไทย 100 คน ตรวจพบว่า 20 คน มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี, 20 คน มีภูมิคุ้มกันโดยไม่เคยฉีด วัคซีน และอีก 60 คน ไม่พบเชื้อ จะเห็นว่าอัตราส่วนของ โรคค่อนข้างสูงทีเดียว ซึ่งหากตรวจพบก่อนแต่งงานว่า ไม่มีภูมิก็ควรฉีดวัคซีนป้องกันไว้เลย หรือหากตรวจพบว่า มีเชื้อ เมื่อฝ่ายหญิงตั้งครรภ์จะทำให้เกิดอาการรุนแรงได้
ในระยะยาวผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมีโอกาสที่จะเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับได้ในที่สุด ทารกที่คลอด จาก มารดาที่มีเชื้อจะได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิต้านทันทีหลังคลอด เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน
หลังจากตรวจสุขภาพและมั่นใจว่าพร้อมจะแต่งงานกันแล้ว เรื่องที่คุณควรจะเรียนรู้คือ เพศศึกษา การคุมกำเนิด และวางแผนครอบครัว ให้ครบวงจรในคราวเดียว เพราะได้ประโยชน์ต่อครอบครัว ที่คุณกำลังจะสร้างขึ้นใหม่ไม่ใช่ใครอื่น เรื่องเหล่านี้คุณและคู่สมรสควรเข้าปรึกษาแพทย์พร้อมหน้ากัน ไม่ต้องเขินอายเพราะอีกไม่นานคุณก็จะต้องเกี่ยวพันกันอยู่แล้ว เรื่องใดที่ไม่ถ่องแท้ให้ใช้โอกาสนี้ สอบถามทำความเข้าใจจากแพทย์
เมื่อพร้อมเพรียงทุกอย่างแล้ว คุณก็จูงมือกันไว้ แล้วไปให้ถึงจุดหมายแห่งความรักที่คุณทั้งสองร่วมกัน สร้างขึ้น จงอย่างหวั่นไหวและระแวงหัวใจคนข้างๆ จับมือให้แน่น ผูกใจให้มั่น เป็นเพื่อนกันจนสุดท้าย ของชีวิต

ขอขอบคุณ
- นพ.มฆวัน ธนะนันท์กูล สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
- พญ.กาญจนา ชัยกิตติศิลป์ สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ



Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:58:08 น.
Counter : 645 Pageviews.

0 comment
ฉันท้องหรือ พบคำตอบที่มากว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่"
ฉันท้องหรือ พบคำตอบที่มากว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่"


ถาม: ฉันเพิ่งแท้งและมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งอยู่เกือบ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะรู้ตัวและ มีเลือดไหลแพทย์ทำการ ตรวจการตั้งครรภ์อยู่หลายครั้ง และทุกครั้งก็บอกฉันว่าผล การตรวจดูก้ำกึ่งมาก ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันรู้แต่ว่ามีอยู่สองอย่างคือ คุณท้อง หรือไม่ ท้องเท่านั้น นอกจากนั้นพวกเขายังไม่เคยบอกว่าระดับ hCG ของฉันต่ำมากในตอน นั้น (ที่ 47) ฉันไปพบแพทย์รายใหม่ และแพทย์ก็บอกว่าระดับ hCG ของฉันควรอยู่ ที่ 10,000 ฉันคิดว่าแพทย์รายแรก ๆควรจะรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และควรรู้ด้วยว่า ฉันอาจจะกำลังแท้ง ฉันเชื่อว่าพวกเขาเพียงแต่ปกปิดไม่ให้ฉันรู้เท่านั้น คุณเคยได้ ยินเรื่องการตั้งครรภ์แบบก้ำกึ่งไหม นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องแบบนี้

