เมื่อลูกไม่ยอมทำฟัน
เมื่อลูกไม่ยอมทำฟัน
จาก นิตยสารใกล้หมอ
โดย : ทพญ.สุมนาสวัสดิ์-ชูโต
วันก่อนดูรายการโทรทัศน์ มีการเสนอภาพการทำฟันเด็กและบรรยายในทำนองว่า ถ้าเด็กไม่ยอมทำฟัน จะต้องถูกทำโทษ โดยทันตแพทย์จะจับเด็กแล้วใช้ผ้าห่อรัดตัวให้ติดกับเก้าอี้ทำฟัน เพื่อไม่ให้ดิ้นในฐานะทันตแพทย์ดูแล้วรู้สึกไม่สบายใจกับข่าวนี้ ส่วนผู้ปกครองอาจจะรู้สึกสยองไม่กล้าพาลูกมาหาหมอฟันอีกจึงอยากอธิบายให้ทราบว่าขั้นตอนก่อนการให้การรักษาฟันเด็กมีอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นผู้ปกครองที่จะพาเด็กมาทำฟัน ต้องเตรียมตัวเด็กก่อนการเตรียมเด็กนี้ถ้าจะให้ดี ควรเตรียมหรือคิดไว้ตั้งแต่เด็กเริ่มมีฟันขึ้นหรืออย่างน้อยฟันน้ำนมขึ้นครบประมาณอายุ 2 ขวบถึง 2 ขวบครึ่งซึ่งเป็นวัยที่เด็กพูดไม่รู้เรื่อง และฟังคำสั่งหรือคำขอร้องของหมอได้เข้าใจถึงแม้เด็กจะยังไม่มีฟันผุ ควรเตรียมตัวเด็กให้รู้จักกับทันตแพทย์และสภาพห้องทำงานของทันตแพทย์ ตลอดจนเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการทำฟันเพื่อเด็กจะคุ้นเคย และสื่อสารกันเข้าใจผู้ปกครองที่พาเด็กมาพบทันตแพทย์ในช่วงนี้เด็กมักจะไม่มีปัญหาหรือต่อต้านมากนักในการที่จะต้องรักษาฟัน ถ้าเด็กยังไม่มีฟันผุที่รุนแรงหรือเจ็บปวดการรักษาครั้งแรกจะเป็นอย่างง่ายๆ เช่น ขัดฟัน เคลือบหลุมร่องฟันซี่ที่ยังไม่ผุหรือเคลือบฟลูออไรด์ เพื่อป้องกันฟันผุทันตแพทย์จะมีเทคนิคการพูดและการรักษาที่ทำให้เด็กรู้สึกสนุกและที่สำคัญการพามาหาหมอฟันครั้งแรกนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้เจ็บหรือน่ากลัวเลยเด็กจะรู้สึกชอบการทำฟัน เมื่อต้องมาครั้งต่อๆ ไปจึงให้ความร่วมมือในการรักษามากขึ้น
แต่ถ้าช้าเกินไปเสียแล้วคือ เริ่มมีฟันผุแล้วผู้ปกครองควรพามาพบทันตแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะฟันที่ผุน้อยๆ หรือเริ่มผุการรักษาไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่มาก แต่การพาเด็กมาพบทันตแพทย์ครั้งแรกท่านอย่าคาดหวังว่าจะได้รับการรักษาฟันที่มีปัญหาในทันทีถ้าเด็กพูดรู้เรื่องหรือยอมให้ทำโดยดีทันตแพทย์ก็จะรักษาให้ แต่ถ้าเด็กมีความกลัวทันตแพทย์จะต้องเตรียมเด็กก่อน คือจะอธิบายพูดแนะนำถึงเครื่องมือและวิธีการรักษาโดยใช้ภาษาง่ายๆ เปรียบเทียบกับสิ่งที่เด็กรู้จักเพื่อให้เด็กเข้าใจและลองใช้เครื่องมือกับฟันซี่อื่นๆ ก่อน เช่น อาจจะเขี่ยฟันขัดฟันเพื่อเตรียมเด็กที่จะมารับการรักษาต่อๆ ไปในคราวหน้า