ตอบ: ดูเหมือนว่าคุณเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่น่าเศร้าและสับสนมากมาหมาด ๆ และดู เหมือนว่าแพทย์ของคุณควรจัดการกับปัญหาได้ดีกว่านี้ การตั้งครรภ์แบบก้ำกึ่งไม่ใช่ เรื่องไร้สาระ ปัญหาจริง ๆ แล้วอยู่ที่ผลการตรวจที่ออกมาแบบก้ำกึ่งมากกว่า เพื่อให้ เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น เราควรมาศึกษาเรื่องการตรวจสอบการตั้งครรภ์ให้เข้าใจเสียก่อน

การให้คำจำกัดความว่าการตั้งครรภ์เริ่มที่ใดดูจะเป็นเรื่องยาก การตั้งครรภ์เริ่มเมื่อ เสปิร์มผ่านไปยังไข่หรือเปล่า หรือเริ้มที่การรวมตัวของโครโมโซม หรือเมื่อตัวไซโกธ ที่เพิ่งเกิดมีการแบ่งตัวเกิดเป็นเอ็มบริโอ หรือเมื่อเอ็มบริโอฝังตัวในมดลูก หรือเมื่อ สัญญาณแรกเกิดขึ้นคือการที่ประจำเดือนไม่มาตามกำหนด

พูดจริง ๆ แล้ว การตรวจการตั้งครรภ์เพียงหนึ่งหรือสองครั้งก็สามารถบอกได้ว่าตั้ง ครรภ์หรือไม่ และนั่นก็เป็นที่มาของปัญหาใหม่คือ ค่าเริ่มต้นใดจะบ่งบอกสถานะการ ตั้งครรภ์ เมื่อผลออกมาเป็นบวก ก็ไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป แต่นั่นก็ไม่มีข้อสรุปที่แท้ จริงเรื่องค่าเริ่มต้นที่บอกสถานะการตั้งครรภ์ ที่จุดเริ่มต้น ตัวเลขอาจเปลี่ยนไปตาม ชนิดของการทดลองและแล็บ รวมทั้งตัวผู้หญิงแต่ละคนด้วย และคงไม่เกินไปนักถ้า จะบอกว่าการตั้งครรภ์ที่มีแนวโน้มไปสู่การแท้งมีค่า เป็นการตั้งครรภ์แบบก้ำกึ่ง

การตรวจการตั้งครรภ์คือการวัดค่า hCG ของมนุษย์ hCG คือฮอร์โมนแรกที่หลั่งมา จากเยื่อรกก่อนที่จะมีการเกิดตัวของเยื่อรกเสียอีก รกมีสองหน้าที่คือ เป็นที่แลก เปลี่ยนโลหิตและอาหารระหว่างมารดาและทารก และสร้างฮอร์โมนเพื่อรักษาการตั้ง ครรภ์ ช่วงแรกของการตั้งครรภ์รกจะสร้าง hCG ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อรูปรีที่เพิ่งปล่อยไข่ออก มา เพื่อให้มีการผลิตโปรเจสเตอโรนออกมาป้องกันการบีบตัวของมดลูก hCG มีค่าสูง สุดประมาณ 10 สัปดาห์ก่อนลดลงเมื่อรกสามารถสร้างฮอร์โมนเองได้

hCG มีการไหลเวียนในกระแสโลหิตของมารดาและถูกกรองออกไปด้วยไต ซึ่งทำให้ เกิดผลการตรวจครรภ์ต่าง ๆ กันไป การตรวจครรภ์แบบที่ทำเองที่บ้านนั้นให้ผลเป็น บวกเมื่อประจำเดือนของคุณมาล่า 2-3 วัน อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ การตรวจสอบก็ให้ผล ไม่เหมือนกัน บางอย่างสามารถตรวจ hCG ได้ระดับต่ำกว่าและให้ผลแบบเร็วมาก แต่ การตรวจเร็วไปก็ทำให้ได้ผลเป็นลบได้แม้ว่าคุณจะตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม หากคุณสงสัยผล ที่ได้ ลองตรวจใหม่หลังจากนั้นสัก 2-3 วัน หรือไปพบแพทย์

การตรวจเลือดเพื่อหา hCG นั้นแม่นยำกว่าและให้ผลก่อนที่ประจำเดือนของคุณจะมา คลาดเคลื่อนเสียอีก สิ่งนี้ก็นับเป็นผลเชิงปริมาณเช่นกันเนื่องจากเป็นการทดสองใช่/ ไม่ใช่ แต่การตรวจเลือดเพียงครั้งเดียวสามารถให้ผลเชิงปริมาณกับคุณได้ โดยให้ รายละเอียดจำนวนหน่วย hCG ในโลหิตของคุณ การได้ผลเป็นตัวเลขช่วยให้คุณ เทียบผลที่ได้ทั้งสองแบบได้ ซึ่งสำคัญมากเพราะระดับ hCG จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วใน การตั้งครรภ์ช่วงแรก ๆ

ดร. อามอส กรุนโบม ผู้อำนวยการศูนย์แม่และเด็กที่โรงพยาบาลเซนต์ลุกรูสเวลท์ ใน นิวยอร์ค และรองประธานของ OnHealth กล่าวว่า "ค่า hCG นี้ควรเพิ่มเป็นเท่าตัวทุก ๆ 2-3 วันในช่วงแรก หากคุณทำการตรวจครรภ์ 2 ครั้งห่างกัน 2-3 วัน และผลออกมาต่ำ กว่า 50 ทั้งคู่ คุณแน่ใจได้ค่อนข้างแน่ว่าคุณไม่ได้ตั้งครรภ์" ถ้าระดับ hCG ของคุณไม่ เพิ่มขึ้น อาจมีบางอย่างผิดปกติ และแพทย์ของคุณควรทราบในข้อนี้

ผู้หญิงที่เคยได้รับการฉีด hCG เช่น Profasior Pregnyl เพื่อแก้ปัญหาการมีบุตรยากอาจ ได้ผลการตรวจเป็นบวกได้ทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์หากทำการตรวจเร็วเกินไป ทั้งนี้ควรรอ สัก 5-14 วันเพื่อให้ฮอร์โมนสลายตัว โดยขึ้นอยู่กับประมาณ hCG ที่ได้รับและตัวบุคคล หลังจากนั้นการตรวจครรภ์ 2 ครั้งติดต่อกันก็จะบอกผลได้ชัดเจน หากผลครั้งที่สองออก มาสูง การมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น

ข้อสำคัญอีกสองสามข้อเกี่ยวกับการตรวจการตั้งครรภ์และ hCG คือ มีช่วงกว้างสำหรับ ระดับ hCG ที่เรียกว่า "ปกติ" ในบางช่วงของการตั้งครรภ์ และสถานการณ์ที่ต่างกันไป อาจส่งผลต่อการอ่าน hCG เช่น ทารกในครรภ์ที่เป็นแฝดมักให้ผลการอ่านที่สูงกว่าทา รกคนเดียว การท้องนอกมดลูกมักให้ผลการอ่านที่ต่ำ สิ่งควรจำอีกอย่างคือหลังจาก 6 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ hCG จะใช้เวลานานขึ้นในการเพิ่มค่า และหลายสัปดาห์หลัง จากนั้นระดับ hCG ก็จะลดลง และเมื่อนั้นการตรวจระดับ hCG ก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ระวังอย่าด่วนสรุปผลการตั้งครรภ์โดยยึดค่า hCG ดร. อามอส กรุนโบม กล่าวว่า "เมื่อคุณเห็นหัวใจทารกเต้น นั่นเป็นตัวบอกที่ดีกว่าว่ากำลังเกิด อะไรขึ้นกับการตั้งครรภ์ของคุณ"





Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:55:26 น.
Counter : 557 Pageviews.