การพบทันตแพทย์ครั้งแรก ผู้ปกครองควรอยู่กับเด็กด้วยเพื่อจะได้จำคำแนะนำของหมอไว้พูดให้ลูกฟังอยู่เรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันนัดในวันที่นัดมาทำฟันควรพูดให้ลูกเข้าใจอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟันของเขาเช่นมีฟันผุเป็นรู จะต้องไปอุดฟันเพื่อปิดรูนั้นเสีย และเขาจะต้องทำอย่างไรบ้างทันตแพทย์จะทำอะไรให้บ้าง ถ้าเด็กมีเหตุผลและท่านเตรียมลูกมาอย่างดีเด็กเข้าใจและปฏิบัติตามได้ ยอมให้ทันตแพทย์ทำการรักษาได้จนสำเร็จและเมื่อเด็กให้ความร่วมมือ ควรได้รับคำชมเชยหรือแสดงความชื่นชมกับเด็กที่มีความอดทนจนทำได้เสร็จ เมื่อทำได้สำเร็จครั้งหนึ่งแล้วการรักษาครั้งต่อๆไปก็จะง่ายขึ้น ถึงแม้ว่าเด็กจะยังไม่ชอบการทำฟัน หรือยังมีความหวาดกลัวอยู่แต่เด็กจะเรียนรู้ว่าการทำฟันไม่ได้เลวร้ายหรือน่ากลัวอย่างที่คิดถ้าเขามีความอดทนและให้ความร่วมมือ การรักษาก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น
ส่วนผู้ปกครองบางท่านที่งานยุ่งจนไม่มีเวลาดูแลลูกของท่านปล่อยปละละเลยมาจนเด็กมีอาการแล้ว เช่น เจ็บปวดฟัน ทานข้าวไม่ได้ แก้มบวมการรักษาก็จะยุ่งยากมากและจะควบคุมเด็กเพื่อให้ความร่วมมือได้ค่อนข้างยากการมาพบทันตแพทย์ครั้งแรก อาจต้องให้การรักษาที่รีบด่วนหรือต้องทำการรักษาในทันทีเพื่อไม่ให้โรคลุกลามและเป็นมากขึ้น เช่น อาจต้องถอนฟันเพื่อกำจัดต้นเหตุที่ทำให้ปวด และอักเสบออกไป ถ้าเป็นถึงขั้นนี้และเด็กไม่ยอมหรือไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา อาจจำเป็นต้องบังคับถ้าเด็กไม่ยอมปฏิบัติตามที่ทันตแพทย์บอกและดิ้นมาก ทันตแพทย์จึงใช้ผ้าห่อตัวเด็กเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการที่เด็กดิ้น หรือใช้มือใช้เท้าปัดเตะเครื่องมือพลาดไปซึ่งก่อนจะใช้วิธีนี้ทันตแพทย์จะอธิบายให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าไม่ใช่การทรมานเด็กแต่เป็นการช่วยให้ทำการรักษาได้ โดยไม่มีอันตรายและผู้ปกครองต้องยินยอมก่อน
หลังจากได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้วผู้ปกครองควรอธิบายให้เด็กเข้าใจว่า เหตุใดจึงทำเช่นนั้น ไม่ควรดุหรือขู่เด็กซ้ำควรพูดให้เด็กเข้าใจว่า เพราะเขาไม่ให้ความร่วมมือจึงเป็นเช่นนี้ซึ่งเมื่อทำไปแล้วทำให้เขาหายเจ็บปวด และทานอาหารได้ และขณะทำไม่ได้เจ็บอะไรมากคราวต่อไปถ้าทำตามทันตแพทย์บอกเขาก็จะไม่ถูกทำเช่นนี้อีกเด็กส่วนใหญ่จะเข้าใจและให้ความร่วมมือมากขึ้น
ที่สำคัญคือ ทัศนคติของผู้ปกครองต่อการทำฟัน จะถ่ายทอดให้เด็กได้ถ้าผู้ปกครองมีทัศนคติที่ดี เด็กก็จะรู้สึกดีไปด้วยค่ะ






Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 11:50:37 น.
Counter : 819 Pageviews.

0 comment
หลักการดูแลฟันน้ำนม
หลักการดูแลฟันน้ำนม
1. เมื่อฟันเริ่มขึ้น ให้ลูกดื่มน้ำตามหลังดื่มนมทุกมื้อ
2. เมื่อฟันหน้าขึ้นใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดฟันให้ลูกอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
3. เมื่อฟันกรามขึ้น (1 ขวบครึ่ง) แปรงฟันให้ลูกอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
4. เมื่อฟันขึ้นครบ (2 ขวบครึ่ง) เริ่มใช้ยาสีฟันผสมฟลูโอไรด์ แต่น้อยขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียว ไม่ควรให้ลูกกลืนยาสีฟัน
5. เด็กในวัยที่ฟันกำลังขึ้น จะมีอาการเคืองของเหงือก ควรเลือกของเล่นที่เหมาะสมและปลอดภัยให้ลูกกัด โดยต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะไม่หลุดลงคอ ไม่คม แตก หัก ยุ่ย ขาดง่าย สีที่ประกอบไม่เป็นพิษ และต้องสะอาด
6. หมั่นตรวจและสังเกตฟันลูก ถ้าพบความผิดปกติ ควรนำลูกไปพบทันตแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข



Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 11:50:02 น.
Counter : 436 Pageviews.

0 comment
โภชนาการและสุขภาพฟันของลูก
โภชนาการและสุขภาพฟันของลูก

สุขภาพฟันและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟันของลูก
เหงือกดีและฟันแข็งแรงนั้นมีผลมาจากยีน ความสะอาดของฟัน และการได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ ความสะอาดของฟันที่ดีนั้นสามารถทำได้โดยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีและพบทันตแพทย์เป็นประจำ ซึ่งจะช่วยรักษาเหงือกและฟันให้สะอาดและลดอาหารฟันผุ

ในระหว่างช่วง 3 ปีแรกนี้สำคัญสำหรับเด็กที่ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อเหงือกและฟัน เพราะเป็นเวลาที่ฟันเริ่มจะขึ้นและสารอาหารก็มีผลต่อการพัฒนาก่อนที่ฟันและเนื้อเยื่อปากจะขึ้น โภชนาการที่ดีทำให้ฟันและเหงือกมีสุขภาพดีในขณะที่โภชนาการที่ไม่ดีส่งผลให้ฟันผุเพิ่มขึ้น

ครั้งแรกที่ฟันเริ้มขึ้นนั้น ฟันที่ขึ้นมาใหม่จะผุง่ายมาก ไม่ว่าลูกของคุณจะกินหรือดื่มอะไรก็ตามจะมีผลต่อสุขภาพฟันของเขาเสมอ เพราะฉะนั้นคุณควรที่จะหาวิธีที่จะรักษาให้ลูกมีสุขภาพฟันที่ดีตั้งแต่แรก
รับประทานสารอาหารที่ช่วยบำรุงเหงือกและฟัน
อาหารที่สำคัญในการช่วยให้เหงือกและฟันแข็งแรง มีดังต่อไปนี้
• สารอาหารที่ช่วยให้เหงือกแข็งแรง: ไวตามินซี ไวตามิน บี12 และโฟลิค แอสซิดที่เป็นไวตามินที่ช่วยให้เหงือกแข็งแรงและช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่ออ่อน อาหารที่มีสารอาหารเหล่านี้มากคือ ฝรั่ง ส้ม มะเขือเทศ มะละกอ ผักขม บร็อคโคลี่ นม ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมและเนื้อสัตว์

• สารอาหารที่เสริมสร้างสุขภาพฟัน ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ฟลูออไรด์ และไวตามินดี สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาและสร้างความแข็งแรงให้กับฟัน นมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมเป็นแหล่งที่มีสารอาหารเหล่านี้อยู่มาก
หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ก่อให้เกิดโรคกระดูกผุ
อาหารที่กินเข้าไปมีผลต่ออาการผุของฟัน ปัจจัยที่มีผลต่ออาหารที่ก่อให้เกิดโรคกระดูกผุ มีทั้งปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหาร ความเข้มข้นของอาหาร ความถี่ในการย่อยสลายและระยะเวลาที่อาหารจะคงอยู่ในปาก ตัวอย่างเช่น อาหารที่รักษาปริมาณน้ำตาลสูง (ผลไม้แห้ง) มีผลทำให้ต่อการเกิดโรคกระดูกผุมากกว่าอาหารที่สามารถทำความสะอาดออกได้ง่ายและรวดเร็ว (ช็อคโกแลต)