0 comment
การวางแผนตั้งครรภ์
การวางแผนตั้งครรภ์

การวางแผนทางการเงิน
เนื่องสังคมของคนเมืองเปลี่ยนไปผู้หญิงทำงานนอกบ้านและจากภาวะเศรษฐกิจทำให้คนแต่งงานเมื่ออายุมากขึ้น กว่าจะเริ่มวางแผนมีบุตรอายุก็มากขึ้น ดังนั้นการวางแผนการมีบุตรจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะละเลยไม่ได้ การวางแผนการมีบุตรไม่ใช่จะมีเมื่ออายุเท่าไรแต่การวางแผนจะครอบคลุมถึงการเตรียมทางร่างกายและจิตใจ การเลือกแพทย์และโรงพยาบาล บทความนี้จะแนะนำบางเรื่องที่คิดว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่คิดว่าจะมีบุตรสักคน การที่มีสุขภาพดีทั้งพ่อและแม่จะทำให้ลูกเกิดมามีความแข็งแรง ดังนั้นก่อนการตั้งครรภ์ท่านต้องวางแผนเรื่องต่อไปนี้

ตรวจสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์
การวางแผนมีบุตรไม่ใช่ตั้งครรภ์แล้วค่อยไปฝากครรภ์ แต่ท่านต้องไปปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจร่างกายดูสุขภาพทั่วไป โรคประจำตัว ตรวจทั้งการเพาะเชื้อจากปากมดลูกและตรวจมะเร็งปากมดลูก แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อตรวจว่ามีโลหิตจางหรือไม่รวมทั้งการตรวจหาภูมิต่อโรคหัดเยอรมันและไข้สุกใส หากไม่มีภูมิแพทย์ก็จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนซึ่งก็ต้องใช้เวลาอีก 3 เดือนจึงจะตั้งครรภ์ได้

การตรวจทางพันธุกรรม
แพทย์จะซักประวัติโรคทางพันธุกรรมทั้งตัวคุณและคู่เพื่อพิจารณาว่าครอบครัวคุณมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน โรคทางพันธุกรรมที่พบบ่อยคือโรคธัลลัสซีเมีย และหากคุณอายุมากคุณก็จะเสี่ยงต่อกลุ่ม down

หลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
โรคเพศสัมพันธ์บางโรคอาจจะมีผลทำให้เกิดการเป็นหมัน แพทย์จะซักประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และหากสงสัยแพทย์อาจจะเพาะเชื้อจากปากมดลูก รวมทั้งการเจาะเลือดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณปลอดภัยจากโรคติดต่อและไม่ควรที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคน
การติดเชื้อจากอาหารก็อาจจะมีผลต่อการตั้งครรภ์เช่นการติดเชื้อ Toxoplasmosis ต้องรับประทานอาหารที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น ไม่รับประทานอาหารสุกดิบๆ และให้ล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด หลีกเลี่ยงจากการเข้าชุมชนเพราะท่านอาจจะติดหวัดหรือโรคติดเชื้อชนิดอื่น

อาหารและวิตามินก่อนการตั้งครรภ์
ก่อนการตั้งครรภ์การให้วิตามินกรดโฟลิกวันละ 400 มก.จะช่วยป้องกันความพิการทางสมอง นอกจากวิตามินแล้วคุณต้องรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ หากคุณเป็นมังสะวิรัต โลหิตจาง หรือรับประทานน้อย คุณต้องรับประทานอาหารเพิ่ม การที่คุณได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจะก่อปัญหากับการตั้งครรภ์ เช่นหากคุณโลหิตจางจะทำให้เด็กมีโลหิตจางด้วย หากคุณรับอาหารไม่พอเด็กก็จะมีการเจริญเติบโตช้า