อาหารที่มีน้ำตาลสูงนอกจากจะทำให้ฟันผุแล้ว ยังช่วยเร่งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในปากอีกด้วย ซึ่งทำให้สารเคลือบฟันและรากฟันถูกทำลาย
วิธีส่งเสริมสุขภาพฟันที่ดีให้กับลูกของคุณ

• หลีกเลี่ยงการใส่น้ำตาลมากเกินไปในอาหารของลูก

• ไม่ให้อาหารที่มีแนวโน้มว่าก่อให้เกิดฟันผุกับเด็กได้ เช่น ลูกอม

• ให้ลูกของคุณล้างปากหรือแปรงฟันทุกครั้งหลังจากกินของหวาน

• ถ้าลูกของคุณหลับไปขณะที่กำลังดูดนมอยู่ ให้เอาขวดนมออกจากปากทันที เพื่อป้องกันไม่ให้นมค้างอยู่ในปากเป็นเหตุให้เกิดฟันผุ เมื่อลูกของคุณหลับแล้ว น้ำลายจะหยุดไหลทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ

• หลีกเลี่ยงการใส่น้ำผลไม้ในขวดนม เพราะจะทำให้ฟันโดนน้ำตาล และกรดผลไม้ตลอดเวลา ดังนั้นพอลูกของคุณอายุเกิน 6 เดือนแล้ว ลองให้เขาดื่มจากแก้วแทน

• ไม่ควรให้ของหวานที่ชุบน้ำผึ้ง แยมหรือน้ำเชื่อม

• หลีกเลี่ยงการให้ของหวานตลอดทั้งหมด กำหนดให้กินเฉพาะเวลาอาหารเท่านั้น

• ควรพบทันตแพทย์เป็นประจำตั้งแต่เด็ก เพื่อให้แพทย์คอยตรวจดูแลฟันและให้คำแนะนำในเรื่องสุขภาพปากด้วย
ทราบหรือไม่ว่า

• นม ชีสและโยเกิร์ตไม่ทำให้เกิดฟันผุ แถมยังเป็นอาหารแนะนำ เพื่อช่วยในความเป็นด่างของน้ำลายและลดการเพิ่มของแบคทีเรีย

• ช็อคโกแลตนม ที่มีผงโกโก้ ไขมันนมและสารอาหารที่บำรุงฟัน เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัสและแมกนีเซียม มีผลให้เกิดฟันผุน้อยกว่าน้ำตาลซูโครสหรือขนมขบเคี้ยวต่างๆ เช่นมันฝรั่งทอด คุ้กกี้และลูกเกด

• การกินชีสก่อน ระหว่างหรือหลังอาหารช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุ



Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 11:49:30 น.
Counter : 560 Pageviews.

0 comment
วิธีบรรเทาอาการปวดฟันให้ลูกน้อย
วิธีบรรเทาอาการปวดฟันให้ลูกน้อย
จากนิตยสารบันทึกคุณแม่
อาการปวดฟันบรรเทาได้โดย

ความรักความอบอุ่นและความเอาใจใส่เขามากเป็นพิเศษ

การกอดเจ้าตัวเล็กบ่อยๆจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

การใช้ผ้าชุบน้ำเย็นและน้ำแข็งก้อนเล็กๆมาประคบ

การให้อมหรือเคี้ยวแครอทแตงกวา ฝรั่ง แอปเปิล ฯลฯ ชิ้นเล็กๆ หรือของเล่นยางเป็นต้นโดยนำไปแช่เย็นก่อนนำมาให้เด็กกัดเล่น ก็อาจช่วยลดอาการระคายเคืองได้หากเขาไม่เจ็บเหงือกถึงขนาดแตะไม่ได้ ก็ให้คุณล้างมือให้สะอาดแล้วใช้นิ้วเข้าไปนวดเหงือกของเขาเบาๆ ก็ช่วยให้ดีขึ้น