ความแข็งแรง
นอกจากอาหารและวิตามินแล้วความแข็งแรงของร่างกายก็จะช่วยให้คุณตั้งครรภ์และคลอดอย่างปลอดภัย มีการศึกษาว่าหากออกกำลังตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์และระหว่างการตั้งครรภ์จะทำให้คลอดได้ง่าย การควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากหรือน้อยกว่า 15%ของน้ำหนักมาตรฐานจะทำให้เด็กเจริญเติบโตได้ดี หากคุณน้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐานมากกว่า 15%แสดงว่าคุณผอมเกินไป ทำให้ตั้งครรภ์ยาก และระวังการตั้งครรภ์ในเดือนแรกๆอาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนน้ำหนักคุณจะลดลงอีก แนะนำว่าคุณควรจะเพิ่มน้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์
คุณต้องลดน้ำหนักเพราะหากอ้วนจะทำให้เกิดโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง ดังนั้นคุณควรจะลดน้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ หากคุณออกกำลังกายก่อนการตั้งครรภ์ก็ควรออกต่อ

การดูแลสิ่งแวดล้อม
ต้องตรวจสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวว่ามีสิ่งที่เป็นเป็นภัยต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ เช่นยาฆ่าแมลง ใยแก้ว สารตะกั่ว รังสี ควรจะหลีกสิ่งเหล่านี้ หากคุณเลี้ยงแมวบอกแพทย์ให้เจาะเลือดตรวจหาภูมิต่อเชื้อ toxoplasma หรือไม่เพราะเชื้ออาจจะทำให้พิการแต่กำเนิด หากคุณไม่มีภูมิควรจะสวมถุงมือและหน้ากากเมื่อจะสัมผัสแมว

การเปลี่ยนพฤติกรรม
สำหรับท่านที่ดื่มสุรา ติดยาเสพติด และสูบบุหรี่รวมทั้งสามีที่สูบบุหรี่ควรจะละหรือเลิกเสียเพราะจะทำให้ตั้งครรภ์ยาก และหากตั้งครรภ์ก็อาจจะมีผลเสียต่อเด็กในครรภ์
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์
เริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 9 ของรอบเดือนจนวันที่ 19 ของรอบเดือนโดยร่วมเพศกันวันเว้นวัน การตั้งครรภ์ไม่เกี่ยวกับท่าที่ยุ่งกันพยายามให้หลั่งในช่องคลอดให้ลึกที่สุดและไม่จำเป็นต้องนอนพักหลังร่วมเพศเนื่องจากเชื้อจะวิ่งอย่างรวดเร็วไปยังเป้าหมาย

รับประทานอาหารที่มีคุณภาพและคุมน้ำหนัก
หากคุณวางแผนที่จะตั้งครรภ์คุณควรที่จะเริ่มต้นรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หลีกเลี่ยงอาหารมัน น้ำตาล การดื่มกาแฟ หรือดื่มชาจะทำให้ตั้งครรภ์ยาก ผู้ที่อ้วนต้องลดน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติสามารถตั้งครรภ์ได้

อย่าให้เกิดความเครียด
ความเครียดจะมีผลเสียต่อการตั้งครรภ์ ทำให้ตั้งครรภ์ยาก คลอดก่อนกำหนด เด็กคลอดออกมามีน้ำหนักน้อย



Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:54:36 น.
Counter : 492 Pageviews.

0 comment
คู่มือทำลูกด้วยตนเอง
คู่มือทำลูกด้วยตนเอง

ก่อนอื่นก็ต้องมาดูฝ่ายชายกันก่อนว่าต้องเตรียมตัว ต้องปฏิบัติยังไง ต้องเตรียมอาวุธยังไงถึงจะได้ยิงทีเดียวติด ไม่ต้องทำแล้วทำอีกจนหมดแรงไปซะก่อน ที่จริงเรื่องของผู้ชายมันไม่สลับซับซ้อนมากหรอกครับ เพราะของผู้ชายจะมีน้ำอสุจิ ตัวอสุจิพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา ต่างกับผู้หญิงที่จะมีไข่ตกแค่เดือนละใบเท่านั้นเอง แต่ถึงแม้จะมีอสุจิพร้อมใช้ได้ตลอด แต่ก็ต้องเตรียมตัวเพื่อให้ตัวอสุจิทั้งหลายแข็งแรงที่สุดเหมือนกัน

ดังนั้น หากจะเอาจริงรักจริงหวังป่อง ก่อนอื่นก็ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีซะก่อน ออกกำลังกายฟิตตัวให้แข็งแรง แล้วต้องงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดด้วย เนื่องจากแอลกอฮอล์จะมีผลทำให้ตัวอสุจิมีจำนวนน้อยลง แล้วก็หมดแรงเอากลางทางดื้อๆ ทำให้อัตราการตั้งครรภ์ลดลง แต่ก็เป็นข่าวดีสำหรับคอกาแฟทั้งหลายครับ เพราะกาเฟอีนจะมีผลทำให้ตัวอสุจิกระชุ่มกระชวยว่ายปรู๊ดปร๊าดอย่างกับติดเทอร์โบ แต่นี่ก็เป็นเรื่องของทางทฤษฎีนะครับ เพราะในทางปฏิบัติแล้ว หากกินเหล้าถึงแม้ว่าตัวอสุจิจะวิ่งช้า แต่พวกนี้ขยันทำเรื่องอย่างว่ามากกว่าพวกกินกาแฟ พวกขี้เหล้าก็เลยมักจะลูกดกกว่า ส่วนพวกที่กินกาแฟก็มัวแต่ทำงาน หรือไม่ก็เอาแต่อ่านหนังสือ ไม่ค่อยทำการบ้านบนเตียงสักเท่าไหร่ ตัวอสุจิที่วิ่งเร็ว แข็งแรงกว่าก็เลยถูกขังอยู่แต่ในอัณฑะ ไม่ค่อยได้มีโอกาสออกมาอาละวาดกับเขาหรอกครับ

ทีเด็ดคุณพ่อต้อง "วันเว้นวัน"

หลายคนก็อยากมีลูกมากก็เลยมีเพศสัมพันธ์มันทุกวันเลย วันไหนขยันหน่อยก็ทำสามเวลามันซะเลย… แต่ที่จริงแล้วการมีเพศสัมพันธ์ถี่เกินไปก็ไม่ได้เพิ่มอัตราการตั้งครรภ์สักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะตัวอสุจิของผู้ชายเรากว่าจะสร้าง กว่าจะโตเต็มที่ใช้เวลา 48 ชั่วโมง ถ้าปล่อยอสุจิไปหมดวันนี้ กว่าตัวอสุจิที่สร้างขึ้นมาใหม่จะโตเต็มที่แข็งแรงก็อีกตั้งสองวัน ดังนั้น ถ้ายุ่งกันทุกวัน ตัวอสุจิที่ปล่อยออกมาก็จะยังโตไม่เต็มที่ มีแต่พวกอ่อนๆ ทั้งนั้น บางคนก็รู้ดี บอกว่างั้นอั้นเอาไว้นานๆ ก็แล้วกัน ถึงเวลาหวังผลก็ปล่อยออกมาทีเดียวให้หมดทั้งอัณฑะเลย ที่จริงแล้วถ้ายุ่งกันไม่ถี่เกินกว่าวันเว้นวัน ปริมาณน้ำอสุจิก็ไม่แตกต่างหรอกครับยังออกเท่าเดิม แต่ถ้ายุ่งกันถี่เกินไปปริมาณน้ำอสุจิก็จะน้อยลง อย่างที่บอกไว้ว่าตัวอสุจิจะโตเต็มวันใน 48 ชั่วโมง ที่อั้นเอาไว้นานๆ ตัวอสุจิมันคงแก่ชราว่ายไม่ไหวแล้วมั้ง

สรุปว่าสำหรับผู้ชายแล้วถ้าอยากจะเอาจริงในการสืบพันธุ์ให้สำเร็จ ต้องยุ่งกันวันเว้นวันเป็นดีที่สุดครับ

ทีเด็ดคุณแม่ต้อง "มีฤกษ์"