การใช้เจลที่ช่วยบรรเทาอากรเจ็บเหงือกซึ่งไม่มีน้ำตาลผสมอยู่ก็สามารถบรรเทาอาการได้

การทำความสะอาดเหงือกหลังอาหารจะช่วยลดอาการอักเสบในขณะฟันขึ้นได้ดีที่สุด

ถ้าเจ้าตัวเล็กปวดเหงือกมาก จนมีอาการบวมแดงหรือ มีไข้ควรใช้ยาลดไข้จำพวกยาพาราเซตามอล ชนิดน้ำเชื่อม ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ที่สำคัญที่สุดควรปรึกษาทันตแพทย์เรื่องฟันด้วย




Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 11:48:46 น.
Counter : 496 Pageviews.

0 comment
ฟันมีคราบ
ฟันมีคราบ
จากนิตยสารรักลูก
โดยรศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร
การที่ฟันลูกขึ้นมาเกือบเต็มปากแล้ว และบริเวณฟันหน้า 2 ซี่ที่ติดกับเหงือกจะมีคราบขาวๆ ติดอยู่ จะเป็นสีติดกับฟันมาหรือเปล่าและจะทำให้ฟันผุหรือไม่
เด็กๆ อายุประมาณขวบครึ่งคงจะมีฟันหน้าเต็ม 8 ซี่ แล้วนะคะมีฟันกรามซี่แรกอีก 4 ซี่ และบางคนก็เริ่มจะมีฟันเขี้ยวขึ้นครบด้วยอีกเช่นกันเหมือนกับจะมีฟันเต็มปาก 12-16 ซี่ ซึ่งโดยทั่วไปฟันน้ำนมทั้งชุดนั้นจะมี 20 ซี่และขึ้นครบประมาณสองขวบครึ่งคงจะถึงเวลาแล้วละค่ะที่คุณแม่จะต้องมีหมอฟันประจำตัวลูกๆ อีกสักคนหนึ่งเราจะแนะนำให้เด็กๆ พบหมอฟันในช่วงประมาณอายุ 1 ขวบ หรือก่อนหลังนี้หน่อยก็ได้แต่ไม่ควรจะช้ากว่า 1 ขวบครึ่งนะคะเพราะว่าเดี๋ยวนี้เราพบเด็กที่มีฟันผุอายุเริ่มถอยกลับมาเป็นเด็กเล็กๆ มากขึ้นทุกที
ถ้าเด็กได้มีโอกาสเจอทันตกรรมสำหรับเด็กเร็วขึ้นหมอฟันก็จะมีโอกาสพูดคุยกับคุณแม่ถึงวิธีบำรุงรักษาฟันวิธีที่จะแปรงฟัน หรือวิธีที่จะใช้ใยไหมขัดฟันซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาฟันของลูกรักมากทีเดียวค่ะ
คราบขาวๆที่ติดบนฟันด้านบนนั้นอาจจะมีสาเหตุได้หลายประการควรจะปรึกษาทันตแพทย์อีกครั้งหนึ่งให้แน่ใจเท่าที่หมอมีประสบการณ์นั้นบางทีไม่ได้เป็นสีของอาหารนะคะเพราะว่าถ้าเป็นสีของอาหารจะไม่ได้เป็นสีขาวแต่เป็นสีคล้ำๆ มากกว่าแต่ถ้าเป็นสีขาวแล้วส่วนมากจะเป็นอยู่ในเนื้อของฟันเองซึ่งเราคงจะต้องมาปรึกษากันอีกครั้งนะคะว่าจะเป็นอะไรแต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่มีอะไรที่รุนแรงร้ายแรงจนคุณแม่ต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ
ลองคุยๆ กับคุณพ่อนะคะว่าเราจะใช้บริการของทันตแพทย์เด็กที่ไหนดีคุณแม่อาจจะเริ่มต้นตรงคลินิก โรงพยาบาลที่คุณแม่ใช้เป็นประจำก็ได้แล้วพาลูกไปเยี่ยมคุณหมอฟันด้วยกัน ให้ลูกได้รับการตรวจสุขภาพฟันอย่างละเอียดก็จะช่วยให้เราวางแผนการดูแลรักษาฟันของลูกในวันนี้และวันหน้าได้ตลอดไปค่ะ





Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 11:48:12 น.
Counter : 792 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]