คราวนี้มาดูที่นางเอกคนสำคัญบ้างดีกว่า จะท้องหรือไม่ท้องก็อยู่ที่คนนี้แหละ ก็ผู้หญิงไม่ได้จะท้องกันได้ทุกวันซะหน่อย แต่ละรอบเดือนจะมีการตกไข่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แถมตกไข่แต่ละครั้งก็ให้เวลากันแค่ 12 ชั่วโมงเท่านั้นเอง นี่ถ้าคืนสำคัญมัวแต่นอนคุยกันเพลินเลยเวลาไปหน่อยเดียวเดือนนั้นก็ฟาวล์ไปซะแล้ว ดังนั้น สิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงก็คือ การหาเวลาที่ไข่ตกให้ได้

คุณผู้หญิงที่ตั้งหน้าตั้งตาที่จะทำลูกให้ได้นั้น ของสำคัญที่ต้องมีอย่างแรกก็คือปฏิทินเท่านั้นเองครับ ประจำเดือนมาวันไหนวันแรกก็กาลงในปฏิทินเลย ทำไปเรื่อยๆ สักสองสามเดือน แค่นี้ก็จะรู้ว่าประจำเดือนของเรามันมาสม่ำเสมอดีหรือเปล่า ช่วงห่างของแต่ละรอบเดือนประมาณกี่วัน ผู้หญิงคนไหนที่มีรอบเดือนสั้นก็จะมีประจำเดือนถี่หน่อย แต่ก็จะมีการตกไข่ถี่ตามไปด้วย ดังนั้น คนที่มีรอบประจำเดือนสั้นก็จะท้องง่ายกว่าคนที่รอบเดือนยาวบางคนมีประจำเดือนแค่ปีละสามสี่ครั้งเท่านั้นเอง ปีหนึ่งก็ไข่ตกไม่กี่ทีตามไปด้วย ก็ต้องลุ้นต้องเล็งกันเหนื่อยเหมือนกัน

ปกติแล้วผู้หญิงเราจะมีการตกไข่ประมาณ 14 วันก่อนประจำเดือนมา ดังนั้น ถ้ารอบเดือนยาว 28 วัน ก็จะมีการตกไข่วันที่ 14 หลังจากประจำเดือนมาวันแรก แต่ถ้าประจำเดือนมาสั้นแค่ 26 วัน ไข่ตกก็จะร่นเร็วขึ้นเป็นวันที่ 12 หลังจากประจำเดือนมาวันแรก พอเรารู้วันไข่ตกแล้ว แต่ละเดือนพอประจำเดือนมาวันแรกก็นับวันไข่ตกได้ล่วงหน้าเลย จะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้า งดงานหลวงงานราษฎร์ทุกชนิด วันนี้จะตั้งใจทำลูกอย่างเดียว

แต่วันที่เรานับได้มันก็แค่วันประมาณการเท่านั้น ดังนั้นแต่ละเดือนก็ต้องเช็กความถูกต้องแม่นยำด้วย ดูจากอาการไข่ตกว่าตรงกับวันที่นับได้หรือเปล่า ไม่รู้จะรู้จักอาการไข่ตกกันหรือเปล่า

อาการไข่ตกก็จะมีเสียดท้องน้อยด้านข้างไม่ซ้ายก็ขวา เสียดท้องด้านไหนก็จะไข่ตกจากด้านนั้น บางทีจะปวดถ่วงๆ ไปที่ก้น เหมือนจะมีอะไรหลุดออกมา ลองกระโดดสะเทือนๆ ดู ก็จะเจ็บหน่วงๆ ไปที่ก้นมากขึ้น ที่สำคัญวันไข่ตกจะมีตกขาวแฉะๆ ใสๆ ยืดๆ ออกมาเยอะ ลองเอามือจิ้มเอาตกขาวออกมาดู ตกขาวมันจะยืดๆๆ เหมือนน้ำมูกไหลตอนเป็นหวัดวันแรก

วันตกไข่จับตัวดูก็จะรู้สึกตัวอุ่นๆ กว่าวันอื่นๆ ขนาดสมัยก่อนขุนแผนผจญภัย ปีนบ้านนางวันทอง บางทีก็ขับเสภาร้องว่าแม่เนื้อเย็น แต่ถ้าคืนไหนขุนแผนร้องเสภาว่านางวันท้องแม่เนื้ออุ่น คืนนั้นนางวันทองท้องทุกที

พอรู้จักอาการไข่ตกแล้วก็ลองดูสิว่ามันตรงกับวันที่เราประมาณการไว้หรือเปล่า ถ้ามันตรงกันพอดีตลอดก็แปลว่าไข่เราตกแม่นดี ถ้ามีอาการตกไข่ก่อนวันที่เรานับได้ไปวันหนึ่งทุกที ก็ให้ยืดวันที่มีอาการเป็นหลัก

คนที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอจะค่อนข้างง่ายในการหาวันตกไข่ แต่สำหรับคนที่ประจำเดือนมายืดๆ หดๆ เอาแน่ไม่ได้ ก็เห็นทีจะกำหนดวันไข่ตกได้ลำบากหน่อย อย่างไรก็ตามถึงแม้จะไม่รู้วันแน่นอน เวลาถ้ารู้อาการไข่ตกมันก็ไม่ยากหรอกครับ พอมีอาการอย่างที่ว่าก็ทำลูกได้เลย

สูตรผสมลงตัว

คราวนี้ถ้าใช้ความรู้ที่ว่าตัวอสุจิจะใช้เวลาในการโตเต็มที่ใน 48 ชั่วโมง แล้วถ้าปล่อยตัวอสุจิออกไปแล้ว มันจะสามารถมีชีวิตอยู่ในช่องคลอดผู้หญิงได้อีก 48 ชั่วโมง สำหรับผู้หญิงจะตกไข่ที่ 14 วันก่อนประจำเดือนมา ตกไข่แต่ละครั้งมีอายุอยู่ได้แค่ 12 ชั่วโมง สรุปเป็นสูตรสำเร็จในการทำลูกง่ายๆ ก็คือ ให้มีเพศสัมพันธ์ในวันที่มีอาการตกไข่ โดยอาศัยประมาณการจากการคำนวณ ถ้าจะให้ชัวร์ก็ให้ยุ่งกันก่อนหน้าวันนั้นสองวันและหลังวันนั้นอีก 2 วัน เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ ช่วงนี้ก็จะเหนื่อยหน่อย เพราะใน 5 วันนี้ ก็ต้องมีเพศสัมพันธ์กัน 3 ครั้ง จะไข่ตกมาตอนไหนใน 5 วันนี้ก็จะมีตัวอสุจิอยู่ยั้วเยี้ยรับรองเสร็จแน่


แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเล็งวันได้ตรงเป๊ะ ตกไข่ออกมาเป็นโดนปฏิสนธิแน่ แต่ในความเป็นจริงก็จะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริงเพียง 30% เท่านั้น ที่เหลือ 70% อาจจะเกาะไม่ติดบ้าง ฮอร์โมนไม่เหมาะสมบ้าง ก็คงต้องพยายามเล็งเป้าให้แม่นที่สุดทุกเดือน ให้เวลาสัก 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับความขยัน แต่ถ้าทำตามที่ว่าทุกอย่างแล้วก็ยังไม่ท้องเสียที เห็นทีคงจะมีลูกไม่ง่ายซะแล้ว ถึงตอนนี้ก็ควรจะไปพบสูติแพทย์ที่ชำนาญในเรื่องการมีลูกยากได้แล้วครับ

โดย: นายแพทย์อานนท์ เรืองอุตมานันท์
เขียนไว้ใน..นิตยสารดวงใจพ่อแม่ ปีที่ 8 ฉบับที่ 96 ตุลาคม 2546




Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 12:52:14 น.
Counter : 470 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]